อื้อฮือ คิดหลีกปวงแห่งฤดีแม่ศรีสมร ยามบังอรเอ่ยวจีแสนที่ไสว ล้วนลึกซึ้งบาดจิตจนคิดไป โอ้เหตุไฉนสุดตวัดลิ้นจัดมา นั่นก็ชายชาติเชื้อเนื้อนาอยู่ ใคร่อดสูมากอนันต์สุดสรรค์หา ซ่านรสชาติเก่าใหม่ที่ให้คณา พลิกวาจาสู่เสนาะฉอเลาะจินต์ ดุจอิสตรีนิยมโคมไฟเขียว ที่ใฝ่เปรี้ยวสิ่งคิดหวังติดหิน พล่ามมธุรสวาจาเปี่ยมราคิน คำคมถวิลที่ซึ้งหวังคลึงพนอ มิหวนคิดสิ่งใดในโลกนี้ ซ่านก็มีขมปนระคนหนอ ได้แต่หว่านวจีไว้คงไม่พอ มีปมก่อปนทุกข์ยากสุขใจ อันน้ำใจเช่นนี้ปรีดิ์เปรมนัก หรือประจักษ์กายีสุดที่ไฉน แม้นซ่อนเร้นยาพิษสถิตใน แต่เหตุไรพลิกผันจนสั่นจิต คิดว่าตัวสวยเด่นแล้วเน้นหรือ จึงยึดถือในตนระคนสถิต ทั้งเย้ยฟ้าท้าดินจนสิ้นคิด สุดวิปริตเชยชมภิรมย์ปราย สร้างมายามากเล่ห์เฉไฉเหลือ โอบเอื้อเฟื้อภายในคิดใฝ่สลาย ยกตนเองข่มท่านสุขสันต์มลาย ซ่อนเร้นพรายวางตัวมั่วทุกทิศ อนิจจงสลายอนิจจานารีสมร มาดอรชรสุดซ่านแต่หว่านพิษ ดินยังเกรงฟ้าขามนงงามจริต ยั่วประดิษฐ์ร้อยเล่ห์เพทุบาย. * แก้วประเสริฐ.*
10 มิถุนายน 2553 21:35 น. - comment id 1026431
อื้อฮือ...ขัดเคืองใจสิ่งใดหรือ.... เป็นบทกลอนที่ภาษาสวยงามมากๆเลยค่ะ
10 มิถุนายน 2553 21:36 น. - comment id 1026432
๐ เข้ามาอ่านครูแก้วครับ ..ช่วงนี้เริ่มยุ่งกับงาน เลยไม่ได้เขียนครับ เห็นกลอนครูผมเลยอยากเขียน...เกี่ยวกับสาว อาบน้ำ อิอิ เด๋วหาข้อมูลเกี่ยวกับเพลงประกอบก่อนครับ
10 มิถุนายน 2553 14:08 น. - comment id 1135164
10 มิถุนายน 2553 14:17 น. - comment id 1135168
เหงภาพประกอบแล้ว อือ้ฮือ จริงๆ เลยค่ะครู
10 มิถุนายน 2553 14:18 น. - comment id 1135169
ขออภัยค่ะ อ้อยพิมพ์ผิด จะพิมพ์คำว่า เห็น กลายเป็น เหง ซะได้แน่ะ
10 มิถุนายน 2553 14:35 น. - comment id 1135175
อื้อฮือ ! ฮึ !
