ห้วงรัก..(ต่อกลอนกับเพียงกมล)

หมากสีสุก

๐ เพียงได้พบแล้วพรากเพื่อฝากแผล
ดังถูกแส้โบยส่งสิ้นสงสาร
กระหน่ำซ้ำสาสมจนซมซาน
เพื่อล่มรานด้วยร้าวเมื่อคราวร้าง
๐ ปล่อยคืนวันผันวนผ่านพ้นหวัง
เคยสุมสั่งคล้ายแสงแห่งรุ่งสาง
มืดดับแล้วพรายรุ้งยามเลือนราง
ย่อมอ้างว้างว่างวาบตราบวางวาย....(เพียงกมล)
๐ ตะวันรอน ผ่อนแสง อ่อนแรงล้า
พร้อมน้ำตา ราดริน มิสิ้นสาย
เหลือเพียงใจ บางเบา เหงากับกาย
ที่สลาย กับกาล เนิ่นนานเนา
๐ ยังประทับ กับฝัน วันฟ้าสวย
คงพอช่วย ปลอบขวัญ ในวันเหงา
เรื่องความหลัง ยังเห็น เป็นภาพเงา
อาจบรรเทา ทุกข์เหลือ ให้เจือจาง....(เพลีย-กมล)
๐ เพียงเงาภาพทาบทรวงเป็นบ่วงคล้อง
อาจจำจองพ้องกันแต่หวั่นหมาง
กับรูปรอยแฝงเร้นเช่นภาพราง
คงไม่ต่างความฝันอันเลื่อนลอย
๐ กลับจะทุกข์ถาโถมโหมกระหน่ำ
หากถลำหลงเงาจนเศร้าสร้อย
และจะยิ่งทรมานกับการคอย
เหมือนฝากรอยแผลร้ายจวบวายปราณ....(เพียงกมล)
๐ หนามสะกิด นิดเดียว ที่เรียวก้อย
แล้วค่อยค่อย ลามแผล จนแผ่ซ่าน
แต่แผลกาย หายได้ ในไม่นาน
ยากสมาน สานแผล เกิดแก่ใจ
๐ หวังเพียงฟื้น ตื่นมา ครารุ่งสาง
แผลใจจาง ล้างข่ม อารมณ์ไหว
ทีปักลึก ผนึกแน่น ถึงแก่นใน
เพื่อรอฝัน วันใหม่ ไว้เชยชม....(เพลีย-กมล)
๐ หากรู้เท่ารู้ทันยามฝันชื่น
เพียงปลุกใจเต็นตื่นคลายขื่นขม
ยอมรับรสพจน์หวานผ่านอารมณ์
แล้วเก็บบ่มความฝันนั้นแนบใจ
๐ ที่ห้วงลึกแดดาลอันหวานซึ้ง
ย่อมตราตรึงรอยรูปอยู่วูบไหว
และย่อมรู้รูปนั้นเพียงฝันไป
หาดังใช่สิ่งหวังที่ยั่งยืน....(เพียงกมล)
๐ แต่เมื่อหวัง ยังไม่ ไร้จนสิ้น
ยังถวิล รักหมาย คลายขมขื่น
แม้เคยพลั้ง พังยับ กับวันคืน
ยังหมายชื่น ฝันใหม่ ใครสักคน
๐ แม้ระโหย โรยแรง แทบแห้งเหือด
ถึงโดนเชือด เลือดหลั่ง กี่ครั้งหน
อดีตเจ็บ เหน็บหนาว ร้าวกมล
มิจำนน ค้นหา รักมาเคียง....(เพลีย-กมล)
๐ คือดิ้นรนแห่งใจจะไขว่คว้า
ปรารถนายามหลากก็ยากเลี่ยง
ยังวาดหวังมีใครไว้ร่วมเรียง
แม้เป็นเพียงภาพฝันไม่หวั่นคอย
๐ จะกี่ครั้งกี่คราวที่หนาวเหน็บ
จะกี่เจ็บฤๅจะจำแม้ช้ำ, บ่อย
หรือกี่คราลาร้างจืดจางรอย
แม้เพียงน้อยรอยหวานให้ผ่านเยือน....(เพียงกมล)
๐ แม้ผ่านร้อน ย้อนหนาว กี่คราวครั้ง
ภาพความหลัง ครั้งอคีต ตามกรีดเฉือน
