ที่เก่า..เวลาเดิม

ยาแก้ปวด

n0OIw1243922660-1.jpg
นั่งกินเหล้าเมาสุรากับสหาย
เริ่มจากบ่ายเย็นย่ำร่ำขอบฟ้า
ห้าโมงเย็นเลิกแล้วงานค้างคา
เสนอหน้า"รุ่งปิติ"ที่คุ้นเคย
ลูกน้องเกลูกพี่บ่นมาตรงนี้
เหนื่อยกันแล้ววันนี้น้องพี่เอ๋ย
จบจากงานพบกันนะเพื่อนเอย
ใครอยากเปรยบ่นบ้าไม่ว่ากัน
ดีดกีต้าร์ร้องร่ำทำนองเพลง
ให้ครื้นเครงเพลงหวานผ่านเธอฉัน
ร้องเพลงร๊อคเพื่อชีวิตหรือหวานมันส์
ขอคนดีดตามทันเท่านั้นพอ..คริ คริ
ลานตะกร้อโขกกันสะบั้นหัก
เหนื่อยแล้วพักเปตองลองไหมหนอ
โต๊ะปิงปองแบ๊คตบไม่ต้องรอ
แรงไม่หมดแค่ขออีกขวดนึง
เด็กลิเว่อร์อย่าป๊อดผีขอบอก
สิบเก้าขวดช้ำชอกบอกคิดถึง
พึ่งสามเกมส์โดนซะอย่ารำพึง
จ่ายให้อึ้งซึ้งไหม..หัวใจผี...โห่ฮิ้ววว

*รุ่งปิติ-สถานที่พบกันระหว่างเพื่อนๆหลังเลิกงาน
เป็นสถานที่ปาถกฐาระหว่างแมนยูกะลิเว่อร์พูล
เสมอๆ อิอิ

*** ฝากถามกูรูหน่อย ว่าแมนซิปีนี้มังจะตั้งสองทีมในทีมเดียวหรือไงฟะเนี่ย.....เสียวนะเฟ้ย...555				
comments powered by Disqus
  • จวว

    5 กันยายน 2554 18:37 น. - comment id 1205930

    ที่ไหนๆก็เมาได้ 21.gif20.gif
  • เทียนหยด

    5 กันยายน 2554 09:53 น. - comment id 1206690

    อ๊ะแฮ่มๆๆ..ลิงฝน
    
    แกรจะรู้ไปทำไม๊ 30.gif9.gif39.gif61.gif  ตรูรู้ว่าเรื่องของแกร..แต่ตรู
    
    อยากยุ่งเฟร้ยยย  20.gif20.gif20.gif
  • แมนซิ

    3 กันยายน 2554 09:52 น. - comment id 1207112

    รู้ทัน “สุนัขรับใช้” รู้ทัน “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์”
    
    ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถ้าหากเปิดให้มีการพนันหรือเปิดราคาในบ่อน ทั้งที่ถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย อัตราต่อรองในกรณีเด้ง “บิ๊กน้อย-พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” พร้อมทั้งผลักดันให้ “บิ๊กอ๊อฟ-พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” มานั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน คงจะไหลไปสุดกู่ถึงขนาดหาคนแทงไม่ได้ และบางบ่อนก็อาจประกาศปิดรับแทงเอาเสียดื้อๆ
           
           เพราะขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์นอนมาในเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีรองนายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับมอบหมายให้คุมตำรวจอย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” มาตั้งแต่ต้นจนจบ
           
           อย่างไรก็ตาม ความฝันที่กำลังจะกลายเป็นความจริงของบิ๊กอ๊อฟนั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากไม่มีชายชื่อ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” เป็น “ตัวชง” เป็นตัวเปิดเกมและเปิดทางให้มีเหตุอันควรในการเด้งบิ๊กน้อย
           