10 มิถุนายน 2553 14:39 น. - comment id 1135178
โอ้โห คุณลุง อิอิ หลานมาเยี่ยมค่ะ
10 มิถุนายน 2553 14:43 น. - comment id 1135183
อื้อฮือ.... (มั่งๆ อิอิ)
10 มิถุนายน 2553 14:47 น. - comment id 1135187
สวัสดีค่ะ คุณครูที่เคารพ แวะเข้ามาชื่นชมผลงานคุณภาพอีกครั้งค่ะ โดนใจดีจังเลยค่ะ
10 มิถุนายน 2553 16:04 น. - comment id 1135300
คุณ น้ำตาลหวาน ขอบใจน้องรักมากที่เข้ามาเยี่ยมเยียนเสมอ และซาบซึ้งความจริงใจที่มากล้นไว้ ณ ที่นี้จ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 16:08 น. - comment id 1135314
คุณ เที่ยนหยด ครูเองเล่นตามประสาคนบ้าน้อยๆจ๊ะ ครูเอง มีศิษย์ที่รับและยกย่องมากพอประมาณ กว่าจะมา ถึงจุดนี้ได้ก็ใช่ว่าหาจะได้มาง่ายๆนัก แม้นว่าจะผิด หรือถูกอย่างไร ครูเองไม่ตัดสินใจหรอก ถือว่า การที่เราเล่นถูกใจเรา อาจบาทีไม่ถูกใจคนอื่น ก็เป็นได้อีก ครูเคยกล่าวไว้เสมอๆถึงเรื่องนี้ ฉนั้นคือที่มาของคำว่า " บ้า " จ๊ะ และก็บ้าจริงๆ เสียด้วย เพราะไม่ค่อยจะเหมือนใครมักนอก ลู่นอกทางเสมอๆ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 16:10 น. - comment id 1135318
คุณ เที่ยนหยด ทุกๆคนย่อมผิดพลาดกันได้ ครูเองก็ผิด บ่อยแต่เมื่อแก้ไขในสิ่งที่ถูกต้องจึงเหมาะสมจ้า รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 16:12 น. - comment id 1135322
คุณ ครูกระดาษทราย ภาพนี้สมกับคำว่าครูกระดาษทรายจริงๆซึ่ง มากด้วยความหมายหลายๆแง่มุมคิด ผมเองมัก ชอบเขียนอะไรที่ต่างมุมมองคนอื่นเสมอๆให้สม กับคำว่า "บ้าๆบอๆบ๊องส์"จ๊ะ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 16:15 น. - comment id 1135325
คุณ เพียงพลิ้ว หลานที่รักของลุง คนอย่างลุงก็แบบนี้แหละ ถึงมีหลานที่น่ารัก สวยงามเสมอในสายตาลุงดุจ ดวงแก้วไช่ในหินที่น่าทำนุถนอมสำหรับลุงเสมอ รักหลานเรามากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 16:22 น. - comment id 1135327
คุณ โคลอน คนสวยการเขียนผมเองนั้นไปเรื่อยๆหาสาระ แก่นความมิได้หรอกครับ สิ่งเดียวคือหาความสนุก เพลิดเพลินเท่านั้นเอง หามิได้ที่จะเอาดีเอาเด่น กว่าใคร คุณจะเห็นได้จากการเขียนผมมักจะไม่ ยุ่งเกี่ยวกับใคร หากมีก็น้อยแสนน้อยมาก ตาม ประสาคนบ้าๆบอๆนั่นแหละ อิอิ แต่ความจริงใจ นั้นผมมักมีมากเสมอ แต่ผลสะท้อนกลับมักจะ ตรงกันข้ามในชีวิตผมเสมอ จนกระทั่งเกิดความ ชาชินไปเสียแล้ว คนอย่างผมนั้นใครๆจะคบ ก็ได้หรือไม่สนใจก็ได้ผมไม่แคร์ใครหรอกครับ แต่สำหรับคุณนั้นผมซึ้งน้ำใจยิ่งนักที่เสมอต้น เสมอปลายมาตลอดเท่าที่ผมสังเกตุนะครับต้อง ขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีที่แสนงามไว้ด้วย ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 16:37 น. - comment id 1135331
