แว่วเสียงซึงลอยล่องกล่อมท้องทุ่ง ยามใกล้รุ่งไก่ขันประชันเสียง อี่ เอ้ เอ้ก ติ๊ด เติ๊ด ตึง ซึ้งสำเนียง ร้อยมาเรียงเป็นเพลงป่าพนาเนา เสียงซึงคลอไก่ขันส่งบรรจงสร้าง หรือเป็นเสียงเรียกนางอย่างหงอยเหงา นานมาแล้วนางเคยอยู่คู่นาเรา บัดนี้เงายังไม่เห็นเช่นวันวาน เสียงวิหกเจื้อยแจ้วแว่วดังก้อง กล่อมทั่วท้องนากว้างดังขับขาน เสียงเพลงไพรกล่อมพฤกษ์ไพรดังกังวาน เหมือนจะขานเรียกคนไกลให้ได้ยิน คนเฝ้ารอยังคงรอเธอกลับบ้าน แม้เนิ่นนานยังคงคิดจิตถวิล ยังคงคอยคอยรอเป็นอาจินต์ กลับคืนถิ่นเถอะหนาบ้านนาเรา วันสงกรานต์ผ่านไปไม่เห็นหน้า หรือเธอลาไปลับไม่กลับเขา ไม่มาเล่นสงกรานต์ที่บ้านเรา รู้ไหมเจ้า...แม่เฝ้ารอ..จนท้อใจ
21 เมษายน 2554 10:25 น. - comment id 1191485
อ๋ออ๋อย.......สงสารแม่เฒ่าจัง........ อยู่ตี้ใดในเชียงใหม่ ข้าเจ้าอาสาไปเยี่ยมแทนได้ไหมเจ้า.........
21 เมษายน 2554 11:00 น. - comment id 1191490
คีตแห่งชนบท บรรเลง ได้เสนาะน่าฟังยิ่ง ..บทกลอนแรกเริ่มดูชวนเสน่หาใน ภาวะแห่งวิถีชนบท แต่ตอนท้ายกลับชวนรันทด ที่คำพ้อแห่งบุพการี รำพึงถึงผู้บุตราและบุตรี มาเยี่ยมครับ
21 เมษายน 2554 11:00 น. - comment id 1191491
แด่คุณเอื้อง.. จากใจ.. สาวบ้านนาและพุดพัดชาค่ะ ............................... สงกรานต์บ้านนา..กับฟ้าแรม..! เดือนเสี้ยวลอยคว้างกลางฟ้า ลีลาวดีปลิดกลีบระรินร่ำ ดาวพรายดงกระถินร่ายรำ สาวนามองฟ้าฝันแล้วถอนใจ เพลงสงกรานต์ลอยลมมากับฟ้ากว้าง นาร้างรออ้ายอยู่หนไหน สัญญาจะซื้อทองมาคล้องใจ หลงสาวกรุงหรือไรจึงไม่มา หวังก่อเจดีย์ทรายหมายเคียงข้าง อย่าแรมร้างลาไกลให้ห่วงหา ดอกจานบานรอใจคนไกลตา สาวบ้านนายังรักยังภักดี จุดฟืนไล่ริ้นไรริมคอก กระซิบบอกเจ้าทุยเคยขี่ เพลงขลุ่ยลับลาหนาวราตรี จันทน์กะพ้อพลีกลิ่นเศร้ารานร้าวใจ จุดเทียนทองบนหิ้งพระอธิษฐาน ถวายบัวบานด้วยใจใส ตั้งสมาธิภาวนารักษาใจ รอฟ้าใหม่กราบแม่พ่อพร้อมขอพร ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5453.html เสียงไก่ขันก้อง พร้องเสียงนกการ้องกระจิ๊บๆรับอรุณรุ่ง สะเทือนทุ่ง สะเทือนนา ยามฟ้าเริ่มสลัวสลัวเลือนลาง กับ.. ฟ้าใกล้สว่างรำไรรำไร.. กลิ่นลั่นทมริมหมอน...หอมพร่าง มาอวลปลุกให้สาวนา..รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา... และ... กับดวงดาราราย.. สาวนา...