๑.เลือดเลพ่อยังเข้มและเต็มสูบ ควันจากธูปลอยคว้างแล้วจางหาย คล้องผ้าแพรปิดทองเปลวประกาย พ่อถวายบูชาแม่ย่านาง เรือตังเกสีเทาเก่ากระเทาะ คราบเพรียงเกาะจากหัวไปจรดหาง เมื่อนาวาถึงบทปลดระวาง การเดินทางฤๅหยุดสิ้นสุดลง เคยท่องเลทารุณแต่รุ่นปู่ จอดฤดูวางไข่กับไต้ก๋ง เลือดชาวเลเค็มคาวทั้งด้าวดง ชาวประมงทุกผู้ย่อมรู้ดี ฟังสิฟังทะเลซิเห่หวน เพลงเรืออวนดังคลอดั่งซอสี เสียงคำรามเครื่องยนต์คือดนตรี คือวิถีชาวเรือเช่นเมื่อวาน พ่อซ่อมเรือคร่ำคร่ากว่าอายุ ต้องปะผุยกตั้งบนนั่งร้าน เปลี่ยนเครื่องยนต์ สายไฟ ไม้กระดาน เปลี่ยนสายพาน ใบพัด กำจัดเพรียง แล้วเสริมน็อตใส่เพื่อว่าเรือวิ่ง แหวนสปริงใส่เผื่อว่าเรือเหวี่ยง เหล็กตัวไอใส่เผื่อว่าเรือเอียง ลดความเสี่ยงเรือปู่ทุกลู่ทาง.... ๒.ควันยาเส้นลอยเลื่อนดูเคลื่อนไหว พ่อสูบยามวนใหญ่นั่งไขว้ห้าง มองชีพเรือคืนกลับจากอับปาง แม่ย่านางยามนี้คงดีใจ จากท่ามกลางความคิดที่ขัดแย้ง จะดื้อแพ่งซ่อมหรือจะซื้อใหม่ ด้วยเรือปู่เก่ากร่อนจนเกินไป หาอะไหล่ก็ยากจะยืดเยื้อ พ่อไม่เคยตอบคำแต่ค่ำหนึ่ง พ่อพูดถึงเรื่องราวของดาวเหนือ ดาวที่ปู่ให้ดูถ้าเดินเรือ หรือหากเมื่อหลงทิศหรือผิดทาง ดาวที่ทวดสอนปู่ให้ดูทิศ จนชีวิตเข้มแข็งแกร่งกระด้าง จนแม่นรู้สิ่งสรรพราวจับวาง นำทุกอย่างที่เห็นมาเป็นครู ปู่เขียนปูมเรือเหล็กไว้หลายเล่ม ข้นและเข้มอบอุ่นบุ๋นและบู๊ แม้ไต้ฝุ่นถล่มจมฤดู ฉีกเรือปู่เป็นซากเป็นเศษไม้ แทนการเลิกอำลาโยนผ้าหมอบ ปู่ประกอบเรือกล้าขึ้นมาใหม่ เรือลำนี้เคยตายเคยหายใจ จึงยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าคำว่าเรือ เป็นตำนาน เป็นศักดิ์ศรี เป็นชีวิต ปู่ลิขิตทั้งหมดจากหยดเหงื่อ สอนพ่อแต่คลานคืบให้สืบเชื้อ ทุกเลือดเนื้อขัดเกลาจากเฒ่าเล. ๓.ข้าพเจ้าลืมตาสะดุ้งตื่น เรือถูกคลื่นโครมซัดจนปัดเป๋ แต่นาวาฝ่าคลื่นเป็นพื้นเพ หัวยังเหสู่อ่าวท่ามดาวโจร ตามหาเรือหลังซ่อมที่สูญหาย ขโมยขายต่อไปจนไกลโพ้น ไฟความแค้นปะทุจนคุโชน เป็นเพลิงโพลนพร้อมเผาให้เพลาแค้น เสียแรงแจ้งทางการไม่ขานรับ จึงถูกพับเรื่องไว้ใส่ไม้แขวน สบสายตาก็รู้ว่าดูแคลน ต้องวางแผนตามเรือด้วยตัวเรา พ่อรักเรือลำนี้เท่าชีวิต ได้แง่คิดจากปู่เท่าภูเขา ตราบยาเส้นยังมีควันสีเทา ปู่จะเฝ้าคอยมองเราสองคน โน่นเสียงเรือเสียงเครื่องไฟเหลืองเรื่อ คงจากเรือของปู่ที่ถูกปล้น ข้าพเจ้าคุ้นคุ้นเสียงเครื่องยนต์ ปืนทุกคนกระชับเตรียมสับไก พ่อยิงขู่คำรามขึ้นสามนัด เราเป็นโจรสลัดแล้วใช่ไหม ตอบคำข้าเถิดดาวจากอ่าวไทย หรือจะให้ถามฟ้าอันดามัน. ๔.เรายึดเรือคืนได้โดยไร้เหงื่อ แต่ลูกเรือเขาเปลี้ยและเสียขวัญ ทั้งต่างด้าวชาวไทยไม่ต่างกัน เขาไม่ทันรู้เห็นความเป็นมา มีคนโดดน้ำหนีที่ด้านหลัง เขาคงหวังไปตายเอาดาบหน้า ในความมืดคืนนั้นไร้จันทรา ส่องไฟหาอย่างไรก็ไม่พบ เขายังอยู่หรือตายหรือว่ายน้ำ หรือจมดำดิ่งเร้นไม่เห็นศพ คงเห็นเราเป็นสลัดที่บัดซบ จึงเสี่ยงจบชีวิต..อนิจจา พ่อส่งคนทุกคนขึ้นบนฝั่ง คืนความหวังลูกเรือผู้โรยล้า คืนทุกบาทที่ได้จากขายปลา พ่อบอกว่าปล่อยเขาอย่าเอาความ.. ๕.พ่อคีบมวนบุหรี่เคาะขี้เถ้า ผูกเรือเก่าลำโตเอาโซ่ล่าม โซ่ครูดพื้นครืนคล้ายคลื่นคำราม กับคำถามอีกคำที่สำคัญ ถ้าเมื่อคืนไม่ง่ายเหมือนใจคิด ถ้าเขาแลกชีวิตและคิดสั้น ถ้าเราเลือกตาต่อตาฟันต่อฟัน ย่อมถลันสู่ขั้วอันชั่วร้าย ที่อาจไม่มีวันได้หันกลับ อาจถูกจับลงโทษตามกฏหมาย อาจถูกยิงตกน้ำสู่ความตาย จมลงสายน้ำชืดอันมืดมิด พ่อฟังคำข้าพเจ้าผู้เยาว์กว่า ทอดดวงตาสีถ่านดำสนิท สองดวงตาอบอุ่นดูครุ่นคิด มองอาทิตย์ลับทุ่นทะเลลง แล้วว่า..การรู้คิดวินิจฉัย ปู่เคยใช้สิ่งนี้เพื่อชี้บ่ง ถึงความเป็นผู้นำเพื่อกำธง เพื่อพร้อมเป็นไต้ก๋งคนต่อไป ต้องพิสูจน์หัวใจกับไหวพริบ ยิ่งคมกริบยิ่งนิ่งย่อมยิ่งใหญ่ จะเผชิญวิกฤตชนิดใด ตัดสินใจฉับพลันได้ทันที เมื่อเจ้าใหญ่เยี่ยงปู่จะรู้ว่า เจตนาใช่หักกับศักดิ์ศรี หากเจ้าเจตนาจะปราณี ย่อมจะมีทางออกมาบอกทาง.. ๖.ลมทะเลจากอ่าวกลิ่นคาวหมึก ยังหอมลึกราวเปื้อนทั้งเรือนร่าง อยู่ในคาวเลือดคล้ายไม่เคยจาง เป็นตรายางประทับนานนับปี พ่อเด็ดเดี่ยวเชี่ยวกรากมาจากไหน ใครสอนให้ฉกรรจ์จนวันนี้ พ่อไม่ตอบแต่ตามองราตรี มองไปที่เรือปู่ในอู่เรือ. ๙ มกราคม ๒๕๕๔
21 มกราคม 2554 22:24 น. - comment id 1181018
21 มกราคม 2554 22:33 น. - comment id 1181022
สุดยอดเลยค่ะ อ่านภาคแรก ก็เป็นแนวคิดของคนในเรืออีกลำหนึ่ง ภาคสองก็เป็นแนวคิดของเรืออีกลำหนึ่ง ฝีมือจริงๆเลย...
22 มกราคม 2554 02:22 น. - comment id 1181034
ขอบคุณค่ะ...ที่นำมาให้อ่าน จะขอนำเป็นต้นแบบในการแต่งและดำเนินเรื่อง และอีกมากมายที่ท่านแนะนำ.. ต้องมีพรสวรรค์และพรแสวงด้วยนะคะ ที่เราจะทำได้..ใกล้เคียงกับ..ต้นแบบ บูมอ่านกลอนท่าน..เสมอ..เสมอ ...........ด้วยความนับถือ..........
23 มกราคม 2554 22:35 น. - comment id 1181038
หวัดดีอีกครั้งค่ะ โห..สำหรับบทนี้อ้อยอ่านถึง 3 รอบ.. อยากบอกว่า "เต็มอิ่ม" จริงๆค่ะ ขอบคุณงานดีๆ ที่มีมาฝากเพื่อนๆนะคะ ขอบคุณจริงๆ
22 มกราคม 2554 05:17 น. - comment id 1181040
อ่านเรือลำนี้ค่อยเข้าใจ ระหว่างพ่อ ลูก ยัน ปู่ คำสรุปคมชัดในวรรค ถูกใจ... ด้วยความชื่นชม...
22 มกราคม 2554 08:49 น. - comment id 1181052
มาอ่านมุมมองที่ 2 คุณฤทธิ์เป็นลูกชาวเลหรือเปล่าคะ อยากทราบ อิอิ
22 มกราคม 2554 09:46 น. - comment id 1181056
22 มกราคม 2554 10:15 น. - comment id 1181060
งดงาม ลุ่มลึก เช่นเดิม.....สหายท่าน
22 มกราคม 2554 15:24 น. - comment id 1181113
Wow...Wow...Wow... ! "Mesmerize"....แซมอ่านแล้วรู้สึก แบบนี้จริงๆ ค่ะ... Mesmerize มีความหมายในทำนองว่า...มนต์สะกด... แซมอ่านจบแล้ว รู้สึกหัวใจพองๆ ยังไงไม่ทราบ แซมคิดว่า นั่นเป็นความรู้สึกซาบซึ้ง... เป็นความรู้สึกของคนที่รักในการอ่าน และเขียนกลอน แล้วพบว่า มีใครบางคนที่สร้างสิ่งที่เราหลงไหลขึ้นมาได้อย่างงดงาม... บางทีแซมก็อยากจะสมมุติว่า แซมเขียนงานที่งดงามอย่างนี้ได้บ้าง.... ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่แบ่งปัน... (ดีใจจัง...คืนนี้แซมจะฝันดีแระ....) แซมค่ะ
22 มกราคม 2554 16:16 น. - comment id 1181138
สุดยอดครับท่านฤทธิ์ ศรีดวง ... งานแบบนี้คือ master piece เลยครับ
22 มกราคม 2554 23:05 น. - comment id 1181210
๑.สวัสดีอีกครั้งสหาย . ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมกิจการครับ ๒.ฝน หวัดดีอีกครั้ง ที่จริงเป็นเรื่องต่อเนื่องจากชุดก่อนๆครับ เริ่มจาก ปลดระวาง ที่เขียนไว้ล่าสุดสำหรับชุดเรือประมง อันนั้นเล่าเรื่องของผู้เป็นปู่ เหตุการณ์ต่อจากปลดระวางก็คือเรื่อง คำเฒ่าเล เขียนไว้ก่อนหน้า ปลดระวาง เป็นปี อันนั้นเป็นช่วงที่ปู่สอนผู้เป็นพ่อของตัวละครในภาคนี้ ก่อนเขียน ปลดระวาง ก็มีเรื่อง บิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์คู่ขนานกันกับ ปลดระวาง นั่นงานงานลักษณะสองมุมมองเหมือนกันครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่มีให้กันเสมอมา ๓.คุณบูม ลองตั้งใจและใช้เวลามากสักหน่อยดีกว่าครับ จะส่งมาให้คอมเมนท์ก็ได้ (ถ้ารอไหว) หรือจะให้เมนท์หน้าจอก็ได้(เกรงท่านอื่นจะหมั่นไส้เหมือนกัน) ยังไงเสียก็เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดครับ ๔.ยาแก้ปวด สวัสดีอีกครั้ง คงไม่มีให้อ่านอีกพักใหญ่ครับ จนกว่างานจะเสร็จ อาจเป็นปีหน้า ๕.น้องเฌอมาลย์ ไม่ใช่ครับ เป็นคนสมุทรปราการโดยกำเนิด เรื่องจับปลาน้ำจืดจะชำนาญกว่า แต่มีคนรู้จัก ญาติไปเป็นลูกเรือประมงเหมือนกัน แต่เห็นเรือตั้งเกมาตั้งแต่เด็กที่ตลาดปากน้ำ ตรงนั้นติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงลงปากอ่าว บางทีก็ไปแถววัดอโศกราม บางปูบ้าง ไปดูป่าโกงกาง นก ทะเลโคลน ปูเสฉวน ก็เลยพอมีข้อมูลมาเขียน แต่นั้นเองน้อง ๖.คุณมือเล็กๆ ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือครับ ๗.ท่านมนต์กวี อยากแต่งเพลงเหมือนกันครับ สอนบ้างได้ไหม ๘.คุณแซม เคยฟังเพลงของ secret garden หรือเปล่าครับ ตอนที่พิมพ์ตอบคอมเมนท์ตอนนี้ผมก็เปิดฟัง ฟังจาก youtube ครับ เปิดฟังเกือบทุกครั้งที่เปิดคอมฯ รู้สึกผ่อนคลายและมีจินตนาการ คุณแซมลองดูครับอาจจะช่วยต่อเติมจินตนาการก็ได้ จินตนาการถ้าล้ำหน้าเหตุผลนิดนิด ผมเชื่อว่ามีพลังสร้างสรรค์อย่างมากครับ ๙.คุณสีเมจิก ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆครับ
23 มกราคม 2554 07:45 น. - comment id 1181238
นานมากเลยนะครับ หายไปเที่ยวนี้ คิดว่าจะไม่กลับมาแล้ว ดีใจที่กลับมาสร้างสรรค์ ผลงานให้ได้อ่านกัน บ้านกลอนถ้าขาดคุณฤทธิ์ สำหรบผมรู้สึกว่าเหมือน ขาดอะไรไปอย่าง คุณฤทธิ์เป็นแรงบันดาลใจ ของคนหลายๆ คนในนี้ รวมทั้งผมด้วย ขอบคุณผลงาน ขอบคุณความตั้งใจ และขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกัน ขอบคุณครับ
24 มกราคม 2554 08:50 น. - comment id 1181307
เข้ามาอ่านและมาคารวะคุณฤทธิ์ครับ ชื่นชมจินตนาการและมุมมองที่แยบคาย ของท่านมากๆครับ..พลันจะฝึกก็ไม่ทราบต้อง ใช้เวลาสักมากเท่าไหร่ จะได้สัก 1 เสี้ยว..อิอิ ทั้งลำดับ..และการถ่ายทอด..ตื่นเต้นอย่างน่าประทับใจ... ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ..จึงอยากจะทักทายเพราะ เกรงคุณฤทธิ์จะหายไปอีกครับ..
24 มกราคม 2554 09:57 น. - comment id 1181318
ทุกคำที่ท่านแนะนำ..จะเก็บไว้สอนตนเองตลอดนะคะ แต่อาจยังทำไม่ได้ดีนัก..เพราะนิสัย.ขาดคุณภาพ ระยะนี้เลยยังมิได้เขียนกลอนที่ไหนเลย เพราะแนวเก่าๆ มันติดเล่นเกินไป(อย่างที่ท่านว่า..มา) เมื่อมีอาจารย์ดีๆ แนะนำช่วยเหลือ-ก็ไม่อยากให้ท่านผิดหวัง ถ้าวันไหน..มีกลอนที่ตนเองคิดว่ามีคุณภาพจะรบกวนท่านอีกนะคะ ขอบพระคุณทุกคำวิจารณ์ค่ะ.. ท่านกล่าวถูกต้องและตรงประเด็น จะระลึกไว้เสมอ..ที่ท่านมีน้ำใจให้เป็นที่สุด... ................................................
24 มกราคม 2554 20:04 น. - comment id 1181437
อ่านแล้วก็ฉุกคิดในอีกมุมหนึ่ง ชาวเรือยังมีดาวเหนือให้ดูเมื่อจะออกเรือ แล่นไปตามทิสทาง ไม่หลงทิศ แต่ทุกวันนี้... บางครั้ง บางคน บางขณะ ไม่รู้จะก้าวงเดินไปทางไหน.. ทางไหนๆ ก็ไม่น่าไป เดินจนเหนื่อย..งไม่พบสิ่งที่ปรารถนา... ขอบคุณงานงามๆ แง่คิดดีๆค่ะคุณฤทธิ์
24 มกราคม 2554 22:12 น. - comment id 1181458
คุณนักสืบ ขอบคุณที่ยังระลึกถึงกัน ดีใจที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับบางคน ผมเข้ามาที่นี่ตั้งแต่แต่งกลอนไม่ได้เรื่อง จนกระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม ได้ฝึกปรือ เห็นแบบอย่างจากที่นี่ ตะลึงกับผลงานหลายๆท่านในวันแรกที่เข้ามา ต่อไปไม่ว่ายังไง ผมก็จะยังคงมีผลงานลงที่นี่ อาจจะไม่บ่อยนัก ที่นี่เป็นเหมือนบ้าน เป็นมาตลอด และจะตลอดไปครับ .............................................................. คุณอ้อย หวัดดีครับ อ่านสามรอบ เพราะไม่รู้เรื่องหรือเปล่าครับ (อันนี้ถามจริงๆ) ห่วงนะ ผมห่วงวงการร้อยกรองบ้านเราจัง วันก่อนไปซื้อกวีนิพนธ์รางวัล นายอินทร์ อ่าน ได้คุยกับคนขาย เธอบอกว่าหนังสือพวกนี้ พิมพ์น้อยเพราะขายยาก จะมีแค่คนอ่าน เฉพาะกลุ่ม หรือนักเรียนที่ทำรายงานเท่านั้น ถามเหตุผลว่าทำไมคนไม่ชอบอ่าน คำตอบก็คืออ่านไม่รู้เรื่อง ต้องเหนื่อยกับการตีความ ผมคิดถึงงานของคุณจิรนันท์ จำได้ว่า ตอนนั้นหนังสือเรื่องใบไม้ที่หายไป ขายดีมาก เป็น best seller ผมยังซื้ออ่านเลย อ่านแล้วเข้าใจเรื่องได้ง่าย แล้วผมก็เอาหนังสือรางวัลนายอินทร์ที่เพิ่งซื้อกลับบ้าน แล้วผมก็อ่าน อ่านไปได้ไม่กี่เรื่อง แล้วผมก้วางมันลง..เพราะผมอ่านไม่รู้เรื่อง แล้วผมก็กลับไปอ่านสารคดีวิทยาศาสตร์ .................................................................. คุณจ้อง เจรียงคำ สวัสดี และยินดีที่ได้รู้จัก คุณจ้องก็เขียนงานได้ดีนี่ครับ ดีใจที่มีโลกออนไลน์ อย่างน้อยก็มีเวทีให้กับ เราๆท่านๆได้ฝึกปรือ และได้พบปะประสาคนคอเดียวกัน คงได้คุยกันอีกเรื่อยๆนะครับ .................................................................. คุณบูม ต่อไปเอาเจ๋งๆ มาสามบทพอ ถอดหัวใจเขียนเลยนะ แล้วค่อยว่ากัน ................................................................... คุณวุ้นเส้น ท่าทางเหมือนกำลังเหนื่อย มีอะไรหรือเปล่า ลองเขียนระบายมาซิ โลกไซเบอร์ พอช่วยได้นะ ยังรำลึกถึงกันเสมอครับ ................................................................... ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆครับ
25 มกราคม 2554 08:43 น. - comment id 1181496
คุณฤทธิ์.... ถามจริงๆ..อ้อยก็ตอบตรงๆเลยแล้วกัน.... ที่ว่าอ่านสามรอบเนี่ย..อย่าเข้าใจผิดว่าอ้อย ไม่รู้เรื่อง...แต่เพราะอ่านรอบเดียวมันยัง ไม่อิ่มอ่ะ..เลยต้องเวียนกลับมาอ่านอีก.. อันนี้คือนิสัยอ้อยด้วย..ถ้าชอบหรือประทับ ใจกลอนบทไหน..อ้อยก็จะเวียนมาอ่านบ่อยๆ ถึงแม้ว่ากลอนนั้นจะตกหน้าแรกไปแล้วก็ตาม และที่คุณฤทธิ์พูดถึงกวีนิพนธ์ อ้อยเคยได้อ่านเหมือนกัน..แล้วก็เกิดอาการ แบบที่คุณฤทธิ์ว่า คืออ่านไม่รู้เรื่อง..เหมือนจะ เข้าไปไม่ถึงยังไงยังงั้น...
25 มกราคม 2554 21:58 น. - comment id 1181637
ประทับใจทุกครั้งที่แวะมาอ่านผลงานของพี่ค่ะ
25 มกราคม 2554 23:35 น. - comment id 1181659
ราวกับว่าผมเองได้อยู่ในเหตุการณ์อย่างไรอย่างนั้นเลย ประทับใจมากๆครับ
26 มกราคม 2554 14:16 น. - comment id 1181764
สวัสดีค่ะ คงไม่ต้องชมแล้ว ประทับใจมากค่ะ
26 มกราคม 2554 21:26 น. - comment id 1181805
คุณอ้อย อา...มีเพื่อนที่อ่านกวีนิพนธ์ ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้ควรจะดีใจหรือเปล่าเนี่ย จริงๆแล้วสะท้อนใจมากกว่า ขนาดพวกเรา ที่ชอบงานร้อยกรองยังอ่านไม่รู้เรื่อง แล้วคน ทั่วๆไปที่เขาตั้งแง่ไว้ตั้งแต่แรกอ่าน จะเป็นไง บ้าง ก็ไม่รู้ ดีใจนะครับที่ได้คุยกัน ................................................................. คุณคมดาบนารี สวัสดีน้อง ไม่ได้คุยกันนานมาก สบายดีหรือเปล่า ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ ................................................................... คุณศุภนาคราช สวัสดีครับ ลองเขียนดูบ้างซิครับ สนุกดี อยากเห็นเด็กรุ่นใหม่ๆ สนใจงานร้อยกรอง ช่วยกันสืบสานหน่อย แล้วคงได้เห็นผลงานนะครับ ................................................................. คุณวลีลักษณา สวัสดีกวีสาวมือทอง ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ ................................................................. ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆครับ
27 มกราคม 2554 21:43 น. - comment id 1181993
ยิ่งคมกริบ ยิ่งนิ่ง ย่อมยิ่งใหญ่ วรรคนี้โดนมากครับ
30 มกราคม 2554 00:35 น. - comment id 1182336
31 มกราคม 2554 20:59 น. - comment id 1182525
...ท่านเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นกำใจให้ผม ขอชื่นชมจากใจครับ
2 กุมภาพันธ์ 2554 16:36 น. - comment id 1182752
3 กุมภาพันธ์ 2554 10:25 น. - comment id 1182851
คุณเอื้องคำ ขอบคุณที่มาทักทาย คุณ tiki ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยือนครับ คุณพงษ์ สุนนท์ ดีใจครับที่เป็นแรงบันดาลใจให้ท่าน และหวังว่างานของท่านจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้นครับ ปิง หวัดดี ไม่เจอกันนานมาก สบายดีนะครับ .............................................................. ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆครับ