๐ ลุยดงพงไม้ชายเถื่อน ไกลห่างร้างเรือน หากเดือนแลดาวพราวตา ๐ เที่ยวท่องล่องทั่วมรรคา หวังพานพบพา คุณค่าบางอย่างกลางใจ ๐ เสียงนกกู่ร้องก้องไพร โหยหวลไกลไกล ราวใครเพรียกหาสามี ๐ ผัว..ผัว รัวเสียงชะนี ขับกล่อมพงพี มิมีเคยหายคลายจาง ๐ ลมวู่วิบวิ่วปลิวคราง หนาวเหน็บสรรพางค์ เพราะห่างจากเจ้าจอมจันทร์ ๐ โน่นเสียงนกเขาคูขัน ไพเราะเสนาะครัน ฤๅมันเรียกคู่คืนคอน ๐ เดินดงพงป่าฝ่าดอน เทียวทางแรมรอน หนาวร้อนก็แต่เพียงกาย ๐ ทุกข์เอยเคยมีมลาย กังวลห่างหาย เหมือนคล้ายได้พักห้วงจินต์ ๐ สงบสุขกว่าทั่งแดนดิน ยามได้ยลยิน ปานถิ่นแห่งเทพทิพย์สรวง..ฯ ........... คนกุลา ในเหมันต์ .........
24 ธันวาคม 2552 15:26 น. - comment id 1078562
นาน ๆเข้าป่าทีก็เพลินครับ เคยอ่านกาพย์พระไชยสุริยาใหมสนุก ครับ ผมขอเข้าเมืองดีกว่า **ขับรถมอไซด์บ่ายหน้า เข้าในพารา เพื่อหาของใช้ในเมือง **รถราหลากหลายแดงเหลือง สุดจะขุ่นเคือง ยิ่งเปลืองน้ำนั่นมันแพง **วีโกโตโยต้าสีแดง ฮอนด้สีแดง วิ่งแซงมิตซูสุดมัน **จอดที่ตลาดนัดทันควัน ขมีขมัน เลือกเอาเสื้อผ้ามือสอง **กางเกงกีฬาไหนลอง ไม่คิดไตร่ตรอง สามตัวใส่ถุงทันที **เลือกเอาหนังดีวีดี แม้ซูมก๊อปปี้ ช่างมันถ้าฉันอยากดู **แวะร้านโทรศัพท์หรูหรู ไม่แพงพอสู้ สามจีดูหนังฟังเพลง **ร้านคอมข้างข้างนี่เอง ฝีมือสุดเจ๋ง โปรแกรมใหม่ใหม่มากมี **ถึงร้านเซเว่นพอดี เข้าไปอีกที ถ้าหิวเมื่อไรแวะมา ไม่ได้เรื่องจริง ๆ นายศรี
24 ธันวาคม 2552 16:23 น. - comment id 1078577
เดินดง ฉันยินเสียงกาหลงในพงไม้ หน้าตื่นอื้นสะทกทั้งตกใจ จะหางามแสงใดก็ไม่มี ผีเสื้อ เจ้าจางเจือปีกบางแล้วร้างหนี จวบวันเคลื่อนคล้อยในรอยปี เจ้าบินผ่านตรงนี้มากี่ครั้ง นานกาเล เกลียวคลื่นยังคงเห่กระทบฝั่ง ขอบฟ้ายอมสดับเพื่อรับฟัง ให้เรานั่งจ้องกันสักวันนึง เพลงครวญ คราวลมหวนยังชวนให้นึกถึง นั่นจะเข้ สะล้อ และซอซึง จะรำพึงถึงไหมหรือไม่เลย ยามจร การเวกเกาะคอนขอนเขนย ดอกมาลาร่วงรินกลิ่นใบเตย วอนเจ้าเผยกลิ่นคืนมาชื่นใจ รับขวัญ มาเคียงกันทุกขณะจะได้ไหม แม้แสงสรวงเลือนหายมลายไป มิอาจฝืนอาลัยในบทจร ......................................... สวัสดีค่ะพี่ คนกุลา แอบมา กระซิบ "บทจร" ให้พี่ฟังอีกที
24 ธันวาคม 2552 16:29 น. - comment id 1078581
สวัสดีครับ สวยงามทั้งบทประพันธ์และสถานที่ครับ
24 ธันวาคม 2552 17:52 น. - comment id 1078601
๑ สายหมอกซอกเขาเคล้าฝัน เหงาเงียบเฉียบพลัน ปลอบขวัญวันร้างกลางใจ ๑ ทุกข์หนอพอจางร้างไหว ดายเดียวเปลี่ยวไกล เหตุไฉนไยลืมเรียม ๑ อะคร้าวหนาวเหน็บเจ็บเจียม โหยหาคราเตรียม โดนเล่ห์เหลี่ยมเสี้ยมกมล ลองหัดดูค่ะ หากผิดพลาดขอความกรุณา ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
24 ธันวาคม 2552 21:40 น. - comment id 1078654
ขอบคุณ ครับ คุณ สุรศรี ที่มาแจม ผมเอง ก็เริ่มฝึกหัดเขียนนะครับ หลังจากที่ไปค้นคว้า เรื่องกาพย์ มานี่แหละครับ
24 ธันวาคม 2552 21:44 น. - comment id 1078656
ขอบคุณ ครับ ตัวเล็กที่มากระซิบ บทจร ให้ ฟังนะครับ ไพเราะมากครับ
24 ธันวาคม 2552 22:09 น. - comment id 1078661
๑ อะคร้าวหนาวเหน็บเจ็บเจียม โหยหาคราเตรียม โดนเล่ห์เหลี่ยมเสี้ยมกมล ดีมากครับ ปรางผมก็กำลังฝึกหัดอยู่เหมือนกันครับ ส่วนวรรค สามของบทนี้ สัมผัสเลือนไปนิด ตรงเตรียม กับ เหลี่ยม ซึ่งสัมผัสได้แค่คำที่ หนึ่งหรือสอง แบบผัง นะครับ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ก ๐ ๐ ๐ ก ก (หรือ)ก ๐ ๐ ๐ ข ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ข ๐ ๐ ๐ ข ข(หรือ)ข ๐ ๐ ๐ ค ลองดูนะครับ
25 ธันวาคม 2552 09:25 น. - comment id 1078768
คุณสุรศรี ครับ ผมไปดูรายละเอียดแล้ว สัมผัสคู่ของ วรรคที่สอง กับวรรคสามยังหลุดๆอยู่บ้าง ถ้าสนใจลองดูในผังนะครับ ด้วยมิตรไมตรี
25 ธันวาคม 2552 09:26 น. - comment id 1078769
สวัสดีครับ สวยงามทั้งบทประพันธ์และสถานที่ครับ อินสวน """"""""""""""" ขอบคุณ ครับ คุณหมออินสวน ครับ
25 ธันวาคม 2552 13:07 น. - comment id 1078849
ใช่ครับ ผมถึงว่าสิ เป็นบทกวีที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาครับ เอาเป็นโอกาสหน้าครับจะเริ่มใหม่
25 ธันวาคม 2552 16:41 น. - comment id 1078974
เทศกาลงานส่งท้ายย้ายปีใหม่ สุขสดใสงานก้าวไกลใสสุขี สุขภาพกายสุขสมบูรณ์พูนทวี ขอทั้งปีเงินไหลมาพาอิ่มเอม ความรักคู่แสนสุขไม่ทุกข์แน่ เป็นคู่แท้คู่ใจให้เกษม พรประเสริฐเลิศล้ำนำปรีดิ์เปรม สุขเกษมนำพาให้สมใจปอง ขอความทุกข์หลุดพ้นกมลแก้ว ใจเพริดแพร้วบริสุทธ์ฉุดความหมอง ได้ความดีนำชีวิตจิตประคอง ขออวยพรให้โชคดี..ปีใหม่เอย ********************* แวะมาส่งความสุขค่ะ ขอให้มีความสุขในปีใหม่นะคะ อิอิอิ