           ดังนั้น จึงต้องบอกว่า นี่คือผลงานของนายชูวิทย์ล้วนๆ
           
           ทว่า ผลงานอันเอกอุของนายชูวิทย์ชิ้นนี้ก็ทำให้สังคม สาวกของนายชูวิทย์ รวมถึงผู้ที่ตัดสินใจกากบาทเลือกนายชูวิทย์ให้เข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายค้านในรัฐสภาตามที่เขาปวารณาตัว ได้รู้เช่นเห็นชาติของเจ้าพ่ออ่างชนิดแจ่มแจ้งแดงแจ๋ทีเดียวว่า เขาคือแนวร่วมรัฐบาลที่แฝงตัวมาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งพร้อมจะ “รับงาน” พิเศษในการเปิดเกมและทำลายเกมของฝ่ายตรงข้ามเพื่อความเนียนของแผนปฏิบัติการ
           
           ในที่สุดสังคมก็รับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์แบบลับลวงพรางระหว่างนายชูวิทย์กับพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง นช.ทักษิณ ชินวัตรได้ว่า ดำเนินไปอย่างสอดรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแค่ไหน
           
           อย่างไรก็ตาม เรื่องลับลวงพรางของนายชูวิทย์ไม่ได้มีแค่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น เพราะถ้าย้อนหลังกลับไปเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต รวมถึงที่กำลังจะอุบัติในอนาคต ก็ไม่สามารถมองเป็นอื่นหรือปฏิเสธได้ว่า นายชูวิทย์คือม้าใช้ตระกูลชินคนสำคัญ
           
           และคาดว่า ค่าน้ำร้อนน้ำชาที่นายชูวิทย์ได้รับคงจะมากพอดู ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะไม่สามารถขึ้นป้ายโฆษณาพรึ่บเต็มกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด รวมถึงสามารถออกรายการของนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ได้บ่อยครั้งจนผิดปกติเช่นนี้
           
           **รับงานชิ้นแรก ตั้งพรรครักประเทศไทย
           ตัดคะแนนปชป.-โหวตโน
           
           สำหรับเจ้าของธุรกิจอาบอบนวดที่พลิกบทบาทมาเป็น “หัวหน้าพรรครักประเทศไทย” พร้อมทั้งก้าวขึ้นเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อผู้ทรงเกียรติในสภาอย่าง “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” นั้น ต้องบอกว่า ชั่วโมงนี้เขาประสบความสำเร็จยิ่งในการสร้างภาพลักษณ์ตัวเองขึ้นมาใหม่ให้โดนใจประชาชน
           
           ไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าพ่ออาบอบนวดอย่างเขาคงไม่สามารถนำตัวเองและลูกน้องเข้าสภาได้ถึง 4 คน
           
           อย่างไรก็ตาม ถ้าหากย้อนดูพฤติกรรมย้อนหลังของนายชูวิทย์ก่อนที่จะมารับงานเด้ง พล.ต.อ.วิเชียรนั้น ก็คงไม่น่าแปลกใจเพราะสามารถเห็นร่องรอยของความผิดปกติอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตัดสินใจตั้งพรรครักประเทศไทยที่นายชูวิทย์ประกาศชัดเจนว่า ขอเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่โดนใจและทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยติดกับดับทางการตลาดของเขา
           
           ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า การตั้งพรรครักประเทศไทยของนายชูวิทย์นั้น มีความไม่ชอบมาพากลอยู่ไม่น้อย ยิ่งเมื่อมองป่าทั้งป่าก็จะพบว่า พรรคของนายชูวิทย์ไม่ได้มีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคแนวร่วมแต่ประการใด เนื่องจากฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยเป็นคนต่างจังหวัด และบรรดารากหญ้า หากแต่พรรคของนายชูวิทย์มีเป้าหมายชัดเจนอยู่ที่การช่วงชิงคะแนนเสียงของคนชั้นกลาง คนกรุงเทพฯ และคนที่กำลังเบื่อหน่ายทางการเมืองอย่างหนัก ซึ่งนั่นกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ที่ยังไม่เชื่อมั่นว่า การไปใช้สิทธิในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใครหรือ VOTE NO ไม่น้อยเช่นกัน
           
