รำพึงจากภวังค์ที่หวังวาย เคยวาดฝันสวรรค์ใฝ่ว่าไฟฝ่อ คนแข็งข้อแค้นเคียดคลายเกลียดขึ้ง มาโนชหนุนคุณนำครุ่นคำนึง เห็นโทษถึงการที่โก่นบีฑา การุณย์เจิม เริ่มประจักษ์รวมรักเจต ลดสาเหตุหุนหัน ลดปัญหา ละมุนละไมใจมีไมตรีมา อีกมิช้าชนชั้นเฉิดฉันชน แต่แล้วฝันสวรรค์ใฝ่บรรลัยฝัน ยลสิ่งสรรพ์ซ้อนซับแสนสับสน มีเขา/เรา เร่าร้อนร้าวรอนทุรน รุมรุกร้นเร้นร้ายรอบรายเรียง ดั่งโดนปืน ฝืนไปฝืนใจปวด แม้มี่สวดมนต์ศาสน์จนขาดเสียง ก็ไร้วันอันสว่างเสริมสร้างเวียง ทำได้เพียงแค่พอชะลอภัย เห็นเลือดชลล้นฉานห่อนนานช้า เราจักมามาดมั่นโรมรันใหม่ ต่างปองชัย ไป่ช้าต่างปราชัย ความจัญไรประหนึ่งแร้วขึงแนวรอ เกิดซ้ำซ้ำกรรมทราม สงครามสี ทั่วธานีถ่วงหนักทุกข์นักหนอ จิตมืดตื้อ ถือตนคือต้นตอ ไทยพร้อมก่ออหังการ์ เข่นฆ่ากัน! (๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔) หมายเหตุ: กลวิธีดำเนินกลอนแบบซ้ำเสียงพยัญชนะตรงตำแหน่งจังหวะตกกระทบนี้ ผมศึกษาจากลีลาในเพลง บัวไกลตา ประพันธ์โดย ท่านขุนวิจิตรมาตรา รวมทั้งเรียนรู้จากงานกวีนิพนธ์ของท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ท่านคมทวน คันธนู และกวีท่านอื่นๆอีกหลายท่าน ครับผม
26 กันยายน 2554 12:36 น. - comment id 1209378
เคยคิดว่าอนาคตต้องสดใส ร้อยดวงใจเกี่ยวดองครองมั่นหมาย แต่ละแผลด่างพร้อยค่อยค่อยคลาย จนสลายสิ้นดับไม่กลับมา ทางที่ทอดจะเต็มไปด้วยไม้ดอก ล้วนเอ่ยบอกเชื้อเชิญมาชมหน้า จะแผ่กลีบกิ่งใบให้เพลินตา สนองความปรารถนาทุกคราไป ภาพในความคิดนั้นมันหมดค่า เนื่องจากว่าไม่มีทางจะสร้างได้ แผลเก่ายังไม่สมานสักเท่าใด เดี๋ยวก็เกิดแผลใหม่ คงไม่นาน... คิดถึงจัง
27 กันยายน 2554 09:52 น. - comment id 1209489
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ผมดูสถานการณ์การเมืองของบ้านเราแล้ว รู้สึกเหมือนพวกเรากำลังยืนอยู่บนพื้นดินซึ่งลาวายังปะทุอยู่ข้างใต้ คิดเช่นนี้มาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว พอมาถึงปีนี้ อะไรๆมันก็เริ่มส่อเค้ายุ่ง คอยดูกันต่อไปดีกว่าครับว่าเรื่องจะลงเอยอย่างไร สำหรับผม คำว่า ปรองดอง ยังไม่เห็นเค้าว่าจะเป็นไปได้ง่ายๆจริงๆครับ สวัสดีครับ น้องหอมดอกลำดวน ลำดวนเอ๋ยเผยกลิ่นรื่นรินหอม มาโน้มน้อมดวงใจฝันใฝ่ถึง ดวงฤดีพี่ย้ำห้วงคำนึง ยังลึกซึ้งเสน่หาภราดร สัมพันธ์คล้องสองเราจากเหย้านี้ ตรึงไมตรีพรรณรายมิถ่ายถอน เราคุยกัน หมั่นเพียรร่วมเขียนกลอน ทุกบทตอนจำได้พี่ไม่ลืม คิดถึงมากๆเช่นกันครับ