ห้วงหลับใหลราตรีที่ยาวนาน สายลมหนาวพัดผ่านสะท้านหนอ กลิ่นน้ำค้างพรมพร่างแสงจันทร์คลอ โอ้ละหนอหัวใจไยดายเดียว อยากจะพักหัวใจให้คลายโศก วิปโยคในราตรีที่เปล่าเปลี่ยว แต่ไฉนใจหนอท้อจริงเชียว ชะแง้เหลียวชะเง้อหาไม่มีใคร น้าค้างพรมกลางลมหนาวเฝ้าอ้างว้าง ทุกก้าวอย่างสับสนจนหวั่นไหว เคยเข้มแข็งกับย่อมแพ้ทุกสิ่งไป มีชีวิตเหลือลมหายใจไปวันวัน ผ่านเรื่องราวมากมายในชีวิต แต่ยึดติดทุกข์ทนจนหวาดหวั่น ไร้เรี่ยวแรงกำลังใจเหตุใดกัน อยากละวางความฝันสู่พื้นดิน หวังธรรมชาติช่วยชะ-ชำระล้าง มวลดวงไม้ข้างทางจรุงกลิ่น ให้ท้องฟ้าโอบกอดกลิ่นอายดิน รักษาสิ้นเรื่องเศร้าที่ร้าวใจ แต่ร่างกายใยพ่ายแพ้เป็นแผลยับ ปวดหัวใจคณานับรอยแผลใหญ่ คงถึงวันใกล้สิ้นบินแสนไกล เหลือเพียงร่างวางไว้...เชิงตะกอน....
6 กันยายน 2554 11:15 น. - comment id 1207289
** สุดท้าย..ที่ปลายฟ้า ขอเพียงอย่าคิดท้อถอย ความหวัง..ยังคงคอย มิเลื่อนลอยจากใจเรา....ฯ ขอให้มีกำลังใจนะคะ..คิดถึงค่ะ..
6 กันยายน 2554 19:07 น. - comment id 1207320
มาอ่านงานไพเราะ ชีวิตมีหวังเสมอครับ สู้สู้ ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
6 กันยายน 2554 19:54 น. - comment id 1207329
มาทักทายครูกระต่ายจ้า
7 กันยายน 2554 11:27 น. - comment id 1207410
คงไปเจออาวุธสุดอำมหิต แทบปลิดปลงชีวิตฝากรอยแผล ต้องเจ็บช้ำคร่ำครวญป่วนดวงแด ไม่ทันแก่โทรมทรุดสุดเยียวยา อิอิ น่าจะให้หมอเย็บแผล ดีกว่าใช้กลิ่นอายดินรักษานะ อิอิ
7 กันยายน 2554 19:33 น. - comment id 1207526
สู้โว้ยเพื่อน ตราบใดจมูกยังสูดอากาศเข้าไปได้ เรายังเป็นเราเสมอ