           หรือสรุปง่ายๆ ก็คือ พรรครักประเทศไทยของนายชูวิทย์ตั้งขึ้นมาเพื่อตัดคะแนนพรรคประชาธิปัตย์และ VOTE NO โดยตรง ซึ่งเท่ากับเป็นผลดีทางอ้อมต่อพรรคเพื่อไทย
           
           ทั้งนี้ นายชูวิทย์นั้นถึงขนาดกล้าประกาศยกหางตัวเองว่า เลือกนายชูวิทย์ดีกว่าโหวตโน เพราะแม้จะมีเสียงเดียวแต่ก็เป็นการเสนอตัวว่าเป็นพรรคการเมืองทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช่สนใจแต่จะขอเป็นรัฐบาลเพื่อเข้าไปกอบโกย  พร้อมทั้งปั่นกระแสในสังคมออนไลน์ว่า “โหวตโนเป็นคนสิ้นคิด โหวตให้ชูวิทย์ซะเลยก็สิ้นเรื่อง”
           
           สอดคล้องกับกระทู้ที่บรรดาคนเสื้อแดงนำเสนอผ่านสังคมออนไลน์กันอย่างสนุกปาก โดยเฉพาะขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดที่ตีฆ้องร้องป่าวกันอย่างสนุกสนานว่า เลือกชูวิทย์ดีกว่าโหวตโน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย
           
           ในช่วงนั้น สังคมได้ตั้งคำถามเอากับนายชูวิทย์มากมายว่า การรณรงค์ด้วยการป่าวประกาศขอโอกาสให้ตนเองไปเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลนั้น ทำไมนายชูวิทย์ถึงเพิ่งมาคิดหรือมาทำในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ถ้าเจ้าพ่ออ่างเป็นคนดีและตั้งใจทำงานจริง ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยแสดงท่าทีในการตรวจสอบคอรัปชันที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว
           
           ทำไมนายชูวิทย์ถึงเพิ่งมาตรวจสอบความทุจริตในโครงการแอร์พอตลิงก์ของพรรคภูมิใจไทยและทำไมนายชูวิทย์ถึงเพิ่งมาตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ในโครงการเรียนฟรี 15 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ฟรีไม่จริง
           
           และข้อสำคัญคือ แทบไม่ปรากฏว่า นายชูวิทย์เคยออกปากวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
           
           ในช่วงนั้น สังคมตั้งคำถามเอากับนายชูวิทย์ว่า การก่อกำเนิดของพรรคพรรคนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นช.ทักษิณ ชินวัตรและเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะดึงคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะถ้าหากยังจำกันได้ในช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงเกิดอาการงอนเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเด็ดขาดให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นผู้นำทัพในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแทน ร.ต.อ.เฉลิม เขาประกาศจะตั้ง “พรรคทางเลือกใหม่” ก็มีข้อมูลยืนยันว่า ปรากฏชื่อของนายชูวิทย์เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคร่วมกับเป็ดเหลิมด้วย
           
           “จะไม่มีการดึง ส.ส.คนอื่นๆ ในพรรคเพื่อไทยออกตามมาอย่างแน่นอน ส่วนกรณีการตั้งพรรคใหม่ ผมได้มีการพูดคุย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย และก็จะมีการติดต่อกับนายนิติภูมิ นวรัตน์ เพราะหากนำเอาคะแนนเสียงที่ทั้ง 2 คนนี้ได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มารวมกันก็จะได้เกินกว่า 1 ล้านเสียง ส่วนผมยังยืนยันว่าสโลแกนของพรรคใหม่นั้น ยังยึดการลดความขัดแย้ง เน้นความปรองดอง และชู พ.ต.ท.ทักษิณ”ร.ต.อ.เฉลิมประกาศชัดเจน
           
           และคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิมก็สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขา นายนิติภูมิ นายชูวิทย์และ พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นอย่างดี
           
                   ซ้ำร้ายในการรณรงค์หาเสียง นายชูวิทย์ยังแบะท่าในการชวนพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านอีกต่างหาก รวมทั้งหนุนพรรคเพื่อไทยให้เป็นรัฐบาลอยู่ในที ดังคำพูดที่ว่า “ผมอยากทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคที่มีบุคลากรพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน พรรคนี้มีทนายเยอะ ทนายที่ไหนที่จะเข้ามาทำงานสร้างสรรค์ พวกเขาถนัดเรื่องค้าน แย้ง ขณะที่พรรคเพื่อไทย ในบทบาทฝ่ายค้านเป็นเรื่องที่ค่อนข้างก้ำกึ่ง ถ้าต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นอย่างจำใจ เพราะมีวาระแอบแฝงอยู่ แต่ก็อีกนั่นแหละ ตั้งใจจะเป็นฝ่ายค้านประกาศออกๆ ไปก็เท่านั้น กวักมือเรียกใครมาร่วมก็คงไม่มา”
           
           อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วนายชูวิทย์ก็ไม่ได้ร่วมงานทางการเมืองกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะคิดสะระตะแล้วว่า ได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากชื่อของ ร.ต.อ.เฉลิมในพื้นที่กรุงเทพมหานครไม่ค่อยจะดีเท่าใดนักและพาลจะทำให้ยุทธศาสตร์ที่วางไว้คือการตัดคะแนนเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์พังพินาศไป นายชูวิทย์จึงตัดสินใจตั้งพรรครักประเทศไทยขึ้นมาตามลำพัง ซึ่งสุดท้ายแล้วด้วยช่องว่างทางการเมืองและการวางแผนการตลาดอันแยบยลโดยประสานมืออย่างเหนียวแน่นกับ “นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่ส่งผลทำให้เขาสามารถโผล่หน้าออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถี่ยิบจนผิดสังเกต ก็ส่งผลทำให้พรรครักประเทศไทยของเขาได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อถึง 4 คน
           
           ชัดถ้อยชัดคำ ชนิดที่ไม่สามารถหาคำอธิบายใดๆ มาแก้ตัวได้
           
           **รับงานชิ้นสอง แย่งซีน ปชป.
           ปฏิบัติเลื่อยขาเก้าอี้ “วิเชียร”
           
           หลังเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยการนำ ส.ส.สังกัดพรรครักประเทศไทยเข้าสภาได้ถึง 4 คน ชื่อของนายชูวิทย์ดูจะเงียบหายไปอย่างผิดสังเกต นายชูวิทย์ไม่ได้เปิดปากวิพากษ์วิจารณ์นโยบายทักษิณคิดเพื่อไทยทำแต่ประการใด แถมยังเสียรังวัดไปไม่น้อยในช่วงเปิดสภา เมื่อพยายามไปแย่งมุมประจำพรรคชาติไทยพัฒนาของนายบรรหาร ศิลปอาชาในสภา อดีตรังเก่าที่เขาเคยร่วมสังกัดและเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคก่อนที่จะแตกคอและตัดสินใจลาออกจากพรรคบรรหารบุรี จนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ต้องให้เจ้าหน้าที่พาตัวออกจากห้องประชุม
           
           ไม่มีแม้แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ปรากฏให้เห็น ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า นายชูวิทย์กำลังซุ่มทำอะไรอยู่กันแน่
           
           และในที่สุด “หาง” ของนายชูวิทย์ก็โผล่ในการแถลงนโยบายบริหารประเทศต่อรัฐสภาของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
           
           เมื่อนายชูวิทย์รับงานแฉแหลกเรื่องการเปิดบ่อนการพนันผิดกฎหมายในกรุงเทพมหานคร โดยมีการนำคลิปมาเผยแพร่ในรัฐสภาอย่างเอิกเกริก ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีของขุนค้อน-นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงสมาชิก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้แฉเต็มที่ โดยไม่มีองครักษ์พิทักษ์นายหญิงคอยประท้วงให้วุ่นวายใจแต่อย่างใด
           
