ลำน้ำน่าน ยามลมพัดขยับสายประกายพลิ้ว แลระลิ่วทอพรายเหลื่อมลายไสว เคี้ยวคดน้ำวกเว้าแสงพราวไกล ระยิบขจายท้องคุ้งทอดจรุงชม ตะวันทอแสงทองละอองพริ้ง มวลทุกสิ่งรายเรียงดุจเคียงผสม หอมระรื่นมธุรสเวียนจรดดม กลิ่นรื่นรมย์สายน้ำเลิศล้ำยาว เลี้ยวลดเรียบชายฝั่งเปรียบฝังแก้ว สลับสีแววสวยพุ่มดุจกลุ่มสาว เยินเย้าหยอกเป็นผองดุจฟองเงา ทอเคียงเคล้าแสงทองรวีส่องมณี โอ้น้ำน่านเพริศพริ้งแลอิงไสว แลแพรวพรายผิวน้ำแลย้ำฉวี ที่ทอดไหวเคลื่อนปนแห่งชลธี บุปผาที่หอมล่องแห่งท้องธาร งามจริงหนอแม่น้ำยามพร่ำแจ้ว หวามพริ้งแผ่วพฤกษาล้วนมาผสาน เป็นดนตรีขับเสนาะไพเราะกานต์ ล้วนฟองซ่านทบฝั่งประดังพราว ลำน้ำเอยไฉนล้ำราวย่ำสวรรค์ ลำน้ำน่านเพริศพราวดั่งราวสาว ที่เพียบพร้อมกุลสตรีแสงสีเนา งามพริ้งเพรามีเสน่ห์ปราศเล่ห์ลวง ยามเมียงมองใฝ่ฝันรำพันพร่ำ งามเลิศล้ำเมืองแมนดุจแดนสรวง ขาวพริ้งพราวผิวผ่องละอองยวง ยามไหลล่วงแว่วเสียงเยี่ยงดนตรี ลำน้ำน่านคิดถึงรำพึงหวน เฝ้ารัญจวนชวนหาแม่มารศรี งามขาวผ่องทอทาบที่อาบมณี ส่งแสงสีพลิ้วพร่างกระจ่างเชย. * แก้วประเสริฐ. *
2 เมษายน 2553 14:43 น. - comment id 1117481
แวะมาทักทาย นะครับ ครูแก้วสบายดีนะครับ
2 เมษายน 2553 15:39 น. - comment id 1117732
ปิง วัง ยม น่าน อยากไปให้ครบเลยค่ะคุณลุง
2 เมษายน 2553 15:23 น. - comment id 1117735
สวัสดีครับครูแก้ว.. กิ่งโศก เป็นลูกลำน้ำน่าน ขนานแท้ครับ..เห็นครูเขียนกลอนพูดถึงสายน้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนจากทางเหนือ จนไหลมารวมกับแม่น้ำสายอื่นที่เกิดเป็น..ตำหรับลำน้ำเจ้าพระยา.. ๐ ลุสายไหลฉ่ำน้ำ......สองแคว ใสวับฉาบกระแส......หว่างเส้น บำเรอบุรีแล........ชนเหล่า ชีพตื่นชื่นต่างเต้น.ต่อสู้ชูตน ฯ ๐ น้ำน่านธารน่านน้ำ.....นองเนือง แลบ่ไร้บ่ายเรือง.........บั่นร้อน ทอดโปรยถ่อประเทือง....ทาบเปล่ง คือหลักคานรั้งค้อน......รัดค้างแรงขา ฯ ๐ สมัยปัจจุนี้......ใยเหือด เส้นหลักโชนสายเลือด.....ร่อยร้าง พิษพิโรธฤาเผือด......เดือดพร่าน สาบส่งให้สิ้นสร้าง....เซ่นพร้องบาปเวร ฯ ๐ ชลนัยน์น่านส่อนี้......ใช่บอก กรรมสิก่อสวนกลอก.....เกิดซ้อน นรชั่วเฉกหลอก......ฉลเล่น มิละมิลาร้อน........หมดเล้าเหมาเลยฯ
2 เมษายน 2553 16:21 น. - comment id 1117787
เกิดมาริมแม่น้ำท่าจีน ยังไม่เคยเห็นลำน้ำน่านเลย....อยากเห็นๆ ..