ถึงจะเจ็บ เหน็บนัก ยามรักเลือน
ยังแชเชือน หารัก พิงพักใจ
๐ ต้องตรอมตรม ซมซาน มานานนับ
ใจประทับ กับรอย แผลน้อยใหญ่
ยังไม่ล้า ราโรย หาโหยใคร
มารักษา แผลใน หัวใจตัว....(เพลีย-กมล)
๐ เพราะหลายครั้งหลายคราวที่ร้าวรัก
คงเจ็บหนักจักผสานก็รานทั่ว-
ทั้งอกใจโดนเค้นจนเต้นรัว
คงน่ากลัวแท้เทียวจะเยียวยา
๐ ปล่อยลาลับกับกาลให้ผ่านพ้น
ความหมองหม่นใช่จักต้องรักษา
ไม่ช้านานผ่านล่วงที่ลวงตา
จะพบว่าแสงสว่างยังพร่างพราย....(เพียงกมล)
๐ เวลากลบ ลบเลือน ได้เหมือนว่า
คล้ายกับยา มาล้าง ให้จางหาย
แผลในใจ ใหญ่น้อย อาจพลอยคลาย
ดีกว่าหมาย ตะกายฝัน อันวังเวง
๐ ฝันใดเล่า เท่าฝัน วันสิ้นโศก
อยู่ในโลก ที่ไร้ ใครข่มเหง
แม้นมิอาจ ฝืนห้าม ความวังเวง
กอดตัวเอง ดีกว่า หาใครควง....(เพลีย-กมล)
๐ ฝันใดเล่าเท่าฝันในวันเหงา
เพียงมีเงาเป็นเพื่อนเหมือนคอยหวง
มีพจน์หวานดังตาลผ่านสู่ทรวง
อื่นใดปวงฤๅล่วงห้วงคะนึง
๐ เสียงขลุ่ยคลอยามค่ำแสนฉ่ำหวาน
แทนคำขานเคยถามยามคิดถึง
เนิ่นนานแล้วแว่วเสียงเพียงรำพึง
เก็บความซึ้งซ่อนอยู่ไม่รู้เลือน....(เพียงกมล)
๐ เสียงขลุยแผ่ว แว่วครา ยามฟ้าหลัว
ช่างหมองมัว หัวใจ หาใดเหมือน
เสียงขลุ่ยครวญ หวนช้ำ มาย้ำเตือน
รอยอดีต กรีดเฉือน ย้อนเยือนตน....(เพลีย-กมล)
๐ จันทร์เจ้าแฝงดวงรางคล้ายพรางงาม
จนผ่านยามราตรีทีมัวหม่น
ใจหนอยิ่งเย็นชืดมืดเสียจน
ห้วงเวหนห่างหายพรายดาวเดือน
๐ เพียงขลุ่ยครวญคล้ายปลอบและตอบรับ
จะคว้าจับรูปรอยก็คล้อยเคลื่อน
อยู่ท่ามกลางซ่อนเร้นเห็นรางเลือน
ยังแชเชือนเหมือนหลอกยั่วหยอกจินต์....(เพียงกมล)
๐ เมื่อจันทร์แจ่ม แย้มพราย หลังกรายหลบ
กลับไม่พบ หน้านวล ครวญถวิล
อยู่กับความ เหว่ว้า จนชาชิน
จนไร้สิ้น น้ำตา เคยบ่านอง
๐ เก็บความช้ำ คร่ำครวญ ในส่วนลึก
ปิดผนึก เอาไว้ ใต้ความหมอง
ลืมความสุข ทุกเสี้ยว เคยเกี่ยวดอง
แล้วไปมอง ท้องฟ้า สบตาจันทร์....(เพลีย-กมล)
๐ เป็นจันทร์เพ็ญเด่นนวลให้หวนถึง
จะคว้าดึงย่อมได้เพียงในฝัน
มิไยที่เพ้อคำร่ำรำพัน
คงไร้วันที่หวังจะรั้งรอ
๐ คงหลุดลอยคล้อยเคลื่อนคล้ายเดือนลับ
โศกเศร้ากับอาวรณ์หากวอนขอ-
ให้เพ็ญจันทร์ผ่องพรายฉายแสง, ทอ
ประกาย ยอนวลพร่างลงกลางทรวง....(เพียงกมล)
๐ ล่วงอีกคืน ฝืนร่าง อย่างเหน็บหนาว