           ที่สำคัญคือ ข้อมูลที่นายชูวิทย์นำมาแฉในสภานั้น เสี่ยอ่างผู้นี้ก็ยอมรับเองว่า บ่อนนี้เปิดมานานแล้ว และส่งคนเข้าไปแอบถ่ายมาเป็นสัปดาห์หรือร่วมสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า นายชูวิทย์เก็บข้อมูลเอาไว้ทำไม และทำไมถึงเลือกมาแฉในช่วงจังหวัดที่คนทั้งประเทศรู้อยู่แก่ใจว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังหาเหตุเด้ง พล.ต.อ.วิเชียร เพื่อผลักดันให้พี่ชายของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ก้าวขึ้นเป็นผู้บัญชาการการตำรวจแห่งชาติสมความมุ่งมาดปรารถนาเสียที
           
           เพราะปฏิบัติการแฉของเขาในครั้งนี้ตามมาด้วยการเด้งรับของ “เป็ดเหลิม” ผู้ที่เคยประกาศจะทำงานการเมืองร่วมกันด้วยประโยคคำพูดอมตะที่สะท้อนความในใจออกมาอย่างชัดเจนว่า “ในเรื่องนี้ผมไม่มีอำนาจหรอก แต่การจะย้าย ผบ.ตร.ได้นั้น ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2547 มาตรา 62 ระบุว่า ต้องจากความสมัครใจหรือยินยอม หรือหากไม่สมัครใจหรือยินยอมก็ย้ายได้ โดยนายกรัฐมนตรีสามารถย้ายให้ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ อย่างไรก็ตาม ผมต้องปรับเปลี่ยนแปลงการทำงานของตำรวจแน่ เพื่อใช้คนให้ถูกกับงาน เพราะมีบ่อนเต็มไปหมด ยาเสพติดระบาด อบายมุขเลอะเทอะ ซึ่งตรงนี้ผู้บังคับบัญชาจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ …..ไม่ทราบว่าท่านจะได้เป็นหรือไม่เพราะผมไม่มีอำนาจ แต่ตอนปฏิวัติย้ายท่านเพราะเป็นญาติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปย้ายเขาทำไม เพราะเพรียวพันธ์อาวุโสกว่าทุกคนก็ไปหาเรื่องลงโทษ หาเรื่องกลั่นแกล้ง เพราะเป็นญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วพอจะได้เป็น ผบ.ตร.บ้าง ก็เป็นญาติ พ.ต.ท.ทักษิณอีก แล้วความชอบธรรมอยู่ตรงไหน ผมอธิบายได้ ตอบได้”
           
           ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่านายชูวิทย์รับงานเพื่อปลด พล.ต.อ.วิเชียรจึงไม่เกินเลยจากความจริงเท่าใดนัก
           
           นอกจากนี้ การออกมาปฏิบัติการแฉกลางสภาดังกล่าวยังทำให้ภาพลักษณ์ของเขาโดดเด้งขึ้นมาในฉับพลันทันที ทั้งๆ ที่เรื่องที่นายชูวิทย์นำออกมาแฉก็เป็นเรื่องที่รับรู้กันอยู่ในสังคมไทยว่า มีอยู่อย่างดาษดื่นชนิดที่หยิบขึ้นมาแฉเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น เพียงแต่จะเลือกหยิบมาแฉในช่วงไหน เวลาใดเท่านั้น ซึ่งจังหวะและเวลาที่นายชูวิทย์เลือกที่จะนำมาแฉก็ต้องบอกว่าถูกกาลเทศะเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะสามารถช่วย “ตัดเกม” ที่กำลังเพลี้ยงพล้ำของพรรคเพื่อไทยในสภา รวมทั้งความจริงที่นับวันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับนโยบายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ สามารถเบี่ยงประเด็นความสนใจของคนทั้งประเทศแล้ว ปฏิบัติการของเขายังเป็น “ตัวชง” ในการเลื่อยเก้าอี้ พล.ต.อ.วิเชียรได้อย่างพอเหมาะพอเจาะราวกับเขียนบทเอาไว้ล่วงหน้า
           
