ทุ่งร้างนางลอย ๐ คำเปรยอ้างเอ่ยร้าง รัญจวน ผันพลิกจากเนื้อนวล ส่อไว้ สุดที่เอ่ยคำชวน ยากยิ่ง จริงนอ เฉลยต่อคำหวานไซร้ ว่างเวิ้งวนสนองฯ:- ๐คำเปรยอ้างเอ่ยร้าง ชีวิตว้างใคร่รัญจวน ผันพลิกจากเนื้อนวล ส่อใจไว้ละห้อยหา สุดที่เอ่ยคำชวน ยากยิ่งล้วนป่วนจริงนา เฉลยต่อคำหวานมา ว่างเวิ้งวนจนเวียนไซร้ ฝนโปรยรักโรยซึ้ง สุดตราพึงตรึงคลั่งไคล้ อกหนอช่างกระไร รำพึงฝากล่องลอยลม คิดถึงคร่ำครวญหา โอ้กานดาเคยภิรมย์ พี่หวังเคล้าเคียงชม เคยได้อิงระวิงหนี ห้วงรักในบ่อโศก แสนวิปโยคร้างชีวี สูญสิ่งที่เปรมปรีดิ์ สิ่งอวลอบลบทั้งผอง เหม่อมองม่านเมฆฟ้า สุดไขว่าคว้าหาสิ่งปอง ลักขณาแสนเรืองรอง มาสิ้นไปคล้ายฝนโปรย คำหวานซ่านซึ้งจิต เปลี่ยนชีวิตให้หวนโหย สู่ระบัดล่วงร้างโรย พลิกหมองเศร้าเคล้าระบม มวลพฤกษาเขียวไสว ใยเหตุไฉนใจขื่นขม คิมหันต์ผ่านอกตรม สิ่งภิรมย์เลิกร้างไกล เหลือสิ่งไร้ว่างเปล่า พึงปวดร้าวปานร่ำไห้ นวลเอ๋ยใยร้างไกล สิ่งฝากห้วงล่วงลอยลม ท้องทุ่งเคยแห้งแล้ง บัดนี้แฝงสิ่งดอมดม กลิ่นดินเคล้าเชยชม จรุงฟุ้งแผ่ซ่านขจาย ใจนางช่างลดเลี้ยว ที่เคยเที่ยวลับสูญหาย ทิ้งเราไว้เดียวดาย แลชะแง้เหม่อตามอง ทุ่งเอ๋ยผ่านสิ่งเศร้า ข้าปวดร้าวมาสนอง ผืนหล้ากับเจิ่งนอง ที่ร่วมสรรสร้างผืนดิน ต้นข้าวขาดรันทด งามหมดจดกระแสสินธุ์ ม่านฝนพรมโรยริน เขียวดารดาษพลิ้วงามตา คนปลูกซิป่วนปั่น โอ้จากกันยากไขว่หา น้ำคำหวานเจรจา ลาลับล่วงหนีพรากไป คำเอ่ยฝากห้วงลึก หวนผ่านนึกตรึกร่ำไห้ ฟ้าฝนโปรยทั่วไป คอยสิ่งหวังร้างอกตรม :- * แก้วประเสริฐ. *
16 กรกฎาคม 2553 11:50 น. - comment id 1146015
เพราะค่ะ คุณครู
16 กรกฎาคม 2553 12:01 น. - comment id 1146018
ลุงแก้วจ๋า(ทักทายได้เต็มเสียง หลังจากมั่นใจว่าไม่โดนถีบ หรือลุงไม่มีแรงกระโดดถีบแล้ว55+) แวะมาทักทายค่า+อ่านบทกลอนเพราะๆด้วย มีคำถามเกี่ยวกับโคลง (มาแนวเจ้าหนูจำไม) มากมายจะขอคำชี้แนะก่อน ช่วยอธิบายเกี่ยวกับสัมผัสนอกในของ โคลง หน่อยซิคะ โคลงสี่สุภาพ ธรรมดาเนี่ยแหล่ะค่ะ กำลังหัดแต่งอยู่ ขอบคุณในคำแนะนำ(ล่วงหน้า) ตอบแทนด้วยแกงเลียงอร่อยๆมากประโยชน์ เดี๋ยวหนูช่วยกินกุ้งแทน
16 กรกฎาคม 2553 12:43 น. - comment id 1146036
คุณ ครูกระดาษทราย ขอบคุณครับครู อิอิ ภาพสวยผมเก็บไว้ นะครับ ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 12:46 น. - comment id 1146039
%11 เพราะมากครับ
16 กรกฎาคม 2553 12:47 น. - comment id 1146041
คุณ หนูสน ขอบใจมากจ้า ใครจะไปทำหลานเราลงล่ะ อิอิ ใช่แล้วยกขาไม่ขึ้นแล้วล่ะจ้า ส่วนเรื่อง โคลงนั้น โคลงสี่สุภาพ กับ โคลงกระทู้ไพเราะ ที่สุด ส่วนเรื่องสัมผัสนั้นไม่มี เขามีกรอบกฏ วางไว้เฉยๆ อยู่ที่ว่าเราจะรู้จักทำนองของอักษรคำนั้นๆ มาผสานกับทำนองเท่านั้น ตอน นี้อยู่ที่คนเล่นว่าจะเล่นแบบไหนจ๊ะถึงจะได้ เนื้อหาความหมายไพเราะ หรือการเล่นคำการ ผวนคำเท่านั้นจ๊ะ รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 12:56 น. - comment id 1146044
คุณ สุริยันต์ จันทราทิตย์ ผมก็เล่นไปเรื่อยๆตามประสาคนแก่ แหละครับ ครึ้มอกครึ้มใจให้นึกถึงท้องทุ่งนา ด้วยก่อนเก่านั้นปีหนึ่งต้องไปเปลี่ยนอากาศ แถวป่าหรือก็ทุ่งนา มาปลูกบ้านก็มาซื้อแถว ติดกับทุ่งนา แต่บัดนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้วจะไป หรือร่างกายก็ไม่อำนวยให้ครับ จึงเกิดได้แค่ เพียงในฝันเท่านั้นเอง รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 13:35 น. - comment id 1146059
ทุ่งนาแถวบ้านกำลังคอยฝนเลยค่ะคุณลุง
16 กรกฎาคม 2553 13:58 น. - comment id 1146082
ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย..เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาปควาย..เห็นซากคันไถแล้วเศร้า.. ...มาร้องเพลง..ไปหละลุงฯ...
16 กรกฎาคม 2553 16:35 น. - comment id 1146161
ชาวนารอปักกล้า......พรวนดิน ฝนกลับไม่หลั่งริน......เหือดแห้ง ทำลายตัดจนชิน.....เหลือซาก คนเอย ทั้งป่าเขานาแล้ง...... ขาดผู้ ดูแลฯ สวัสดีค่ะครูแก้วฯ
16 กรกฎาคม 2553 16:44 น. - comment id 1146164
ลุงแก้วจ๋า(เรียกดังๆกลัวไม่ได้ยิน) แล้วโคลงมีสัมผัสระหว่างบทไหมคะ อีกอย่างเวลาลงกลอนแล้วบทกลอนไม่เป็นระเบียบเอาซะเลย (ไม่ใช่กลอนประตูหน้าต่างนะคะ55+) ตามที่เคยหัดแต่งโคลงน่ะคะ พอเอาบทกลอนลงปุ๊บ เปิดดู ไม่เรียงแถวเป็นโคลงเลยงะ! แนะนำหนูหน่อยนะคะ แล้วจะมีผลงานมาให้ติชม จะให้ตะลึงตึงตึงในฝีมือซะเลย ขอบคุณค่ะ
16 กรกฎาคม 2553 16:46 น. - comment id 1146166
รินให้ๆ ไม่ใช่นำ้กระเจี๊ยบหรอกค่ะ
16 กรกฎาคม 2553 16:47 น. - comment id 1146167
แฮ่ะแฮ่ะ
16 กรกฎาคม 2553 17:23 น. - comment id 1146180
คุณ เพียงพลิ้ว พูดถึงเรื่องนี้แล้วยุ่งยากจริงๆจ๊ะหลานรัก ด้วยฝนตกไม่ทั่วฟ้านั่นเอง บางแห่งก็มากมาย เสียจริงๆ บางแห่งก็แห้งแล้ง แต่ป่าคอนกรีตนั้น ตกบ่อยในขณะตอบนี้ก็ตกอยู่แต่ปรอยๆ เมื่อคืน หลังเที่ยงคืน ตกหนักจนเช้าเลยล่ะ เอ๊าก็แห่ นางแมว หรือเอาหัวล้านมาชนกันซิเขาว่าแก้เคล็ด จะเป็นเคล็ดขัดยอกไม่รู้นา ฮ่าๆๆๆ รักหลานเรา มากเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 17:25 น. - comment id 1146181
คุณ บินเดี่ยวหมื่นลี้ เพลงนี้สมัยก่อนเป็นเพลงโปรดสำหรับผม จริงท่านท้าวเวนไตย ผมเคยร้องได้แต่ต้องร้อง เพลงคนเดียว ด้วยเสียงผมเสมือนหมาเยี่ยวรด บนสังกะสียังไงยังงั้นแหละ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 17:30 น. - comment id 1146182
