* ลาแล้วหนอ * ลาแล้วหนอยานนาเวศน์เขตใต้ ถิ่นที่ให้กำเนิดอันเฉิดฉาย งามแมกไม้มาลีที่กำจาย ขจรขจายฝังลึกตรึกสู่ทรวง ล่วงล้ำลึกผนึกไว้ในห้วงถวิล เป็นอาจินต์ฝังรากฝากแหนหวง ทั้งโศกเศร้าสุขสราญผ่านทั้งปวง มิอาจล่วงกาลเก่าเฝ้าอาวรณ์ ก่อนจากเจ้าเฝ้ามองสองรอบข้าง โรงเรียนสร้างศึกษามาสั่งสอน วัดสุทธิวรารามยามต้องจร ทรวงสะท้อนนึกครูผู้เลิศจินต์ ทั้งวิชาต่างต่างพลางเรียนรู้ ช่างอดสูปัญญามาหมองสิ้น แม้นโง่เง่าอดทนปะปนชีวิน ซึ้งหวนถวิลถิ่นเก่าเศร้าดวงใจ จำต้องพรากจากแล้วแนวสิ่งสล้าง เคยเคียงข้างญาติมิตรจิตสดใส ต้องพรากสิ่งอิงไว้ผ่านไฉไล สู่เกรียงไกรลาแล้วแก้วภิรมย์ ย้อนหวนกลับมาเยี่ยมเปี่ยมใจขาด พฤกษาชาตินาพันธุ์อันสร้างสม โรงเรียนเอ๋ยผันเปลี่ยนเวียนจะชม ต้องสร้างตรมนักเรียนเวียนหญิงชาย ตัวเป็นชายใจหญิงอิงแนบแน่น มิเป็นแมนเหมือนเก่าเฝ้าเช้าสาย ต้องหนีห่างจากไปคล้ายได้อาย แสนเสียดายสิ่งรักจักอาเจียน ช่างแปรเปลียนไปอยู่สู่โลกใหม่ บ้านเก่าไซร้ยังมั่นกั้นปวดเศียร พฤกษาชาตินกร้องก้องวนเวียน ดีไม่เพี้ยนรอบข้างสร้างตึกราม ลาแล้วหนอถิ่นเก่าเศร้าใจเหลือ สิ่งเอื้อเฟื้อคงไว้ในเหยียดหยาม หวั่นแต่เพียงบ้านเก่าเฝ้างดงาม มิผันตามเปลี่ยนแปลงแสยงทรวง. *** แก้วประเสริฐ. ***
17 ตุลาคม 2552 23:44 น. - comment id 1052685
.....ลาไปไหนอ่ะลุงแก้ว.......
17 ตุลาคม 2552 23:48 น. - comment id 1052687
คุณ ฉางน้อย เจ้าซุกซนเอ๋ย...ที่กลอนก็บอกแล้วนี่ไหงล่ะ ว่าลาจากถิ่นกำเนิดของลุงเองจ้า กลับไปเยี่ยมบ้าน เดิม เป็นตึกไปหมดแล้วล่ะ คนเก่าๆก็หายไปหมด ย้ายบ้าง ตายไปบ้างเหลือแต่คนในบ้านนอกนั้น ลุงไม่รู้จักใครเลยล่ะจ้า รักหลานเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 ตุลาคม 2552 23:52 น. - comment id 1052690
2...... แหมๆ ลุงแก้วล่ะก็ หนูก็แค่ถามไปงั้น มันว่างปาก อิอิ ไม่มีไรหรอกคะ ลุงสบายดีไหมคะ ฝนตกแล้วน๊า รักษาสุขภาพจ้า.......