           ขณะเดียวกันผลงานอันเอกอุของเขาได้ส่งผลทำให้เจ้าพ่ออาบอบนวดอย่างเขาติดอันดับ 1 ของนักการเมืองที่อภิปรายในช่วงรัฐบาลแถลงนโยบายและได้รับโหวตให้เป็น “ดาวเด่น” ในการอภิปรายครั้งนี้จากการสำรวจความคิดเห็นของสาธารณชนจากสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยประชาชนร้อยละ 90.7 เห็นว่านายชูวิทย์เป็นผู้อภิปรายได้ถูกใจและทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 61.1 คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 59.7 คือ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ที่เห็นว่า นายชูวิทย์เป็นดาวเด่นในการอภิปรายครั้งนี้ เนื่องจากกล้านำปัญหาบ่อนการพนัน อันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงมาตีแผ่และต้องการให้นายชูวิทย์ ตีแผ่ความจริงต่อไป
           
           นี่คือผลงานเด้งที่สองที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หากแต่ได้ผ่านการวางแผนจากนายชูวิทย์อย่างเป็นระบบเอาไว้ล่วงหน้า
           
           ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ นอกจากจะเป็นตัวชงในการปลด พล.ต.อ.วิเชียร นอกจากจะทำให้เขาเป็นดาวเด่นในการอภิปรายในฉับพลันทันทีแล้ว ยังมี “เด้งที่สาม” ที่ออกดอกออกผลให้เห็นเป็นรูปธรรมอีก เพราะปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า ปฏิบัติการแฉครั้งนี้ได้“ขโมยซีน” ฝ่ายค้านมืออาชีพอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไปอย่างหลุดลุ่ย โดยสามารถชนะเจ้าของฉายา “ดีแต่พูด” อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปชนิดคะแนนทิ้งขาดทีเดียว
           
           อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์การอภิปรายของนายชูวิทย์ รวมถึงบทบาทของเขาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะเห็นได้ว่า นายชูวิทย์ไม่เคยเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา
           
           นายชูวิทย์ไม่สนใจไยดีที่จะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน
           
           นายชูวิทย์ไม่สนใจไยดีที่จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท
           
           นายชูวิทย์ไม่สนใจไยดีที่จะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนทั่วประเทศ
           
           และแม้กระทั่งเรื่องบ่อนเอง นายชูวิทย์ก็มิเคยที่กล่าวถึง “บ่อนประตูน้ำ” ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งกับนายห้างตราดูไบ รวมทั้ง “บ่อนพระราม 3 ซอย 66” พื้นที่รับผิดชอบของ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นที่ชัดแจ้งว่ามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับนักการเมืองชื่อดังย่านฝั่งธนบุรีที่มีสายสัมพันธ์กับนายใหญ่ให้การหนุนหลัง
           
           เช่นเดียวกับข้อมูลของนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งคำถามถึงเจ้าของบ่อนอย่าง “เจ๊ตู้” บ่อนการพนันย่านคลองขวาง ซอยเพชรเกษม 69 เขตบางแค และเจ้ามือหวยเถื่อน ซอยเอกมัย 46 เขตบางบอน ซึ่งตั้งเย้ยฟ้าท้ากฎหมายอยู่ในละแวกบ้านของเป็ดเหลิม
           
           นายชูวิทย์นิ่งเงียบเป็นเป่าสากกับบ่อนเหล่านี้
           
           รวมทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายที่สะเทือนความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศอย่างกรณีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง การเติบใหญ่ของขบวนการล้มเจ้า การเคลื่อนไหวของ นช.ทักษิณ ชินวัตรที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นภายใต้การร้องขอของนายสุรพงษ์ โตวิจักขณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
           