อีกรอบ.... อยากบอกว่า พี่แก้วประเสริฐหว๊านหวานค่ะ ระวังมดบ้างนะค่ะ
10 มิถุนายน 2553 17:00 น. - comment id 1135348
คุณ การัณยภาส สวัสดีครับ ที่ให้ความเคารพผม ในเมื่อเป็น เช่นนี้ผมขอเอิ่นสักเล็กน้อยไว้เผื่ออาจจะมีประโยชน์ บ้าง ก่อนอื่นงานเขียนผมก็สะเปะสะปะไปตามใจ ชอบเสมอ เก็บเล็กผสมน้อยจากคนในเวปฯนี้บ้าง ค้นหาบ้างไปเรื่อยๆจนมาถึงช่วงเวลานี้ ทุกๆอย่าง ผมจะเก็บไว้หมดแล้วมานั่งไตร่ตรองพิจารณาหา เกล็ดอันแท้จริงของคำว่ากลอน ด้วยแต่ละตำรา และคนบอกกล่าวนั้นจะทำให้เกิดความสับสน กัน อาศัยผมเป็นคนเสือกชอบทำในสิ่งที่คน อื่นเขาไม่ทำ รู้ในสิ่งที่คนไม่สนใจ ค้นหาจน กระทั่งผมพบหลักที่ทำให้ผมดำเนินเข้าสู่ครรลอง ผมฟังเพลงเก่าๆว่าเหตุใดเพลงเก่าๆที่ขับร้อง ด้วยครูเอื้อ และบรรดานักร้องเก่าคนแต่ง เพลงทำไมสร้างอรรถรสอมตะขึ้นมาได้นี่เป็น ต้นเหตุปฐม ผมก็นำเพลงนั้นๆมาคิดผสมสร้าง ให้เป็นกลอนแต่อยู่ในฉันทลักษณ์เสมอ ค้น คว้าหาความจริงคำว่า ฉันทลักษณ์คือตำราที่ว่า ด้วยการเขียนร้อยกรองทั้งหลาย ทำไม เหตุใด อย่างไร บรรดาครูบาอาจารย์ท่านถึงได้รจนา ได้ไพเราะเพราะพริ้งอรรถรสเปี่ยมด้วยความ หมาย สาเหตุอยู่ที่ใด คิดได้อย่างไร สร้างอย่าง ใด จึงจะได้แค่หางอึ่งของท่านทั้งหลายเหล่านี้ ทำไมเขาจึงวางฉันทลักษณ์ไว้ให้คนรุ่นหลังๆ ได้เป็นแนวทางแบบอย่าง อะไรคือสาเหตุผม มานั่งพิจารณาไตร่ตรองอยู่นานมาก สิ่งที่น่า สนใจคือ ทำไมกลอนถึงมี ห้า หก เจ็ด แปด ฯลฯ แต่คนเขียนทำไมไม่ทำตามกฏที่วางไว้ กับฉีกไปเสียเพราะเหตุใด จนมารู้ว่าที่ทำให้ เขาดำเนินไปด้วย ทำนอง เป็นสาเหตุหาอักษร มาแทนคำไม่ได้จึงกลายเป็นแปดปนเก้าไป ที่เขาเรียกว่า กลอนตลาด กลอนตลาดไม่ดี หรือ กลอนตลาดนั้นดีแต่เหมาะกับใช้เป็นบางอย่าง บทเพลง บทลครมากว่าจะมาเป็นกลอน อย่างเช่น กลอนรับนั้น ต้องรับมาจากกลอน ส่ง และห้ามใช้เสียงตรี เหตุใด ด้วยเวลารับ จะต้องรับด้วยเสียงตรี หรือ กลอนส่งห้ามใช้ คำตายกลอนรับก็ต้องรับด้วยคำตายเป็นต้น สาเหตุอย่างไร ด้วยรับหัดใหม่ๆจะรับยากและ ทำให้กลอนนั้นไม่เร้าอารมณ์คนอ่านจะสะดุด ชะงักไปอย่างส่งด้วยความตาย ถามว่าผิดหรือ เฉพาะผมนั้นว่าไม่ผิดแต่เขาห้ามไว้เหตุดัง กล่าวนี้เอง แต่หากคนที่ชำนาญย่อมจะพลิก สถานะการณ์โดยปรับระดับเสียงได้ก็สามารถ เอาตัวรอดไปได้ กลอนส่งด้วยเสียงตรี เสียง ตรีเป็นไฉน อันความรู้สึกผมว่าเสียงตรีนั้น เป็นเสียงดนตรีที่ไพเราะแม้ว่าจะมีคำรับไม่ กี่คำก็ตาม ดุจทำนองเสียงเช่น โด เร มี ฟา ซอล รา ซิ โด้ จะเห็นว่ามีการไล่ลำดับ เสียงกลางไปหาสูงสู่กลางแล้วลงต่ำหรือขึ้นไป หาสูงในระดับเสียงที่ไล่ดั่งลูกระนาด แต่เขาว่า