2 เมษายน 2553 16:42 น. - comment id 1117816
เวลาไปเที่ยวหาเพื่อนที่ตะพานหิน เพื่อนจะพาไปนั่งแพริมน้ำน่านค่ะ อาหารอร่อย วิวทิวทัศน์ก็งดงามริมน้ำน่านค่ะ
2 เมษายน 2553 17:02 น. - comment id 1117838
หลบอากาศร้อนมาอ่านกลอนครูแก้วฯก่อนเจ้าค่ะ ลำน้ำนั่นหยั่งลึก ลงไป คงส่องเห็นถึงใน ลึกล้ำ เงาเมฆหมอกดูใส ไร้ขุ่น ธรรมชาติยังอยู่ค้ำ คู่แท้เมืองไทยฯ
2 เมษายน 2553 17:08 น. - comment id 1117840
สวัสดีค่ะ....อยากไปเที่ยวสักครั้งเหมือนกันค่ะ เกิดแถบลุ่มแม่น้ำน้อย...ลำน้ำน่านคงสวยมากนะคะ....
2 เมษายน 2553 17:09 น. - comment id 1117841
ปล.คนข้างๆสะกิดบอกว่าเขียนผิดเจ้าค่ะครู กลับมาแก้ค่ะ อิ ลำน้ำนั่นหยั่งล้น ลงไป คงส่องเห็นถึงใน ลึกล้ำ เงาเมฆหมอกดูใส ไร้ขุ่น ธรรมชาติยังอยู่ค้ำ คู่แท้เมืองไทยฯ
2 เมษายน 2553 17:41 น. - comment id 1117857
นึกว่า ลำน้ำน่าน เพื่อนนักกลอนซะอีก เขาหายไปนาน คิดถึง เข้ามาดูกลับเป็นแม่น้ำ อิอิ
2 เมษายน 2553 19:30 น. - comment id 1117904
แวะมาอ่านผลงานอันล้ำค่าค่ะคุณพี่ อากาศร้อนมากดูแลสุขภาพนะคะ
2 เมษายน 2553 20:54 น. - comment id 1117923
คิดถึงพี่นิว ลำน้ำน่านค่ะ
2 เมษายน 2553 22:41 น. - comment id 1117975
มะกรูดก็เข้าใจว่าเขียนถึง พี่นิว "ลำน้ำน่าน" ซะอีกค่ะ แต่แม่น้ำมะกรูดชอบ ชอบทุกที่ที่มีน้ำค่ะ คุณแก้วฯ สบายดีนะค่ะ
3 เมษายน 2553 02:13 น. - comment id 1118031
สายน้ำ เหมือนเส้นชีวิตของเรา มองเห็นลำน้ำ แล้วสดชื่นนะคะ ด้วยสายน้ำ เผื่อแผ่แก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวงค่ะ ช่วงนี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างคะ ดูแลตัวเองด้วยค่ะ
3 เมษายน 2553 07:21 น. - comment id 1118056
คุณชายฯ.... บ้านแสงดาวอยู่ริมแม่น้ำ..... ในอดีตต่างกับปัจจุบันคล้ายคนละโลก ถึงอย่างไร ทุกครั้งที่มองสายน้ำ..... ความรู้สึกยังฉ่ำเย็นทุกครั้ง.... เพียงต้นลำพูที่น้อยลง หิ่งห้อยที่หายไป.... เพียงเท่านั้น ....ในความรู้สึกกับมิใช่เท่านั้น เคารพค่ะ
3 เมษายน 2553 09:36 น. - comment id 1118074
ฝั่งน้ำเอยฝั่งน้ำน่าน ยามตะวันสายันสั่งลา โปรยรอนๆอ่อนแสงสีทอง พริ้วอาบทาบทาธารธาราสะท้อนริ้วทองทิวเขา งดงามเสมอครับ
3 เมษายน 2553 13:27 น. - comment id 1118159
สวัสดีครับ ตอนนี้ลำน้ำน่านต้นน้ำที่บ้านผม แห้ง..ไปเยอะครับ..เด็กๆเริ่มลงเล่นน้ำ ใกล้สงกรานต์แล้วครับ
3 เมษายน 2553 17:38 น. - comment id 1118305
คุณ อรุโณทัย ขอบคุณมากครับ เรื่องสุขสบายทางด้านใจ นั้นสบายครับ แต่สภาพกายยังไม่ดีครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 17:49 น. - comment id 1118307