คุณ แก้วประภัสสร ศิษย์รักครูเพลงนั้นครูพบแล้วว่าต้องเป็น เพลงปกติธรรมดายาวๆถึงจะตลอดแต่ไม่วนเหมือน กับเล่นพลงใน วินโดว์มิเดีย หรือ วินแอมป์ พอ หมดเพลงก็จบเลยล่ะจ๊ะ ศิษย์เรา ครูไปตรวจงานแต่ไม่ได้คอมเมนท์ หากครูคอมเมนท์หมายถึงกลอนผิดจ๊ะ แต่งโคลง ได้ดี เก่งจ๊ะ ดีแล้วฝึกทางนี้หากผิดครูจะได้ แจ้งให้รู้นะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 17:39 น. - comment id 1146183
คุณ หนูสน เท่าที่รู้นะไม่มีหรอกจ๊ะ โคลงจะแต่งเฉพาะ บทเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องนั้นจะสอดคล้องอย่างไร ก็ต้องแล้วแต่หัวข้อที่เราตั้งขึ้นมาให้สัมพันธ์กันไว้ ไม่ใช่ไปถนนตกแล้วผ่าไปปากคลองตลาดเป็นต้น เรื่องไม่เรียงนั้นให้ไปหน้าส่วนตัวแล้ว ไปที่กลอนหรือโคลง ไปช่องสี่เหลี่ยมด้านขวามือ ที่มีขีดคาดเอาไว้ คลิ๊กไปที่นั่นก็จะปรากฏเรื่องที่ เราแต่งและแก้ไขเอาจะเอาหัวเป็นก้อยหรือจะ เอาก้อยเป็นหัวก็ได้ แต่ทางที่ดีเปิดขึ้นใหม่ ด้วยเปิดเวปฯนะไม่ใช่เปิดกระโปรงรถ เพื่อ เอาของเก่าเป็นตัวอย่างแก้ไข ใช้ของที่เปิด ใหม่แก้ไขเอาในหน้าที่เราแต่งทำตามแบบ แรก เมื่อจัดการแล้วก็อัพเดทเลย ด้วยใน แบบพิมพ์เราถึงจะตรงกันแต่มาลงในเวปฯมัน จะแตกต่างกัน จนเราพอใจนั่นแหละถึงได้ ปิดให้เหลือเวปฯเดียว ก็เท่านั้นเองแหละจ้า ส่วนผลงานเห็นมาครั้งหนึ่งแล้วใช้ได้เลย ทีเดียว หลานเอ๋ยเปิดหน้าเวปฯใหม่นะไม่ใช่ เปิดกระโปรงเราล่ะ อิอิ รักหลานเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 17:41 น. - comment id 1146186
คุณ หนูสน ไม่ใช่แน่นะชักขยาดเราเสียแล้วล่ะ เอ มองดูชอบกล ยิ่งจอมแก่นอยู่ด้วยนา มีหลานคน หนึ่งพอๆกับหลานนี่แหละ ขอบใจจ้าหลานรัก แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 17:46 น. - comment id 1146193
คุณ หนูสน ไวท์ไทยลุงไม่ทานหรอกจ้า เสียคอหมด ไม่ใช่หัวสูงนะ มันไม่ค่อยได้รสชาติเท่าไหร่เดี๋ยว หาว่าคนไทยสะเออะไม่ช่วยอุดหนุนคนไทยด้วย กัน แต่ส่วนใหญ่ลุงจะทานไวท์นอก มักจะเป็น ของชิลี รองมาก็ออสเตเลีย ส่วนฝรั่งเศส นั้น เมื่อก่อนชอบแต่สู้ทางอเมริกาใต้ไม่ได้เลย ชุ่มคอ กลมกล่อมดีจัง ดีนะไม่เอาไวท์ขวดนี้ปาใส่ศีรษะ ก็ดีอยู่แล้ว อิอิ ล้อเล่นจ๊ะ แหมๆๆเห็นลุงเป็น จ้าวไม่มีศาลไปได้ชอบของเซ่นไหว้ โถๆๆๆ รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 17:51 น. - comment id 1146197
งามซึ้งด้วยรสกวี
16 กรกฎาคม 2553 17:57 น. - comment id 1146204
กาพย์ห่อโคลง หรือโคลงห่อกาพย์คะลุงแก้ว รพีลืมไปแล้วค่ะ ไม่ได้ฝึกฝนจนนานเนิ่น สบายดีนะคะ แวะมาเยี่ยมเยียนทักทายค่ะ