ค่อยๆยิ้มพราย รับ.. สายแสงจันทราที่ยังค้างฟ้า ที่พร่างพาสายแสงแสนหวาน หว่านแสงสีเงินยวงระยับระยิบ มาโลมไล้ร่างให้พริบพราวสว่างนวลพอกัน ในท่ามวิมานฝัน วิมานนา กระท่อมไพร วันนี้ เป็นวันสุกดิบก่อนวันมหาสงกรานต์ วันแห่งประเพณีไทยโบราณ ที่แสนงามนัก หากทว่าเมื่อกาลเวลาผันผ่านไป ลูกหลานไทยกลับ ทำในสิ่งน่าเศร้าใจแทน ด้วยสนุกสนานสราญใจจนขาดสติ และ.. ทุกปี.... ก็จะเกิดการพรายพลัดพรากจากจบ เจ็บนับหลายร้อย ให้คนทั้งโลกหล้าต่างพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงว่า...ด้วยเหตุใดเล่า เมืองแห่งความงามพราวไสวด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ และ.. เมืองแห่งพระพุทธศาสนาไท ที่เน้นย้ำสอนเรื่องจิตภายใน ให้ถึงพร้อม ด้วยศีล ทาน ภาวนา ว่า.. จักมีคนหนุ่มสาวมากหน้าพากัน หลงเมามาย จนไร้สติสตังค์ ให้แม่พ่อสิ้นหวัง ยังไม่ทันได้ฝากผีฝากไข้ ยังไม่ทันได้เกาะชายผ้าเหลืองลูกชายเลย ก็.. มาลาเลยเลือนลับดับไปด้วยความประมาท ฝากไว้เพียงหยาดน้ำตา อย่างไม่สมค่าคน ที่แสนโชคดีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ยังไม่ได้เพียรภาวนา พาตนพ้นทุกข์ พบสุขว่างกระจ่างจิต ให้ลมหายใจแห่งชีวิตหนึ่งชาติสูญเปล่า.. จนช่างแสนน่าเศร้าใจ..สะเทือนใจ... ปีนี้ วันสงกรานต์เป็นวันอาทิตย์ นางสงกรานต์จะมีนามว่า "ทุงษะเทวี" ทัดดอกทับทิม ประดับอาภรณ์ด้วยปัทมราช ภักษาหารผลมะเดื่อ(อุทุมพร) พระหัตถ์ขวาทรงจักรซ้ายทรงสังข์ และทรงครุฑเป็นพาหนะ ปีนี้พืชพันธุ์ธัญญาหารในเรือกสวนไร่นา ไม่สู้งอกงามนัก สาวนา...จึงแสนห่วงใย กับคำพยากรณ์ที่ว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารในเรือกสวนไร่นา ไม่สู้งอกงามนัก เพราะหมายถึงภักษาหาร ที่จักหล่อเลี้ยงคนทั้งแผ่นดินให้อิ่มท้องนั้น จักราคาแพงเสมือนแกล้ง ให้คนจนยากยิ่งหนักเข้าไปอีก สำหรับ... ดวงใจสาวนานั่นไซร้.. ทุกเช้าค่ำ เพียรฟังคลื่นวิทยุธรรมทานสีขาว ที่.. เฝ้าเพียรสอนให้เรารู้ทันเท่า.. เฝ้าตามดูจิตเกิดดับณ..ภายใน ไม่ว่า... จะทุกผัสสะใดมากระทบ จักต้องรู้จบรู้วาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น...ไม่ว่าสุขเศร้า ดีร้าย... คล้ายให้ผ่านๆไป ประดุจดั่งสายน้ำไหล ให้.. มีเพียงจิตดวงใส มีเพียงความเป็นกลาง จึงจะพบความว่างกระจ่างสว่างสะอาดสงบ พบเพียงใจดวงนิ่งนิ่ง ลำพังแสนงาม เช้านี้ ... สาวนาจึงตั้งใจไปวัด ไปน้อมนมัสการอัฐิหลวงพ่อ ไปก่อเก็บเกี่ยว..เพียงหอมบุญ..ให้หนุนนำจิตให้ไสว ไปถวายพวงมาลัยดวงดอกไม้ กราบกรานองค์พระประธานองค์โตในโบสถ์คร่ำ แล้ว.. น้อมนำจิตพลี..