ลมรำเพยเชยผกาช่างว้าวุ่น กลิ่นละมุลปลิวตลบกลบนาสา เจ้าชูช่อรอใครในพสุธา หรือรอแสงสุริยามาโลมเชย เฝ้าประโลมดอกฟ้ามิลาร้าง ชะรอยทางมืนมนจนสุดเฉลย ว่าภูมรินทร์หลงแล้วแก้วทรามเชย ไฉนเลยเจ้าดอกงาม..หยามน้ำใจ มองรายรอบขอบฟ้านภากาศ มิแม้นมาดงามงดสดไสว หากสิ้นกลิ่นดอกนี้..ที่ปรุงใจ ควรหรือไร..จะห้ามเพลินเมินภิรมย์ โอ้แสงหล้าราตรีมีจันทร์ส่อง ประหนึ่งมองก็สำแดงแฝงขื่นขม จันทร์อาบฟ้าคงชื่นกลืนกมล เราทน..หมองเศร้าเฝ้าบัวบาน .แบบว่า ภาพจาก...http://210.246.188.51/goverment/www.bug.com/image/bee2.jpg
29 พฤศจิกายน 2553 10:50 น. - comment id 1170947
แบบว่า..แบบ เป็นไรไปอ้ะ.... เดี๋ยวแซมเลี้ยงไอติมนะ.. มวลมาลี สีกลิ่น ประทิ่นหวล เพื่อยั่วยวน มวลภมร ให้อ่อนไหว ภุมรินทร์ ทดท้อ เพราะเหตุใด พันธ์มาลัย มากมี สีสะคราญ อย่ามัวตรม ซมเหงา เจ้าผึ้งภู่ จงบินสู่ แสงตะวัน อันอ่อนหวาน จะไม่เด็ด ไม่ดม ให้สมมาน รอเกินกาล บัวจะลับ แล้วดับโรย... มัวแต่เศร้าอยู่ เดี๋ยวนางพญาผึ้ง มาจัดการหรอก.. แซม
29 พฤศจิกายน 2553 17:30 น. - comment id 1170948
พักหลังกลอนท่านขันทีนี่ หลงแสงจันทร์ตลอดเลย สงสัยเมาอยู่กลางราตรีแหงๆ อิอิ
29 พฤศจิกายน 2553 12:24 น. - comment id 1170972
หวัดดีขอรับ...ท่านจะไม่เด็ด... ออกลูกน้อยใจ...มาเรยยย...นะท่าน... ไพเราะมากมาย... รอผกาผลิบาน...แล้วก็หอมต่อ... ซะเป็นไร... แจมด้วยคนขอรับ...ท่าน... ยามลมโชย...เจ้าโบยฟ่อง...เกสรฟุ้ง หอมจรุง...กลิ่นผกา...จากฟ้าสรวง ภมรร่อน...ว่อนบินเร้น...เช่นลมลวง ชื่นแต่ทรวง...แต่มิรู้...อยู่หนใด หลงทิศบิน...ด้วยจินต์รัก...จักชมชื่น กรุ่นกลิ่นฝืน...มิอาจเมิน...ที่เพลินไหว หลงดอมกลิ่น...ผลินผกา...ว่าอยู่ใด หลอนฤทัย...จนใจเศร้า...เฝ้าดอมดม ชื่นใจ...เป็นพอ...ขอรับ...
29 พฤศจิกายน 2553 21:22 น. - comment id 1170981
คุณ Kirati ยามลมโชย...เจ้าโบยฟ่อง...เกสรฟุ้ง หอมจรุง...กลิ่นผกา...จากฟ้าสรวง ภมรร่อน...ว่อนบินเร้น...เช่นลมลวง ชื่นแต่ทรวง...แต่มิรู้...อยู่หนใด หลงทิศบิน...ด้วยจินต์รัก...จักชมชื่น กรุ่นกลิ่นฝืน...มิอาจเมิน...ที่เพลินไหว หลงดอมกลิ่น...ผลินผกา...ว่าอยู่ใด หลอนฤทัย...จนใจเศร้า...เฝ้าดอมดม . . ภมรภู่อยู่เดี่ยวเปลี่ยวอ้างว้าง เห็นแสงจางจากฟ้าพาเสกสม กางปีกบินชมผกาน่าอุดม ทอดอารมณ์ชมไม้ลายผกา ดำรงค์เฝ้าเกษรแต่อ้อนออด แม้นม้วยมอดจะดำรงค์ซึ่งวงษา น้ำผึ้งหวานช่วยดำรงค์วงษ์ภุมรา จึงเลอค่าควรถนอมและยอมภักดี... ....แบบว่าคุณกิราติแต่งได้แจ่มขนาดนี้...ผมคิดนานเลยครับ...ขอบคุณครับที่มาร่วมซึมซับบรรยากาศ...
29 พฤศจิกายน 2553 14:48 น. - comment id 1170989
อุ๊ย...!!! อิอิ แก้...จร้า... ยามลมโชย...เจ้าโปรยฟ่อง...เกสรฟุ้ง หอมจรุง...กลิ่นผกา...จากฟ้าสรวง ภมรร่อน...ว่อนบินเร้น...เช่นลมลวง ชื่นในทรวง...แต่มิรู้...อยู่หนใด หลงทิศบิน...ด้วยจินต์รัก...จักชมชื่น กรุ่นกลิ่นฝืน...มิอาจเมิน...ที่เพลินไหว หลงดอมกลิ่น...ผลินผกา...ว่าอยู่ใด หลอนฤทัย...จนใจเศร้า...เฝ้าดอมดม อ่ะจร้า....
29 พฤศจิกายน 2553 21:07 น. - comment id 1170995
คุณ cicada มวลมาลี สีกลิ่น ประทิ่นหวล เพื่อยั่วยวน มวลภมร ให้อ่อนไหว ภุมรินทร์ ทดท้อ เพราะเหตุใด พันธ์มาลัย มากมี สีสะคราญ อย่ามัวตรม ซมเหงา เจ้าผึ้งภู่ จงบินสู่ แสงตะวัน อันอ่อนหวาน จะไม่เด็ด ไม่ดม ให้สมมาน รอเกินกาล บัวจะลับ แล้วดับโรย... . . โอ้มาลีสีสวยรวยระยับ อย่าลาลับเลยไกล..ภู่ให้โหย กลัวเกษรอ่อนล้าคราลมโชย ก็ปลิวโปรยหล่นลงแม่คงคา จะไม่เด็ด..ให้ช้ำกรำแต่ก่อน จะเพียรอ้อนแอบชิดสเน่หา กำซาบหยาดเกษรผ่อนอุรา ถนอมผกาดอกนั้นนิรันดร.. ....แบบว่า.......ผมขอไอติมซัก 10 แท่งนะครับ...ชีวิตมันเศร้า
29 พฤศจิกายน 2553 21:25 น. - comment id 1170998
ท่านนเพ่..ยาแก้ปวด ....แหม..แค่อ่านกลอนก็รู้ว่าผมมาวววว...ช่างเป็นอะไรที่...ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ
30 พฤศจิกายน 2553 05:59 น. - comment id 1171041
30 พฤศจิกายน 2553 09:31 น. - comment id 1171090
นึกว่าเป็นมดแดงเสียอีกค่ะคุณน้อง