           นายชูวิทย์ไม่แม้จะเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์สาระสำคัญของสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร หากแต่ตั้งหน้าตั้งตาแฉเรื่องบ่อนการพนันเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
           
           นายชูวิทย์กำลังทรยศต่อคะแนนเสียงของประชาชนที่เลือกพรรครักประเทศไทยเพื่อให้ไปทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล มิใช่เลือกให้ไปเป็นฝ่ายค้านเทียมในสภาผู้แทนราษฎร
           
           ทั้งนี้ หลังจากถูกเปิดเผยเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างหมดเปลือกจนสังคมเริ่มรู้ทันมากขึ้นเรื่อยๆ นายชูวิทย์ก็มิอาจทำเป็นทองมิรู้ร้อนอีกต่อไปและตัดสินใจออกมาแถลงข่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวว่า การออกมาเปิดเผยเรื่องบ่อนกลางกรุง ไม่ได้เป็นการรับงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือ จาก ร.ต.อ.เฉลิมเพื่อหาเหตุในการย้าย พล.ต.อ.วิเชียร
           
           “อย่าผลักพวกผมไปอยู่กับ พท. อยากให้ดูว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นประโยชน์กับสังคมหรือไม่ เพราะหากผมออกมาพูดแล้วถูกวิจารณ์เช่นนี้ ท้ายสุดก็ไม่อยากมีคนมาพูดเรื่องเช่นนี้อีก”
           
           กระนั้นก็ดี นายชูวิทย์ยอมรับว่า ตัวเขาเองกับ ร.ต.อ.เฉลิมจะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ก็ออกตัวแรงในประโยคต่อมาด้วยการปฏิเสธว่า “นับแต่เลือกตั้งเป็นต้นมา ไม่เคยพูดคุยหรือกินไวน์ด้วยกันเลย กระทั่งการอภิปรายของผมในรัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิมก็ไม่รู้ล่วงหน้า”
           
             ทว่า แม้นายชูวิทย์จะแก้ตัวอย่างไรก็ตาม แต่เชื่อว่า นับจากนี้เป็นต้นไปสังคมจะจับตาพฤติกรรมของเขาอย่างใกล้ชิด เพราะนี่ย่อมไม่ใช่ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของนายชูวิทย์ที่จะอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อทำให้ให้เกิดความเนียนในการทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมืองให้กับนายใหญ่ของเขา
           
           สุดท้าย นิทานเรื่องนายชูวิทย์ก็สอนให้สังคมรู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน โดยเฉพาะ “คน” ที่เคยทำธุรกิจอาบอบนวดชื่อ วิคทอเรีย ซีเคร็ท ก่อนที่จะขยายกิจการจนเป็นเจ้าของอาบอบนวด 6 แห่ง ในเครือเดวิสกรุ๊ป เพราะถ้าเขาไม่เขี้ยวลากดินพอ เขาคงไม่อยู่ยั้งยืนยงรอดปากเหยี่ยวปากกาจนสามารถก่อตั้งมูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ที่บริจาคเงินสร้างป้อมตำรวจทั่วกรุงเทพมหานคร
           
           วันนี้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะรู้ทัน “การเมืองแบบหมาๆ” ที่ประพันธ์โดยฝ่ายค้านเทียมชื่อ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” เสียที และในการเลือกตั้งครั้งหน้าเชื่อว่า ผู้ที่ทรยศต่อคะแนนเสียงของประชาชนจะได้รับบทเรียนอย่างสาสม
    
    19.gif
    
    (เอามาแปะไว้อ่านแก้เมา)
  • แก้วประภัสสร

    3 กันยายน 2554 11:27 น. - comment id 1207119

    21.gif21.gif21.gif21.gif64.gif57.gif16.gif36.gif
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    3 กันยายน 2554 12:51 น. - comment id 1207121