ไม่ควรใช้ควรอยู่เสียง สามัญหรือจัตวา อันนี้ ครูท่านวางไว้ให้เฉพาะคนฝึกหัดเล่นกลอน หากจะใช้นั้นผมมานั่งคิดพิจารณาแล้วไม่ผิด กลับได้เสียงอ่อนพลิ้วไพเราะมาก ครูบาอาจารย์ ท่านก็มิได้บอกว่าผิดแต่ไม่ควรใช้ ผมค้นหา เหตุผลจึงทราบพอประมาณ ดังนั้นสิ่งที่ผมค้น คิดโดยนำเอาทางธรรมะเกี่ยวกับสมาธิเข้ามา ผสานในกลอนด้วย จึงเกิดคำว่า " ทำจิตให้เป็นกลอน กลอนเป็นจิต เข้ารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว" หากบุคคลใด ฝึกได้สำเร็จ ประโยชน์คือสามารถแต่งกลอน ได้อย่างรวดเร็วกว่าธรรมดา ในเมื่อผมเขียนกลอนและมักจะนอกลู่ นอกแนวที่กำหนดวางไว้ เกรงครหานินทาไป ถึงครูบาอาจารย์ท่าน จึงแสร้งบอกให้คนอื่น ว่าผมเอง มีนิสัย บ้าๆบอๆบ๊องส์" ก็ด้วยสาเหตุ นี้นี่เอง ฉนั้นคนบ้ามักได้ยอมรับการอภัยเสมอ ผมเองหาใช่จะเก่งกาจใดๆไม่ย่อมรู้ตัวเอง ว่ายังอ่อนด้อยมากมายนัก เล่นบางครั้งก็ถูก บางครั้งก็ผิดฉันทลักษณ์ ครูอาจารย์เก่าๆที่ รจนาร้อยกรองไว้ ก็ไม่กล่าวอะไรมากนัก แต่ มาในปัจจุบัน เกิดการคิดผมเข้าใจว่าคิดเอง คือมี สัมผัสซ้อน สัมผัสชิงสัมผัส ฯลฯ อีกมาก มายทำให้ผู้ฝึกฝนเกิดความสับสน กลัวโน่น เกรงนี่ไปจนไม่เป็นตัวของตัวเอง สัมผัสอัน แท้จริงมีขึ้นเพื่อต้องการกำชับความเสนาะของ ร้อยกรองให้ดูอ่อนไหวพลิ้วลื่นไหลเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับที่กล่าวมามากไป หวังว่า สิ่งมีประโยชน์หรือถูกอัธยาศัยก็รับไป หากไม่ ถูกอัธยาศัยก็มองข้ามไป อย่าติดยึดเป็นอันขาด เราเล่นร้อยกรองก็เพื่อรจนาเนื้อหาสาระ ให้เกิดความสนุกสนานบันเทิงใจเท่านั้น ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 17:08 น. - comment id 1135361
คุณ น้ำตาลหวาน หรือครับหากจะหวานจริง โน่นเที่ยนหยด นั่นซินะถึงว่าหวาน ด้วยชื่อ "อ้อย" จ๊ะน้องรัก อิอิ ผมเองก็มีโรคเบาหวานแต่ไม่มาก หรืออาจจะ เป็นโรคนี้กระมัง แต่คนโบราณมักกล่าวเสมอๆว่า เสน่ห์หาอยู่ที่ใดไม่ ไม่ใช่คาถาอาคมหรือสิ่งใดๆ ทั้งสิ้นอยู่ในตัวเราตั้งแต่เกิดแล้ว คือ ปิยวาจา ด้วยทุกๆคนชอบยกยอ ยกย่อง ยินยอมด้วย คำพูดที่สานเสนาะไพเราะพร้อมด้วยจิตใจและใบ หน้า อันนั้นคือเสน่ห์คนเราอย่างยิ่งมีมาแต่ กำเนิดแล้วจ๊ะน้องรัก ขอบใจน้องรักมากนะที่ อุตส่าห์เข้ามาอีก มาเรื่อยๆก็ได้นะที่นี้เปิดต้อน รับเสมอๆจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 มิถุนายน 2553 17:42 น. - comment id 1135364
ฮือๆๆ งานยังไม่เสร็จเลยค่ะคุณครู เห็นภาพตาสว่างเลยค่ะ
10 มิถุนายน 2553 18:22 น. - comment id 1135366
สวัสดี...ครับผม สบายดีนะคะ...ที่บอกว่าไม่ค่อยสบายใจน่ะ คือข้าพเจ้าพึ่งจะเสียหลานชายวัย..สามขวบ เศร้าน่ะค่ะ...แต่ต้องบอกคำว่าอื้อฮือด้วยคน เคารพค่ะ คุณชายฯ
10 มิถุนายน 2553 22:46 น. - comment id 1135404
แวะมาทักทายครับ
11 มิถุนายน 2553 00:18 น. - comment id 1135426
เห็นชื่อเรือง ก็นึกว่าป๋าไปเจอ อะไรที่ใหญ่โตโอฬาร พิลึกพิลั่น ตื่นตาตื่นใจซะจนต้องอุทานออกมา แล้วที่กลาวถึงโคมไฟเขียวนี่ก็แน่เลยว่า รุ่นคุณปู่ ผมแน่ แกเคยเล่ากันฟังระหว่างคนแก่ถึงความหลัง ผมแอบได้ยิน ไม่เคยเห็นของจริง เพิ่งจะได้ไปเห็น ที่โรงแรม ที่เพลินวานหัวหิน เขาติดโคมไฟเขียวไว้จริง ๆ แกล้งถามเขาว่ามีของจริงตามสัญญลักษณ์หรือเปล่า เขาบอกว่าไม่มีหมดสมัยไปแล้ว อิอิ
11 มิถุนายน 2553 11:29 น. - comment id 1135507
ครูแก้วคะ ปรางเข้ามาเยี่ยมค่ะ ปรางห่างหายไปนาน ด้วยภาระกิจ คิดว่า อีกสักอาทิตย์ คงจะกลับมา เช่นเดิมแล้วนะคะ สุขภาพเป็นอย่างไร บ้างคะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ
11 มิถุนายน 2553 12:04 น. - comment id 1135513
แวะมาอื้ฮืออีกคนค่ะ...
11 มิถุนายน 2553 12:48 น. - comment id 1135524
คุณ แก้วประภัสสร ไม่ต้องร้องทนไปทนเถอะศิษย์รัก หากเรา ไม่ไขว่คว้าตอนนี้ในการสร้างฐานะแล้ว ย่อมหมด สิทธิ์ ช่วงโอกาสทองนี้มิรีบทำจะเสียช่วยโอกาสและ ไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว นอกจากความฝันอัน หาสาระมิได้แล้วจะเกิดความเสียใจ งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ปราศจากทุกข์ทั้งผองแล รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 12:56 น. - comment id 1135527
คุณ ทางแสงดาว สวัสดีครับ มรณังสุขัง อรหังสุคโต นโมพุทธัง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแสดงความอาลัยครับ เป็นธรรมดาของโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป จิตตะ จิตตัง เวทนัง สูญญัง นิพานัง โหตุ ทุกสิ่งในโลกนี้อยู่ที่จิตใจ หากปล่อยวางก็เป็น หนทางแห่งความสุข การเสวยอารมณ์หากทำให้ เป็นว่างเปล่าก็ถึงซึ่งความสุขแห่งนิพพานครับ ทำใจรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 12:59 น. - comment id 1135529
คุณ สายลมเดือนตุลา จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายในการเขียน หากเราสามารถรู้จักทำนองของอักษรที่ใช้ครับ ส่วนขัดเคืองใครผมไม่มีหรอกครับ เพียงเหงา นั่งคิดอดีตแล้วไปพบสิ่งนำมาเล่าให้ฟังครับเท่านั้น เองหาได้มีอะไรหม่นหมองใจใดๆครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 13:03 น. - comment id 1135532
คุณ กิ่งโศก หนุ่มๆแน่นๆช่วงนี้คือการเก็บออมสร้างฐานะ เราจงอดทนต่อสู้แล้วฝันเราจะเป็นจริงนะ แต่ว่า ทุกๆอย่างในชีวิต เราต้องวางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า อดทนหน่อยศิษย์รัก อบายทั้งปวงควรงดเว้น ในช่วงโอกาสที่ควรไขว่คว้า ต่อไปยากยิ่งแล้วจะ ให้มันหวนคืนกลับมาอีก รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 13:04 น. - comment id 1135533
คุณ สุริยันต์ จันทราทิตย์ เพียงน้ำใจเล็กๆน้อยๆแต่ยิ่งใหญ่นักสำหรับ คนที่มีอายุล่วงเข้าสู่หลักชัย ขอบใจมากจ้า แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 13:46 น. - comment id 1135537
คุณ ฤกษ์ รูปหล่อประจำเวปฯ มันเป็นภาพแห่งความหลังในอดีตที่ผ่านมา แล้วก็ล่องลอยไป ใช่แล้วหญิงโคมเขียวบัดนี้น้อย คนนักจะรู้จัก สมัยผมพึ่งเริ่มแตกวัยหนุ่ม คือ นมจะตั้งพาน ส่วนหญิงจะตั้งเต้า ผมไปบ่นให้คุณ แม่ฟังว่าทำไมเจ็บที่หัวนมมาก ท่านบอกให้มาดู แล้วก็หัวร่อ ไม่หัวร่อเปล่าๆนะครับ ท่านจับมันมา ขยี้แล้วก็บีบ มีน้ำใสๆพุ่งออกมา คุณเอ๋ยผมร้องลั่น เชียวมันทั้งเจ็บทั้งปวด ทำถามว่าทำไมทำกับผมอย่างนี้ท่านบอก ว่าต้องทำจะได้ไม่เป็นพิษในภายหลัง นี่รู้ไหม ลูกเริ่มย่างเข้าสู่วัยหนุ่มแล้ว จริงๆครับผมอ่อน ประสบการณ์ ท่านบอกว่าเมื่อเด็กหนุ่มตั้งพาน แล้วก็จะมีน้ำเชื้อสามารถสร้างลูกได้ ไม่ว่าหญิง หรือชาย ส่วนหญิงนั้นจะมีเมนท์ในระยะย่าง เข้าสู่วัยสาว พร้อมจะเป็นแม่คนได้ครับ ที่ อ้างมานี้คือจุดเริ่มต้น ในเวลาที่ความเจ็บหาย ไปไม่ถึงอาทิตย์ อารมณ์ผมเกิดความเปลี่ยน แปลงไปมองเห็นสาวๆเป็นไม่ได้เกิดอารมณ์ แปลกๆครับ สมัยก่อนผมกับเด็กหญิงเราจะ เล่นน้ำด้วยกัน โดยแก้ผ้าในคลองแต่ไม่คิด อะไรมากแค่เป็นเพื่อนเท่านั้น สงสัยก็คือว่า ทำไมเธอถึงไม่เหมือนกันเรา ส่วนเด็กสาวก็ สงสัยเหมือนกันและยังจับของผมเล่น ผมก็จับ มันแปลกใหม่สำหรับเด็กๆแม้จะเริ่มอายุเข้าสิบสี่ ไปแล้ว แต่พอเราตั้งพานตั้งเต้าเกิดการเอียง อายขึ้นมาด้วย ผมเองมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งรุ่นพี่ มาก ผมเรียนหนังสือจึงไม่สนใจเรื่องจีบหญิง ทั้งๆที่มีอารมณ์เหมือนกันและเริ่มศึกษาทางนี้ สมัยนั้นมีหนังสือขาย เรียกว่า "วิทยาศาสตร์ ทางเพศ" และหนังสือปกขาว อันหลังไม่พูด ครับอันแรกจะเขียนเล่าถึงหญิงชายไว้ให้รู้ ผมอ่านหลังจากผ่านการตั้งพานไปแล้ว ก็เกิด อารมณ์แปลกๆใหม่ๆซ้อนเข้ามา ไปเที่ยวกับ เพื่อนรุ่นพี่ที่เขาไป ด้วยความอยากรู้อยาก เห็นนั่นเอง สมัยนั้นการคมนาคมลำบากมาก ถนนใหญ่ๆมีแค่สายเดียวเป็นหลักที่เชื่อมต่อ ด้านเหนือกับด้านใต้ ถนนนั้นเป็นแม่บทเรียก ว่า ถนนเจริญกรุง สร้างเพื่อเชื่อมต่อกับถนน ราชดำเนิน เอาสนามหลวงเป็นศูนย์กลางครับ รถเจ็ก รถสามล้อ รถเครื่องพ่วงโดยสาร(อัน นี้ให้คุณนึกถึงรถสมัยฮิตเล่อร์ใช้นั่นแหละ) ทางทหารผ่านศึกนำมาให้ทหารนอกราชการใช้ หาเงิน แล้วก็มารถราง ถนนเจริญกรุงจะเดิน รถสวนกัน แต่ความเจริญไม่มากนัก ผมอยู่ แถวยานนาวา สามารถมองเห็นตึกไปรษณีได้ แหละ เราไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ไฟฟ้าก็ ไม่ค่อยมีเดินกันไป สนุกสนานเฮฮาตามประ สาวัยรุ่น แต่ผมย่างเท่านั้น เขาบอกว่าจะยก ครูให้ผม ผมก็สงสัยถามแต่มันไม่บอก ตอน นั้นถนนเยาวราชยังไม่มี แต่เป็นที่อยู่ของ คนจีนทางด้านใต้ ส่วนด้านเหนือปะปนกัน สพานถ่าน ตอนนี้ไม่มีแล้วหายไป รุ่นผมจะมี เป็นห้องแถวเรียงรายกัน หน้าห้องจุดโคมไฟ สีเขียว ดูไปก็สวยดีนะมันเล่นลมด้วย หากคุณ อยากทราบก็ให้นึกถึงบ้านคนจีนเวลาตายจะมี โคมสองดวงติดไว้ที่หน้าบ้าน แต่นี่มีโคมเขียว แต่เล็กกว่ามากมาย ต่อมาพัฒนาเป็นหลอด ไฟฟ้าสีเขียวแทน ย่านวรจักรเต็มไปด้วยผู้หญิง ที่หาเงินเรียกว่าขายตัวหาเงินกัน เป็น สัญญลักษณ์ให้ทราบว่าที่นี้เป็นที่อยู่ของพวกผู้ หญิงขายตัวหรือเรียกกันต่างๆนา กระหรี่บ้าง โคมเขียวบ้าง โสเภณีบ้าง นางโลมบ้าง แล้ว แต่คนจะเรียก หมายถึงหญิงประเภทเดียวกัน คุณเชื่อไหมหากล่าวถึงหญิงประเภทนี้ หล่อน ล้วนใจบุญกันนะครับ ต่างเฉลี่ยเงินให้แม่เล้า เก็บรวบรวมไว้ สร้างวัดได้วัดหนึ่ง ปัจจุบัน ยังอยู่ เรียกว่า " วัดคณิกาผล " แถวพลับพลาไชย แม้ปัจจุบันหญิงที่มีโคมเขียวหายไป แต่อนุสรณ์ ก็ยังจารึก หากคุณไปถามคุณปู่ท่านซิว่าวัด คณิกาผล ใครสร้าง รับรองว่าท่านคงหัวร่อ คนเก่าๆรู้ดี แต่ละที่จะมีพวกแมงดาคือ นักเลงคอยคุม เราจะไปทำเสียงดังสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ได้มิฉนั้น โดนกระทืบเอา และมีแม่เล้า คุมพวกผู้หญิงหาเงิน บ้างก็แอบหนีผัวมาหา เงินด้วยมัวกันไปหมด สมัยนั้นจนมาก น้อย คนจะเป็นคนมีเงิน ค่าตัวก็แสนถูก จะแบ่ง ออกเป็นสองประเภท คือประเภทคนจนกับคน มีเงิน การต้อนรับจะแตกต่างกันไป ผมประเภท คนจนตามเขาไป เมื่อเข้าไปในห้องเล็กที่ใช้ ต้อนรับหน้าประตูจะมีพวกแมงดาเรียกร้องแขก คุณจะหาผู้หญิงดูเพื่อเลือกไม่ได้หรอกเขา เก็บไว้อีกที่หนึ่ง มีแต่รูปถ่ายเล็กๆขาวดำเท่านั้น ให้เราเลือก หากใครสนใจใครก็ชี้ไปที่รูปภาพ ก็จะมีคนนำพาไป เพื่อนผมร้องลั่นเชียวเสร็จ แล้วบอกให้ผมไปยกครู ผมไม่เอาตอนนั้นรัก เรียนมากกว่าไม่ค่อยสนใจหญิงเท่าใดนอกจาก เพื่อนเท่านั้น มันบอกว่าเถอะน่าขึ้นครูแล้วจะ ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเชียวนะ พูดอย่างไรก็ไม่ยอม จนโดนเพื่อนเตะตูดป๊าบ บอกว่าตามใจมึงเรา จะพูดสมัยพ่อขุนรามกันนะ เพื่อนผมมันร้อง ลั่น มันให้ผมเป็นคนเลือกตามภาพ ผมก็เลือกเลยซวย เห็นว่าภาพสาวสวยนี่นา แต่พอเอาจริงเข้า กลับเป็นขี้เหร่ ทั้งดำมึด อ้วนด้วย มันจะเปลี่ยน ก็ไม่ได้ แมงดามันตาเขียวต้องเลยตามเลยไป มันออกมาแล้วก็เข็กหัวผมด้วย ผมตัว เล็กร่างมันสูงใหญ่กว่า กล่าวมากไปคนอื่น จะเคืองหากพูดเรื่องอดีตทั้งวันไม่จบหรอกครับ เอาแค่พอรู้หอมปากหอมคอก็แล้วกันนะครับ ว่าที่มาของหญิงโคมเขียวเป็นอย่างไรกันครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 13:50 น. - comment id 1135540
คุณ ปรางทิพย์ ดีแล้วล่ะหมั่นขยันอดทนต่อสู้เพื่อสร้างฐานะ ในบั้นปลาย ให้รู้จักเก็บหอมออมริบไว้ด้วยนะเพื่อ จะสร้างฝันเราให้เป็นจริงจ๊ะ ครูเข้าใจว่าคงจะเป็น เรื่องการงานมาก หากเป็นเรื่องอื่นไม่รู้จ๊ะ อ้อตอน นี้สุขภาพครูแย่เอามากๆเลยล่ะ ที่ตอบนี้ก็เริ่มปวด หัวแล้วเมื่อคืนนี้นอนไม่หลับเกือบทั้งคืนเลย มา งีบเอาใกลๆฟ้าสางแหละจ้า แล้วเธอก็ดูแลสุขภาพ บ้างนะอย่าประมาทโรคภัยไข้เจ็บเด็ดขาด รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 13:55 น. - comment id 1135542
คุณ white roses นี่แหละขนานแท้แน่นอนจ๊ะขอบคุณมากที่นำ มาฝาก "อันหญิงไทยใจเธอช่างกล้าหาญ อีกเชี่ยวชาญการศึกจนคึกผยอง สัปยุทธ์ด้วยท่าทีแลทำนอง จนชายต้องยอมแพ้ฝากแผลไป......อิอิ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มิถุนายน 2553 15:42 น. - comment id 1135567
อื้อฮือ อ้าฮ้า โอ้โฮเฮะ อิอิ สวัสดี่ค่ะ
11 มิถุนายน 2553 15:57 น. - comment id 1135581
มาชมผลงานดีดีครับครูอื้ออึอจริงๆ
12 มิถุนายน 2553 12:20 น. - comment id 1135707
คุณ เฌอมาลย์ สวัสดีครับ ผมเองก็สนุกไปวันๆหนึ่งกับ อดีตนั่นแหละครับ แต่เพียงเล่าๆให้ฟังเท่านั้น ขอบคุณเจ้าหญิงนะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ
12 มิถุนายน 2553 12:24 น. - comment id 1135708
คุณ ป๋อง สหายปุถุชน ป๋องเอ๋ยการหาความสนุกไปตามประสาคนมี อายุนั้นนำมาเล่าให้ฟังบ้างเล็กๆน้อยๆ การเขียน ก็คิดว่าถึงจุดอิ่มตัวไปแล้วเหมือนกับการท่องเที่ยว ตอนนี้ไม่อยากจะไปไหนๆเสียแล้วล่ะ เกิดความ เบื่อหน่าย ท้อแท้ขึ้นมา มันเกิดขึ้นถึงจะฝืนอย่าง ไรมันก็ต่อต้าน คงจะใกล้วาระหลักชัยเสียแล้ว กระมัง เอาล่ะขอบใจที่มาให้กำลังเสมอนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
15 มิถุนายน 2553 21:06 น. - comment id 1136597
...แวะมาทักทายกันนะคะ..แฝดเพื่อน...ช่วงนี้งานมากค่ะ..ไม่ค่อยมีเวลา...คิดถึงนะคะ...
18 มิถุนายน 2553 13:08 น. - comment id 1137301
คุณ ราชิกา ขอบคุณแฝดเพื่อนรักมาก เรื่องงานผมซิ เป็นห่วงคุณยิ่งนัก ด้วยเป็นวิทยากรย่อมต้องค้น คว้าให้มากที่สุด ซ้ำเมื่อบรรยายเสร็จก้ต้องคอย ตอบคำถามด้วย ซึ่งจะต้องประกอบด้วยไหวพริบ ปฏิภาณของตัวเอง ด้วยผมเคยเป็นวิทยากรมาแล้ว ซาบซึ้งดี จึงเป็นห่วงคุณนักสุขภาพสำคัญมากหาก ไม่สมบูรณ์แล้วย่อมยากแก่เรา จึงเป็นห่วงมากจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.