17 ตุลาคม 2552 23:59 น. - comment id 1052693
คุณ ฉางน้อย เจ้าฉางเอ๋ย... ชมพู ขาว เขียว นี่คือเครื่องหมาย ประจำตัวนักเรียนทุกๆคนแหละจ้า ตกมาจนถึงสมัย นี้ก็ยังใช้อยู่ โรงเรียนนี้ตั้งมาตั้งแต่สมัย ร.6 พระองค์ทรงพระราชทานนามให้ ก่อนนั้นเรียนทั้งชายหญิงด้วยกันแต่ลุงไม่ทัน แล้วต่อมาหญิงแยกไปตั้งเป็นโรงเรียนสตรี ศรีสุริโยทัยแยกกันจ๊ะ ส่วนโรงเรียนชายนั้น สมัยก่อนนั้นทางใต้ไม่มีใครเกิน โรงเรียนนี้ไปได้ ด้านเหนือก็สวนกุหลาบ แล้วก็เฉียงๆหน่อยก็โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนชั้นหนึ่งสมัยนี้นนะ หาก เป็นเอกชนก็ไม่มีใครเกิน อัสสัมชันอยู่ที่สีลม นั่นแหละจ้า รักหลานซุกซนเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 01:48 น. - comment id 1052708
ครูแก้วฯ คะ.... ครูเป็นศิษย์เก่า วัดสุทธิวรารามหรือ ปรางก็เป็นศิษย์เก่า สตรีศรีสุริโยทัยค่ะ อ้าว....นี่กลายเป็นคนบ้านเดียวกันไหมคะ ดีใจมาก ๆ ค่ะ
18 ตุลาคม 2552 06:40 น. - comment id 1052724
เห็นชื่อลงกลอน "ลาแล้วหนอ" ชักใจไม่ดีเหมือนกันครับ ความทรงจำนี่ทำให้เรา มีความสุขและทุกข์ได้ พอๆ กันนะครับ แต่ไม่ว่าสุขและทุกข์ ก็ถือว่ามีคุณค่ากับชีวิตเรา จริงไหมครับ ดูแลสุขภาพด้วยครับ
18 ตุลาคม 2552 10:03 น. - comment id 1052784
ชมพูเขียวขาวพราวราวพิสุทธิ์ ดอกโกมุทพุทธบูชาวันทาหมาย อีกเพชรงามยามเพ่งเปล่งประกาย ลูกผู้ชายทระนงคงคุณธรรม "ลูกสุทธิ" พิสูจน์ซึ่งเปรื่องปราด ช่างองอาจสุภาพบุรุษสุดคมขำ การเรียนเลิศกีฬาเลิศประเสริฐกรรม เกียรติเลอล้ำ "สุภาพบุรุษวัดสุทธิ" :)
18 ตุลาคม 2552 11:39 น. - comment id 1052808
ครูแก้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องสุขภาพนะครับ อย่าลืมทานยาเวลาเริ่มไม่สบายนะครับครู หวนรำลึกนึกย้อนตอนอดีต คล้ายเสียงคีตขานเรียกเร้าร่ำหา เยาว์แห่งวัยท่ามท้องทุ่งพนา ชนชาวป่าเด็กน้อยหลังคิรี อยากจะคืนความเก่าในครั้งนั้น หฤหรรษ์ห้วงชีพฉาบด้วยสี เย็นร่มไพรสดสวยเขียวขจี มาบัดนี้ภาพนั้นฉันไม่เจอฯ ..
18 ตุลาคม 2552 12:05 น. - comment id 1052817
ลาอดีต ที่เคยหมองเศร้า และอยู่กับปัจจุบัน ที่สดใสนะครับ
18 ตุลาคม 2552 12:29 น. - comment id 1052827
คุณ ปรางทิพย์ อ้าวงั้นเราก็เป็นญาติสถาบันเดียวกันซิจ๊ะใช่ จ๊ะผมเองจบจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ระหว่าง โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัยก็เป็นหนึ่งในโรงเรียน วัดสุทธิวรารามแยกกันระหว่างชายกับหญิง ซึ่งใน สมัยนั้นหากเป็นทางด้านโรงเรียนสตรีด้านใต้แล้ว ไม่มีใครจะเกินไปกว่าโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัยไป ได้จัดอยู่ชั้นแนวหน้า รองจากโรงเรียนราชินีด้วย เหตุโรงเรียนนี้เป็นเชื้อพระวงศ์ร่ำเรียนเสีย ส่วนมาก เป็นรองเท่านั้นเองนอกนั้นจัดอยู่อัน ดับหนึ่งของประเทศเชียวนะ ต่อมาได้แตกแขนง แต่อยู่ติดกันเป็นโรงเรียนสอนเกี่ยวกับวิชา อาหารและการสลักผลไม้รักษาเอกลักษณ์ไทยไว้ เรียกว่าโรงเรียนสตรีพระนครใต้จ๊ะ ทั้งสองนี้ ถือว่าเป็นโรงเรียนเดียวกัน รู้สึกว่าจะเป็นโรงเรียน อาชีวะก่อนใครๆทั้งสิ้นก่อนเพาะช่างเสียอีกนะ สมัยก่อนสองโรงเรียนนี้คือวัดสุทธิฯกับ โรงเรียนสตรีฯสอบเข้ายากๆมากจ๊ะ ฉนั้นเธอ จงภูมิใจในโรงเรียนเธอไว้นะแดนใต้แล้วไม่มี ใครเกินไปกว่าโรงเรียนเราได้หรอกจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 12:38 น. - comment id 1052828
คุณ นักสืบไร้อันดับ ผมไม่ลาจากที่เวปฯนี้หรอก ผมมีสัจจะในตัว เองมานานแล้วว่าจะไม่ยอมจากไปไหน ทั้งๆที่มีที จะไปตั้งหลายแห่ง แต่ผมมันคนรักเดียวใจเดียว เมื่อรักบ้านกลอนแล้วก็จะขอตายคาบ้านกลอนนี้ หรือจนกว่าจะพิมพ์ไม่ได้นั่นแหละจ้า แต่ก็จะเข้า มาอ่านจ้า หลังกลับจากไปเยี่ยมบ้านเดิมมาก็เข้า ไปยังโรงเรียนเดิม นั่งมองความแปรเปลี่ยนไป หลายๆอย่าง ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปเกือบหมด สมัย ก่อนกับสมัยนี้แตกต่างดังกล่าวไว้แล้วล่ะครับ สมัยผมนั้น "มวยนักเรียน" จัดเป็นอันดับหนึ่ง ของชาติคว้ารางวัลมาหลายๆรุ่น จนมาก่อตั้ง ดุริยางค์ผมก็อยู่เรียนด้วยแต่ผมไม่เอาไหนก็ ต้องเลิกครูเขาสอนการเขียนโน๊ตด้วย ฝึกใน ตอนเลิกเรียนจนค่ำๆ ผมมันร่างเล็กๆไม่มีพร สวรรค์ด้านนี้ต้องเลิกไปโดยปริยาย ส่วนเพื่อนๆ เขาเป็นนายวงดนตรีหากินไปกันก็หลายๆคน ครับ จนกระทั่งดุริยางค์เป็นอันดับหนึ่งของชาติ ไปแข่งต่างประเทศคว้ารางวัลที่หนึ่งมา เป็น โรงเรียนแรกของชาติเราครับ แต่ผม จบก่อนครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 12:56 น. - comment id 1052832
คุณ อัลมิตรา ขอบคุณยอดหญิงอันเป็นที่รักยิ่ง เราสองเป็น คนบางเดียวกันคือ "ยานนาวา" ยอดหญิงอยู่สาธุประดิษฐ์ แยกจากถนนจันทร์ ผมอยู่หลังวัดสุทธิฯถือได้ว่า สายเลือดเดียวกัน ขอบคุณมากที่ยอดหญิงฝากกวี อันซึ้งตรึงใจไว้ให้ผมครับ นักประพันธ์ที่อยู่ในดวงใจยอดหญิงคือ "พนมเทียน" ก็เรียนจบจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม เหมือนผมแหละครับ หากนับเขาคือรุ่นพ่อผมได้ และยังมีนักกวีอีกหลายๆคนก็จบจากโรงเรียนนี้ ตลอดจนนายทหารใหญ่และตำรวจใหญ่ก็จบจาก ที่นี่เหมือนกัน ตำรวจเป็นถึงอธิบดีกรมตำรวจ สมัยนั้น คือ พลตำรวจเอก ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ครับ งานศิษย์เก่าท่านก็มาด้วยครับ ที่เขียนนี่ เพราะไปเยี่ยมบ้านเดิมมา หวนคำนึงถึงครั้งเก่าๆ ก็เลยนำมาเขียนไว้ สมัยนั้นแถวยานนาวาเต็ม ไปด้วยต้นไม้ที่มีผลและไม่มีผลมากมายนัก ท้อง ทุ่งนาก็มี อากาศสดชื่นสบาย ผมมาแยกตัวมาอยู่ แถวมีนบุรีก็เหตุที่ความเจริญมาก สมัยก่อน ถนนเจริญกรุงนั้นใหญ่โตมาก มีทั้งระรางไฟฟ้า รถประจำทาง เป็นของกทม.สีเขียวข้างๆรูปช้างสีขาวตัวเดียว ต่อมา รถ รสพ.รถประจำทางยี่ห้อ "ฮีโน่"มาวิ่ง นำมาขึ้นที่ถนนตก เหตุที่เรียน ถนนตก เพราะสุดถนนเจริญกรุงครับผมยังวิ่งไปด ูแตกตื่นกันมาก ไม่เคยเห็น หน้ามันไม่เหมือนกับของ กทม.ที่ เวลาจะวิ่งทีต้องเอาเหล็ก งอรูปตัวแซด ไปสตาร์ทที่หน้ารถหน้ารถจะยาวหลังคา จะงุ้มๆคล้ายๆคนแก่ ส่วนรถใหม่ต่างประเทศวิ่งคันแรก หน้าสั้นๆสมัย นี้ไม่มีให้เห็นแล้ว จะมีก็เพียงแต่ชื่อ คือองค์การ รสพ.ใช้สำหรับรับจ้างขนของท่าเรือแหละครับ ขอบคุณยอดหญิงมากครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 13:03 น. - comment id 1052836
คุณ กิ่งโศก โรคแพ้อากาศในตัวครูเองนั้นอยู่ที่การเปลี่ยน แปลงดินฟ้าอากาศเป็นสำคัญครับ เหตุนี้ผมถึง ได้หนีถิ่นเก่ามาอยู่แถวมีนบุรีติดกับท้องทุ่งนาก็ เหตุนี้แหละ แต่อนิจาบัดนี้เปลี่ยนแปลงไปหมด เธอไปบ้านครูหันหน้าไปทางหน้าบ้าน ด้านหน้า และรอบข้างหมู่บ้านฯล้วนแล้วแต่ท้องทุ่งนาทั้งสิ้น แต่เธอไปไม่เห็นแล้ว สมัยก่อนนั้นถนนดินแดง ไม่มีราดยางหรือคอนกรีตเลยล่ะ เรียนกว่ารุ่น บุกเบิกก็ว่าได้ ดีแล้วล่ะฝึกเขียนไว้และเขียน ได้ดีจ้า เขียนตอบกระทู้ให้เป็นกลอน เวลาเขียน ส่งงานให้เป็นโคลงไว้ด้วยเธอชอบด้านนี้ ครู รักศิษย์เสมอ หากติดขัดอะไรถามมาได้รู้ก็จะ บอกให้หมดจ๊ะ รักเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 13:06 น. - comment id 1052837
คุณ กวีน้อยฯ เจ้ากวีน้อยฯหลานเรา ทุกๆแห่งล้วนแล้วแต่ ทุกข์สุขทั้งสิ้น อยู่ที่ตัวเราจะทำใจเราเองได้แค่ไหน หากคิดว่าทั้งหมดเป็นอนิจจังก็สามารถทำใจเราให้ สงบได้ง่ายจ้า รักหลานเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 15:30 น. - comment id 1052866
แวะมาอ่านกลอนลา แวะมาหาประสบการณ์ ครูแก้วสบายดีนะครับ คิดถึงเสมอ ๆ
18 ตุลาคม 2552 15:51 น. - comment id 1052876
คารวะท่านครูแก้วฯครับ ดีใจจังครับที่คุณครูเคยอยู่แถวยานนาวาเหมือนกัน ผมเคยอยู่แถวสะพาน2จนโตเรียนอยู่ที่พระแม่มารีครับ แต่คงหลังคุณครูหลายปีเดี๋ยวนี้กลับไปก็จำไม่ได้แล้ว สมัยนั้นอยากเข้าไปเรียนวัดสุทธิฯมาก ชอบวงโย ชอบลูกเสือ ชอบระเบียบ วินัยเขาเข็มแข็งดีครับ ขอให้คุณครูแข็งแรงมีแด่ความสุขครับ
18 ตุลาคม 2552 16:11 น. - comment id 1052882
เคยแวะทำบุญที่วัดยานนาวาอยู่บ้างครับ เคยทำงานอยู่โรงพิมพ์แถวถนนจันทน์ นั่งรถเมล์ผ่านทุกวัน
18 ตุลาคม 2552 16:52 น. - comment id 1052887
คุณ ฝนทอง ผมเองก็เล่นไปตามประสาคนชอบแหละครับ หากต้องการประสบการณ์เกี่ยวกับกลอนก็นั่นซิครับ ยอดหญิงอัลมิตรานี่แหละเขาเก่งกาจมากครับ ดูกวี ที่เขาฝากไว้ซิครับถือได้ว่าสุดยอดเชียว ส่วนผมนั้น ก็เฉื่อยแฉะมาเล่นกลอนอีกทีก็หลังปลดเกษียณอายุ ราชการแล้วครับ หากว่างๆก็แวะมาได้นะครับยินดี ต้อนรับเสมอครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 17:04 น. - comment id 1052890