แสงเดือนพราว วาววับ ทาบทับสรวง
มีดาวแจ่ม แซมเห็น เป็นรุ้งรวง
งามโชติช่วง ห้วงฟ้า ดาราราย
๐ รักเคยสร้าง ทางฝัน อันเจิดจ้า
เหมือนนภา ราตรี มีจันทร์ฉาย
เมื่อโรยรา พาคว้าง อย่างเดียวดาย
เหมือนจันทร์กราย ย้ายเคลื่อน สู่เดือนแรม....(เพลีย-กมล)
๐ ยามเดือนแรมรูปเรียวซีดเซียวหม่น
แต่เกลื่อนหนด้วยดาวยังพราวแต้ม
คืนผ่านพ้นวนวันจวบจันทร์แย้ม
เพ็ญกลับแจ่มกลางหาวอีกคราวครั้ง
๐ ต่างจากแสงข้างในที่ใจนั่น
กลับนับวันมัวหม่นจนสิ้นหวัง
ไร้วี่แววเรื่อรองส่องนวล,ดัง
ชีพไร้ฝั่งกลางมืดดับชั่วกัปกาล....(เพียงกมล)
๐ คืนเดือนแรม แก้มช้ำ น้ำตาไหล
สู้หมายใจ ได้ปอง ละอองหวาน
หวังครองคู่ ชูชื่น ยั่งยืนนาน
กลับร้าวราน รักลา ช่างน่าชัง
๐ จะกี่ปี กี่เดือน ดูเหมือนว่า
ใจที่ล้า รารอ หมายก่อหวัง
ถ้อยสัญญา ครานั้น ใจฉันยัง
เตือนให้ยั้ง รอคอย บนรอยเดิม.(เพลีย-กมล)
๐ ได้ประจักษ์ในจิตซึ้งพิษรัก
ไม่หมายภักดิ์ผู้ได้มาไว้เสริม
เมื่อสิ้นแล้วไม่ขอรอต่อเติม
ไม่มีเริ่มไม่มีจบลบอาลัย
๐ มิเหลือใจแสนเจ็บไว้เก็บกัก-
ด้วยตรึงปักเงาหม่น..ยากพ้นได้
ยังมืดดำคล้ำเศร้าและเหงาใจ
จนไม่เหลือเยื่อใยมอบใครครอง
๐ สายเสียแล้วสายฝันเมื่อผันช่วง
ไม่อาจพ่วงพันให้หัวใจสอง
ได้สานเกลียวเหนี่ยวนำเข้าจำจอง
แม้หมายปองคล้องไว้ด้วยนัยเดียว
๐ แต่ว้าเหว่หวั่นไหวก็ไม่หยุด
เหมือนตามยุดฉุดเร้าด้วยเปล่าเปลี่ยว
แม้ว่ามานขาวซีดนั้นรีดเรียว
เกิดกว่าเกี่ยวสายฝันสู่วันไกล....(เพียงกมล)
๐ ดึกคืนนี้ มีดาว พร่างพราวแสง
แต่ฤาแข่ง แสงจันทร์ อำพันใส
ฟ้าสกาว พราวสวย โปรดอวยชัย
ช่วยเปลี่ยนใจ ใครหนึ่ง ซึ่งหมายปอง
๐ เธอถูกรัก หักอก จนหมกไหม้
เมื่อรักจาก พรากไป จนใจหมอง
แม้มีชาย หมายเมียง คู่เคียงครอง
ไม่แยแส แลมอง แม้ต้องตา
๐ ยังอาลัย ใจภักดิ์ ในรักเก่า
อยู่ใต้เงา เศร้าสร้อย ละห้อยหา
ทนอาวรณ์ นอนเดี่ยว เปลี่ยวเอกา
แม้เวลา จะผ่าน เนิ่นนานแล้ว
๐ วอนฟ้าสวย ช่วยให้ เผยใจนาง
ให้กระจ่าง พร่างพราย ประกายแก้ว
อาจบางที ที่.รัก จักฉายแวว
ให้เพริศแพร้ว อีกครา ใต้ฟ้างาม
๐ ทุกทำนอง สองเรา เคยก้าวผ่าน
ยังร้าวราน หวนไห้ เกินไหวหวาม
เมื่อนัยน์ตา มีน้ำ ผุดฉ่ำวาม
มิเหลือความ เข้มแข็ง แห่งดวงใจ
๐ จะเริ่มรัก ถักฝัน นั้นแสนยาก
เพราะรอยบาก ถากลึก ผนึกให้-
ใจหมางเมิน เกินจัก คิดรักใคร
จมหมองไหม้ เหมือนดั่ง กำลังล้า
๐ เส้นขอบโค้ง ตรงนั้น ตะวันตก
ยังพลิกผก ตะวัน ผันเจิดจ้า 
แต่ความรัก ที่ร้าง และห่างตา
มิกลับมา อีกแน่ รู้แก่ใจ
๐ ความทรงจำ ทำร้าย เวียนร่ายภาพ
และเจ็บปลาบ ทุกครั้ง เกินยั้งได้
คนหนึ่งพราก จากกัน พลันมีใคร
พร้อมก้าวไป สู่ฝัน ลืมกันแล้ว....(เพลีย-กมล)
๐ หากอีกใจยังคงดำรงมั่น
ไม่แปรผันวาดหวานแม้ผ่านแผ่ว-
เรียวรีดรอยพิศสวาทฤๅคลาดแคล้ว
กลับตรึงแนวบอบบางลงกลางทรวง
๐ ด้วยไม่อาจลบรอยที่คอยหลอก
ยังยั่วหยอกรุมเร้าให้เฝ้าหวง
รู้รักเช่นเสน่หา..แค่ค่าลวง
ยังติดบ่วงพ่วงพันสุดบั่นทอน
๐ เสียงเพรียกจากหัวใจไม่เคยหยุด
และยากฉุดเหนี่ยวรั้ง..สิ้นหวัง,ถอน
สลักนั้นตรึงมั่นนิรันดร
และคอยย้อนรอยย้ำทุกค่ำคืน
๐ จันทร์เจ้าเอยนวลใยที่ในฟ้า
เคยเจิดจ้าอาบผ่านบนมาน, ผืน
กลับกลายหมองหม่นคล้ำให้กล้ำกลืน
สิ้นแสงโสมโลมรื่น..เหลือขื่นทรวง.(เพียงกมล)
๐ ยินเสียงใจ บอกจันทร์ วันฟ้ากว้าง
ดูเหมือนนาง วางใจ มิใคร่หวง
ราวจะบอก ความใน ใจทั้งปวง
ว่าแดดวง หนึ่งนี้...มีผู้ใด
๐ หรือจะอำ ความนัย มิใคร่เผย
ก็เกินเลย อันมนุษย์ สุดวิสัย
ถนอมนวล ชวนชื่น รื่นฤทัย
หรือเกรงใจ ใครอื่น ที่ชื่นครอง
๐ แม้ใจนาง ร้างใคร ที่ใฝ่ฝัน
ขอผูกพัน มั่นอยู่ เป็นคู่สอง
กับโฉมงาม ทรามวัย ที่ใฝ่ปอง
ขอจับจอง ห้องใจ มิไคลคลา....(เพลีย-กมล)
๐ สรวงฟ้าเอยเผยให้เพียงได้ฝัน
เพื่อใครนั้นเฝ้าคอยละห้อยหา
เพียงร่ำพากย์ฝากให้ผู้ไกลตา
ด้วยหมายตราตรึงขวัญเกี่ยวพันไว้
๐ โปรดรับรู้อาวรณ์อันอ่อนหวาน
ที่จดจารจากขวัญผู้ฝันใฝ่
โปรดรับรู้ห่วงหาและอาลัย
มอบจากใจคนเหงาคอยเคล้าคลอ....(เพียงกมล)
๐ ค่ำคืนนี้ มีดาว สกาวใส
มีหนึ่งใจ ใครหมอง ร่ำร้องขอ
ให้หนึ่งใจ ใครนั้น ที่ฝันรอ
กลับมาก่อ ทอฝัน เหมือนวันวาน
๐ คิดเอย คิดถึง คนึงนัก
มอบใจภักดิ์ รักเอย เคยหอมหวาน
หมายสลัก รักไว้ ให้แสนนาน
หากร้าวราน ซานซม ฤาสมควร....(เพลีย-กมล)
๐ รวยรินรา- ตรีหอมรอบล้อมถิ่น
ให้โชยกลิ่นรื่นหวานผ่านลมหวน
ออในอกผู้ร่ำคำคร่ำครวญ
ว่ารักรวนแรมร้างจืดจางแล้ว
๐ เพื่อปลอบขวัญคนไกลผู้ไฝ่ฝัน
คลายไหวหวั่นอาวรณ์ให้ผ่อนแผ่ว
แม้หนึ่งหวังเลือนรางเคยพร่างแพร้ว
อย่าคลาดแคล้วอีกหวังจนพังครืน....(เพียงกมล)
๐ ถึงเพียงแม้ แค่ฝัน อันลางเลือน
มิแชเชือน ชะตา หากฟ้ายื่น
ขอหัวใจ..ได้ซึ้ง แค่หนึ่งคืน
แม้เมื่อตื่น ลืมตา รักราโรย
๐ เพียงปลายก้อย น้อยหนึ่ง ก็ซึ้งค่า
กับอุรา ครวญคร่ำ ร่ำหาโหย
เหมือนดินแห้ง แล้งหมาย พระพายโชย
พาฝนโปรย พรายพร่าง หลังร้างไกล....(เพลีย-กมล)
๐ สายฝนหล่นจากฟ้าสู่หล้าโลก
ให้ชุ่มโชคใจฝันผู้หวั่นไหว
รื่นเย็นอยู่เช่นนั้นทุกวันไป
จวบพบใจอีกใจฝากให้กัน
๐ ที่แสนไกลสุดเหลียวจะเกี่ยวก้อย
เพียงเฝ้าคอยพบได้แค่ในฝัน
ยังสบตาฝากไว้ในเพ็ญจันทร์
เพื่อพ่วงพันสายใยเป็นนัยเดียว....(เพียงกมล)
๐ ระยะทาง หว่างฟ้า ใช่สาเหตุ
ถึงห่างเนตร เจตจินต์ มิสิ้นเหนี่ยว
หากผูกพัน มั่นหมาย มิคลายเกลียว
ให้สุดหล้า ฟ้าเขียว ยังเกี่ยวพัน
๐ แต่หากใจ ไม่มั่น ยังหวั่นไหว
ถึงอยู่ใกล้ ไม่ต่าง กับร้างฝัน
หากมั่นใน ใจสอง ที่คล้องกัน
ห่างเพียงไหน ไม่หวั่น สัมพันธ์เลือน
๐ ขอเพียงใจ แน่นหนัก ในรักนี้
ห่มฤดี ที่รัก ฤๅจักเลื่อน
จะลาร้าง ห่างหาย หลายปีเดือน
ก็อุ่นเหมือน อยู่ใกล้ แนบใจกัน
๐ แต่หากชัง หวังใกล้ กับไกลห่าง
เพราะจินต์สร้าง กำแพง แอบแฝงกั้น
เบื่อและหน่าย คลายรัก หักสัมพันธ์
นั่งมองกัน แต่ใจ ไงกลับชัง....(เพลีย-กมล)
๐ ยากยิ่งนักแยกได้คำใครนั้น
หากสานต่อทอฝันก็หวั่นหวัง
จะจบสิ้นถวิลหาถึงคราพัง
จึงควรรั้งใจตน..อาจกลลวง
๐ ปล่อยเวลาเผยเร้นที่เป็นอยู่
ว่าควรคู่หรือไม่ ที่ใจหวง
อาจสิ้นลบจบไปไม่ถามทวง
จึงกันทรวงพ้นช้ำเข้ากล้ำกราย
๐ เกรงเจ็บช้ำซ้ำหนจนยากหัก
ยามสิ้นรักดังวันขวัญสลาย
หากหลงลมเพลี่ยงพล้ำกับคำชาย
อาจต้องตายทั้งเป็นโดนเข่นทรวง
๐ ฉันใดหนอเชื่อได้นะใจนั้น
หลอกให้ฝัน..ปั้นคำร่ำว่าหวง
พิสูจน์ได้อย่างไรว่าไม่ลวง
หวั่นช้ำทรวงยิ่งนักหากรักใคร....(เพียงกมล) 
๐ หวังเอยหวัง ตั้งไว้ อย่าให้สิ้น
มิสมจินต์ เลยหรือ ฤา.ไฉน
เย็นน้ำค้าง ร่างสั่น หวั่นฤทัย
เฝ้าคอยใคร ให้กลับ ประทับทรวง
๐ เห็นน้ำค้าง พร่างพราย กลางสายหมอก
ราวเย้าหยอก หมอกพราย ก่อนหายล่วง
เมื่อตะวัน สาดแสง เต็มแดงดวง
ก็เกินหน่วง ห้วงฝัน อันพราวแพรว....(เพลีย-กมล) 				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    10 กรกฎาคม 2553 10:06 น. - comment id 1144723

    ห้วงรัก ห้วงฝัน
    
    
    เก่งทั้งสองท่านเลยนะคะ
    ขอชื่นชมค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • แก้วประภัสสร

    10 กรกฎาคม 2553 11:32 น. - comment id 1144736

    29.gif29.gif
    คาราวะทั้งสองคนเลยค่ะ
    เป็นการต่อกลอน ที่ยาวและเพราะที่สุดค่ะ
    41.gif41.gif31.gif
  • เทียนหยด

    10 กรกฎาคม 2553 11:57 น. - comment id 1144740

    เกินคำบรรยายจริงๆค่ะ 
    41.gif41.gif41.gif29.gif
  • คันเดียวกน

    10 กรกฎาคม 2553 12:26 น. - comment id 1144745

    ...ห้วงรักกลอนแต่งแก้.....เพียงกมล
    สารต่อกันสองคน..............อย่างอึ้ง
    อ่านดูเผื่อมีกล..................ใดซ่อน ไว้นา
    หมากฯท่านมาทำซึ้ง..........เช่นนี้โดนใจ
    มิน่าหายไปหลายวันทำสไปท์เลยนะคับ   29.gif46.gif
  • cicada

    10 กรกฎาคม 2553 15:11 น. - comment id 1144767

    จะต่อกลอน  ก็อ่อนกานท์  หวานไม่เท่า
    คิดแล้วเรา  ต้องกลับ  ไปลับใหม่
    ฝีปากอ่อน  ฝีกลอนห่าง  ยังอีกไกล
    หวนมาใหม่  อีกหลายปี  เวทีพัง...
    36.gif36.gif36.gif
    
    จากเด็กแซม ชั้นอนุบาล ค่ะ
  • แกงฯ

    10 กรกฎาคม 2553 15:54 น. - comment id 1144773

    41.gif เพราะมากค่ะ เก่งจัง
  • โอ้ละหนอ

    10 กรกฎาคม 2553 20:50 น. - comment id 1144797

    29.gif41.gif29.gif41.gifเก่งทั้งสองท่านค่ะ
    ไพเราะเพราะพริ้งจิง ๆ ....1.gif
  • หมากสีสุก

    10 กรกฎาคม 2553 22:42 น. - comment id 1144828

    ท่นเพียงพลิ้ว....
    
    ขอบคุณมากครับ....
    
    ท่านประภัสสร....
    
    ขอบคุณครับทั้งการมาเยือนและคำชม....
    
    ท่านเทียนหยด....
    
    ขอบคุณครับ...วันนี้ไม่ได้ไปวัดฟังธรรมหรือ
    ครับ แบบว่ามีสายแจ้งมาอะครับ อิอิ
    
    64.gif36.gif64.gif
  • หมากสีสุก

    10 กรกฎาคม 2553 22:44 น. - comment id 1144829

    ท่านคนเดียวกัน...
    
    ...ห้วงรักกลอนแต่งแก้.....เพียงกมล
    สารต่อกันสองคน..............อย่างอึ้ง
    อ่านดูเผื่อมีกล..................ใดซ่อน ไว้นา
    หมากฯท่านมาทำซึ้ง..........เช่นนี้โดนใจ
    
    มิน่าหายไปหลายวันทำสไปท์เลยนะคับ
    
    ...ไร้กลเพียงแต่งแต้ม........รำพัน
    ยามว่าง ต่อกลอนกัน.........เช่นนี้
    ที่หายห่างหลายวัน.............เพราะป่วย
    กลอนต่อฉันท์เพื่อนซี้........อย่าได้คลางแคลง...
    
    หายหน้าไปเพราะไข้มาเยือนครับ...อิอิ
    
    64.gif36.gif64.gif
  • หมากสีสุก

    10 กรกฎาคม 2553 22:46 น. - comment id 1144830

    ท่านแซม cicada
    
    จะต่อกลอน  ก็อ่อนกานท์  หวานไม่เท่า
    คิดแล้วเรา  ต้องกลับ  ไปลับใหม่
    ฝีปากอ่อน  ฝีกลอนห่าง  ยังอีกไกล
    หวนมาใหม่  อีกหลายปี  เวทีพัง...
    
    มีคุณแซม แจมกานท์ ที่บ้านนี้-
    คงโชคดี มีชัย สมใจหวัง
    ได้เพื่อนใหม่ ในนี้ โชคดีจัง
    โอกาสหลัง หวังว่า ยังมาเยือน....
    
    ขอบคุณ ที่แวะมาเยือนและร่วม
    แจมกลอนครับ คุณแซม...
    
    64.gif36.gif64.gif
  • หมากสีสุก

    10 กรกฎาคม 2553 22:47 น. - comment id 1144831

    ท่าน แกงฯ
    
    ขอบคุณมากครับ....
    
    ท่าน โอ้ละหนอ...
    
    ขอบคุณที่แวะมาเยือนครับ...
    
    64.gif36.gif64.gif
  • หนูสน

    10 กรกฎาคม 2553 23:51 น. - comment id 1144839

    1192247084.jpg
    
    ~~จันทร์คืนแรม วับแวมอยู่บนปลายฟ้า คงล้าอ่อนแรง ทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง
    คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง จันทร์เพียงครึ่งดวง คล้ายจันทร์เจ้ารอใคร~~
    (เพลงจันทร์)11.gif
  • สุริยันต์ จันทราทิตย์

    11 กรกฎาคม 2553 10:51 น. - comment id 1144874

    โอ้ว....อะไรกันนี่......จับใจที่สุด......
    29.gif29.gif29.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน