๐ เพียงได้พบแล้วพรากเพื่อฝากแผล ดังถูกแส้โบยส่งสิ้นสงสาร กระหน่ำซ้ำสาสมจนซมซาน เพื่อล่มรานด้วยร้าวเมื่อคราวร้าง ๐ ปล่อยคืนวันผันวนผ่านพ้นหวัง เคยสุมสั่งคล้ายแสงแห่งรุ่งสาง มืดดับแล้วพรายรุ้งยามเลือนราง ย่อมอ้างว้างว่างวาบตราบวางวาย (วลีลักษณา) ๐ ตะวันรอน ผ่อนแสง อ่อนแรงล้า พร้อมน้ำตา ราดริน มิสิ้นสาย เหลือเพียงใจ บางเบา เหงากับกาย ที่สลาย กับกาล เนิ่นนานเนา ๐ ยังประทับ กับฝัน วันฟ้าสวย คงพอช่วย ปลอบขวัญ ในวันเหงา เรื่องความหลัง ยังเห็น เป็นภาพเงา อาจบรรเทา ทุกข์เหลือ ให้เจือจาง (อักษราฯ) ๐ เพียงเงาภาพทาบทรวงเป็นบ่วงคล้อง อาจจำจองพ้องกันแต่หวั่นหมาง กับรูปรอยแฝงเร้นเช่นภาพราง คงไม่ต่างความฝันอันเลื่อนลอย ๐ กลับจะทุกข์ถาโถมโหมกระหน่ำ หากถลำหลงเงาจนเศร้าสร้อย และจะยิ่งทรมานกับการคอย เหมือนฝากรอยแผลร้ายจวบวายปราณ (วลีฯ) ๐ หนามสะกิด นิดเดียว ที่เรียวก้อย แล้วค่อยค่อย ลามแผล จนแผ่ซ่าน แต่แผลกาย หายได้ ในไม่นาน ยากสมาน สานแผล เกิดแก่ใจ ๐ หวังเพียงฟื้น ตื่นมา ครารุ่งสาง แผลใจจาง ล้างข่ม อารมณ์ไหว ทีปักลึก ผนึกแน่น ถึงแก่นใน เพื่อรอฝัน วันใหม่ ไว้เชยชม (อักษรารำพัน) ๐ หากรู้เท่ารู้ทันยามฝันชื่น เพียงปลุกใจเต็นตื่นคลายขื่นขม ยอมรับรสพจน์หวานผ่านอารมณ์ แล้วเก็บบ่มความฝันนั้นแนบใจ ๐ ที่ห้วงลึกแดดาลอันหวานซึ้ง ย่อมตราตรึงรอยรูปอยู่วูบไหว และย่อมรู้รูปนั้นเพียงฝันไป หาดังใช่สิ่งหวังที่ยั่งยืน (วลีลักษณา) ๐ แต่เมื่อหวัง ยังไม่ ไร้จนสิ้น ยังถวิล รักหมาย คลายขมขื่น แม้เคยพลั้ง พังยับ กับวันคืน ยังหมายชื่น ฝันใหม่ ใครสักคน ๐ แม้ระโหย โรยแรง แทบแห้งเหือด ถึงโดนเชือด เลือดหลั่ง กี่ครั้งหน อดีตเจ็บ เหน็บหนาว ร้าวกมล มิจำนน ค้นหา รักมาเคียง (อักษรารำพัน) ๐ คือดิ้นรนแห่งใจจะไขว่คว้า ปรารถนายามหลากก็ยากเลี่ยง ยังวาดหวังมีใครไว้ร่วมเรียง แม้เป็นเพียงภาพฝันไม่หวั่นคอย ๐ จะกี่ครั้งกี่คราวที่หนาวเหน็บ จะกี่เจ็บฤๅจะจำแม้ช้ำ, บ่อย หรือกี่คราลาร้างจืดจางรอย แม้เพียงน้อยรอยหวานให้ผ่านเยือน (วลีลักษณา) ๐ แม้ผ่านร้อน ย้อนหนาว กี่คราวครั้ง ภาพความหลัง ครั้งอคีต ตามกรีดเฉือน ถึงจะเจ็บ เหน็บนัก ยามรักเลือน ยังแชเชือน หารัก พิงพักใจ ๐ ต้องตรอมตรม ซมซาน มานานนับ ใจประทับ กับรอย แผลน้อยใหญ่ ยังไม่ล้า ราโรย หาโหยใคร