คุณ แสงเพชร หรือครับงั้นก็คนบางเดียวกันซิครับ สพาน2 ผมไปบ่อยๆมีซอยเข้าไปถึงวัดไผ่เงิน ส่วนโรงเรียน พระแม่มารีนั้นเป็นโรงเรียนฝรั่งเรียนรวมกันทั้ง หญิงและชาย อยู่ในซอยนั้นก่อนถึงวัดไผ่เงินผม เคยไปจีบนักเรียนแถวนั้นด้วย อิอิ สมัยหนุ่มนะครับ วงโยทวาทิตนั้นตั้งขึ้นในสมัยผมเรียนอยู่ครับ ตอนนั้นโด่งดังมาก มาหลังจากที่ผมจบรุ่นน้องๆ ก็ไปชนะเลิศประเทศไทยและชนะที่ต่างประเทศ ด้วยครับ เรียนลูกเสือสนุกมากครับ สมัยนั้นมี ระเบียบวินัยการเรียนเข้มงวดมากครับ ครูตี เขาจะใช้กิ่งสนหน้าโรงเรียนตีนักเรียนครับ ต่อ มาก็เปลี่ยนเป็นกิ่งไม้ไผ่เหลายาวประมาณเกือบ สองเมตรได้ครับ เพราะกิ่งสนมันหมดไป หน้า โรงเรียนปลูกต้นสนไว้มาก การบ้านหรือท่วมหัว เลยครับแทบจะไม่ได้เที่ยวเลย กลับบ้านก็ต้อง มาทำการบ้านส่งครู หากไม่ทำจะโดนตีหน้าชั้น เรียน ท่องอาขยาน ภาษาอังกฤษกิริยาสามช่อง ต้องเปรี๊ยะ เรียกว่าถามต้องตอบได้ทันทีครับ หากไม่ได้คำละหนึ่งที ผมเองคนโง่เง่าโดนเป็น ประจำ หากไม่โดนตีก็โดนกินบรเพ็ดครับ คน จบมามักจะไม่ค่อยลืมกันหรอกครับ ที่สำคัญคือ ไม้เรียวหรือบรเพ็ดแหละครับ ขอบใจมากนะ ก็ไปเรื่อยๆแหละตามประสาคนแก่จ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 17:15 น. - comment id 1052895
คุณ รัมนีย์ อ้อเจ้าแต้ก็ทำงานที่ถนนจันทร์หรือ สมัยก่อน เขาเรียกว่า "ตรอกจันทร์" แล้วมาเปลี่ยนเป็นถนน ในภายหลัง สมัยนั้นเป็นถนนดินพอเปลี่ยนเป็นราด ยางถึงเปลี่ยนเป็นถนนจันทร์นะ สุดถนนจะไปออก ทุ่งมหาเมฆแล้วออกถนนสาธรใต้ได้ครับ สมัยก่อน นั้นไม่มีรถประจำทางหรอกครับ ใครจะไปอาศัย รถจักรยานหรือเดินไป สองข้างทางเป็นสวนหมด ปลูกฝรั่ง ผัก เลี้ยงหมู โอ้อยอีกหลายๆอย่าง สวนผลไม้นานาชนิดครับ ตอนผมเด็กๆไปเที่ยวสวนยังเคยหลงทาง เลยจำขาออกไม่ได้เล่นเอาวนหาทางตั้งนานแต่ ไปเป็นพวกๆไปล่านกอาวุธคือหนังสติ๊กกับลูกดิน ปั้นกลมๆ หิวมาก็หาผลไม้กินกันส่วนมากเป็น ฝรั่ง และยังเคยวิ่งหนีเจ้าของสวนเขาเอาไม้ไล่ ตีครับ สนุกดี ผมไปทั่วเลยครับ แถวสาธุประดิษฐ์ ที่อยู่ของอัลมิตราเขาผมก็ไปมาหลายๆครั้งไปสุด ที่แพตาท้วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนนั้นหนุ่ม ห้าวๆแล้วล่ะ ไปกินน้ำขาวที่ทำจากข้าวเหนียว กระแช่ และน้ำตาลเมาครับ ที่กินเป็นแพ โอ้ย เล่ากันไม่จบหรอกครับ พูดถึงรถเมล์ก่อนนั้น มีสายเดียวคือ สาย 35 วิ่งเลี้ยวไปถนนสาธุประดิษฐ์ เท่านั้นหากไปทุ่งมหาเมฆไปเองครับ พอก่อนนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 17:56 น. - comment id 1052905
อ่า...กำลังหัวเราะกรามค้างอยู่บ้านฉางน้อย เหลือบมาฝั่งขวาเห็นกลอนบทนี้ ใจหายแว๊บ...นึกว่า แก้วประเสริฐจะลาไปไหนเสียอีก
18 ตุลาคม 2552 17:59 น. - comment id 1052907
นิลวรรณเป็นคนต่างจังหวัดอ่ะค่ะ แถมอยู่ชนบทอีกด้วย บางครั้งเขาก็เรียกบ้านนอก
18 ตุลาคม 2552 18:32 น. - comment id 1052919