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักครูจำได้จ๊ะว่าเธอเคยบอกว่าเป็นชาว น่านโดยกำเนิด อันที่จริงครูจะเขียนถึงสหายเก่า แม้จะแตกต่างเรื่องวัยวุฒิ แต่อุดมด้วยคุณวุฒินัก แต่นึกไม่ออก เริ่มแรกเขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้หรอกแต่ ต่อมาถึงได้ใช่ชื่อนี้ สงสัยว่าจะเป็นคนน่านเช่น เดียวกับศิษย์เรานั่นแหละ เรื่องแม่น้ำน่านนั้น ครูเคยผ่านไปจ๊ะ เลยเขียนอันที่จริงนึกจะไม่เขียน แล้วด้วย เกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาอย่างไรไม่ รู้ได้ แต่เขาติดต่อครูเสมอมาเลยเคยเอาชื่อ เขาฝากไว้ในกลอนครูนะ ดีแล้วฝึกหัดไว้ เขียนได้ดีแล้วสมความตั้งใจครู รักศิษย์เรา มากเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 17:51 น. - comment id 1118308
คุณ ครูกระดาษทราย หน้าร้อนยิ่งร้อนอย่างนี้สู้น้ำไม่ได้หรอกครับ ผมเองยังนึกถึงป่าเขาลำเนาไพร แม่น้ำหน้าคอมฯ ก็เอาภาพน้ำตกป่าเขาแมกไม้ไว้เลย ทำให้จิตใจ เราเยือกเย็นขึ้นได้บ้างครับ รักครูเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 17:55 น. - comment id 1118310
คุณ เพียงพลิ้ว หากจะพูดถึง ปิง วัง ยม น่าน นั้นครูไป ผ่านมาหมดแล้วจ้า ความสวยกันคนละแบบแต่ เหมือนๆกันแหละ หน้าร้อนนี้น้ำคือสิ่งปราถนา ของคนเราเสมอจ้า รักหลานเราเสมอ อันที่จริง ว่าจะเว้นไว้ ที่เขียนนี้ให้นึกถึงสหายต่างวัยเลย เขึยนขึ้นไว้เป็นอนุสรณ์จ้า รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 17:59 น. - comment id 1118311
คุณ มวลภมร แสดงว่าคุณเป็นแถบแม่กลองหรือแม่น้ำ บางปะกง อันที่จริงต้นตระกูลผมเป็นคนแถบลุ่ม น้ำบางปะกงครับชาวแปดริ้ว แต่ย้ายมาผมยังไม่ เกิด มาเกิดที่อำเภอยานนาวานี่เองครับเลยเป็น เด็กเทพไปโดยปริยาย และไม่เคยย้ายไปจังหวัด ใดๆอีกเลยตราบทุกวันนี้ครับ แต่การท่องเที่ยวนั้น ผมไปหมดทั้งทะเล ป่าเขา แม่น้ำ ผมชอบที่สุด คือป่าเขาลำเนาไพรที่ประกอบด้วยน้ำตกครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:02 น. - comment id 1118312
คุณ เฌอมาลย์ เจ้าหญิงครับใช่แพริมแม่น้ำเป็นทิวทัศน์สวย อาหารปลาแม่น้ำอร่อยมากครับ ลมเย็นสบายมา ร้อนพอมานั่งริมแม่น้ำความร้อนจางลงทันทีครับ รักเจ้าหญิงเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:04 น. - comment id 1118313
คุณ แก้วประภัสสร ศิษย์รัก ครูวางโปรแกรมให้เธอเล่น เอก คือกลอนเป็นหลักไว้ โคลงก็เขียนดีจ๊ะ รักศิษย์ เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:13 น. - comment id 1118314
คุณ แกงเขียวหวาน ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำอะไรให้สิ่งเยือกเย็นแก่ เราเสมอๆครับ ผมเองเกิดแถวเจ้าพระยา บ้าน ไม่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ไกลนัก สมัยวัยรุ่น อาบน้ำตามคลองไม่สะใจ เลยไปอาบที่แม่น้ำเจ้า พระยา ตอนนั้นสามารถว่ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนแพปลาเดี๋ยวนี้เลิกไปแล้วไปตั้งอยู่แถวชาน เมือง