16 กรกฎาคม 2553 18:29 น. - comment id 1146213
คุณ กระซู้บิน ขอบคุณครับที่เอ่ยชม อันที่จริงผมก็เล่นไป เรื่อยๆดังเคยกล่าวไว้ข้างต้นแหละครับ นิสัยผม รักทางด้านนี้มาตั้งแต่เรียนหนังสือมัธยมสมัยก่อน แล้วครับ แต่มาทิ้งไปร่วมห้าสิบปีแล้วครับ พึ่งจะมา เล่นตอนปลดเกษียณอายุนี่แหละครับ เลยเป็น แบบงูๆปลาๆไปครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 18:47 น. - comment id 1146221
คุณ bananaleaf ผมค้นคว้ามา เขาลงไว้เฉพาะกาพย์เท่านั้น ว่าเป็นกาพย์ห่อโคลง หรือเอาโคลงไว้ข้างหน้าก็ เรียกว่ากาพย์ห่อโคลงไป ในร้อยแก้วอื่นๆไม่มี ถ้า เรามาเล่นแบบโคลงกับกลอนล่ะจะเรียกอะไรดี ผมเห็นในลักษณะนี้จึงคิดว่า ในเมื่อเริ่มข้อที่หนึ่ง นั้นว่า กาพย์ห่อโคลง หากเป็นโคลงขึ้นหน้าแล้ว มาแต่งกลอนล่ะ จะเรียกว่าโคลงห่อกลอนหรือไม่ ในข้อที่สองของกาพย์ว่าหากเอาโคลงขึ้นหน้านั้น ตามด้วยกาพย์ก็ยังเรียกว่ากาพย์ห่อโคลงอีก ทั้งๆที่โคลงเริ่มก่อนแล้วกาพย์มาพรรณา โคลงนั้นๆ ใยจึงจะเรียกว่ากาพย์ห่อโคลงอีกล่ะ ไม่รวบรัดไปหรือ ด้วยเหตุและผลหรือว่าใน ร้อยกรองอื่นๆไม่ได้กำหนดไว้ มีเฉพาะใน กาพย์เท่านั้น ก็ยังเน้นกาพย์อีกไม่ยุติธรรม ในร้อยกรองอื่นๆ ในเมื่อกาพย์ทำได้ทำไม ร้อยกรองอื่นถึงทำไม่ได้ ไม่ขัดต่อเหตุความ จริงไปหรือ ใครจะเรียกอะไรก็ช่างเมื่อผมมา นั่งคิดพิจารณาแล้ว ผมก็ให้เกียรติสิ่งที่ขึ้นหน้า ก่อนครับ ส่วนท่านอื่นๆนั้นจะเรียกอะไรก็ได้ ผมจึงเห็นว่าจะเรียกอะไรก็ได้ แต่ส่วนผมนะ ถือเอาสิ่งแรกเป็นหลักครับ ด้วยนิยามกล่าวไว้ ว่าหากเป็นโคลงขึ้นหน้าหรือกาพย์ขึ้นหน้าก็บัง คับไว้ว่าต้องเอาสำนวนของโคลงหรือกาพย์มา พรรณาจนสิ้นสุดใจความที่เราจะแต่งเป็นปัจจัย ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะเกิดการสับสนเช่น แต่งโคลงแล้วไปแต่งกลอนล่ะหรืออื่นๆจะไม่ สับสนกันมากหรือ ดังนั้นสำหรับผมนะครับ จึงเรียกสิ่งนำหน้าก่อนเป็นหลัก เพราะด้วย เหตุที่ต่อท้ายจะต้องพรรณาตามสิ่งนำหน้าแรก ก่อนถึงจะเข้าเนื้อความได้นี่แหละครับ ฉนั้นสำหรับผมจึงคิดแบบผมว่า สิ่งแรก คือสิ่งสำคัญเป็นตัวหลักในเมื่อสิ่งรองต้องมาคอย รับสิ่งแรก จึงคิดว่าเอาสิ่งแรกเป็นปฐมในการ เรียกนั้นๆครับ อันที่จริง กาพย์นั้นมีทั้งกาพย์ ห่อโคลง กาพย์ขับไม้ห่อโคลง อีก ส่วนกาพย์ นั้นก็ยังแบ่งชนิดออกไปแม้แต่จะเป็นคำฉันท์ ก็ยังได้อีก อันนี้เป็นความคิดผมนะ คุณคิด เอาเองก็แล้วกัน ผมอธิบายมานี้ตามเนื้อหา ทุกประการครับ รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 20:58 น. - comment id 1146261
หวัดดีค่ะครู.... ช่วงนี้ฝนตกทุกวันเลยค่ะครู... จริงๆแล้วอ้อยอยากให้ไปตกแถบๆที่ กำลังแล้งจังค่ะ..ไม่ว่าจะภาคใดก็ตาม เพราะกรุงเทพปัจจุบันนี้ฝนตกไม่เท่าไร น้ำท่วมแล้ว...นี่หล่ะน๊าสมกับที่เขาว่า ฝนตกไม่ทั่วฟ้าจริงๆค่ะ
16 กรกฎาคม 2553 21:13 น. - comment id 1146268
ทำงานเหนื่อยมาก อยากไปดูทุ่งนาเขียว นอนร่มเถียงนา
16 กรกฎาคม 2553 21:50 น. - comment id 1146278
กาพย์ห่อโคลงละมุนครับครู.. ๐ ซังข้าวสิเซค้าง........รอเคียว นุชบ่ายหน่ายบ่เหนียว....หน่วงรั้ง ทิ้งมุ่งทุ่งหม่นเทียว.....แท้แม่ ใครเล่าเขาแลครั้ง-.....ล่วงคล้อยลอยหนี ฯ ผมแจมด้วยบทหนึ่งครับครู
16 กรกฎาคม 2553 21:50 น. - comment id 1146280
สวัสดีค่ะ มาอ่านกลอนก่อนนอน ฮั่นแน่..พี่ชายกำลังคิดถึงใครอยู่หรือคะ ลมวนฝนโปรยยังงี้นอนเถียงนาไม่ไหวแล้ว ไปกระท่อมบ้านสวนน้องม่านแก้วดีกว่าเนาะ
16 กรกฎาคม 2553 21:52 น. - comment id 1146281
แก้ไขครับครู..ตก เอก ไปหนึ่งคำ..ลืมตรวจ ๐ ซังข้าวเซสิค้าง........รอเคียว นุชบ่ายหน่ายบ่เหนียว....หน่วงรั้ง ทิ้งมุ่งทุ่งหม่นเทียว.....แท้แม่ ใครเล่าเขาแลครั้ง-.....ล่วงคล้อยลอยหนี ฯ
16 กรกฎาคม 2553 22:18 น. - comment id 1146298
ลุงแก้วจ๋า หนูจำไมรอบดึก แล้วทำไมโคลงต้องมีไอ้กลมๆข้างหน้า เค้าเรียกว่าอะไๆรคะ แล้วจบบทโคลงต้องมีไปยาลน้อยด้วยอะ อยากรู้จริงๆค่ะ แล้วจะหามาใส่ในกลอนยังไง อิอิ แต่งโคลงวันอาสาฬบูชาแล้ว รอตกแต่งก่อน กลัวลงกลอนแล้ว แถวเบี้ยวซ้ายขวา ไม่เป็นแถวเป็นแนวเหมือนของลุงเลย บอกวิธีหน่อยซิคะ แล้วจะหิ้ว...ของนอกมาฝาก
16 กรกฎาคม 2553 22:25 น. - comment id 1146303
คุณ เทียนหยด สวัสดีจ้าศิษย์รัก ครูเองก็คิดแบบเธอนี่ แหละตกได้ตกดีในกรุงเทพฯ น่าจะไปตกยังที่ เขาทำนากันมากกว่า ครูเคยเห็นชาวนาเวลา ฝนตกเขาดีใจมากเชียว เขาจะรีบออกไปหาทาง เก็บน้ำไว้ หากเป็นกลางวันเขาไม่กลัวฟ้ากลัวฝน จะรีบออกไปไถนาทันที ขยันจริงๆนะ ผิดกับคน ที่กรุงเทพฯฝนตกแบบนี้หากไม่ทำงาน จะนอน คุดคู้เชียวล่ะจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 22:36 น. - comment id 1146305
คุณ รัมณีย์ ขนาดทำงานในกรุงเทพฯยังว่าเหนื่อยหาก เห็นชาวนาเขาดำนา เก็บเกี่ยวข้าวกัน ออกตั้ง แต่ตีสี่ตีห้า ไปกินข้าวเช้าที่เถียงนาแล้วก็ออก ทำงานเหน็ดเหนื่อยกว่าพวกเราแยะเชียว ใช่แล้วเถียงนามีสองแบบ แบบใหญ่หน่อย ทำเป็นคล้ายๆบ้านยกพื้นสูงมาก อีกแบบเป็นเตี้ยๆ มีแค่หลังคา ใช้เวลาพักผ่อนกลางวันทานข้าวกัน เรื่องอากาศนั้นหายห่วงเย็นสบายแม้ว่า จะมีลมร้อนมาก็ไม่มากนัก ดูต้นข้าวเขียวขจี เพลิดเพลิน ผมไปนอนมาแล้วครับยามว่างๆ อยู่คนเดียวเพลิดเพลินลมเย็นสบายจัง ทุกๆวัน ผมมิอาจจะลืมได้หรอก สมัยยังแข็งแรงนั้น ปีหนึ่งๆไม่ไปเที่ยวป่าน้ำตก ก็ไปท้องทุ่งนา นี่แหละ ผมเรียกว่าไปเปลี่ยนอากาศ ด้วย อากาศบริสุทธิ์มาก ผมจะหายใจลึกๆแล้วคลาย ออก มันช่างสดชื่นจริงๆครับ พวกเราเขาไป จีบสาวๆกัน ผมมันพูดไม่เก่งเลยไปคนเดียว ดีกว่าเดินดุ่มๆไปเถียงนานอนไขว้ขา บางครั้ง ร้องเพลงไปด้วยครับสบายๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 22:38 น. - comment id 1146306
คุณ กิ่งโศก ดีแล้วล่ะหัดไว้ที่นี่แหละดีแล้วจะได้ชำนาญ มากขึ้นอีก ครูจะได้ตรวจงานแต่มีที่ผิดจุดหนึ่งนะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 22:42 น. - comment id 1146308
cabernet sauvignon
16 กรกฎาคม 2553 22:50 น. - comment id 1146309
คุณ ม่านแก้ว น้องสาวเรา อันถิ่นต่างๆย่อมแตกต่างกัน ที่เอ่ยมานั้นพี่เอง ชอบมาก ชอบกว่าไปทะเลไหนๆ บ้านสวน ท้องทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพรน้ำตก แต่ คนละแบบกัน บ้านสวนนั้นพี่ก็ไปพักผ่อนมาแล้ว เดินท่อมๆไปคนเดียว หากพูดไปบ้านสวนมีอาหาร ผลไม้ทานมากจริงๆ เขาปลูกไว้หลายๆพันธุ์ชอบ ไหนที่สุกๆทานได้เลย มักจะเก็บมาที่บ้าน เสมอๆ แต่ต้องเดินระวังหน่อยด้วยมันลื่น และต้องกระโดดข้ามท้องร่อง บางที่ก็มีต้นหมาก ทำเป็นทางเดิน หากเดินไม่ดีตกท้องร่องแน่ๆ อากาศก็ดีบริสุทธิ์หายใจสบาย แต่เดี๋ยวนี้หา ยาก สมัยพี่เป็นเด็กๆนัดพวกเพื่อนๆถือหนัง สติ๊กไปยิงนก แต่พี่ยิงไม่ค่อยได้หรอกหรือยิง ไม่แม่นก็ไม่รู้ แต่เรื่องนี้พี่เฉยๆด้วยไม่อยาก จะฆ่าสัตว์เท่าใดนัก แต่ผิดศีลข้อสองเสียมาก คือขโมยฝรั่งบ้าง ส้มบ้าง มะไฟบ้างฯลฯ ทาน แบบเป็นเจ้าของสวนเสียเอง บางทีโดนเจ๊ก ถือไม้ไล่ตีเอา หมาก็ดุอีกด้วยพี่ทำตามแบบ โบราณคือขอก่อน ทำแบบนี้หาไม้มาทำเป็น ตะขอเกี่ยวไว้ที่กิ่งที่เราจะเก็บ เรียกว่าขอแล้ว นะ แต่ก็ต้องวิ่งหนีแทบตายหมามันไล่จ๊ะ เจ้าของก็มาไล่ บางครั้งเจอเจ้าของใจดีก็ไม่เป็น ไร ยกมือไหว้ขอทานหน่อย เขาบอกว่าเอ๊าเล๊ย ไอ้หนู ขออย่างเดียวอย่ากินทิ้งกินขว้างเท่านั้น โอ้ยคุยกับน้องทำให้นึกถึงเรื่องเก่าๆตาม ประสาคนแก่นะ นึกย้อนอดีตตอนเป็นเด็ก สนุกๆก็สนุกจ๊ะ รักน้องสาวพี่เสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 23:01 น. - comment id 1146312
คุณ กิ่งโศก ครูเองก็รู้ว่าศิษย์รักต้องรู้ถึงไม่ได้บอกให้ ค้นหาเอาเอง ระดับเธอแล้วเดี๋ยวเดียวก็รู้นะ ครูสอนให้ศิษย์เป็นคนละเอียดรอบคอบเสมอๆ แต่ว่าเน๊อะครูบางครั้งสายตามือไวไปหน่อยแต่ใจครู กับไวกว่าเลยเกิดผิดพลาดเวลาพิมพ์นะ การใช้ เสียงเอกนั้น เอาแบบง่ายๆแบบครูคือ จำแม่ก.กา คำเป็นเท่านั้นพอ คือ แม่ กง กน กม เกย เกยว (อักษรที่ใช้ตัว ว.) และคำ อำ ใอ ไอ เอาในแม่ก.กา เท่านั้น นอกนั้นเป็นคำตายหมด ยกเว้นบางครับที่ คิดว่าเป็นคำตายกับเป็นคำเป็นไปก็มี ต้อง พิจารณาว่าคำตายคือคำโดดที่มีความหมายใน ตัวเองไม่ต้องผสม ก็พอจ๊ะ ใช่แล้วท่อนแรกเธอใช้คำ ซิเสค้าง คำเสเป็นคำเป็น เธอคงรู้แล้วอยู่ในหมวดเอา เอาล่ะเท่านี้ก่อนนะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 23:24 น. - comment id 1146322
คุณ หนูสน อันนี้ผมทำขึ้นมาเองขี้เกียจไปเอาลงไว้จ๊ะ เลยทำขึ้น เพื่อแจ้งให้รู้ว่าเราเริ่มเขียนแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นร้องกรองใดๆก็ใช้ได้ทั้งสิ้น ส่วน ฯ นั้นแสดงถึงว่ายังมีต่อไปอีก ส่วนคำปิดท้ายลุงก็ ทำขึ้นเองแหละขี้เกียจเหมือนเดิม เดี๋ยวจะเอาของ จริงมาให้ดูนะ ...๏ ๚ะ๛ อันแรกคือการเริ่มต้นเขียนบทวางไว้ข้างหน้า ฯ วางไว้เวลาเราจบบทๆหนึ่ง อันสุดท้าย ใช้สำหรับแสดงถึงการสิ้นสุด การเขียนของเรานะ ส่วนที่จะเอาไวท์นอกมาให้คราวนี้ต้อง เป็นของจริงๆดื่มได้ไม่ใช่ภาพนะ มองแล้วทำ นึกอยากทาน ไม่ยอมล่ะต้องได้ของจริงๆด้วย นะ เอ๊าๆแต่งมาเถอะไม่ต้องไปกลัวผิดหากเรา ทำตามฉันทลักษณ์ในเรื่องของโคลงแล้ว ที่สำคัญ ที่เขากำหนดตายตัว คือ เอกเจ็ด โท สี่ ต้อง วางให้ถูกตำแหน่งห้ามขาดไม่ได้ ส่วนเอกนั้น สามารถใช้คำตายแทนได้นะ โทไม่ได้เด็ดขาด นอกนั้นเขาจะไม่นับถึงจะมีเอกโทกี่ตัวก็ตามจ๊ะ แน๊ะๆๆแนะนำมามากแล้วไม่ยอมหรอก คราวนี้ต้องได้ไวท์จริงๆไม่ใช่ไวท์กลั่นเองหรือ ไวท์ที่ไทยทำวางขายเกลื่อนๆนะ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กรกฎาคม 2553 23:27 น. - comment id 1146324
คุณ หนูสน อ้าวๆๆๆพูดไม่ทันขาดคำ เอาของปลอมมาให้ อีกแล้วล่ะซินะ แน๊ะๆๆยั่วอารมณ์อีกแล้วซิหลานเรา อิอิ ล้อเล่นจ้า รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 กรกฎาคม 2553 08:59 น. - comment id 1146347
สวัสดีค่ะครู.... ต้นข้าวขาดรันทด งามหมดจดกระแสสินธุ์ ม่านฝน พรมโรยริน เขียวดารดาษพลิ้วงามตา ชอบมากค่ะ อ่านหลายรอบเลย
17 กรกฎาคม 2553 11:56 น. - comment id 1146390
คุณ แกงฯ ศิษย์รัก ครูลืมบอกเธอไปอย่างหนึ่งคือว่า ไม่ว่าเราจะเขียนร้อยกรองอะไรๆก็ตาม เราต้อง เอา จิตวิญญาณ ของเราใส่สอดแทรกไปในร้อยกรอง นั้นๆ เหตุผลทำไม? ก็เพื่อให้ตัวอักษรที่เราใช้นั้น เกิดจิตวิญญาณขึ้นมา อุปมาดั่งการ เชิดหุ่นหาก วางพิงไว้ก็ไร้ความงาม หากเอามาเชิดก็จะดูดีขึ้น ตอนนี้มาถึงการเชิด หากคนเชิดหุ่นไม่มีจิต วิญญาณใส่ลงไปใสหุ่นแล้ว หุ่นนั้นๆก็จะไม่ เกิดอารมณ์คนดู ฉนั้นคนเชิดหุ่นต้องใส่จิต วิญญาณลงไปในหุ่นแล้วร่ายรำตามท่วงทำนอง ทีท่านั้นๆ หากหุ่นต้องอ่อนช้อยร่ายรำ กับเอา หุ่นไปเต้นแร้งเต้นกา ไฉนหุ่นจะสวยงามมัน ขัดกัน อย่างการเขียนก็จะออกมาในทางแนวกระด้าง แข็งไม่อ่อนช้อย หากเราใส่จิตวิญญาณลงไปใน ตัวหนังสือตามอริยาบทของการเขียนในท่วงท่า ทำนองของฉันทลักษณ์ร้อยกรองนั้นๆพร้อมกับ สอดแทรกปรัชญาหรือคำคมที่เราคิดได้ลงไป ด้วย งานเขียนเราก็จะมีชีวิตทันที และคนอ่าน ก็จะรู้สึกเข้าไปในอารมณ์คล้อยตามงานเขียน ของเราด้วย ชวนน่าติดตามน่าอ่าน เช่นเดียว กับการเชิดหุ่นเหมือนกันแหละจ้าจำไว้นะ รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
17 กรกฎาคม 2553 13:18 น. - comment id 1146404
ห้วงรักในบ่อเศร้า แสนเงียบเหงาไร้หรรษา อึมครึมทั้งชีวา เจ็บปวดปร่าล้าเหลือใจ
17 กรกฎาคม 2553 13:23 น. - comment id 1146407
คุณ เฌอมาลย์ ภาพที่เจ้าหญิงส่งมาไว้ให้ชมงามๆมากครับผม ขอเก็บไว้นะครับ และเขียนงานได้งามครับ ผม เองเขียนงานนี้ให้เขาอ่านอย่างจุใจเลยครับ เขียน เสียยาวๆเลยครับ รักและคิดถึงอยู่เสมอ แก้วประเสริฐ.
17 กรกฎาคม 2553 14:14 น. - comment id 1146419
สวัสดียามบ่ายค่ะ อยากจะลองแต่งยาวๆบ้าง แต่ไม่เคยได้กับเขาสักครั้งค่ะ ได้เต็มที่ไม่ค่อยจะเกิน 4 บท อิอิ
17 กรกฎาคม 2553 14:53 น. - comment id 1146424
คุณ เฌอมาลย์ อ้าวๆนี่ก็ภาพสวยอีกล่ะขอเก็บไว้ลงหน้าคอมฯ ครับ ผมชอบภาพแนวธรรมชาติครับ ก็หัดซิครับแต่งก็ดีอยู่แล้ว แต่อย่าให้มันวน เวียนย้อนไปย้อนมาก็เท่านั้นเอง การแต่งยาวๆ นั้นมีประโยชน์มากนะเจ้าหญิง มันหมายถึงการ เขียนนิราศอีกด้วย ตลอดการแต่งอย่างอื่นเช่น บทลคร เห่เรือ เป็นต้นจ้า ยกเว้นว่าคนอ่านเขา จะเบื่อเท่านั้นแต่ช่างเถอะเราเล่นไม่กังวลใดๆ เพื่อความเพลิดเพลินเราเป็นหลักสำคัญจ้า รักและคิดถึงเจ้าหญิงเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 กรกฎาคม 2553 16:37 น. - comment id 1146472
หน้าฝนแล้ว บรรยาริมทุ่งชายนา จาเขียวขจีน่าชมจริงๆ รักษาสุขภาพนะเจ้าคะ
17 กรกฎาคม 2553 17:26 น. - comment id 1146483
คุณ ยาแก้ปวด นั่นซิอารมณ์ผ่องแผ้วยามบรรยายท้องทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร ทุกๆวันต้องทานยาแพ้อากาศ ขาดไม่ได้กับพาราเซ็ทมอลล์ควบกันจ้า ตอนหนุ่มๆ ไม่เคยเป็นอะไรกับเขาเลย พอล่วงวัยชราไหงมัน มาเยี่ยมเยียนยังกับเพื่อนสนิท ทั้งๆทีเกลียดมัน จะตาย นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่า ขว้างงูไม่พ้นคอ จริงเปล่าหลานรัก รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
24 กรกฎาคม 2553 13:59 น. - comment id 1147839
รออ่านกลอนพี่ชาย ด้วยความระลึกถึงอย่างมากมายค่ะ
26 กรกฎาคม 2553 13:22 น. - comment id 1147950
คุณ ม่านแก้ว น้องรักจ้า คอยๆก่อนนะว่าจะหยัดส้กพัก หนึ่งก่อนจ้า งั้นอ่านตรงนี้หากเข้ามีก่อนพอเป็น กษัยยานะ ฟ้าสีทองผ่องอำไพม่านแก้ว ที่เพริศแพร้วจารจรดงดงามเหลือ ทั้งนิสัยใจคอมากจุนเจือ อีกเอื้อเฟื้อน้ำใจแลไมตรี. แค่นี้ก่อนนะน้อง รักน้องมากเสมอ แก้วประเสริฐ.