มารักษา แผลใน หัวใจตัว (อักษรารำพัน) ๐ เพราะหลายครั้งหลายคราวที่ร้าวรัก คงเจ็บหนักจักผสานก็รานทั่ว- ทั้งอกใจโดนเค้นจนเต้นรัว คงน่ากลัวแท้เทียวจะเยียวยา ๐ ปล่อยลาลับกับกาลให้ผ่านพ้น ความหมองหม่นใช่จักต้องรักษา ไม่ช้านานผ่านล่วงที่ลวงตา จะพบว่าแสงสว่างยังพร่างพราย (วลีลักษณา) ๐ เวลากลบ ลบเลือน ได้เหมือนว่า คล้ายกับยา มาล้าง ให้จางหาย แผลในใจ ใหญ่น้อย อาจพลอยคลาย ดีกว่าหมาย ตะกายฝัน อันวังเวง ๐ ฝันใดเล่า เท่าฝัน วันสิ้นโศก อยู่ในโลก ที่ไร้ ใครข่มเหง แม้นมิอาจ ฝืนห้าม ความวังเวง กอดตัวเอง ดีกว่า หาใครควง (อักษรารำพัน) ๐ ฝันใดเล่าเท่าฝันในวันเหงา เพียงมีเงาเป็นเพื่อนเหมือนคอยหวง มีพจน์หวานดังตาลผ่านสู่ทรวง อื่นใดปวงฤๅล่วงห้วงคะนึง ๐ เสียงขลุ่ยคลอยามค่ำแสนฉ่ำหวาน แทนคำขานเคยถามยามคิดถึง เนิ่นนานแล้วแว่วเสียงเพียงรำพึง เก็บความซึ้งซ่อนอยู่ไม่รู้เลือน (วลีฯ) ๐ เสียงขลุยแผ่ว แว่วครา ยามฟ้าหลัว ช่างหมองมัว หัวใจ หาใดเหมือน เสียงขลุ่ยครวญ หวนช้ำ มาย้ำเตือน รอยอดีต กรีดเฉือน ย้อนเยือนตน (อักษราฯ) ๐ จันทร์เจ้าแฝงดวงรางคล้ายพรางงาม จนผ่านยามราตรีทีมัวหม่น ใจหนอยิ่งเย็นชืดมืดเสียจน ห้วงเวหนห่างหายพรายดาวเดือน ๐ เพียงขลุ่ยครวญคล้ายปลอบและตอบรับ จะคว้าจับรูปรอยก็คล้อยเคลื่อน อยู่ท่ามกลางซ่อนเร้นเห็นรางเลือน ยังแชเชือนเหมือนหลอกยั่วหยอกจินต์ (วลีฯ) ๐ เมื่อจันทร์แจ่ม แย้มพราย หลังกรายหลบ กลับไม่พบ หน้านวล ครวญถวิล อยู่กับความ เหว่ว้า จนชาชิน จนไร้สิ้น น้ำตา เคยบ่านอง ๐ เก็บความช้ำ คร่ำครวญ ในส่วนลึก ปิดผนึก เอาไว้ ใต้ความหมอง ลืมความสุข ทุกเสี้ยว เคยเกี่ยวดอง แล้วไปมอง ท้องฟ้า สบตาจันทร์ (อักษรารำพัน) ๐ เป็นจันทร์เพ็ญเด่นนวลให้หวนถึง จะคว้าดึงย่อมได้เพียงในฝัน มิไยที่เพ้อคำร่ำรำพัน คงไร้วันที่หวังจะรั้งรอ ๐ คงหลุดลอยคล้อยเคลื่อนคล้ายเดือนลับ โศกเศร้ากับอาวรณ์หากวอนขอ- ให้เพ็ญจันทร์ผ่องพรายฉายแสง, ทอ ประกาย ยอนวลพร่างลงกลางทรวง (วลีลักษณา) ๐ ล่วงอีกคืน ฝืนร่าง อย่างเหน็บหนาว แสงเดือนพราว วาววับ ทาบทับสรวง มีดาวแจ่ม แซมเห็น เป็นรุ้งรวง งามโชติช่วง ห้วงฟ้า ดาราราย ๐ รักเคยสร้าง ทางฝัน อันเจิดจ้า เหมือนนภา ราตรี มีจันทร์ฉาย เมื่อโรยรา พาคว้าง อย่างเดียวดาย เหมือนจันทร์กราย ย้ายเคลื่อน สู่เดือนแรม (อักษราฯ) ๐ ยามเดือนแรมรูปเรียวซีดเซียวหม่น แต่เกลื่อนหนด้วยดาวยังพราวแต้ม คืนผ่านพ้นวนวันจวบจันทร์แย้ม เพ็ญกลับแจ่มกลางหาวอีกคราวครั้ง ๐ ต่างจากแสงข้างในที่ใจนั่น กลับนับวันมัวหม่นจนสิ้นหวัง ไร้วี่แววเรื่อรองส่องนวล,ดัง ชีพไร้ฝั่งกลางมืดดับชั่วกัปกาล (วลีลักษณา) ๐ คืนเดือนแรม แก้มช้ำ น้ำตาไหล สู้หมายใจ ได้ปอง ละอองหวาน หวังครองคู่ ชูชื่น ยั่งยืนนาน กลับร้าวราน รักลา ช่างน่าชัง ๐ จะกี่ปี กี่เดือน ดูเหมือนว่า ใจที่ล้า รารอ หมายก่อหวัง ถ้อยสัญญา ครานั้น ใจฉันยัง เตือนให้ยั้ง รอคอย บนรอยเดิม (อักษรารำพัน) ๐ ได้ประจักษ์ในจิตซึ้งพิษรัก ไม่หมายภักดิ์ผู้ได้มาไว้เสริม เมื่อสิ้นแล้วไม่ขอรอต่อเติม ไม่มีเริ่มไม่มีจบลบอาลัย ๐ มิเหลือใจแสนเจ็บไว้เก็บกัก- ด้วยตรึงปักเงาหม่น..ยากพ้นได้ ยังมืดดำคล้ำเศร้าและเหงาใจ จนไม่เหลือเยื่อใยมอบใครครอง ๐ สายเสียแล้วสายฝันเมื่อผันช่วง ไม่อาจพ่วงพันให้หัวใจสอง ได้สานเกลียวเหนี่ยวนำเข้าจำจอง แม้หมายปองคล้องไว้ด้วยนัยเดียว ๐ แต่ว้าเหว่หวั่นไหวก็ไม่หยุด เหมือนตามยุดฉุดเร้าด้วยเปล่าเปลี่ยว แม้ว่ามานขาวซีดนั้นรีดเรียว เกิดกว่าเกี่ยวสายฝันสู่วันไกล (วลีลักษณา) ๐ ดึกคืนนี้ มีดาว พร่างพราวแสง แต่ฤาแข่ง แสงจันทร์ อำพันใส ฟ้าสกาว พราวสวย โปรดอวยชัย ช่วยเปลี่ยนใจ ใครหนึ่ง ซึ่งหมายปอง ๐ เธอถูกรัก หักอก จนหมกไหม้ เมื่อรักจาก พรากไป จนใจหมอง แม้มีชาย หมายเมียง คู่เคียงครอง ไม่แยแส แลมอง แม้ต้องตา ๐ ยังอาลัย ใจภักดิ์ ในรักเก่า อยู่ใต้เงา เศร้าสร้อย ละห้อยหา ทนอาวรณ์ นอนเดี่ยว เปลี่ยวเอกา แม้เวลา จะผ่าน เนิ่นนานแล้ว ๐ วอนฟ้าสวย ช่วยให้ เผยใจนาง ให้กระจ่าง พร่างพราย ประกายแก้ว อาจบางที ที่.รัก จักฉายแวว ให้เพริศแพร้ว อีกครา ใต้ฟ้างาม ๐ ทุกทำนอง สองเรา เคยก้าวผ่าน ยังร้าวราน หวนไห้ เกินไหวหวาม เมื่อนัยน์ตา มีน้ำ ผุดฉ่ำวาม มิเหลือความ เข้มแข็ง แห่งดวงใจ ๐ จะเริ่มรัก ถักฝัน นั้นแสนยาก เพราะรอยบาก ถากลึก ผนึกให้- ใจหมางเมิน เกินจัก คิดรักใคร จมหมองไหม้ เหมือนดั่ง กำลังล้า ๐ เส้นขอบโค้ง ตรงนั้น ตะวันตก ยังพลิกผก ตะวัน ผันเจิดจ้า แต่ความรัก ที่ร้าง และห่างตา มิกลับมา อีกแน่ รู้แก่ใจ ๐ ความทรงจำ ทำร้าย เวียนร่ายภาพ และเจ็บปลาบ ทุกครั้ง เกินยั้งได้ คนหนึ่งพราก จากกัน พลันมีใคร พร้อมก้าวไป สู่ฝัน ลืมกันแล้ว (อักษรารำพัน) ๐ หากอีกใจยังคงดำรงมั่น ไม่แปรผันวาดหวานแม้ผ่านแผ่ว- เรียวรีดรอยพิศสวาทฤๅคลาดแคล้ว กลับตรึงแนวบอบบางลงกลางทรวง ๐ ด้วยไม่อาจลบรอยที่คอยหลอก ยังยั่วหยอกรุมเร้าให้เฝ้าหวง รู้รักเช่นเสน่หา..แค่ค่าลวง ยังติดบ่วงพ่วงพันสุดบั่นทอน ๐ เสียงเพรียกจากหัวใจไม่เคยหยุด และยากฉุดเหนี่ยวรั้ง..สิ้นหวัง,ถอน สลักนั้นตรึงมั่นนิรันดร และคอยย้อนรอยย้ำทุกค่ำคืน ๐ จันทร์เจ้าเอยนวลใยที่ในฟ้า เคยเจิดจ้าอาบผ่านบนมาน, ผืน กลับกลายหมองหม่นคล้ำให้กล้ำกลืน สิ้นแสงโสมโลมรื่น..เหลือขื่นทรวง (วลีฯ) ๐ ยินเสียงใจ บอกจันทร์ วันฟ้ากว้าง ดูเหมือนนาง วางใจ มิใคร่หวง ราวจะบอก ความใน ใจทั้งปวง ว่าแดดวง หนึ่งนี้...มีผู้ใด ๐ หรือจะอำ ความนัย มิใคร่เผย ก็เกินเลย อันมนุษย์ สุดวิสัย ถนอมนวล ชวนชื่น รื่นฤทัย หรือเกรงใจ ใครอื่น ที่ชื่นครอง ๐ แม้ใจนาง ร้างใคร ที่ใฝ่ฝัน ขอผูกพัน มั่นอยู่ เป็นคู่สอง กับโฉมงาม ทรามวัย ที่ใฝ่ปอง ขอจับจอง ห้องใจ มิไคลคลา (อักษรารำพัน) ๐ สรวงฟ้าเอยเผยให้เพียงได้ฝัน เพื่อใครนั้นเฝ้าคอยละห้อยหา เพียงร่ำพากย์ฝากให้ผู้ไกลตา ด้วยหมายตราตรึงขวัญเกี่ยวพันไว้ ๐ โปรดรับรู้อาวรณ์อันอ่อนหวาน ที่จดจารจากขวัญผู้ฝันใฝ่ โปรดรับรู้ห่วงหาและอาลัย มอบจากใจคนเหงาคอยเคล้าคลอ (วลีลักษณา) ๐ ค่ำคืนนี้ มีดาว สกาวใส มีหนึ่งใจ ใครหมอง ร่ำร้องขอ ให้หนึ่งใจ ใครนั้น ที่ฝันรอ กลับมาก่อ ทอฝัน เหมือนวันวาน ๐ คิดเอย คิดถึง คนึงนัก มอบใจภักดิ์ รักเอย เคยหอมหวาน หมายสลัก รักไว้ ให้แสนนาน หากร้าวราน ซานซม ฤาสมควร (อักษรารำพัน) ๐ รวยรินรา- ตรีหอมรอบล้อมถิ่น ให้โชยกลิ่นรื่นหวานผ่านลมหวน ออในอกผู้ร่ำคำคร่ำครวญ ว่ารักรวนแรมร้างจืดจางแล้ว ๐ เพื่อปลอบขวัญคนไกลผู้ไฝ่ฝัน คลายไหวหวั่นอาวรณ์ให้ผ่อนแผ่ว แม้หนึ่งหวังเลือนรางเคยพร่างแพร้ว อย่าคลาดแคล้วอีกหวังจนพังครืน (วลีลักษณา) ๐ ถึงเพียงแม้ แค่ฝัน อันลางเลือน มิแชเชือน ชะตา หากฟ้ายื่น ขอหัวใจ..