แม่น้ำเจ้าพระยาริมฝั่งน้ำนั้นไม่ค่อยจะเย็น แต่พอว่ายไปกลางแม่น้ำซิครับมันเย็นเฉียบมากๆ เลยครับ ผมว่ายไปฝั่งโน้นสมัยนั้นยังเป็นจัง หวัดธนบุรีอยู่ครับ แต่ขากลับว่ายกลับไม่ได้ ด้วยเหนื่อยแทบตาย พละกำลังหายไปเกือบ หมด ขากลับต้องนั่งเรือกลไฟที่ใช้ข้าแม่น้ำ ระหว่าวัดเศวตฉัตรมายังท่าสี่ตาโรงเลื่อยเงิน ก็ไม่มี อาศัยเป็นเด็กขอเขาตอนนั้นคนเก็บ เงินใจดีมากผมนั่งตอนท้ายเรือถึงกลับมาได้ ตั้งแต่นั้นเข็ดไม่เอาอีกเลย เกือบเอาชีวิตไม่ รอด อาศัยว่ายบ้าง ตีกรรเชียงบ้างถึงไปรอด หากว่ายกลับตายแน่ๆเลยครับ กางเกงใน ก็ไม่มีนุ่งครับสมัยนั้นนะครับ อายก็อายแต่ สมัยก่อนนั้นหญิงชายแก้ผ้าเล่นน้ำกันครับ ไม่คิดอะไรมาก เพียงแต่ว่าชี้แล้วถามกัน เท่านั้นว่าแปลกๆครับก็เท่านั้นเองแหละเรื่อง โลกีย์ไม่มีหรอกครับ นี่เล่าเหตุการณ์เกี่ยว กับแม่น้ำให้ฟังนะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:16 น. - comment id 1118315
คุณ แก้วประภัสสร โคลงแรกครูก็สงสัยอยู่แล้ว คนสะกิดสงสัย จะเป็นเจ้ากิ่งกระมังนะครูเดานะ หากไม่ใช่แสดง ว่าคนนั้นก็แม่นฉันทลักษณ์ ดีแล้วล่ะผิดเป็นครู การแต่งโคลงนั้นมักพลาดง่ายๆเสมอ สมัยครูเล่น ยังพลาดบ่อยๆเลยล่ะ ขนาดตรวจแล้วยังพลาดนะ ไม่เป็นไรถือเป็นครูจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:21 น. - comment id 1118320
คุณ ฤกษ์ รูปหล่อ ครับเขาไม่ค่อยมีเวลาว่างต้องเดินทางไป ต่างประเทศบ้าง ต่างจังหวัดต่างๆบ้างครับไม่ค่อย มีเวลาด้วยเหตุดังนี้ แต่เขาติดต่อผมทางเมล์เสมอๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะลืมเวปฯกลอนไทยก็หาไม่หรอก เขา ไม่มีเวลาจริงๆครับ เรื่องนี้ผมเขียนไว้โดยใช้ชื่อ คือยิงนกทีเดียวสองตัวเลยครับ ด้วยเรื่องราวของ สหายต่างวัยนั้นคบหามาเป็นปีๆแล้วครับ เพียง แต่ไม่แสดงออกเท่านั้นเองครับ พ่อรูปหล่อเขา สนใจในทางธรรมมาก คงจะได้ฌานต่างๆไป แล้วครับแม้จะอายุยังน้อยแต่ธรรมล้ำยิ่งครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:24 น. - comment id 1118323
คุณ นรสิริ จ้าน้องรักพี่เองความร้อนนั้นไม่ค่อยจะกลัว เท่าไหร่หรอก แต่หากหนาวซิพี่กลัวมาก ขนาด หน้าร้อนเปิดแอร์นอน ยังต้งใส่เสื้อสามตัวห่อผ้า อีกต่างหาก หากไม่เปิดเหงื่อจะออกมามากจ๊ะ ขอบใจน้องรักมากจ้า รักน้องเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:28 น. - comment id 1118328
คุณ ใจปลายทาง เหตุที่เขาทำงานด้านเกี่ยวกับเกษตรเป็นนัก วิชาการ ต้องเดินทางไปต่างประเทศเสมอและตาม ต่างจังหวัดเรื่อยๆ จึงไม่ค่อยมีเวลามาเขียนเท่าไหร่ แต่ก็ยังคิดถึงเสมอ ส่วนผมเขาติดต่อทางเมล์มา เรื่อยๆหาภาพงามๆมาฝากเสมอๆครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:31 น. - comment id 1118331
คุณ แมงกุ๊ดจี่ แม่มะกรูดคนงาม อันที่จริงผมจะเขียนเรื่อง ราวของเขาแต่รู้ไม่มากนัก อีกประการหนึ่งไม่ เหมาะสม จึงอาศัยนามปากกาเขาแต่เขียนเป็น แม่น้ำน่านไปจ๊ะ รักและคิดถึงเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:42 น. - comment id 1118336
คุณ ปรางทิพย์ ด้วยเหตุที่คนไทยเรานั้นการเดินทางก็ทางน้ำ การใช้น้ำบริโภคหรือชำระร่างกายก็อาศัยน้ำ ฉนั้น น้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง เขาว่าอดข้าวเจ็ดวันยัง ไม่ตาย หากอดน้ำแค่สามวันตายแน่นอนครับ ด้วยประการฉะนี้ คนไทยจึงรักน้ำรำลึกด้วยการ บูชาแม่น้ำคือพระแม่คงคา ถือวันลอยกระทงเป็น วันที่สักการะบูชา อันโบราณกล่าวไว้ว่า พิธีลอยกระทงนั้นมีเหตุปัจจัยดังนี้ 1 บูชาพระแม่คงคา (เป็นของฮินดู หมายถึงน้ำ) 2 บูชารอยพระบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราที่ พระองค์ทรงอธิษฐานลอยถาดทองคำก่อนจะ สำเร็จพระโพธิฌานเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 3 เป็นการเสดาะห์เคราะห์ต่างๆ (ทางมนต์ดำ ไสยเวทย์) ให้พ้นสิ้นเคราะห์ลอยไปตามน้ำ 4 เป็นกุสโลบายในการพบปะสังสรรค์ของการ หญิงชาย ซึ่งสมัยก่อนยากนักที่หญิงจะออกจาก บ้านเรือนได้ และการอธิษฐานต่อพระแม่คงคา หากกระทงนั้นเคียงคู่กันไปไฟเทียนไม่ดับถือ ว่าคู่นั้นจะยั่งยืนจนแก่เฒ่า หากลอยไปแล้ว กระทงแยกจากกันไฟเทียนดับ หมายถึงไม่ ใช่คู่ครอง แต่อย่าเชื่อถือมากนัก สองข้อแรก ถือได้ว่าเป็นการบูชาทดแทนคุณน้ำ ส่วนสอง ข้อหลังเป็นเพียงกุสโลบายเท่านั้นที่ตั้งขึ้นภาย หลังครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:51 น. - comment id 1118340
คุณ ทางแสงดาว ผมอ่านแล้วคุณหญิงสงสัยเป็นชาวสมุทรสงคราม ซึ่งเก่งกาจในเรื่องร้อยกรองยิ่งนัก ทำให้นึกถึง ร.2 ซึ่งร้อยกรองมีความรุ่งเรืองมากจวบจนปัจจุบัน ยังหาเทียบเทียมได้ครับ ใช่ครับสมัยก่อนยังไม่มี ไฟฟ้าใช้นั้น ริมฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นลำพู และ หิ่งห้อยมากมาย ด้วยหิ่งห้อยอาศัยต้นลำพูเป็นที่ พักอาศัยและสืบพันธุ์กัน พอตกค่ำที่สมุทรสงคราม นั้นจะล้วนไปด้วยสวนมากมาย หิ่งห้อยจะ เสมือนดวงดาวน้อยๆที่ลอยไปลอยมาสวยงาม มาก เหตุปัจจุบันเสียงของเรือทำให้หิ่งห้อย ลดจำนวนลงไปมากๆ และบ้านแต่ละบ้านล้วน อนุรักษ์บ้านทรงเรือนไทยทุกๆหลังไว้จนถึง ปัจจุบันนี้ แต่ที่สำคัญคือสาวชาว สมุทรสงครามสวยคมขำ ใจกล้าหาญยิ่งนักครับ คุณหญิงหากเป็นคนสมุทรสงครามควรภูมิใจยิ่ง นักแล้วครับ รักเจ้าหญิงเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 18:54 น. - comment id 1118343
คุณ ป๋อง สหายปุถุชน การเล่นร้อยแก้วหรือร้อยกรองหรืออะไรๆก็ ตามย่อมจะถึงจุดๆหนึ่งของชีวิตคนๆนั้น การเขียน จึงจะทำเมื่อใดก็ได้และจะมีลักษณะคล้ายๆกันเสมอ หากเราเดินเริ่มต้นในทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้อง กลัวหรอกครับ รักเสมอครับ แก้วประเสริฐ.
3 เมษายน 2553 19:00 น. - comment id 1118345
คุณอินสวน สวัสดีครับ ดีใจครับที่คุณเป็นคนน่านที่มีแม่น้ำงดงามยิ่ง ดีกว่าบางแห่งนะครับ ต้นไม้ถูกทำลายไปจนทำให้ ต้นน้ำเปลี่ยนทางเดินไปเกือบหมดสิ้น ดูอย่างน้ำ ตกสาริกาซิครับ ก่อนนั้นสวยงามมากน้ำตกจาก หน้าผาสูงเห็นเป็นสายทอดยาวลงมายังพื้นดิน น้ำตกแม่กลางน้ำมีทั้งปีและเย็นเฉียบตกมากๆ แต่บัดนี้แทบจะหาน้ำไม่ได้ ห้วยแก้ว วังบัวบาน ไม่มีน้ำมีแต่แก่งหินเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว นี่แหละผลจากการไม่รักษาป่าไว้ ด้วยป่านั้น เป็นการอุ้มน้ำ สมัยก่อนทางเหนือเวลาหนาว จะหนาวๆมาก เชียงใหม่เดี๋ยวนี้ร้อนกว่ากรุงเทพ ไปเสียอีกครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
4 เมษายน 2553 20:01 น. - comment id 1118574
อ่านไปก็ยิ้มไป เย็นชื่นหัวใจดีแท้ครับ
5 เมษายน 2553 09:16 น. - comment id 1118697
ลำน้ำน่าน...เป็นสายน้ำที่ผ่านเมืองพิษณุโลกค่ะ ทำให้พิษณุโลกมีอีกชื่อว่า เมืองอกแตก ในสมัยก่อน เป็นลำน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเรา ขอบคุณ สำหรับบทกลอนอันไพเราะค่ะพี่แก้วประเสริฐ
5 เมษายน 2553 13:15 น. - comment id 1118810
คุณ สุริยันต์ จันทราทิตย์ หน้าร้อนนี้จะทำให้คุณอุปาทานได้คือ น้ำ เท่านั้นเอง จะได้ไม่ต้องร้อนอกร้อนใจ ทุเลาได้ บ้างครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
5 เมษายน 2553 13:25 น. - comment id 1118811
คุณ น้ำตาลหวาน จ้าน้องพี่ถึงแม้ว่าเมืองพิษณุโลกจะเป็นเมือง อกแตกด้วยแม่น้ำน่านผ่ากลางเมืองแต่ทำให้เมือง นั้นอุดมสมบูรณ์ไป เมืองนี้มีนักรบที่เก่งกาจมาก มาย ที่สำคัญมีพระพุทธรูปอันล้ำค่า งดงามยิ่งใน โลกนี้จะหาเทียบเทียมได้ แม้ว่าปัจจุบันจะหล่อขึ้น ก็ไม่อาจจะทำได้เหมือนหลวงพ่อพระพุทธชินราช ก็ไม่ได้สักองค์หนึ่ง ที่ว่าเหมือนนั้นผมไปดูมาแล้ว ดูอย่างไรก็ไม่เหมือน เมืองนี้ผมไปหลายๆครั้งไป ครั้งใดต้องไปนั่งภายในโบสถ์นั่งมองหลวงพ่อ เป็นระยะเวลานานเชียว บอกไม่ถูกว่าองค์ ท่านช่างสวยงาม ซาบซึ้งตรึงตรา เสมือนหนึ่ง ดั่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประดิษฐ์ไว้เลย ล่ะน้องรัก ตามตำนานว่าองค์อินทร์ท่านมา สร้างไว้หรือให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ด้วยเททอง ครั้งใดแตกหมด จนกระทั่งชีปะชาวมาช่วยนั่น แหละจึงสำเร็จ แล้วชีปะขาวก็หายไปทางหลัง วัด จะจริงหรือเท็จไม่อาจรู้ได้ ผมมานั่งนึกคิด อาจจะจริงด้วย อาศัยวัตถุฝีมือของช่างสิบหมู่ หรือคนเก่งๆอย่างไร จะหล่อให้เหมือนองค์ หลวงพ่อพุทธชินราชไม่มีเลย รักน้องหญิงมาก เสมอ แก้วประเสริฐ.