เพียงหลงเพลินเดินผิดจึงติดกับ จะถอยทัพกลับหลังอย่างไรไหว จะเดินหน้าฝ่าหนามก็คร้ามใจ ทั้งแสงเดือนดาวใดก็ไม่มี เป็นเหวลึกคึกคะนองจึงลองผลัก ละลิ่วหล่มจมปลักสุดหักหนี เพียงแหงน คอรอฟ้ามาปราณี ปฐวีเลื่อนล่มก็จมไป เป็นแต่เพียงความฝันในวันตื่น จะควานฟื้นความจริงจากสิ่งไหน เพียงลมเหเห่ครวญก็ปรวนไป เพียงหญ้าไกวไหวระเนนก็เอนตาม จะโทษใครใยเล่าก็เราผิด เพียงคำนิดคิดนำเกินคำถาม ยื่นน้ำเย็นมองเป็นอมฤตงาม จึงเพลิงโชนลุกลามลงท่ามใจ เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนคนอื่น จะเก็บกลืนน้ำตามิให้ไหล หากพลาดพลั้งล่วงเกินขออภัย โปรดเข้าใจฉันมิใช่นักเลงกลอน .................................................. มอญอ้อยอิ่ง เพลงนี้เดิมมีเพียง ๒ ชั้น เป็นเพลงของละครคณะปรีดาลัย ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์เป็นเจ้าของ ซึ่งเข้าใจว่าหม่อมต่วน วรวรรณ จะเป็นผู้แต่ง ซึ่งมีทำนองท่วงทีไพเราะน่าฟังโดยมาก นายเฉลิม บัวทั่ง ได้ยืดขึ้นเป็นเพลงเถา โดยใช้ลีลาของสำเนียงมอญเป็นหลักโดยแต่งทั้งทำนองร้องและทำนองดนตรี ครูเอื้อ สุนทรสนานได้นำทำนองมาดัดแปลง เป็นเพลง ฟ้าแดง ประพันธ์คำร้องโดย ศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ ขับร้องครั้งแรกโดย คุณอโศก สุขศิริพรฤทธิ์ เพลงฟ้าแดง สนธยาฟ้าแดงสุรีย์ร้อนแรงโรยอ่อนรอนแสงหม่นมัว สกุณาเรียกหารังตัว ชะนีเพรียกผัว รัวเร้าร่ำกำสรวล โอ้ชีวิตชีวิตจิตใจ มันหนาวเย็นเป็นไข้ พิไรพิลาปครวญ สิ้นตะวันทรวงศัลย์จาบัลย์รัญจวน เห็นลางพลบพรางร่างนวล ให้โหดหวนซวนเศร้า สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแดนใจเรา สายัณห์เงื้อมเงา ลบลางสล้างเสลา จากห้วงหาวพราวใจ ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่ จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแดนใจเรา สายัณห์เงื้อมเงา ลบลางสล้างเสลา จากห้วงหาวพราวใจ ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่ จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ .......................................................................................................................................................................................................................................
8 ธันวาคม 2552 11:10 น. - comment id 804472
^ ^ ป้าโคฯ สงสัยจะไปประกอบอาชีพขายไข่อะ อิอิ.. เข้ามาอ่านงานที่ไพเราะครับ บทบรรเลงเพลงมอญอ้อยอิ่งเคยเข้าไปฟัง การบรรเลง ที่น้องรมณีย์แนะนำให้ไปฟัง ฟังแล้วเคลิบเคลิ้มเลยครับ
6 ธันวาคม 2552 18:26 น. - comment id 1071214
ไพเราะมากมาย
6 ธันวาคม 2552 18:48 น. - comment id 1071216
สวัสดีครับพี่เสมอจุก งดงามจริง ๆ ครับพี่ ยอดเยี่ยมมาก ๆ อ่านแล้วสะท้านสะเทือนใจสุด ๆ ก็ผมเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดานี่นาครับ ดีใจก็ร้องไห้ เสียใจก็ร้องไห้ ปลาบปลื้มดื่มด่ำใจก็ร้องไห้ครับ
6 ธันวาคม 2552 19:40 น. - comment id 1071236
งามและลึกซึ้ง ครับ
6 ธันวาคม 2552 20:24 น. - comment id 1071245