ได้ซึ้ง แค่หนึ่งคืน แม้เมื่อตื่น ลืมตา รักราโรย ๐ เพียงปลายก้อย น้อยหนึ่ง ก็ซึ้งค่า กับอุรา ครวญคร่ำ ร่ำหาโหย เหมือนดินแห้ง แล้งหมาย พระพายโชย พาฝนโปรย พรายพร่าง หลังร้างไกล (อักษราฯ) ๐ สายฝนหล่นจากฟ้าสู่หล้าโลก ให้ชุ่มโชคใจฝันผู้หวั่นไหว รื่นเย็นอยู่เช่นนั้นทุกวันไป จวบพบใจอีกใจฝากให้กัน ๐ ที่แสนไกลสุดเหลียวจะเกี่ยวก้อย เพียงเฝ้าคอยพบได้แค่ในฝัน ยังสบตาฝากไว้ในเพ็ญจันทร์ เพื่อพ่วงพันสายใยเป็นนัยเดียว (วลีลักษณา) ๐ ระยะทาง หว่างฟ้า ใช่สาเหตุ ถึงห่างเนตร เจตจินต์ มิสิ้นเหนี่ยว หากผูกพัน มั่นหมาย มิคลายเกลียว ให้สุดหล้า ฟ้าเขียว ยังเกี่ยวพัน ๐ แต่หากใจ ไม่มั่น ยังหวั่นไหว ถึงอยู่ใกล้ ไม่ต่าง กับร้างฝัน หากมั่นใน ใจสอง ที่คล้องกัน ห่างเพียงไหน ไม่หวั่น สัมพันธ์เลือน ๐ ขอเพียงใจ แน่นหนัก ในรักนี้ ห่มฤดี ที่รัก ฤๅจักเลื่อน จะลาร้าง ห่างหาย หลายปีเดือน ก็อุ่นเหมือน อยู่ใกล้ แนบใจกัน ๐ แต่หากชัง หวังใกล้ กับไกลห่าง เพราะจินต์สร้าง กำแพง แอบแฝงกั้น เบื่อและหน่าย คลายรัก หักสัมพันธ์ นั่งมองกัน แต่ใจ ไงกลับชัง (อักษรารำพัน) ๐ ยากยิ่งนักแยกได้คำใครนั้น หากสานต่อทอฝันก็หวั่นหวัง จะจบสิ้นถวิลหาถึงคราพัง จึงควรรั้งใจตน..อาจกลลวง ๐ ปล่อยเวลาเผยเร้นที่เป็นอยู่ ว่าควรคู่หรือไม่ ที่ใจหวง อาจสิ้นลบจบไปไม่ถามทวง จึงกันทรวงพ้นช้ำเข้ากล้ำกราย ๐ เกรงเจ็บช้ำซ้ำหนจนยากหัก ยามสิ้นรักดังวันขวัญสลาย หากหลงลมเพลี่ยงพล้ำกับคำชาย อาจต้องตายทั้งเป็นโดนเข่นทรวง ๐ ฉันใดหนอเชื่อได้นะใจนั้น หลอกให้ฝัน..ปั้นคำร่ำว่าหวง พิสูจน์ได้อย่างไรว่าไม่ลวง หวั่นช้ำทรวงยิ่งนักหากรักใคร (วลีลักษณา) ๐ หวังเอยหวัง ตั้งไว้ อย่าให้สิ้น มิสมจินต์ เลยหรือ ฤา.ไฉน เย็นน้ำค้าง ร่างสั่น หวั่นฤทัย เฝ้าคอยใคร ให้กลับ ประทับทรวง ๐ เห็นน้ำค้าง พร่างพราย กลางสายหมอก ราวเย้าหยอก หมอกพราย ก่อนหายล่วง เมื่อตะวัน สาดแสง เต็มแดงดวง ก็เกินหน่วง ห้วงฝัน อันพราวแพรว (อักษรารำพัน)
2 มีนาคม 2554 23:14 น. - comment id 1186380
แซมมาจองที่..... อยากอ่านมากค่ะ แต่แซมต้องรีบไปทำงานก่อน..เดี๋ยวเลิกงานจะไม่เถลไถลเลย.. จะรีบกลับมาอ่านนะคะ...... แซม
3 มีนาคม 2554 08:38 น. - comment id 1186396
โหยว ! แต่งเก่งทั้งสองคนเลยอ่าจ้ะ
3 มีนาคม 2554 21:09 น. - comment id 1186442
เก่งมากคับทั้งคู่
4 มีนาคม 2554 22:30 น. - comment id 1186612
มาชื่นชมทั้งคู้เลย
6 มีนาคม 2554 16:25 น. - comment id 1186836
ว่างแระสิเนี่ย ไหนๆ ขออะไรแปลกๆหน่อย แต่วันนี้ไม่ได้นะ ต้องรีบไปเชียร์แมนยู ย๊ะ..ฮู้...
6 มีนาคม 2554 17:20 น. - comment id 1186848
แหล่มทั้งคู่เลย...