สวดมนต์ภาวนาสมาธิ ก่อน.... จะถึง..วันพรุ่งนี้...ที่สาวนาจักเดินทาง ไป*บ้านทะเล...* ไปดูดวงดอกไม้บานหวานเหว่ว้าริมทาง ที่.. คงพร่างพรายสีสันหลากหลาย ร่ายฟ้อนอ้อนสายลมร้อนแห่งคิมหันตฤดู ไป.. นอนเหนือเนินทรายดูเกรียวเมฆแสนหวาน ไปดูดวงดอกดกตระการปาริชาติสีแดง ไป.. แฝงตัวนั่งริมหาดทราย ดูคลื่นเคลียไคล้ไล้โลมโถมถาโอบกอดชายฝั่ง ไป.. ฟังเสียงสนครวญ ไปชมมวลหมู่นกนางนวลปีกขาว..แสนอิสราเสรี ที่พากันผกโผผินบินโฉบเหยื่อ เหนือฟองคลื่นพราว ระลอกพลิ้ว ที่ค่อยๆทอยทอดมารัดร้อยฝากรอยจูบผืนทราย ไปเดินดายเดียว ให้ริ้วสายลมพัดผมกระจาย..อย่างไร้สิ้นพันธนาใด ไป.. ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ในวาดวงทะเลแสนงาม ในท่ามโลกแล้งร้ายรายรอบเพียงนั้น..! ................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5453.html สงกรานต์บ้านนา ...สุขสันต์ วันสว่าง ประเพณีไทย เมื่อสมัย ครั้งเก่าก่อน เล่น แอบซ่อน รูปหลวง พวงมาลัย ตรุษ สงกรานต์ สนาน สนุกกัน พอใจ พี่ วิ่งไล่ น้องก็หลบ เมื่อ พบหน้า พี่ เข้ากอด น้องยังออด ทำ เอียงอาย คืน เดือนหงาย พอพี่จูบ น้อง ทุบพลาง นอน หนุนตัก สัญญารัก ข้าง กองฟาง จน แสงเดือนจาง พี่ไม่ยอมห่าง น้องไปไกล ลืม น้ำคำของพี่ เสียหมด พี่คงอด เที่ยววันสงกรานต์ เดือนอ้าย ย่างเข้าเดือนยี่ แล้ว น้องหนีพี่ไปไหน หรือเจ้า ไปมีแฟนใหม่ ลืมเราวิ่งไล่ ในวันสงกรานต์ รัก กัน มา แต่เมษา วันที่เก้า เศร้า ปีนี้เศร้า ขาดคู่เคล้า เศร้าซมซาน คืน วัน เพ็ญ แสงเดือนเด่น เป็นพยาน กลับเถิด นงคราญ มาเล่นสงกรานต์ ที่บ้าน นา เรา ลืม น้ำคำของพี่ เสียหมด พี่คงอด เที่ยววันสงกรานต์ เดือนอ้าย ย่างเข้าเดือนยี่ แล้ว น้องหนีพี่ไปไหน หรือเจ้า ไปมีแฟนใหม่ ลืมเราวิ่งไล่ ในวันสงกรานต์ รัก กัน มา แต่เมษา วันที่เก้า เศร้า ปีนี้เศร้า ขาดคู่เคล้า เศร้าซมซาน คืน วัน เพ็ญ แสงเดือนเด่น เป็นพยาน กลับเถิด นงคราญ มาเล่นสงกรานต์ ที่บ้าน นา เรา...
21 เมษายน 2554 12:17 น. - comment id 1191502
มองท้องทุ่งใจลอยละห้อยหวน เสียงขลุ่ยครวญซ้องซึงรำพึงเหงา หลับตาพริ้มนึกนางกลางนวลเงา รู้ไหมเราเศร้าสร้อยปล่อยเดียวดาย แสงสายันต์เลื่อนลอยสู่คล้อยลับ รอวันนับถึงนางพลางใจหาย โ้อ้ป่านฉนี้คงสนุกทุกข์ละลาย เคล้าพระพายแทนนางสร้างระทม. มาเยี่ยมครับเลยขอแจมนิดๆหน่อยๆ ครับคงไม่ว่ากันนะครับ แก้วประเสริฐ.