คุณ โคลอน โอ้โฮ เจ้าฉางน้อยจอมซุกซน ซึ่งมีลูกเล่น แพรวพราวจริงๆด้วย คุยสนุกๆ แต่พออ่านกลอน ผมคงจะทราบนะครับ ขวัญเอ๋ยขวัญมาอยู่กับเนื้อตัว นะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 18:41 น. - comment id 1052921
คุณ นิลวรรณ ด้วยใจจริงๆนั้นผมรักชอบชนบทมากกว่า ในเมืองครับ ปีหนึ่งผมมักจะไปต่างจังหวัดแถวชนบท เพื่อฟอกอากาศปอดครับ ผมเรียกเองนะครับว่า ฟอกปอด ด้วยอากาศช่างบริสุทธิ์และคนแถวชนบท นั้นล้วนแต่น้ำใจดีเรียกได้ว่าเกือบทุกๆคนครับจะ มีบ้างก็เป็นส่วนน้อย แต่ผมชอบภูมิประเทศมากกว่า นี่เขาก็มาชวนไปเที่ยวเชียงใหม่และไป พักที่ดอยอ่างข่างแต่ผมปฏิเสธแล้วด้วยสุขภาพ ไม่ค่อยอำนวยและเดือนธันวาคมอากาศหนาวมาก ที่ดอยนั้น ผมกลัวหนาวมากๆทุกๆวันนี้เวลานอน ต้องใส่เสื้อถึงสามตัวแน๊ะครับ คุณโชคดีแล้วที่ อยู่ชนบท หากอยู่กรุงเทพฯนานๆก็จะรู้สึกว่าแย่ มากๆครับ พิษภัยรอบด้านทั้งอากาศและคน หาก ไม่ทันคนยิ่งแย่ใหญ่ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 20:01 น. - comment id 1052948
สวัสดีค่ะครูแก้ว พอดีหนูเข้ามาตอบเม้นเรื่องสั้น ช่วงนี้ศิษย์ขอไปถือศีล กินเจสักสิบวันเจ้าค่ะ คงไม่ได้เข้าบ้านกลอนสักระยะ ขอครูรักษาสุขภาพนะคะ นับถือและเป็นห่วงครูเสมอค่ะ
18 ตุลาคม 2552 22:07 น. - comment id 1053031
คุณ แก้วประภัสสร ครูขออนุโมทนาในการทำความดีครั้งนี้ด้วย นะ การถือศีลกินเจนั้นหลักสำคัญคือการไม่เบียดเบียฬ สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายเป็นหลัก คือ ศีลห้า ข้อที่หนึ่ง ที่จริงต้นกำเนิดนี้มาจากพระเทวทัตเพื่อจะแสดงตน ให้ภิกขุทั้งหลายเชื่อถือตนเองเป็นใหญ่โดยทำตัว ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยไปทูลแด่พระพุทธองค์ ว่าภิกขุทั้งหลายควรงดฉันท์สัตว์เป็นอาหารไม่ ยอมรับประเคนอาหารที่เจือด้วยเนื้อสัตว์ แต่ ทว่าพระพุทธองค์ทรงปฏิเสธพระองค์กล่าวไว้ว่า การบิณฑบาตรนี้คือการขอที่ผู้มีศรัทธาจะมอบให้ หากมิฉนั้นศรัทธานั้นจะเสื่อมไป ครูกล่าวเพียง สั้นๆไว้ แต่หากเป็นปุถุชนที่ไม่ใช่ภิกขุไม่เป็นไร ด้วยปุถุชนนั้นไม่ได้ขอใครเขา การกินเจนั้น อยู่ในศีลห้าข้อที่หนึ่ง หากรักษาศีลแล้วไม่ทาน เนื้อสัตว์หรือการเบียดเบียฬสัตว์ถือว่าดีประการ หนึ่ง หากเป็นทางวิทยาศาสตร์ถือว่าเป็นการ ปรับร่างกายเราที่สะสมพวกไขมันต่างๆให้สลาย ไปจะมากหรือน้อยอยู่ที่เรา อีกประการหนึ่งอาหาร จำพวกผักนั้นมีสารใยสังเคราะห์ช่วยในการขับ ถ่ายและป้องกันโรคภัยได้อีกประการหนึ่ง หาก เราถือศีลกินเจด้วยรักษาให้มั่นถือว่าดีมากจ๊ะ แต่ก็ควรรักษาไว้อย่าฝืนจนร่างกายเราขาดพลัง จนอ่อนแอก็จะเกิดโทษ ด้วยพวกไขมันเหล่านี้ จะช่วยเสริมสร้างพลังกำลังแก่มนุษย์สัตว์เสมอ จะมีพืชบางจำพวกที่แทนพวกเนื้อสัตว์ได้ก็มี แต่เป็นส่วนน้อย มาเข้าหลักถือศีล ศีลที่รักษา คือศีลห้า หากถือศีลอย่างเดียวก็ได้กุศลผลบุญ อยู่แล้วหากไม่ผิดเลยถือได้ว่าปิดประตูนรกได้ อย่างเด็ดขาด หากเมื่อถือศีลแล้วต้องมีภาวนา โดยสมถะภาวนาด้วยก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก การภาวนา คือการทำให้ จิต เจตสิก อารมณ์นอกในที่รวม อยู่เป็น ใจ ทั้งหมด ทุกๆอย่างอยู่ที่วิญญาณธาตุ ทั้งสิ้น การภาวนาที่ถูกต้องเริ่มจากกำหนด ลมหายใจเข้าออกโดยมีสติจับอาการดังกล่าวไว้ ไม่ให้จิตสอดส่ายเที่ยวไป จิตเมื่อถูกบังคับแรกๆ ก็จะดิ้นรนต่อสู้ต้านทานหาก เรามีพลังแห่งสติ บังคับไว้หรือหาที่เกาะเกี่ยวจิตไว้ จิตก็จะอยู่เฉยๆ หากครูจะอธิบายมันจะยาวมากๆ เอาเพียง เคร่าๆก็แล้วกันคือ พยายามทำจิตเราใจเราให้ ความตัวกันแล้วทำให้ว่างๆเสียจะมากน้อยไม่ เป็นไรถือว่าเป็นกุศล ศรัทธาคือบ่อเกิดแห่งสติ ที่ประกอบด้วยพลังงาน หากมีศรัทธามากก็จะทำ ให้จิตเราว่างๆไม่มีอะไรมารบกวนได้ เหตุที่ถูก รบกวนก็มาจากจิต ในเมื่อบังคับจิตได้ อาการ ต่างๆคือ อายตนะ6 ก็ไม่บังเกิด จิตใจก็จะว่าง ยามใดเราบังคับจิตให้อยู่นิ่งได้ใจเราก็ว่างปราศ จากกิเลสที่จะเข้ามาให้เกิดอาการต่างๆได้จ้า ฉะนั้นควรจะมีภาวนาด้วย การภาวนานี้ เราอย่าไปกำหนดบังคับให้มากเกินไปหรือให้ อ่อนมากเกินไป ควรเดินสายกลางคือเพียงแต่ คอยบังคับไว้เท่านั้นจ๊ะ ขอให้มีสุขในการทำใน สิ่งที่พึงปรารถนาความสำเร็จด้วยผลบุญจงบังเกิด แก่ศิษย์เราจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 ตุลาคม 2552 22:18 น. - comment id 1053049
หวัดดีค่ะ ครู เห็นกระทู้แล้ว ต้องรีบเข้ามาค่ะครู...เล่นเอา ศิษย์ใจหายแว๊บเลยค่ะ...พูดถึงแถวสาธุฯ อ้อยเคยอยู่สาธฯ 37 เกือบสองปีแน่ะค่ะ.. แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ย้ายมาอยู่แถวฝั่งธน แบบนี้ พอจะเป็นคนบ้านเดียวกะครูได้มั๊ยค่ะ อิอิ วันนี้ไม่ค่อยสบายค่ะครู หวัดเล่นงานซะเกือบแย่.. ครูหล่ะค่ะสุขภาพเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ดูแลสุขภาพดีๆนะคะครู ด้วยความเป็นห่วงค่ะ
18 ตุลาคม 2552 23:13 น. - comment id 1053099
คุณ เทียนหยด ศิษย์รัก เธอเองก็เป็นคนบ้านครูอยู่แล้วนี่นา แม้จะอยู่ที่ไหนตอนนี้เป็นคนบ้านครูไปแล้ว เรื่อง หวัดนี้กำลังชุกชม ครูเองก็เป็นเรียกว่าแทบทั้งปี เลยก็ว่าได้เรื้อรังมานานแล้วคนเป็นโรคแพ้อากาศ หวัดมันรักมากจ้า รักศิษย์เราเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
19 ตุลาคม 2552 08:38 น. - comment id 1053217
19 ตุลาคม 2552 13:16 น. - comment id 1053332
คุณ เพียงพลิ้ว หลานกานต์ขอบใจมากจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
19 ตุลาคม 2552 14:11 น. - comment id 1053356
ตกใจหมดเลยค่ะนึกว่าคุณลุงจะลาบ้านกลอน พออ่านไปถึงเข้าใจค่ะ
19 ตุลาคม 2552 17:46 น. - comment id 1053437
คุณ นรศิริ ขอบคุณมากที่ห่วงใยผมเสมอครับ คือผมไป เที่ยวบ้านเดิมมา โอโฮ...มันเปลี่ยนแปลงไปหมด มีศาลแขวงอยู่ด้วย ถนนตัดกันไปมาจำแทบไม่ได้ เลยครับ ตลาดแสงจันทร์ก็ล้วนเปลี่ยนมีทั้งห้อง อาหาร เทคฯ โอ้ยหลายๆอย่าง เต็มไปด้วยตึกราม หมดครับ ดีนะที่บ้านเดิมยังปลูกต้นไม้ไว้แยะให้ นกมันได้อาศัยทำรังอยู่ ผมไปนั่งใต้ต้นไม้ฟังเสียง นกค่อยชื่นใจรอบล้อมไปด้วยตึกแถวบ้างบ้านตึก บ้าง ผมไปโรงเรียนเก่าๆเข้าไปนั่งดูนักเรียน ที่เขาเล่นกัน ตอนแรกผมก็ไม่คิดอะไรเพราะนึก ว่าเป็นนักเรียนชายแบบผมเรียน แต่สักพัก โอโห..ผัดหน้าตาเดินกระแด๊ะส่ายก้นไปมาถึง ทราบ จับกันเป็นกลุ่มๆเลยล่ะครับ บรรยากาศ ในโรงเรียนเปลี่ยนแปลงไปหมด ต้องหลับตา นึกย้อนอดี่ตแล้วก็กลับบ้านเลยครับ ขึนอยู่ไป คงต้องอาเจียนแน่ๆเลย เลยเขียนเรื่องแบบนี้ เพราะยังไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จะได้ไปครับ ขอบคุณมากครับ งานคุณเองผมก็เข้าไปอ่านเสมอๆ แต่ไม่ได้คอมเม้นท์ครับ ไม่รู้จะคอมเม้นท์ อย่างไรดี ด้วยงานงามครับ ผมชอบอ่านครับ แม้จะเป็นคนใหม่ๆมามากหน้าหลายตาผมก็อ่าน บางคนเขียนแค่บทเดียวแล้วก็เลิก ผมนึกในใจ แล้วเมื่อไหร่จะเป็นกันสักที หากเล่นแบบนี้สาระ ก็ไม่มีอะไร อย่างน้อยสักสี่บทก็ยังดี ไม่เหมือน สมัยผมเล่นกลอนใหม่ๆไม่เคยเจอครับแบบนี้ ครับ แล้วหากเขียนนิราศสงสัยคงจะเป็นนิโกโร โกโสแน่ๆเลย สงสัยเขาจะเอาจำนวนส่งมาก กระมัง ขอบคุณรักเสมอๆครับ แก้วประเสริฐ.
23 ตุลาคม 2552 15:07 น. - comment id 1055601
๐ ยามเยือนถิ่นที่จากหลายหลากรุ่น ความหลังกรุ่นอุ่นใจคล้ายห่วงหวง ท่ามกระแสแปรไปในโลกลวง จำบางดวงหน้าเก่าเราคุ้นเคย ๐ ทุกสิ่งสร้างบางหนวนเวียนวก แสนสะทกอกสะท้อนก่อนจะเผย ลาถิ่นเก่าเนาร้างอย่างคนเคย เพลาเอยเปลี่ยนสรรพสิ่งจนกริ่งใจ มาอ่านกลอนท่านพี่ ทำให้ปลงอนิจจัง กับสรรพสิ่งที่เปลี่ยนไป สอนว่าถ้าเรายึดติด มากเท่าไรก็คงทุกข์มากเป็นเงาตามตัว นะครับ รักษาสุขภาพนะครับ รักและเคารพเสมอ
23 ตุลาคม 2552 17:18 น. - comment id 1055673
คุณ คนกุลา ใช่แล้วน้องเรา ทุกอย่างย่อมแปรเปลี่ยนเสมอ ไม่หยุดนิ่ง หมุนเวียนไปตามวัฏสงสารทั้งสิ้น ดูเรา ซิเปลี่ยนจาก เด็กจำความไม่ได้ มาจำความได้แล้ว ก็เริ่มเติบโต เปลี่ยนเป็นวัยรุ่น จากวัยรุ่นมาเป็น คนหนุ่ม จากคนหนุ่มก็ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน จากวัย กลางคนก็เป็นคนแก่ จากคนแก่ก็สุดสิ้นการเดินทาง จากภพนี้ แล้วก็เปลี่ยนภพใหม่วนเวียนไปเรื่อยๆ หาได้หยุดกับที่ได้ ยกเว้นนิพานอย่างเดียวนอก นั้นไม่ว่าเทวา ยักขา อสูร มนุษย์ สัตว์ รวมถึง สัตว์นรกด้วยก็ยังเปลี่ยนไป หากไม่ยึดติดมาก นักจิตใจเราก็จะปล่อยวางว่างลงจากสิ่งที่รบกวน นั่นคือปิติที่เกิด จะมากน้อยอยู่ที่แต่ละบุคคล วัตถุธาตุต่างๆก็เหมือนกับเรานั่นแหละขนาดที่ แข็งแกร่งเช่นเหล็ก ภูผาก็ยังมีวันสลายไปเลย นับประสาคนพวกเรา สิ่งที่ดีที่สุดคือทำจิตให้ว่างๆ ไว้ รักน้องพี่เสมอ แก้วประเสริฐ.