    อย่าไปด่าเขาเลย ชูวิทย์ น่ะ ด่าอภิสิทธิ์ฯดีกว่า
    ไปงัดเอา วิเขียร มาจากไหน มาเป็น ผบ.ตร.
    ประเทศไทยไม่เคยมี เขาก็จะตั้งจาก รอง จากผู้ช่วยทั้งนั้น  รอเวลาอยู่เป็นปีให้เงินเดือนให้ยศถึงระดับ 10 อย่างนี้ทำไมไม่ด่าบ้าง แล้วทั้งบุคลิก ทั้งผลงาน เป็นไง จะพูดให้เป็นปากตลาดหน่อยก็ว่า สุนัขไม่รับประทาน
      คนดีแต่พูดตอบได้ทุกเรื่อง ตอบไม่ได้เรื่องเดียว ว่าทำไมปรชาชนถึงไม่เลือกพรรคประชาธิปัติ
  • รอด

    3 กันยายน 2554 16:35 น. - comment id 1207126

    ถ้าได้มาเยอะ
    ก็ใช้อาบแทนกินดิ
    รับรองหอมฉุย74.gif20.gif19.gif20.gif
  • ลชร

    5 กันยายน 2554 09:27 น. - comment id 1207163

    อะแฮ่มๆ...เวลาเดิมจริงป่ะ อิอิ 30.gif
  • กทก.

    5 กันยายน 2554 16:08 น. - comment id 1207237

    มาเตะตะกร้อค่ะ
    
    ชอบเซปักฯ65.gif
  • ยาแก้ปวด

    7 กันยายน 2554 01:39 น. - comment id 1207359

    36.gif16.gif16.gif16.gif36.gif
    
    คุงแมนซิ
    
    ไม่รู้ที่คุณเอามาแปะเกี่ยวกะอะไรตรงนี้หรือเปล่า
    แต่ก็ไม่ว่ากัน...46.gif  ทางที่ดี
    บอกมาเลยดีกร่าว่าแมนซิจะสู้ผียังไง
    (อยากฟังมากกร่า) อิอิ
    
    
    46.gif  พี่แบม
    ไม่พูดไม่จาส่งภาษาใจอย่างเดียวว่างั้นเต๊อะ
    
     
    46.gif คุงฤกษืเมื่อไหร่จะล็อคอิน
    คุยกันสองคนกะคห 1 ป่าวเนี่ย
    ใส่ใจเจ้าบ้านบ้างจิ
    เด่วมีงอนๆๆๆ
    
    
    
    14.gif  สหายรอด
    แหมพูดถูกใจเด็กผี
    กะอาบแทนน้ำที่บ้านแระเนี่ย
    กัวพวกเป็ดจะงอนอ่ะ...9.gif14.gif  ลชร
    
    เวลาเดิมแน่นอน
    แต่คนเดิมอ่ะป่ะต้องถาม"เขา"ก่องนะ อิอิ 9.gif14.gif  ลคส
    
    แนะๆ  อย่าไปรู้อะไรของเขาเลยดีกร่ามะ
    สู้ไม่รู้ดีกร่า....ลุ้นดี อิอิ  9.gif14.gif  ลูกหยี
    ถามจริง?????  จะลุยตะกร้อกะพี่ยาจริงหรือ
    ก้วนพี่ไม่มีอ่อนข้อนะ....จิงๆ 
    
    
    14.gif  ยาหยีที่รัก
    ที่ไหนๆเราก็เมาได้
    ไม่เคยเปลี่ยน
    ว่าแต่ว่า..
    คืนนี้ยาหยีรีบกลับไปก่อนเก็บศพเด็กหงสืป่ะเนี่ยจ๊ะ
    เทวรูปแมนยูจ๋า   58.gif36.gif36.gif36.gif
  • ยกป

    7 กันยายน 2554 01:39 น. - comment id 1207360

    10
    
    39.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน