๐ เวิ้งฟ้ากว้างพร่างพรายแดดสายสาด ต้องหยดหยาดแวววาวคล้ายดาวใส ร้อนแดดยามแผดลงคงคายไอ แพรเพชรไหวที่วาบคือภาพลวง ๐ เพียงได้ชื่นยามเช้าแล้วเศร้า,สาย น้ำค้างพรายพรมผกาจากฟ้าสรวง พรากช่อแล้วชื่นมาลย์รานหยดยวง คล้ายดั่งทรวงแห้งแล้งสิ้นแรงแล้ว (วลีลักษณา) ๐ ยามรักหวานกานท์กลอนอ่อนหวานนัก ยามเมื่อรักหักคลอนกลอนเริ่มแผ่ว เมื่อความเหงาเข้าเสริมเริ่มฉายแวว ออกเป็นแนว..กลอนโศกวิโยคครวญ ๐ ทั้งรันทดหดหู่ดูย่อท้อ ทั้งตัดพ้อต่อว่าครากำสรวล ทั้งหญิง-ชายหมายฝันอันรัญจวน กลับเซซวนป่วนปั่นยามฝันกลาย (อักษราฯ) ๐ เพราะภาพฝันเย้าหยอกหลอกให้หลง ยากดำรงรูปพรางจึงจางหาย จะเอื้อมคว้าก็คว้างไร้ร่างกาย ไม่อาจหมายภาพเร้นให้เป็นจริง ๐ เมื่อภาพลวงพ่วงพันในฝันหวาน ย่อมล่มลาญยามตื่นคืนทุกสิ่ง เช่นกลอนกานท์ผ่านให้ใช่ว่าติง เพียงได้อิงจินตภาพที่วาบพราย (วลีลักษณา) ๐ อันรูปรอยถอยห่างอาจพรางได้ แต่รูปในกมลฤาพ้นหาย จะประทับกับตนจนวางวาย มิสลายหายลับกับห้วงกาล ๐ อยู่กับภาพอาบฝันในวันเก่า อาจบรรเทาเหงากายคลายฟุ้งซ่าน แต่เมื่อเงาเขานั้นอันตรธาน ถึงดวงมานคลายเศร้ากลับเหงาทรวง (อักษราฯ) ๐ มองท้องฟ้าเวิ้งว้างที่กว้างไกล กับหัวใจเคว้งคว้างยามห่างหวง แม้อดีตซึมซาบเหลือภาพลวง ยังเหมือนบ่วงพ่วงพันสุดบั่นทอน ๐ ความเหงาเงียบเยียบเย็นไม่เว้นวัน ยามพรากขวัญพรากหมายยากถ่ายถอน แม้วันนี้คลายเศร้าที่เผา,รอน หัวใจและอาวรณ์ยากผ่อนคลาย (วลีลักษณา) ๐ เพราะความเหงาเร้ารุมเหมือนสุมเชื้อ มาจุนเจือเชื้อไฟให้ขยาย ถ่านใกล้ดับกลับคุประทุพราย เหมือนประกายสายใยให้อาวรณ์ ๐ แม้นตระหนักรักนี้ถึงที่สุด มิอาจฉุดหยุดใจให้ถ่ายถอน ยังจะหวงห่วงหาและอาทร แม้ร้าวรอนนอนช้ำกับน้ำตา (อักษราฯ) ๐ ปล่อยอดีตซีดจางเลือนรางทิ้ง แม้จะยิ่งเหงาหงอยละห้อยหา ด้วยเหตุการณ์ผ่านล่วงห้วงเวลา ไม่เหลือค่าเคยซึ้งติดตรึงใจ ๐ แม้เส้นทางข้างหน้าจะว้าเหว่ สุดถ่ายเทอาวรณ์ให้ผ่อนได้ จำกล้ำกลืนฝืนทนความหม่นใน- ห้วงหทัยไหวหวั่นให้บรรเทา (วลีลักษณา) ๐ เพียงพลัดพรากจากไกลใช่ลาจาก เพียงย้ำฝากรักไว้มิให้เฉา เพียงหมายใจใกล้ชิดนิจแนบเนา เพียงหมายเฝ้าคลอซึ้งด้วยหนึ่งนาง ๐ เธอ..คือหนึ่งตรึงฤดีที่หมายมั่น เธอคือฝันอันจรุงครารุ่งสาง เธอคือจันทร์วันเพ็ญเด่นนภางค์ เธอคือดาวพราวพร่าง ณ กลางมาน (อักษราฯ) ๐ โอ้เจ้าช่อมาลียามคลี่กลิ่น หอมรวยรินโลมไล้ให้ชื่นหวาน ขอผ่านล่วงล้ำลงตรงแดดาล เพี่อสอดสานเป็นบ่วงแล้วพ่วงคล้อง- ๐ ผูกอีกทรวงแน่นหนาเกินกว่าเคลื่อน แล้วผันเลื่อนเวียนพบประสบสอง ไม่พลัดพรากจากกันมั่นประคอง เป็นคู่ครองแนบชิดนิจนิรันดร์ (วลีลักษณา) ๐ เพราะฤดีสี่ห้องร่ำร้องหา ทุกเวลาพาซึ้งคะนึงฝัน เป็นโซ่ทองคล้องเกี่ยวยึดเหนี่ยวพัน มุ่งหมายมั่นฝันชื่นให้ยืนยาว ๐ แม้หนาวเหน็บเจ็บนักที่กักเก็บ หัวใจรักอักเสบจนเหน็บหนาว ยังถวิลจินต์หมายตะกายดาว ท่ามฟ้าพราวหาวห้อมอย่างพร้อมใจ (อักษราฯ) ๐ รักแท้ใช่เพียงฝันต้องฟันฝ่า อุปสรรคนานาอย่าหวั่นไหว แม้มั่นคงก้าวย่างสู่ทางไกล ย่อมคว้าได้สักครั้งที่หวังปอง ๐ อาจเหน็จเหนื่อยเมื่อยล้าคราทุกข์เศร้า หรือเงียบเหงาเศร้าซมระทมหมอง แต่ย่อมมีวันที่ฟ้าสีทอง ให้ได้ครองสุขสมภิรมย์มาน ๐ เจ็บครั้งหนึ่งซึ้งค่าว่าเคยรัก แม้สั้นนักยามชื่นระรื่นหวาน แต่หมองหม่นทนเหงาเศร้าแสนนาน พรากสิ้นความชื่นบานจนผ่านคล้อย ๐ แผ่วพลิ้วลมพรมรื่นไล้ผืนน้ำ หรือหวนซ้ำสู่ขวัญอันยับย่อย เมื่อใจหนึ่งเคยช้ำเกรงซ้ำรอย อาจเศร้าสร้อยโศกตรมจนซมซาน (วลีฯ) ๐ เมื่อใจปลงหลงทางจนร้างฝัน ความสุขสันต์วันก่อนก็ย้อนผ่าน ดวงใจนั้นพลันแตกจนแหลกราญ ลำนำกานท์ผ่านพ้นสิ้นมนตรา ๐ เคยรำพึงถึงกันเมื่อวันก่อน ร่ายอักษรกลอนรักสลักหา กลอนกล่อมขวัญวันนี้ไม่มีมา ตำนานรักอักษรามาสิ้นมนต์ ๐ ยังเศร้าหมองครองโศกวิโยคนัก เหมือนสลักหักคาอุราหม่น ยามเจ็บช้ำกล้ำกลืนต้องฝืนทน ความทุกข์ท้นล้นหลากจนยากปลง ๐ ยามลมหวนทวนหอบหรือตอบถ้อย ให้คนคอยน้อยใจอาลัยหลง จะหยิบจับกลับกลายสลายลง ไม่ดำรงคงมั่นเพียงฝันไป ๐ แม้ต้องครวญหวนไห้อาลัยรัก เมื่อประจักษ์ภักดิ์นั้นยังสั่นไหว แม้ระกำช้ำหมองครองฤทัย เจ็บเพียงไรใจหนอยังขอทน (อักษราฯ) ๐ เมื่อลมหวลชวนฝันสัมพันธ์ต่อ ควรรีบก่อรูปรอยแล้วคอยผล สูดความหอมโหยหาความน่ายล อย่าร้อนรนคิดไปจนใจหมอง ๐ ฟ้ายังมีวันดับสูรย์อับแสง แล้วกลับแจ้งเรืองเรื่ออุ่นเอื้อผอง ย่อมมีวันที่หวังสมดังปอง ได้ครอบครองสิ่งหมายสู่ปลายทาง (วลีฯ) ๐ อยากได้พบสบฝันในวันหนึ่ง