26 ธันวาคม 2552 00:12 น. - comment id 1079113
ฤดูผันวสันต์เยือน ส่ำสัตว์กล่นเกลือน และเล็มยอดหญ้าระบัดใบ เก้งกวางช้างป่ากระทิงไพร ชื่นชิมหญ้าใหม่ ระรื่นระริกระเริง ตัวเราผมเผ้ากระเซิง เตลิดเปิดเปิง เร่าร้อนร่อนเร่เรรวน โหยไห้ระกำคร่ำครวญ เธอเคยชี้ชวน ชมถ้ำน้ำตกนกยูง กับข้าวคาวหวานเคยปรุง ยั่วยิ้มชักจูง ลองลิ้มชิมรสโอชา จากไปไม่หวนคืนมา ไม่เคยกล่าวลา ร่ำหาบ้านป่าไร้เธอ ข่มใจไม่ฝันละเมอ ใจหวังพบเจอ ยามเผลอยังหวนครวญคราง เดือนแรมฟ้ามัวสลัวราง แสงดาวพราวพร่าง กระพริบลิบลิ่วประชัน นกแสกบินร้องก้องอรัญ เรียกร้องวิญญาณ จากร่างเหมือนตายไร้แรง กำสรวลครวญคร่ำสำแดง ไม่เคยคลางแคลง เพราะแจ้งใจเขาเนาว์นาน แรกรักเหมือนเมื่อวันวาน วันนี้ซมซาน วิญญาณเอาไปไม่ขอคืน หัดแต่งนานแล้ว เอามาแจมอ่านเล่นกัน
28 ธันวาคม 2552 08:06 น. - comment id 1079847
เทศกาลงานส่งท้ายย้ายปีใหม่ สุขสดใสงานก้าวไกลใสสุขี สุขภาพกายสุขสมบูรณ์พูนทวี ขอทั้งปีเงินไหลมาพาอิ่มเอม ความรักคู่แสนสุขไม่ทุกข์แน่ เป็นคู่แท้คู่ใจให้เกษม พรประเสริฐเลิศล้ำนำปรีดิ์เปรม สุขเกษมนำพาให้สมใจปอง ขอความทุกข์หลุดพ้นกมลแก้ว ใจเพริดแพร้วบริสุทธ์ฉุดความหมอง ได้ความดีนำชีวิตจิตประคอง ขออวยพรให้โชคดี..ปีใหม่เอย ********************* แวะมาส่งความสุขค่ะ ขอให้มีความสุขในปีใหม่นะคะ อิอิอิ ยายแม่มด ๐ มาอ่านกลอนตอนเช้าเข้าวันใหม่ ยิ่งวนใกล้ปีใหม่ในดิถี ก่อนเลยล่วงห้วงกาลจารวจี เป็นวลีส่งหวังยังทุกคน ขอส่งความสุขกลับไปด้วยนะครับ
28 ธันวาคม 2552 09:40 น. - comment id 1079883
คุณ สุรศรี และคุณปรางทิพย์ ครับ ผมขอแก้ไขความเข้าใจเรื่องสัมผัส ในกาพย์ ฉบัง ๑๖ สักนิดหนึ่งนะครับ จากไปค้นคว้าใน หลายๆแหล่ง แล้วพบ ว่าความเข้าใจของผม คลาดเคลื่อน อยู่บ้างตรงเรื่องสัมผัส นะครับ อัน ที่จริงแล้ว ลักษณะสัมผัส อันเป็นการบังคับตาม หลักฉันทลักษณ์ ของกาพย์ฉบัง ๑๖ มีเพียงดัง นี้ ครับ คือ สัมผัสระหว่างวรรค ในหนึ่งบทมีคู่สัมผัสเพียงคู่ เดียว คือพยางค์สุดท้ายของวรรคที่หนึ่งสัมผัส กับ พยางค์สุดท้ายของวรรคที่ สอง ส่วน สัมผัสระหว่างบท นั้น เมื่อแต่งมากกว่า ๑ บทต้องมีสัมผัสระหว่างบท พยางค์สุดท้ายของบทต้น สัมผัสกับพยางค์สุด ท้ายของวรรคที่สองของบทถัดไป ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ก ๐ ๐ ๐ ก ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ข ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ข ๐ ๐ ๐ ข ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ค ดังนั้นที่ผมเขียนว่า คำท้ายของวรรคกลาง อาจส่งสัมผัสสระไปยังคำแรกหรือคำที่สอง ของวรรคท้ายก็ได้ นั้นถือว่าเป็นความนิยมของกวีบางท่านเท่านั้น การจะมีหรือไม่มี จึงไม่ถือว่า เป็นการผิดสัมผัส ตามหลักฉันทลักษณ์ แต่อย่างใด หากมีก็อาจทำให้กาพย์ไพเราะขึ้น เท่านั้นเอง ตามผังด้านล่าง ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ก ๐ ๐ ๐ ก ก(หรือ) ก ๐ ๐ ข ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ข ๐ ๐ ๐ ข ข(หรือ)ข ๐ ๐ ๐ ค ต้องขออภัย ที่อาจทำให้เกิดวามสับสน ในเรื่องฉันทลักษณ์ ของกาพย์ฉบัง ๑๖ ขึ้น
28 ธันวาคม 2552 09:42 น. - comment id 1079884
ขอบคุณ คุณฤกษ์ ที่นำกาพย์ฉบังมาแจม ครับ ดีครับ จะได้ช่วยกัน สืบสาน งานกาพย์ด้วยกันครับ
28 ธันวาคม 2552 09:49 น. - comment id 1079888
ใช่ครับ ผมถึงว่าสิ เป็นบทกวีที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาครับ เอาเป็นโอกาสหน้าครับจะเริ่มใหม่ สุรศรี """""""""""""""""" คุณ สุรศรี ครับ ต้องขออภัย คำวิจารณ์ในคราวที่ แล้ว เรื่อง สัมผัส ระหว่าง คำท้ายของวรรคที่ สอง กับ คำที่ หนึ่ง หรือ สอง นั้น ถือเป็นทาง เลือก อาจมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่ได้เป็นลักษณะ บังคับแต่แย่งใด ผมต้องขออภัยที่ วิจารณ์ไปแบบผิดๆนะครับ หวังว่าคงจะให้อภัย และผมหวังว่าจะได้เห็น กาพย์ฉบังงามๆของคุณสุรศรี ในโอกาสต่อๆไป ครับ
29 ธันวาคม 2552 06:25 น. - comment id 1080252
ด้นเดินดงพงป่าเขา ชมภูมิลำเนา เมฆบางเบาสวยจับใจ ยามเช้าอากาศสดใส คิดถึงหนึ่งใคร ประทับในจิตวิญญา อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ.....
6 มกราคม 2553 18:27 น. - comment id 1082539
ด้นเดินดงพงป่าเขา ชมภูมิลำเนา เมฆบางเบาสวยจับใจ ยามเช้าอากาศสดใส คิดถึงหนึ่งใคร ประทับในจิตวิญญา อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ..... กิตติกานต์ """""""""""""" ๐ ดุ่มเดินเพลินตาคราฝัน ส่องโสมเพ็ญจันทร์ กระจะกระจ่างพร่างตา ๐ แสนสุขสมจินต์ถิ่นพนา แม้นห่างพารา หากว่าแสนชื่นรื่นเริง.. สายัณห์ สวัสดิ์ ของอีกหลายๆวัน ครับ