๐ เห็นเขานั่งอยู่นานยามพานพบ ไม่เคยสบตาใครที่ได้ผ่าน เหมือนเหม่อลอยเลือนล่องจับท้องธาร อาจวาดงานสานฝันตามครรลอง ๐ ลมยามเย็นโลมไล้ล้อสายน้ำ บอกเตือนย้ำคนเหงายิ่งเศร้าหมอง ส่งสายตาฝ่าไฟบ้านในคลอง กระทบท้องธารน้ำที่ย้ำเงา ๐ เขาก้าวข้ามแคมเรือเมื่อใกล้ออก ท่าบ่งบอกอ่อนโยนเจือโทนเหงา แลเลยไปไกลตาฟากฟ้าเทา ปานเพียงเขาดื่มด่ำเพียงลำพัง ๐ ข้ามมาจากฟากข้างฝั่งขะโน้น เพื่อปลอบโยนหัวใจพอให้หวัง ฝืนคำปลอบตอบใจเติมใส่พลัง ราวรอฟังแสนนานแต่ผ่านเลย ๐ เรือตีวงคงคล้ายเคยหมายรุด นายท้ายฉุดคันเร่งตาเพ่งเฉย เรือเทียวไปเทียวมาฝ่าคุ้งเคย มุ่งเทียบเกยโป๊ะทอดจอดเทียบลำ ๐ คอยลอบมองรอบกายคนคล้ายรีบ เวลาบีบสัญญาณโชว์มาโทรฯย้ำ ซื้ออาหารหวานคาวเจ้าประจำ เผื่อมื้อค่ำบางทีมีใครคอย ๐ ขับโต้คลื่นฝืนกรายแหวกสายน้ำ ห้วงลึกล้ำฝ่าแยกแตกเป็นฝอย ใกล้ถึงฝั่งตั้งใจให้ล่องลอย จังหวะคอยถอยให้ได้พอดี ๐ เรือถึงท่าปะปนต่างคนเร่ง กระโดดเกร็งขาก้าวซอยเท้าถี่ ต่างไปสู่จุดหมายที่ได้มี มุ่งไปที่พักผ่อนแต่ก่อนมา ๐ เขาเริ่มยืนหยัดกายเกือบท้ายสุด ก่อนก้าวมุดขึ้นฝั่งไปยังท่า หากก้าวข้ามตามทางอย่างเฉยชา คงเพราะว่าหามีใครที่ให้รอ.. ............... คนกุลา ปลายวสันต์
25 กันยายน 2553 23:52 น. - comment id 1158694
แถววังหลังนี่เองนะคะ แวะมาดื่มด่ำผลงานของคุณคนกุลา ที่ยังไพเราะเช่นเคยค่ะ มุมมองอีกมุมหนึ่ง ที่หลายต่อหลายครั้ง เรามองผ่านไป โดยไม่ใส่ใจ
26 กันยายน 2553 04:42 น. - comment id 1158704
เธอนั่งอยู่ ท่าน้ำ ยามสายสาย มองเรือพาย ส่ายตา หาเรือหาง ผ่านลำแล้ว ลำเล่า เฝ้าไม่วาง จนแสงลาง ตะวันลับ กลับขึ้นเรือน วันอาทิตย์ ตอนเช้า ไปเฝ้าใหม่ ผ่านเลยไป เลยมา ถ้าจะเหมือน เมื่อวันวาน ผ่านแล้ว แก้วไม่เยือน ตะวันเลื่อน คล้อยหล่น จนเยือกเย็น เช้าวันเสาร์ สายสาย ปลายท่าน้ำ ผ่านหลายลำ เลยไป ยังไม่เห็น เฝ้ารอเจ้า เช้าสาย ถึงบ่ายเย็น อกลำเค็ญ รอลูกยา กลับมาเยือน เหงาแทนเลยค่ะ... กลอนไพเราะมากค่ะ.... แซม
26 กันยายน 2553 08:31 น. - comment id 1158731
ก็เป็นแค่ชายชราที่ท่าน้ำ ทุกเย็นย่ำนั่งนิ่งไม่ติงไหว สายตาเหม่อมองอย่างไม่ตั้งใจ สู่น้ำไหลเอื่อยผ่านม่านนที ชีวิตที่เกิดมากว่าจะถึง วันที่ซึ่งนั่งดูอยู่อย่างนี้ วันที่ทอดถอนใจใกล้วารี วันที่สีท้องฟ้าพามืดมน จากร่างกายแข็งแรงแกร่งดังผา จากดวงหน้าสดใสไร้รอยย่น จากเนื้อหนังเต่งตึงที่พึงยล สู่ร่างคนชราที่ล้าใจ ผ่านเวลามากหลายทำลายร่าง ทุกข์สุขต่างขวางมีดเหมือนกรีดไว้ ฝากรอยแผลร้าวลึกรู้สึกใน ผ่านร่างกายสู่หทัยวัยชรา เมื่อคนรักคนสนิทที่ชิดใกล้ ต้องจากไปทีละคนจนผวา เหลือแต่เพียงชีวิตจิตชรา กับน้ำตาเอ่อล้นท้นภายใน เป็นแค่เพียงชายชราที่ท่าน้ำ ทุกคืนค่ำนั่งนิ่งไม่ติงไหว สายตาเหม่อมองอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อไหร่นะจะไปได้สักที.. เอากลอนเก่าๆ มาแจมครับ จะได้ช่วยเพิ่มบรรยากาศ สบายดีนะครับ
26 กันยายน 2553 08:34 น. - comment id 1158732
ตัดกลอนมาสองช่วง ต่อกัน เพื่อไม่ให้ยาวนัก แต่ มาซ้ำ คำว่า "ชรา" ต้องขอโทษด้วยครับ
26 กันยายน 2553 18:46 น. - comment id 1158776
เศร้าอีกแล้วครับท่าน เมื่อวันก่อนไปกรุงเทพฯ ผมก็ไปเจอคนเศร้าที่ป้ายรถเมล์ นับวันยิ่งมีคนเศร้าหรือครับ
26 กันยายน 2553 19:35 น. - comment id 1158780
** ค่ำคืนนี้ มีดาว พร่างพราวแสง ส่องด้วยแรง สว่าง กลางฟ้าหมอง ดุจผ้าดำ กำมะหยี่ จุดสีทอง ให้เรืองรอง กระจ่าง ณ. กลางใจ อุปสรรค ขวางหน้า นั้นอย่าท้อ จุดไฟก่อ มุ่งมั่น มิหวั่นไหว ล้มแล้วลุก ฝ่าฟัน มหันต์ภัย สู่หลักชัย มุ่งหมาย มิคลายคลอน หนทางไกล ก้าวต่อ อย่ารอช้า ทุกเวลา ตัวเรา พร่ำเฝ้าสอน ฝึกสติ ปัญญา เอื้ออาทร ธรรมสังวรณ์ เผื่อแผ่ชน ทุกคนไป ** ค่ำคืนนี้ มีดาว พร่างพราวแสง ส่องด้วยแรง ศรัทธา พาสดใส พร้อมด้วยรัก ความหวัง พลังใจ สร้างวันใหม่ ให้สวยสด และงดงาม...ฯ กลอนเศร้าค่ะ...มาแจมบทกลอน...สร้างวันใหม่...เพื่อให้กำลังใจกันนะคะ.. หายไปนาน...ระลึกถึงเสมอค่ะ..ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ....
26 กันยายน 2553 19:48 น. - comment id 1158785
แวะมาอ่านกลอนและทักทายค่ะคุณลุง
26 กันยายน 2553 20:16 น. - comment id 1158797
บูม..ก็ชอบนั่งที่ท่าน้ำ..ได้ความรู้สึกมากมายคลับคล้ายกัน...ค่ะ
27 กันยายน 2553 14:22 น. - comment id 1158891
อ่านแล้วก็ เหง๊าา เหงา ผมก็ชอบนั่งมองทะเล มองท่าน้ำ มันเย็นใจ ได้ความรู้สึกร้อยพันเลยครับ กลอนเพราะมากเลยครับ
27 กันยายน 2553 19:09 น. - comment id 1158915
แถววังหลังนี่เองนะคะ แวะมาดื่มด่ำผลงานของคุณคนกุลา ที่ยังไพเราะเช่นเคยค่ะ มุมมองอีกมุมหนึ่ง ที่หลายต่อหลายครั้ง เรามองผ่านไป โดยไม่ใส่ใจ คมดาบนารี """"""""""""""""""""""" ขอบคุณที่มาเยือนกันนะครับ หลายคนแถวท่าน้ำจะเร่งรีบ เพราะเป็นรอยต่อของการเดินทางระหว่าง รถ กับเรือ แต่ผมมักเห็นบ่อยๆ ที่มีคนบางคนนั่งเหงาๆอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานๆ ก็เลยพยายามสะท้อนว่าเขาคือใคร ทำใมมานั่งเหงาๆยู่ที่นั่นนะครับ
27 กันยายน 2553 19:31 น. - comment id 1158922
เธอนั่งอยู่ ท่าน้ำ ยามสายสาย มองเรือพาย ส่ายตา หาเรือหาง ผ่านลำแล้ว ลำเล่า เฝ้าไม่วาง จนแสงลาง ตะวันลับ กลับขึ้นเรือน วันอาทิตย์ ตอนเช้า ไปเฝ้าใหม่ ผ่านเลยไป เลยมา ถ้าจะเหมือน เมื่อวันวาน ผ่านแล้ว แก้วไม่เยือน ตะวันเลื่อน คล้อยหล่น จนเยือกเย็น เช้าวันเสาร์ สายสาย ปลายท่าน้ำ ผ่านหลายลำ เลยไป ยังไม่เห็น เฝ้ารอเจ้า เช้าสาย ถึงบ่ายเย็น อกลำเค็ญ รอลูกยา กลับมาเยือน เหงาแทนเลยค่ะ... กลอนไพเราะมากค่ะ.... แซม cicada ......................... ๐ เขานั่งรอใครกันจนจันทร์ฉาย ฟ้าเลี่ยมลายหมายตาที่ท่าน้ำ เสียงเรือหางผ่านไปก็หลายลำ จนเหมือนขึ้นใจในเสียงเรือ ๐ ทุกยามเย็นเห็นเขามาเฝ้าท่า ทุกเวลาที่ผ่านเหมือนนานเหลือ ได้เวลาตะโกนก้องเสียงร้องเครือ ทุกทุกเมื่อที่รอ คอย"พ่อ"มา... อารมณ์ เหงา และดีใจ ยามคอยพ่อที่ท่าเรือ ของเด็กชายน้อยๆ ครับ
27 กันยายน 2553 19:33 น. - comment id 1158924
ตัดกลอนมาสองช่วง ต่อกัน เพื่อไม่ให้ยาวนัก แต่ มาซ้ำ คำว่า "ชรา" ต้องขอโทษด้วยครับ ไร้อันดับ .................... ขอบคุณ และดีมาก ครับ กลอนสองบทนี้ ผมเคยอ่านมาครับ อย่างน้อย ก็หนึ่งบท หละ ครับ
27 กันยายน 2553 19:35 น. - comment id 1158925
เศร้าอีกแล้วครับท่าน เมื่อวันก่อนไปกรุงเทพฯ ผมก็ไปเจอคนเศร้าที่ป้ายรถเมล์ นับวันยิ่งมีคนเศร้าหรือครับ # อินสวน ........................... คนกุลา ไม่ได้เศร้า หรอกครับ แต่เขียนเรื่องคนเศร้า ที่ไปเห็นนะครับ เลยลองจินตนาการความรู้สึกของเขาดูนะครับ
27 กันยายน 2553 19:36 น. - comment id 1158927
แวะมาอ่านกลอนและทักทายค่ะคุณลุง # แก้วประภัสสร ........................... สวัสดี และขอบคุณ นะครับ หลานแบม
27 กันยายน 2553 19:38 น. - comment id 1158928
บูม..ก็ชอบนั่งที่ท่าน้ำ..ได้ความรู้สึกมากมายคลับ คล้ายกัน...ค่ะ Boomerang คงเป็นเช่นนั้น จริงๆ ครับ ผมเวลาไปทานอาหารร้านริมน้ำ ก็ชอบนั่งติดแม่น้ำ และดูเรือผ่านไปมา ก็อารมณ์แบบเดียวกันนี้แหละ หากไปทาน คนเดียว นะครับ
27 กันยายน 2553 19:39 น. - comment id 1158929
อ่านแล้วก็ เหง๊าา เหงา ผมก็ชอบนั่งมองทะเล มองท่าน้ำ มันเย็นใจ ได้ความรู้สึกร้อยพันเลยครับ กลอนเพราะมากเลยครับ ศุุภนาคราช ....................... เช่นกัน เลย ครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนนะครับ
27 กันยายน 2553 19:57 น. - comment id 1158931
กลอนเศร้าค่ะ...มาแจมบทกลอน...สร้างวันใหม่...เพื่อให้กำลังใจกันนะคะ.. หายไปนาน...ระลึกถึงเสมอค่ะ..ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ.... ราชิกา .......................... ขอบคุณ นะครับ คุณตุ้ม ที่มาแจมด้วยกลอน ให้กำลังใจ เขียนเรื่องคนเหงา บางคนนะครับ ส่วนผม นะไม่ค่อยมีเวลาเหงา เลยครับ เพราะงานยุ่งตลอด นะครับ ๐ ดาวประกายปรายแสงแต่งขอบฟ้า ราวดวงตาห่วงใยส่องไถ่ถาม ปลอบยามเหงาทุกคราขอบฟ้าคราม ที่วาววามวิบวับงามจับใจ ๐ ทุกคราเศร้าเคล้าโศกวิโยคหวล จิตรัญจวนหม่นหมองมิผ่องใส ทุกคืนคราครั้นคราวร้าวหทัย เหมือนคนไกลมาเย้าให้เศร้าคลาย ๐ คือดาวดวงประดับคอยรับขวัญ คราตะวันลับไศลพาใจหาย กระพริบพริ้มพิมพ์ราวเจ้าทักทาย ทุกข์มลายปานน้องน้อยคลอยปลอบทรวง... ระลึกถึงและเป็นห่วงเช่นกัน ครับ คุณ ตุ้ม ดูแลสุขภาพและพักผ่อนมากๆ นะครับ แสนคำนึง
15 ตุลาคม 2553 15:37 น. - comment id 1162134
To demonstrate my argument, let us look at the US (federal) and UK (unitary). US states know they have certain powers - setting state taxes, local law enforcement, true religion. But over time the states, who were supposed to be primary, were gradually overwhelmed by the central government. No serious observer should argue with the idea that the central government has grown at the expense of the states (cheap true religion). Why have states been unable to keep certain powers when challenged, even though the states say they reserve these powers? I would argue that US states don't come to each other's aid as often as they could. They suffer from a sort of diffuse responsibility: each time the central cheap true religion online saletries to exert power over a state, the other states say, "well, that's not me" and do nothing. This is easier because it's not always obvious when one state's loss will be expanded into another state's. One day the government says it wants to regulate porn coming into Alabama and Texas does not stand with its sister state. The next decade, the government is striking down Texan bans on cheap true religion Jean. Maybe if the states had teamed up, the government wouldn't have been able to pull it off.