แม้ได้ซึ้งตรึงอยู่เพียงตรู่สาง ยังหมายปองลองรักมิพักจาง แม้เลือนรางทางฝันมิหวั่นทน ๐ สำเนียงแผ่วแว่วหวานอาจขานขับ ให้สดับรับฟังอีกครั้งหน ปล่อยเรื่องเศร้าร้าวรานผ่านกมล สู่วังวนมนต์รักแม้สักครา (อักษรารำพัน) ๐ ยามทุกข์ทนหม่นเศร้าใครเล่ารู้ ยังต่อสู้เติมใจที่ใฝ่หา อาจเจ็บช้ำจำฝืนกลืนน้ำตา แม้สุดคว้าจะค้นหมายด้นดึง ๐ เพียงตั้งมั่นสานฝันแล้วฟันฝ่า รอเวลาก้าวไกลเพื่อไปถึง ใช้เรี่ยวแรงแห่งหวังตั้งคำนึง เพื่อสิ่งหนึ่งใจปองได้ครองเธอ (วลีลักษณา) ๐ หากเดือนดาวพราวฟ้าคอยพาฝัน แม้ว่ามันหวั่นไหวเพียงใจเผลอ ฝันคงไม่ไกลมากจนยากเจอ ให้หม่นเก้อเดียวดายสู่ปลายทาง ๐ เมื่อห้วงหาวดาวเดือนยังเกลื่อนฟ้า ใคร่ครวญหาคว้าไขว่ไว้เคียงข้าง แต่นับวันฝันเหมือนยิ่งเลือนลาง ห้วงหาวกว้างร้างไร้ใจคำนึง (อักษรารำพัน) ๐ ชีวิตว่างเย็นเยียบเงียบสงัด คลื่นกรรมซัดพัดพาจนมาถึง- สุดท้ายเหลือเพียงช้ำคอยย้ำตรึง แล้วขีดขึงขมวดมัดรัดกลางทรวง ๐ หาคำไหนเทียบเคียงเสียงร่ำไห้ ที่กึกก้องข้างในใจทั้งห้วง หาคำไหนเทียบเท่าเศร้าทั้งปวง ฟ้าฝั่งสรวงรู้ไหมฉันไร้ดาว (วลีลักษณา) ๐ อยากทอถักรักงามส่งข้ามฟ้า ฝากจันทราฟ้าสรวงกลางห้วงหาว มิหมายใจให้ชื่นอย่างยืนยาว เพียงเมื่อคราวหนาวล่วงสู่ทรวงเรา ๐ หมายวันชื่นคืนหวานได้ซ่านสุข ลืมเรื่องทุกข์ปลุกใจมิให้เฉา ใจกระซิบวิบแว่วเพียงแผ่วเบา ก็ล้างเศร้าเหงาไปจากใจแล้ว (อักษรารำพัน) ๐ เกรงสลายหายลับกับกาลล่วง เป็นลมลวงรื่นริ้วที่พลิ้วแผ่ว เพียงภาพฝันบรรเจิดที่เพริศแพรว กับเสียงแว่วคำครวญล้วนบอกรัก ๐ อาจลับเลยเลือนหมดสิ้นรสหวาน แม้อ้อยตาลพาลขมระทมหนัก คงหมองหม่นก่นเศร้าเหงายิ่งนัก จะห้ามหักอย่างไรยามไม่เจอ... ๐ หรือ..หมายเพียงยั่วหยอกที่บอกฝาก รัก..นั้นจากดวงขวัญมั่นเสมอ จริง..ใจหรือแค่เพียงเสียงละเมอ แท้..อาจเผลอด้วยเหงาคอยเร้ารุม ๐ รัก..ปลายลิ้นยินผ่านแล้วพาลหาย จาก..พรากกายคลายคำคงช้ำสุม ปาก..เว้าวอนอ้อนภักดิ์ ว่ารักรุม ชาย..หนอกรุ้มกริ่มนักยามทักนวล (วลีฯ) ๐ หมู่มาลีมีภมรว่อนแห่ห้อม ด้วยหมายชมดมดอมความหอมหวล เฉกนารีมีชายหมายเชยชวน ความเย้ายวนชวนชิดแม้ปลิดปลง ๐ ว่า......หอมเอย หอมกลิ่น มิสิ้นสุด สองแก้มนุชผุดผ่องจนต้องหลง ดั่งกุหลาบแรกแย้มแก้มอนงค์ สักคราลงจุมพิตสนิทใจ ๐ ว่า......นวลเอ๋ย นวลปราง ช่างงามสม หมายเด็ดดมชมชิดพิสมัย ก็กลัวว่าแก้มน้องต้องหมองไป จะปล่อยไว้ใจหนอก็เสียดาย ๐ อันแก้มช้ำ-ช้ำไปเพราะใครอื่น คงขมขื่นฝืนใจไม่รู้หาย หากแก้มน้องต้องช้ำถูกกล้ำกราย ด้วยมือชายให้เป็นพี่คนนี้นะ (อักษรารำพัน) ๐ เป็นภู่ผึ้งพึงเพียงเคียงดอมด่ำ เพื่อชื่นฉ่ำช้ำพอแล้วก็ผละ ยามลุ่มหลงเวียนเชยไม่เคยละ เป็นสัจจะธรรมจริงกว่าสิ่งใด ๐ อ้อนออดคำพร่ำวอนอ่อนหวานนัก คำว่ารักนำหน้ากว่าคำไหน ที่เอ่ยออกเน้นยิ่งจริงจากใจ แต่เป็นไปชั่วคราวไม่ยาวนาน ๐ อย่าให้ช้ำเพราะใครให้เพียงพี่ พูดง่ายดีฟังดูเหมือนชูหวาน หากหลงลมขมไหม้จนใจราน อาจสิ้นปราณรานทรวงเกินทวงคืน (วลีฯ) ๐ ไยตัดพ้อต่อคำให้ช้ำชอก มิกลับกลอกหลอกเล่นเช่นเขาอื่น รักพี่ชายหมายหวังให้ยั่งยืน ร้อยพันขื่น ฤา เท่า ที่เจ้าเมิน ๐ หากที่พร่ำคำย้อนเพียงอ้อนออด ทำเง้างอดเพียงลบเกลื่อนกลบเขิน ความเอียงอายคล้ายนวลหมายชวนเชิญ พี่ยอมเพลินเดินสู่ประตูใจ ๐ แม้เป็นบ่วงลวงล่อมิขอกลับ จะยอมรับกับดักมิผลักใส พร้อมเผชิญเดินรุกฝ่าบุกไป ยอมหมกไหม้ในนรก"อ้อมอกเธอ" (อักษรารำพัน)
11 กันยายน 2553 16:11 น. - comment id 1155571
สวัสดีค่ะ คุณvictoriasecret (kata1991) เอามารวบรวมแบบนี้อ่านแล้วก็ไพเราะดีนะคะ (ชมตัวเอง อิๆ) ถ้าเพื่อนๆ อยากทราบแหล่งที่มา ไปดูได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะคะ น่าจะมาจากหลายบทต่อกัน http://poem.deedeejang.com/category/4/9832-9832.html
11 กันยายน 2553 23:40 น. - comment id 1155633
เป็น series ที่ยาวมากเลยนะครับพี่แจ็คกี้
12 กันยายน 2553 11:21 น. - comment id 1155738
ตัวสีเขียวเลือนลางถ่างตาอ่าน อยู่เป็นนานสองนานก็ไม่เห็น แสนเสียดายขาดหายหลายประเด็น คงเป็นเวรแว่นหนาตาไม่ดี... จะโทษใครได้ล่ะ อิอิ
12 กันยายน 2553 19:57 น. - comment id 1155807
หากเป็นหนัง ก็มีหลายภาค ยาวมากๆ สุดยอดแห่งกลอนค่ะ น้าสบายดีนะคะ
13 กันยายน 2553 13:30 น. - comment id 1155864
13 กันยายน 2553 14:23 น. - comment id 1155874
14 กันยายน 2553 13:50 น. - comment id 1156049
แต่ละบทถ่ายทอดออกมาได้งดงามครับ