21 เมษายน 2554 13:11 น. - comment id 1191509
ซึงพลิ้วแผ่วแว่วผ่านดั่งขานขับ รอเจ้ากลับท้องทุ่งยันรุ่งสาง ขลุ่ยคนเคียงคร่ำครวญถึงนวลนาง เรือนที่ร้างยังคอยทุกรอยกาล ^ ^ และแล้วก็ได้อ่านซะที..เต็มอิ่มกับกลิ่นอาย แห่งท้องทุ่งค่ะ สบายดีนะคะ
21 เมษายน 2554 13:24 น. - comment id 1191512
หวัดดีครับคุณ..โอ้ละหนอ ขอบคุณครับ..อยู่ที่แม่ออน..อำเภอเล็กๆ ที่แยกตัวออกมาจาก สันกำแพงครับ ที่นี่มีน้ำพุร้อนที่ขึ้นชื่อ..และถ้ำเมืองออน แสนงาม...ยินดีจาดนักหากไปแอ่วคับ
21 เมษายน 2554 13:26 น. - comment id 1191513
คุณกิ่งโศกครับ มันเปนวิแห่งชนบทครับ...บางตอนของ ชีวิต..มันก็แสนเศร้าอย่างคาดไม่ถึงครับ ขอบคุณที่มาเยื่ยมครับ
21 เมษายน 2554 13:32 น. - comment id 1191514
คุณพุดพัดชา ครับ ขอบคุณที่มาเยือน...ภาพสวยๆคำซึ้งๆมาช่วย เติมเต็ม...อบอุ่นเสมอครับที่ได้สัมผัสกับบท กวีของคุณ... อยากรู้จังว่า..สาวบ้านนาพุดพัดชา..อยู่ จังหวดไหน..ที่ได.ดูแล้วน่าจะเปนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองนะครับ...
21 เมษายน 2554 13:36 น. - comment id 1191516
คุณแก้วประเสริฐ ครับ ขอบคุณมากครับกับบทกวีที่เติมเต็ม..ทำให้ เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ
21 เมษายน 2554 15:40 น. - comment id 1191532
คุณเทียนหยด สบายดีนะครับ..ขอบคุณครับที่มาเยือน พอดีหยุดสงกรานต์..ไปสำรวจโรงเรียนที่ จะไปสร้าง..ปีนี้ไปแม่ฮ่องสอน..เปนโรงเรียนเล็กในป่าใหญ่ ทางโรงเรียนอยากได้ห้องน้ำ-ส้วมประมาณ 4 ห้องเพระปัจจุบันเข้ามี 2นักเรียน ประมาณ 80 คน บ้านพักสำหรับนักเรียนที่อยู่ไกล และโครงการอาหารกลางวันครับว่าจะไปสร้าง โรงเลี้ยงไก่ หรือไมก้อบ่อเลี้ยง ปลาครับ ก้อจะใช้ทุนทั้งหมดประมาณ 2 แสนบาทครับ อยู่ในช่วงระดมทุน ปลายปีนี้หากว่างๆก้อเชิญด้วยนะครับ ประมาณวันที่3-6 ธ.ค. 54 ครับ
21 เมษายน 2554 19:41 น. - comment id 1191546
สวัสดีเจ้า คุณเอื้องอังกูร หนูหิ่ง ฯ มีประสบการณ์ครั้งหนึ่ง เมื่อสิบกว่าปีก่อน เพื่อนหนูหิ่ง ฯ ชื่อเสาร์คำ ชื่อเล่น น้อย บ้านอยู่บนดอยใกล้ ๆ กัน อยู่มาวันหนึ่งพี่สาวคนละพ่อของน้อยมารับน้อยไปช่วยเลี้ยงหลานที่กทม. แล้วน้อยก็หายไป ไม่กลับบ้านอีกเลย ทราบมาว่าน้อยทะเลาะกับพี่สาวแล้วออกจากบ้านไป ตอนแรกก็สงสัยว่าน้อยจะถูกขายไปอยู่ญี่ปุ่น หรือไปมาเลเซีย เพราะช่วงนั้นคนบนดอยถูกตกเขียวกันเยอะ ทุก ๆ ครั้งที่หนูหิ่ง ฯ กลับไปบ้าน แม่ของน้อยก็จะร้องให้ แล้วก็ขอให้หนูหิ่ง ฯ ช่วยตามน้อยให้ที เง้อ ! กทม. เนี่ยนะ ให้หนูหิ่ง ฯ ไปตาม.... กี่ชาติจะเจอเนี่ย ? แต่หนูหิ่ง ฯ ก็พยายามตามให้ เพราะสงสารแม่ ไปถามพี่สาวน้อยที่หมู่บ้านอยู่เจริญ แถวรังสิต พี่สาวน้อยบอกว่าน้อยไปอยู่กับแฟน แถวแฟลตดินแดง โหย.... ตูหนอตู ไม่น่ารับปากแม่เล้ย ! ทีนี้แฟลตดินแดงมีตั้งกี่แฟลต มีตั้งกี่ชั้น ทุกวันหยุดถ้ามีเวลา หนูหิ่ง ฯ ก็จะขึ้นรถเมล์ไป แล้วก็ถือรูปน้อยไปถาม ๆ คนแถว ๆ แฟลตดินแดง น่าจะเจอน้อยนานแล้ว ถ้าน้อยไม่เปลี่ยนชื่อ คนแถวนั้นเขาบอกว่าชื่อเสาร์คำ หรือน้อยไม่มี ไม่รู้จัก แต่หน้าก็คุ้น ๆ อยู่ หนูหิ่ง ฯ ก็กลับไปถามพี่สาวของน้อยอีกทีว่า ตอนน้อยอยู่กทม. น้อยใช้ชื่ออะไร ? พี่สาวบอกว่าใช้ชื่อ ต่าย หรือ กระต่ายน้อย นั่น ! เปลี่ยนชื่อซะจำไม่ได้ หนูหิ่ง ฯ ก็กลับไปอีกทีก็เย็นพอดี ไปถามหา ต่าย หรือกระต่ายน้อย คนที่แฟลตบอกว่าให้มาตอนเช้า เพราะตอนกลางคืนน้อยไปทำงานกับแฟน เช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง หนูหิ่ง ฯ ก็ไปเคาะประตูห้อง ใจเต้นตุ๋ม ๆ ต๋อม ๆ ว่าจะใช่หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ตูจะไปหาน้อยที่ไหนไปคืนให้แม่เขาล่ะ.... ปรากฎว่า.... เคาะประตูไปหลายรอบ เดินไปเดินมา ก็ไม่มีคนมาเปิดประตูสักที ตัดสินใจเคาะอีกที.... แล้ว.... กระต่ายน้อย.... ก็เป็นผู้เปิดประตู แม่ของน้อยก็เลยได้น้อยกลับไปบ้าน ต่อมาสามีน้อยก็เสีย ตอนนี้น้อยกลับไปเป็นผู้ช่วยสถานีอนามัยบ้านแม่โถแล้วค่ะ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสุกัญญา แหม.... จะเปลี่ยนกี่รอบกันแม่คุณ.... หนูหิ่ง ฯ ก็ไม่ได้ถามอะไรน้อยมากนักในตอนนั้น เพราะน้อยอยู่กับสามี ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องจะถามมากมาย.... ทำไมไม่กลับบ้านไปเยี่ยมแม่บ้าง ทำไมไม่ส่งข่าวให้แม่รู้บ้าง ทำไม.... ทำไม.... จนถึงทุกวันนี้หนูหิ่ง ฯ ก็ยังคงไม่ได้ถาม.... สำหรับคนบ้านนอก การที่ลูก - หลาน ออกจากบ้านไปทำงานถือเป็นเรื่องปรกติ บางคนก็ส่งเงินกลับมาให้พ่อ - แม่ที่บ้านนอก บางคนก็ส่งลูกมาให้พ่อ - แม่เลี้ยง บางคนก็.... แต่.... ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะกลับบ้านในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะวันสงกรานต์ หากบ้านไหนลูก - หลานไม่กลับบ้านช่วงสงกรานต์ ก็ผิดปรกติ พ่อ - แม่ ก็จะชะเง้อชะแง้แลหา สงสารคนคอย โดยเฉพาะคนที่คอยเป็นคนแก่ อยากให้ลูก - หลาน เสียสละเวลาสักนิด ส่งข่าวสักหน่อย ไปเยี่ยมเล็กน้อย ให้คนแก่ได้เห็นหน้าบ้าง.... ไม่รู้จะพูดยังไงดี.... อยากจะให้ ลูก - หลาน ได้กลับบ้าน จากมานาน พ่อ - แม่ แกคิดถึง จะอยู่ห่าง แค่ไหน ให้คำนึง คนคู่หนึ่ง คอยเฝ้า อย่างเหงาใจ อยู่เมืองกรุง ทำงาน ทานความยาก คงลำบาก กายา พาหมองไหม้ คนข้างหลัง มองหา ว่าห่วงใย อยากจะให้ กลับบ้าน พานสายตา เพียงแค่เห็น ปีละครั้ง อย่าพลั้งเผลอ ไปพบเจอ คนเขา เฝ้าไฝ่หา ไปกราบแทบ เท้าบิดา และมารดา แล้วค่อยลา อีกครั้ง ก็ยังดี ปล. ปลายปี ส่งข่าวอีกทีได้ไหมคะ เผื่อหนูหิ่ง ฯ จะไปแม่ฮ่องสอนด้วยคน ยังไม่แน่ใจเพราะซันจีฟบอกว่าจะมาเที่ยวเมืองไทยปลายปีค่ะ
21 เมษายน 2554 21:47 น. - comment id 1191554
หวัดดีครับหนูหิ่งฯ คนต่างจังหวัดเฮาจะเจอประสบการคล้านกั๋นเนอะ... ประสบการที่หนูหิ่งเล่านั้นเปนสิ่งที่ดีมากๆ เลยที่ตามคนปิ๊กบ้านได้...ขอปรบมืองามๆ ครับผม... บางครั้งชีวิตมันยิ่งกว่านิยายอีกนะครับ แต่เปนนิยายชีวิตครับ ปลายปีนี้ผมจะส่งข่าวอีกอีกนะครับสำหรับ โครงการ ปันน้ำใจเพื่อเพื่อนไทยในชนบท พวกเราทำกันมาตั้งแต่ปี2536 แล้วครับ และจะทำต่อไปจนกว่าจะไม่มีแรงครับ.. เพราะผมเคยได้รับสิ่งเล็กๆจากผู้ใจดี ตอนที่เด็กๆและคิดว่าหากตัวเองมีโอกาสจะทำ บ้างและก้อได้ทำอย่างต่อเนื่อง..ด้วยว่ามีเพื่อนๆที่มีอุดมการณ์เช่นเดียวกัน.. เพิ่มขึ้นทุกปีครับ..ที่บ้านกลอนของเราก้อหลายสิบคนที่ร่วมด้วยข่วยกัน..ตามแต่ศรทธาครับ แล้วเราก้อไปรวมตัวกันในวันพ่อของทุกปีครับ...อย่าลืมนะครับ...หากว่างก้อเชิญครับประมาณวันที่ 3-6 ธันวาคม 2554ครับผม
22 เมษายน 2554 17:56 น. - comment id 1191579
......... กลอนไพเราะ บอกถึงวิถีชีวิตชนบท จากภาพประกอบและบทกลอน หอมไอดินกลิ่นหญ้ามาถึงนี่เลยจ้า ..................
22 เมษายน 2554 18:13 น. - comment id 1191580
เพื่อนที่ลำปางบอกว่า คนทางเหมือจะเฝ้ารอลูกหลานมารดน้ำดำหัวอย่างใจจรดใจจ่อ ถ้าจะจริงนะ
25 เมษายน 2554 16:39 น. - comment id 1191727
คุณ din ครับ ขอบคุณมากครับที่มาเยือน... คุณยาแก้ปวดครับ เปนความจริงครับ..ช่วงสงกรานต์..เปนวัน ที่คนเฒ่าคนแก่รอคอยลูกหลานครับ บางครั้งเปนความจริงที่น่าเจ็บปวด..รอแล้ว รอเล่าลูกหลานบางคนไม่เคยกลับบ้านครับ