กลอนบทนี้ของพี่จุก..เพราะมากๆเลยค่ะ ชอบวรรคนี้ด้วย.. "จะโทษใครใยเล่าก็เราผิด"
6 ธันวาคม 2552 20:34 น. - comment id 1071250
ยามสิ้นแสงแรงฝันตะวันฉาย ฟ้ากลับกลายคล้ายพลบพบความเหงา จูบอำลาอาลัยไร้แม้เงา ดุจดังเขลาเฝ้าคว้าแทบจาบัลย์ งดงามจังเลยค่ะ
6 ธันวาคม 2552 21:35 น. - comment id 1071274
ที่จริงคุณเสมอจุก ฝีมือกลอนอยู่ในรุ่นเก๋า ลองหาหนังสืออ่าน หรือดูหนัง หรือบทความ หรือลองคิดอะไรในมุมมองที่แตกต่าง จะก่อให้เกิดจินตนาการมาเขียนได้ไม่สิ้นสุด จะได้ใส่ฝีมือที่มีอยู่เต็มเปี่ยมได้เต็มที่หน่อย สนุกดีนะผมว่า ขอให้มีความสุขมากๆครับ
6 ธันวาคม 2552 21:40 น. - comment id 1071276
กลอนบทนี้เพราะมากค่ะ อ่านแล้วเข้าถึงความรู้สึกได้ดีทีเดียวค่ะ
6 ธันวาคม 2552 22:51 น. - comment id 1071283
อ่านแล้วเป็นจังหวะจังหวะเลย งาม งาม
7 ธันวาคม 2552 07:24 น. - comment id 1071298
ยอดเยี่ยมเลยค่ะ เพียงหลงเพลินเดินผิดจึงติดกับ จะถอยทัพกลับหลังอย่างไรไหว ..... กลับหลังไม่ไหว เพราะมัวอ้อยอิ่งป่าวคะ อิอิ อันนี้แซวเล่นนะคะ ชอบบทแรกมากๆเลย
7 ธันวาคม 2552 08:21 น. - comment id 1071308
เพียงหลงเพลินเดินผิดจึงติดกับ จะถอยทัพกลับหลังอย่างไรไหว... อ่านแล้วทำให้นึกถึงเพลง พี่เบริ์ด จริงๆค่ะ กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง.. เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด บทกลอนมีความหมายดีจริงๆค่ะ
7 ธันวาคม 2552 13:05 น. - comment id 1071405
มอญอ้อยอิ่ง ชื่อน่ารักน่าชัง อิอิ
7 ธันวาคม 2552 13:18 น. - comment id 1071415
มอญอ้อยอิ่ง... ทำให้นึกถึงน้องสะใภ้.... บทกลอนไพเราะ... แต่อยากบอกว่า.."อย่ามัวอ้อยอิ่งนะจ๊ะ"
7 ธันวาคม 2552 14:14 น. - comment id 1071435
ชอบทุกตัวอักษรค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว สู้ไม่ไหว ไม่ใช่นักเลงกลอนค่ะ ^^
7 ธันวาคม 2552 14:19 น. - comment id 1071436
คุณกอกา.......เพิ่งเคยพบกันแต่เหมือนคุ้นเคย นะครับ ขอบคุณสาวน้อย น้องโป้งแปะ........เป็นผู้ชายห้ามร้องไห้นา พี่ก็เขียนเรื่อยเปื่อย ไป ขอบคุณที่ชมนะ พี่ชายคนกุลา........ ขอบคุณนะครับพี่ วุ้นเส้น.........ลืมบอกไปว่า คนพ่อวุ้นเส้นหล่อ มาก ยังหนุ่มฟ้อเชียว คงหวงลูกสาวน่าดู พี่เอ็ม..........มอบกลอนมาให้กินใจเหลือเกิน คุณฤทธิ์.........ได้เม้นท์จากคุณฤทธิ์ดีใจ มากครับ คุณฤทธิ์เป็นนักกลอนที่อยู่ในใจ ของผมมาตลอดนับตั้งแต่ผมมาอยู่บ้านกลอน เป็นไอดอลของผมและใครอีกหลายๆคน ขอบคุณคำแนะนำ ผมถือว่ามีค่ากับผมมาก ขอให้มีความสุขเช่นกันนะครับ พี่แบม.........แหะๆ ไม่เคยเขียนแบบนี้มา ก่อนลองดูหลายๆแบบครับ ยังหาแนวตัวเองไม่เจอ พี่แมวเหลือง.........ผมก็รู้สึกเช่นกันว่ากลอน ของผมทุกๆกลอนมันเป็นจังหวะๆ ดูเหมือน จะดีแต่ถ้ามากๆเข้ามันดูตลกๆเหมือนกัน นี่เป็นจุดที่ต้องรีบแก้ไขครับ คุณเฌอ...........ถือคติช้าๆได้พร้าเล่มงามครับ คุณเทียนหยด........นั่นแน่ แอบซึ้งละซี โคลอน............มอญอ้อยอิ่งหาฟังได้ตามงาน ศพทั่วไปล่ะจ้า เท่ง...ทึ้ง... กุ๊ดจี่.............สงสัยน้องสะใภ้ทำไรชักช้า ยืดยาดหรือเปล่า แต่อ้อยอิ่งนี้เป็นการ คร่ำครวญ พิรี้พิไร ปานใจจะขาด ..
7 ธันวาคม 2552 14:28 น. - comment id 1071440
ตัวเล็ก.......มาไม่ให้สุ้มให้เสียง เลยสวนกัน พอดีเป๊ะ แถวบ้านเรียกใจตรงกัน แหะๆ ยอมได้ไงเพิ่งยกแรกเอง ตัวเล็กสู้ๆ ตัวเล็กสู้ตาย ตัวเล็กไว้ลาย สู้ไม่ตาย สู้ไม่ตาย
7 ธันวาคม 2552 17:04 น. - comment id 1071559
แม่ว่าเพียงพลิ้วแบบนี้ค่ะ "เวลาทำงานอ้อยอิ่งนัก เวลากินข้าวรวดเร็วจริง" อิอิ มาชื่นชมผลงานนะคะ
8 ธันวาคม 2552 07:35 น. - comment id 1071721
กลอนเพราะมากค่ะ เพลงนี้ครูกระดาษทรายดีดจะเข้ค่ะ มีครูของครู เล่นไวโอลินเพราะ มาก ๆ เลย
8 ธันวาคม 2552 07:36 น. - comment id 1071722
คุณกานต์.........มิน่าล่ะ นี่กระมังเป็นที่มา ของคนดื้อ
8 ธันวาคม 2552 08:02 น. - comment id 1071732
คุณครูกระดาษทราย............ผมเก็บกลอน คุณครูไว้ที่หน้าส่วนตัว หลายต่อหลายกลอน ครับ เพราะแต่ละกลอนมีคุณค่ามากมายจริงๆ เพลงมอญอ้อยอิ่ง ฟังทีไรก็สะท้านใจนะครับ มีโอกาสดีในวันข้างหน้า คงได้ร่วมวง เครื่องสายกับคุณครูนะครับ ผมพอจะเล่นซอด้วง ได้บ้างครับ
8 ธันวาคม 2552 09:28 น. - comment id 1071768
20 ชุบ เข้ามาฮุบไข่
8 ธันวาคม 2552 13:56 น. - comment id 1071854
จะโทษใครใยเล่าก็เราผิด ผิดที่คิดมากเกิน เกินใฝ่ฝัน ผิดที่เรา เฝ้าตอกย้ำ พร่ำรำพัน ผิดที่เราเดินตามฝัน ไม่ได้ ดั่งใจปอง
8 ธันวาคม 2552 14:23 น. - comment id 1071866
โคลอน.............ได้ไข่กี่ใบแล้วครับ คุณกิ่งโศก............ดนตรีไทยของเรามีเสน่ห์ ไม่แพ้ชาติใดๆเลย คุณรัมณีย์เป็นนักดนตรีไทย แต่งกลอนเลือนดวงดาว ได้ไพเราะมากทีเดียวครับ พี่พิม............ดูเศร้าๆไปนะครับวันนี้ กลอนที่ส่งมาให้เหมือนกับพี่พิมเขียนให้ตัวเอง.....ใช่เปล่า
8 ธันวาคม 2552 16:09 น. - comment id 1071905
ไพเราะมากค่ะ
8 ธันวาคม 2552 16:31 น. - comment id 1071916
อย่าให้มอญ พรวดพราด นะครับ เดี๋ยวจะมะช่ายมอญ อิอิ กลอนนี้ เพราะจริงๆ ครับ น่าอ่านมากๆๆ
8 ธันวาคม 2552 21:31 น. - comment id 1071989
เป็นเหวลึกคึกคะนองจึงลองผลัก ละลิ่วหล่มจมปลักสุดหักหนี ป๊าดดด...คมซะไม่มี
9 ธันวาคม 2552 08:03 น. - comment id 1072056
มอญอ้อยอิ่ง..ดูเหงาๆเศร้าๆ ได้อารมณ์คล้อยตามดีนะครับ เพราะมากครับ
13 ธันวาคม 2552 22:17 น. - comment id 1073737