เบญจกัลยาณี สตรีงาม 5 ประการ *-*

กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

1_display.jpg
*ดั่งพระชินสีห์มุนีปราชญ์
อาขยาตเทศน์พร่ำเป็นคำสอน
อรรถชาดกสอนสั่งควรสังวรณ์
งามทุกตอนเบญจ-กัล-ยาณี
*คือหนึ่งงามด้วยเส้นผมดำคมเข้ม
ปลายผมเต็มเอนอ่อนงอนเกศี
ถึงบั้นเอวอวดอ้าไร้ราคี
งามดั่งที่หางนกยูงจำรุงตา
*สองริมฝีปากแดงดุจวิสุทธิ์ชาด
ยิ้มละมาดละไมชวนใฝ่หา
เปรียบดั่งตำลึงสุกลูกโอชา
ไม่แดงกว่าเกินนั้นเช่นบรรยาย
*สามฟันขาวขอบเรียบดูเพียบพร้อม
ไม่ขัดย้อมจนเกิดความเฉิดฉาย
ประดุจสังข์ขาวขัดจัดเรียงราย
ส่องประกายเรียบชิดงามติดตา
*สี่ผิวพรรณบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ไม่เป็นสองรองใครทั่วในหล้า
เหมือนแสงจันทร์วันเพ็ญเด่นโสภา
ผิวกายาลอออ่อนพอดี
*ห้าวัยงามงามเลิศประเสริฐศักดิ์
วัยประจักษ์แจ้งสุขไร้ทุกขี
ทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์พูนทวี
ถึงร้อยปีสวยเด่นเน้นธรรมา
*เบญจ-กัล-ยาณีสตรีไหน
สมบูรณ์ได้ว่าเลิศประเสริฐหนา
ดั่งกล่าวไว้ในธรรมพระสัมมา
วิสาขากายสวยด้วยใจงาม
*อันคนงามงามใจใช่ใบหน้า
โบราณว่าควรตรองอย่ามองข้าม
แม้นรูปลักษณ์พักตร์ผ่องอาจมองทราม
หากไม่งามภายในจิตใจตน
ของแถม....เล็กๆ น้อยๆ  เอามาให้อ่านครับ  เผื่อท่านใดสนใจ แต่คนโพสต์ มะอยากบอกว่า ยังมะได้อ่าน อิอิ
1 เกสกลฺยาณํ ผมงาม คือ หญิงผู้มีผมยาวถึงสะเอวแล้วปลายผมงอนขึ้น
2 มงฺสกลฺยาณํ เนื้องาม คือหญิงผู้มีริมฝีปากแดงดุจผลตำลึงสุกและเรียบชิดสนิทกันดี
3 อฏฐิกลฺยาณํ กระดูกงาม คือหญิงผู้มีฟันสีขาวประดุจสังข์ และเรียบเสมอกัน
4 ฉวิกลฺยาณํ ผิวงาม คือหญิงผู้มีผิวกายงามละเอียดสวยงาม
5 วยกลฺยาณํ วัยงาม คือ หญิงผู้ที่แม้จะคลอดบุตรกี่ครั้ง ก็ยังคงเต่งตึงไม่หย่อนยาน
******************************************************************************************
ลักษณะของเบญจกัลยาณีอธิบายตามความคิดเห็นของท่านผู้รู้แต่โบราณว่า
ผมงาม หมายถึง เรือนผมเป็นเงางามดุจกับหางนกยูง
ทรงผมสตรีแต่ก่อนคงจะนิยมดัดปลายงอน ท่านจึงพรรณาว่า 
เมื่อปล่อยย้อยยาวถึงชายผ้านุ่ง แล้วกลับมีปลายงอนขึ้นตั้งอยู่
สมัยนี้เห็นจะกำหนดตามนี้ไม่สำเร็จ 
จะให้ดำเป็นเงางามหรืองอนขึ้นหรุบลงทำไม่ยาก ถึงไม่มีผมจะงามเลย 
ก็หาผมปลอมใส่ได้งามทันใจในพริบตา 
เนื้องาม หมายถึง ริมฝีปากงาม เช่นกับผลตำลึง
คงหมายความว่ามีสีแดงดุจผลตำลึงสุก
สาวยุคนี้อย่าว่าแต่สีผลตำลึงสุกเลย จะให้เป็นสีผลอะไรก็ได้
สีทาปากทำไว้พร้อมเสร็จ สีมะละกอ สีลิ้นจี่ หรือสีทับทิมออกคล้ำ
ออกม่วง ออกเหลือง มีให้เลือกตามใจชอบ 
กระดูกงามหมายถึง มีฟันขาวเรียบดุจสังข์ที่ขัดดีแล้ว
ฝรั่งไม่เคยเห็นสังข์และไม่รู้ค่า 
จึงเปลี่ยนให้เป็นไข่มุกแทนฟันเป็นอย่างเดียวที่ขัดสีปานใด 
ก็ไม่อาจขาวเงางามเรียบได้ถ้าสุขภาพฟันไม่มีเป็นปฐม 
ยาเคลือบฟันให้ขาวพอใช้ได้ชั่วครั้งชั่วคราว 
ผิวงาม คือละเอียดอ่อน
สีผิวไม่สำคัญ ผิวดำก็สวยได้ ถ้าเกลี้ยงเกลามีเลือดฝาดสมบูรณ์ 
วัยงาม หมายถึง เนื้อหนังเต่งตึงอยู่จนแก่
ตำนานเรื่องนางวิสาขา ผู้สร้างปุพพรามปราสาทถวายเป็นวัด 
ครั้งพุทธกาล ชมนางวิสาขาว่าวัยงามนักหนา 
นางมีบุตรชาย 10 บุตรหญิง 10 บุตรชายหญิงมีบุตรชายหญิงอีกคนละ 10 
ตลอดชีวิตของนางมีบุตรหลานถึง 8,420 คน นางวิสาขาไปที่ใด
บุตรหลานห้อมล้อมไปเป็นหมู่ ผู้คนดูไม่ออกว่าคนไหนคือนางวิสาขา 
เพราะเห็นเป็นหนุ่มเป็นสาวเสมอเหมือนกันหมด 
นางวิสาขามีอายุยืนถึง 120 ปี และเป็นลูกสาวเศรษฐี ได้กินอิ่ม 
นอนหลับเต็มที่ ประกอบกับใจบุญด้วย จึงงามทั้งกายใจ 
********************************************************************
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด 
นางวิสาขา เกิดในตระกูลเศรษฐี ในเมืองภัททิยะ แคว้นอังคะ บิดาชื่อว่า ธนญชัย มารดาชื่อว่าสุมนาเทวี และปู่ชื่อเมณฑกเศรษฐี ขณะที่เธอมีอายุอยู่ในวัย ๗ ขวบ เป็นที่รักดุจแก้ว ตาดวงใจของเมณฑกะผู้เป็นปู่ยิ่งนัก * ๗ ขวบบรรลุโสดาบัน เมื่อเมณฑกเศรษฐีได้ทราบข่าวว่า พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จำนวนมากกำลัง เสด็จมาสู่เมืองภัททิยะ ท่านเมณฑกเศรษฐี จึงได้มอบหมายให้เด็กหญิงวิสาขาพร้อมด้วยบริวาร ออกไปทำการรับเสด็จที่นอกเมือง ขณะที่พระพุทธองค์ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถอยู่นั้น เด็ก หญิงวิสาขาพร้อมด้วยบริวาร เข้าไปเฝ้ากราบถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่อันสมควรแก่ตน พระพุทธ องค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้พวกเธอฟัง เมื่อจบลงก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยกันทั้ง หมด สมัย พระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งเมืองสาวัตถี และพระเจ้าพิมพิสารแห่งเมืองราชคฤห์ มี ความเกี่ยวข้องกันโดยต่างก็ได้ภคินี (น้องสาว) ของกันและกันมาเป็นมเหสี แต่เนื่องจากในเมือง สาวัตถีของพระเจ้าปเสนทิโกศลนั้น ไม่มีเศรษฐีตระกูลใหญ่ ๆ ผู้มีทรัพย์สมบัติมากเลย และได้ ทราบว่าในเมืองราชคฤห์ของพระเจ้าพิมพิสารนั้น มีเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติขนานนับไม่ถ้วนอยู่ ถึง ๕ คน ดังนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงเสด็จมายังเมืองราชคฤห์ เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารแล้วแจ้ง ความประสงค์ที่มาในครั้งนี้ ก็เพื่อขอพระราชทานตระกูลเศรษฐีในเมืองราชคฤห์นี้ไปอยู่ในเมือง สาวัตถีสักหนึ่งตระกูล พระเจ้าพิมพิสารได้สดับแล้วตรัสตอบว่า การโยกย้ายตระกูลใหญ่ ๆ เพียงหนึ่งตระกูลก็ เหมือนกับแผ่นดินทรุด แต่เพื่อรักษาสัมพันธไมตรีต่อกันไว้หลังจากที่ได้ปรึกษากับอำมาตย์ทั้ง หลายแล้ว เห็นพ้องต้องกันว่าสมควรยกตระกูลธนญชัยเศรษฐี ให้ไปอยู่เมืองสาวัตถีกับพระเจ้าป เสนทิโกศล ธนญชัยเศรษฐีได้ขนย้ายทรัพย์สมบัติพร้อมทั้งบริวารและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายเดินทางสู่ พระนครสาวัตถีพร้อมกับพระเจ้าปเสนทิโกศล และเมื่อเดินทางเข้าเขตแคว้นของ พระเจ้าปเสนทิโกศล แล้ว ขณะที่พักค้างแรมระหว่างทางก่อนเข้าเมืองธนญชัยเศรษฐีเห็นว่าภูมิ ประเทศบริเวณที่พักนั้นเป็นชัยภูมิเหมาะสมดี อีกทั้งตนเองก็มีบริวารติดตามมาเป็นจำนวนมาก ถ้าไปตั้งบ้านเรือนภายในเมืองก็จะคับแคบ จึงขออนุญาตพระเจ้าปเสนทิโกศลก่อตั้งบ้านเมืองลง ณ ที่นั้น และได้ชื่อเมืองใหม่นี้ว่า สาเกต ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองสาวัตถี ๗ โยชน์ * หญิงงามเบญจกัลยาณี ในเมืองสาวัตถีนั้น มีเศรษฐีตระกูลหนึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า มิคารเศรษฐี มีบุตรชายชื่อ ปุณณวัฒนกุมาร เมื่อเจริญวัยสมควรที่จะมีภรรยาได้แล้ว บิดามารดาขอให้เขาแต่งงานเพื่อสืบ ทอดวงศ์ตระกูล แต่เขาเองไม่มีความประสงค์จะแต่งเมื่อบิดามารดารบเร้ามากขึ้น เขาจึงหาอุบาย เลี่ยงโดยบอกแก่บิดามารดาว่า ถ้าได้หญิงที่มีความงามครบทั้ง ๕ อย่าง ซึ่งเรียกว่า เบญจกัลยาณี แล้วจึงจะยอมแต่งงาน เบญจกัลยาณี ความงามของสตรี ๕ อย่าง คือ ๑. เกสกลฺยาณํ ผมงาม คือ หญิงที่มีผมยาวถึงสะเอวแล้วปลายผมงอนขึ้น ๒. มงฺสกลฺยาณํ เนื้องาม คือหญิงที่มีริมฝีปากแดงดุจผลตำลึงสุกและเรียบชิดสนิทกันดี ๓. อฏฺฐิกลฺยาณํ กระดูกงาม คือหญิงที่มีฟันสีขาวประดุจสังข์ และเรียบเสมอกัน ๔. ฉวิกลฺยาณํ ผิวงาม คือหญิงที่มีผิวงามละเอียด ถ้าดำก็ดำดังดอกบัวเขียว ถ้าขาวก็ขาวดัง ดอกกรรณิกา ๕. วยกลฺยาณํ วัยงาม คือ หญิงที่แม้จะคลอดบุตรถึง ๑๐ ครั้ง ก็ยังคงสภาพร่างกายสาวสวยดุจ คลอดครั้งเดียว บิดามารดาเมื่อได้ฟังแล้วจึงให้เชิญพราหมณ์ผู้เชี่ยวชาญในด้านอิตถีลักษณะมาถามว่า หญิงผู้มีความงามดังกล่าวนี้มีหรือไม่ เมื่อพวกพราหมณ์ตอบว่ามี จึงส่งพราหมณ์เหล่านั้นออก เที่ยวแสวงหาตามเมืองต่าง ๆ พร้อมทั้งมอบพวงมาลัยและเครื่องทองหมั้นไปด้วย * ชน ๔ พวกเมื่อวิ่งจะดูไม่งาม พวกพราหมณ์เที่ยวแสวงหาไปตามเมืองต่าง ๆ ทั้งเมืองเล็กเมืองใหญ่ จนมาถึงเมือง สาเกต ได้พบนางวิสาขามีลักษณะภายนอกถูกต้องตามตำราอิตถี ลักษณะครบทุกประการ ขณะ ที่นางพร้อมทั้งหญิงบริวารออกมาเที่ยวเล่นน้ำกันที่ท่าน้ำ ขณะนั้นฝนตกลงมาอย่างหนัก หญิง บริวารทั้งหลายพากันวิ่งหลบหนีฝนเข้าไปในศาลา แต่นางวิสาขายังคงเดินด้วยอาการปกติ ทำ ให้พวกพราหมณ์ทั้งหลายรู้สึกแปลกใจประกอบกับต้องการจะเห็นลักษณะฟันของนางด้วยจึง ถามนางว่า ทำไม เธอจึงไม่วิ่งหลบหนีฝนเหมือนกับหญิงอื่น ๆ นางวิสาขาตอบว่า ชน ๔ พวก เมื่อวิ่งจะดูไม่งาม ได้แก่ ๑. พระราชา ผู้ทรงประดับด้วยเครื่องอาภรณ์พร้อมสรรพ ๒. บรรพชิต ผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ๓. สตรี ผู้ชื่อว่าเป็นหญิงทั้งหลาย นอกจากจะดูไม่งานแล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุจน เสียโฉม หรือพิการ จะทำให้เสื่อมเสียและหมดคุณค่า ๔. ช้างมงคล ตัวประดับด้วยเครื่องอาภรณ์สำหรับช้าง พวกพราหมณ์ได้เห็นปัญญาอันชาญฉลาด และคุณสมบัติ เบญจกัลยาณี ครบทุกประการ แล้ว จึงขอให้นางพาไปที่บ้านเพื่อทำการสู่ขอต่อพ่อแม่ตามประเพณี เมื่อสอบถามถึงชาติตระกูล และทรัพย์สมบัติก็ทราบว่า มีเสมอกัน จึงสวมพวงมาลัยทองให้นางวิสาขาเป็นการหมั้นหมาย และกำหนดวันวิวาหมงคล ธนญชัยเศรษฐี ได้สั่งให้ช่างทองทำเครื่องประดับ ชื่อ มหาลดาปสาธน์ เพื่อมอบให้แก่ ลูกสาว ซึ่งเป็นเครื่องประดับชนิดพิเศษ เป็นชุดยาวติดต่อกันตั้งแต่ ศีรษะจรดปลายเท้า ประดับ ด้วยเงินทองและรัตนอันมีค่าถึง ๙ โกฏิกหาปณะ ค่าแรงฝีมือช่างอีก ๑ แสน เป็นเครื่องประดับที่ หญิงอื่น ๆ ไม่สามารถจะประดับได้เพราะมีน้ำหนักมาก นอกจากนี้ ธนญชัยเศรษฐี ยังได้มอบ ทรัพย์สินเงินทองของใช้ต่าง ๆ รวมทั้งข้าทาสบริวารและฝูงโคอีกจำนวนมากมายมหศาล อีกทั้ง ส่งกุฏุมพีผู้มีความชำนาญพิเศษด้านต่าง ๆ ไปเป็นที่ปรึกษาดูแลประจำตัวอีก ๘ นายด้วย * ธนญชัยเศรษฐีให้โอวาทลูกสาว ก่อนที่นางวิสาขาจะไปสู่ตระกูลของสามี ธนญชัยเศรษฐีได้อบรมมารยาทสมบัติของ กุลสตรีผู้จะไปสู่ตระกูลของสามี โดยให้โอวาท ๑๐ ประการ เป็นแนวปฏิบัติ คือ โอวาทข้อที่ ๑ ไฟในอย่านำออก หมายความว่า อย่านำความไม่ดีของพ่อผัวแม่ผัวและสามี ออกไปพูดให้คนภายนอกฟัง โอวาทข้อที่ ๒ ไฟนอกอย่านำเข้า หมายความว่า เมื่อคนภายนอกตำหนิพ่อผัวแม่ผัวและสามี อย่างไร อย่านำมาพูดให้คนในบ้านฟัง โอวาทข้อที่ ๓ ควรให้แก่คนที่ให้เท่านั้น หมายความว่า ควรให้แก่คนที่ยืมของไปแล้วแล้วนำ มาส่งคืน โอวาทข้อที่ ๔ ไม่ควรให้แก่คนที่ไม่ให้ หมายความว่า ไม่ควรให้แก่คนที่ยืมของไปแล้ว แล้วไม่ นำมาส่งคืน โอวาทข้อที่ ๕ ควรให้ทั้งแก่คนที่ให้และไม่ให้ หมายความว่า เมื่อมีญาติมิตรผู้ยากจนมาขอ ความช่วยเหลือพึ่งพาอาศัย เมื่อให้ไปแล้วจะให้คืนหรือไม่ให้คืน ก็ควรให้ โอวาทข้อที่ ๖ พึงนั่งให้เป็นสุข หมายความว่า ไม่นั่งในที่กีดขวางพ่อผัว แม่ผัวและสามี โอวาทข้อที่ ๗ พึงนอนให้เป็นสุข หมายความว่า ไม่ควรนอนก่อนพ่อผัวแม่ผัวและสามี โอวาทข้อที่ ๘ พึงบริโภคให้เป็นสุข หมายความว่า ควรจัดให้พ่อผัว แม่ผัวและสามีบริโภค แล้ว ตนจึงบริโภคภายหลัง โอวาทข้อที่ ๙ พึงบำเรอไฟ หมายความว่า ให้มีความสำนึกอยู่เสมอว่า พ่อผัว แม่ผัวและสามี เป็นเหมืองกองไฟ และพญานาคที่จะต้องบำรุงดูแล โอวาทข้อที่ ๑๐ พึงนอบน้อมเทวดาภายใน หมายความว่า ให้มีความสำนึกอยู่เสอมว่า พ่อผัว แม่ ผัว และสามีเป็นเหมือนเทวดาที่จะต้องให้ความนอบน้อม * อานิสงส์ของการทำบุญแล้วแถม ธนญชัยเศรษฐี ให้เวลาถึง ๔ เดือนในการเตรียมทรัพย์สมบัติเพื่อมอบให้แก่นางวิสาขา สำหรับใช้สอยเมื่อไปอยู่ในตระกูลของสามี เฉพาะเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์เพียงอย่างเดียว ก็ใช้เวลาทำถึง ๔ เดือน เช่นกัน เมื่อถึงกำหนดนางวิสาขาได้ออกเดินทางไปยังตระกูลของสามี พร้อมด้วยข้าทาสบริวารทรัพย์สินเงินทองของใช้อเนกอนันต์ และโคกระบืออีกมากมายมหาศาล ที่บิดาจัดการมอบให้ แม้กระนั้น โคกระบือที่อยู่ในคอกยังทำลายคอกวิ่งออกตามขบวนของนางวิสาขาไปอีก จำนวนมาก ทั้งนี้ด้วยอานิสงส์แห่งการทำบุญถวายทานที่นางทำไว้ในอดีตชาติ คือ ในครั้งที่นาง วิสาขาเดิมเป็นธิดาของพระเจ้ากิกิ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ นางได้ถวายอาหารแก่ พระภิกษุสามเณรเป็นประจำ และทั้ง ๆ ที่พระภิกษุสามเณรกล่าวว่า พอแล้ว ๆ ก็ยังตรัสว่า พระคุณเจ้าสิ่งนี้อร่อย สิ่งนี้น่าฉัน แล้วก็ถวายเพิ่มขึ้นอีก ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายเพิ่มนี้ บันดาลให้โคเหล่านั้นแม้จะมีคนห้ามมีคอกกั้นอยู่ก็ยังโดดออกจากคอกวิ่งตามขบวนของนาง วิสาขาไปอีกจำนวนมาก * นางวิสาขาตำหนิพ่อผัว เมื่อนางวิสาขา เข้ามาสู่ตระกุลของสามีแล้ว เพราะความที่เป็นผู้ได้รับการอบรมสั่งสอน เป็นอย่างดีตั้งแต่วัยเด็ก และเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีน้ำใจเจรจาไพเราะ ให้ความเคารพผู้ ที่มีวัยสูงกว่าตน จึงเป็นที่รักใคร่และชอบใจของคนทั่วไป ยกเว้นมิคารเศรษฐีของสามี ซึ่งมีจิต ฝักใฝ่ในนักบวชอเจลกชีเปลือย โดยให้ความเคารพนับถือว่าเป็นพระอรหันต์ และนิมนต์ให้มา บริโภคโภชนาหารที่บ้านของตนแล้ว สั่งให้คนไปตามนางวิสาขามาไหว้พระอรหันต์ และให้มา ช่วยจัดเลี้ยงอาหารแก่อเจลกชีเปลือยเหล่านั้นด้วย นางวิสาขา ผู้เป็นพระอริยสาวิกาชั้นโสดาบันพอได้ยินคำว่า อรหันต์ ก็รู้สึกปีติยินดีรีบ มายังเรือนของมิคารเศรษฐี แต่พอได้เห็นอเจลกชีเปลือย ก็ตกใจจึงกล่าวว่า ผู้ไม่มีความละอาย เหล่านี้ จะเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ พร้อมทั้งกล่าวติเตียนมิคารเศรษฐีแล้วกลับที่อยู่ของตน ต่อมาอีกวันหนึ่ง ขณะที่มิคารเศรษฐีกำลังบริโภคอาหารอยู่ โดยมีนางวิสาขาคอย ปรนนิบัติอยู่ใกล้ ๆ ได้มีพระเถระเที่ยวบิณฑบาตผ่านมาหยุดยืนที่หน้าบ้านของมิคารเศรษฐี นางวิสาขาทราบดีว่าเศรษฐีแม้จะเห็นพระเถระแล้วก็ทำเป็นไม่เห็น นางจึงกล่าวกับพระเถระว่า นิมนต์พระคุณเจ้าไปข้างหน้าก่อนเถิด ท่านเศรษฐีกำลังบริโภคของเก่าอยู่ เศรษฐี ได้ฟังดังนั้นแล้วจึงโกรธเป็นที่สุด หยุดบริโภคอาหารทันทีแล้วสั่งให้บริวารมา จับและขับไล่นางวิสาขาให้ออกจากบ้านไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาจับนางวิสาขาขอชี้แจงแก่ กุฎุมพี ๘ นายที่คุณพ่อได้ส่งมาช่วยดูแลนางก่อน และเมื่อมิคารเศรษฐีให้คนไปเชิญกุฎุมพีมาแล้ว แจ้งโทษของนางวิสาขาให้ฟัง ซึ่งนางก็แก้ด้วยคำว่า ที่ดิฉันกล่าวอย่างนั้น หมายถึง มิคารเศรษฐี บิดาของสามีกำลังบริโภคบุญเก่าอยู่ มิใช่บริโภคของบูดเน่าอย่างที่เข้าใจ กุฎุมพีทั้ง ๘ จึงกล่าว กับเศรษฐีว่า เรื่องนี้นางวิสาขาไม่มีความผิด * พ่อผัวยกย่องนางวิสาขาในฐานะมารดา เมื่อมิคารเศรษฐี ฟังคำชี้แจงของลูกสะใภ้แล้วก็หายโกรธขัดเคือง และกล่าวขอโทษนาง พร้อมทั้งอนุญาตให้นางนิมนต์พระบรมศาสดาพร้อมภิกษุสงฆ์มารับอาหารบิณฑบาตในเรือน ของตน ขณะที่นางวิสาขาจัดถวายภัตตาหารแด่พระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์อยู่นั้น ก็ได้ให้คน ไปเชิญมิคารเศรษฐีมาร่วมถวายภัตตาหารด้วย แต่เศรษฐีเมื่อมาแล้วไม่กล้าที่ออกไปสู่ที่เฉพาะ พระพักตร์พระศาสดา เพราะไม่มีศรัทธาเลื่อมใสจึงแอบนั่งอยู่หลังม่าน เมื่อเสร็จภัตกิจแล้วพระ บรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนา ส่วนมิคารเศรษฐีแม้จะหลบอยู่หลังม่านก็มีโอกาสได้ฟัง ธรรมด้วยจนจบ และได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันบุคคลในพุทธศาสนาเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคลตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา ทันใดนั้น มิคารเศรษฐีได้ออกมาจากหลังม่านแล้วตรงเข้าไปหานางวิสาขาใช้ปากดูดถัน ของลูกสะใภ้ และประกาศให้ได้ยินทั่วกัน ณ ที่นั้นว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอเธอจงเป็นมารดา ของข้าพเจ้า และตั้งแต่นั้นมานางวิสาขาก็ได้นามว่า มิคารมารดา คนทั่วไปนิยมเรียกนางว่า วิสาขามิคารมารดา * คุณสมบัติพิเศษประจำตัวนางวิสาขา ในบรรดาอุบาสิกาทั้งหลาย นางวิสาขานับว่าเป็นผู้มีบุญสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติมากเป็น พิเศษกว่าอุบาสิกาคนอื่น ๆ หลายประการ เช่น ลักษณะของผู้มีวัยงาม คือ แม้ว่านางจะมีอายุมาก มีลูกชาย-หญิง ถึง ๒๐ คน ลูก เหล่านั้นแต่งงานมีลูกอีกคนละ ๒๐ คน นางก็มีหลานนับได้ ๔๐๐ คน หลานเหล่านั้นแต่งงานมี ลูกอีกคนละ ๒๐ คน นางวิสาขามีเหลนนับได้ ๘๐๐๐ คน ดังนั้น คนจำนวน ๘๔๒๐ คน มีต้น กำเนิดมาจากนางวิสาขา นางมีอายุยืนได้เห็นหลานได้เห็นเหลนทุกคน แม้นางมีอายุถึง ๑๒๐ ปี แต่ขณะเมื่อนางนั่งอยู่ในกลุ่มของลูก หลาน เหลน นางจะมีลักษณะวัยใกล้เคียงกับคนเหล่านั้น คนพวกอื่นจะไม่สามารถทราบได้ว่านางวิสาขาคือคนไหน แต่จะสังเกตได้เมื่อเวลาจะลุกขึ้นยืน ธรรมดาคนหนุ่มสาวจะลุกได้ทันที แต่สำหรับคนแก่จะต้องใช้มือยันพื้นช่วยพยุงกาย และจะยก ก้นขึ้นก่อน นั่นแหละจึงจะทราบว่านางวิสาขาคือคนไหน * นางวิสาขาร้องไห้อาลัยหลาน สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระวิหารบุพพาราม ซึ่งนางวิสาขาเป็นผู้สร้าง ถวายใกล้กรุงสาวัตถี ขณะนั้นหลานสาวชื่อว่าสุทัตตีผู้เป็นที่รักเป็นที่พอใจอย่างยิ่งของนางได้ถึง แก่กรรมลง ทำให้นางเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้รำพันถึงหลานรัก เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทั้ง ๆ ที่กำลังร้องไห้อยู่ด้วยพระพุทธองค์ตรัสถามเหตุแห่งความเศร้า ทรงทราบโดยตลอดแล้ว จึงตรัส ถามว่า ดูก่อนวิสาขา ในพระนครสาวัตถีนี้ เธอต้องการบุตรหลานสักกี่คน ? ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ต้องการบุตรหลานในพระนครนี้ทั้งหมด พระเจ้าข้า ดูก่อนวิสาขา ก็ในพระนครสาวัตถีนี้ มีคนตายวันละเท่าไร ? ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในพระนครสาวัตถีนี้ มีคนตายวันละ ๑ คนบ้าง ๒ คนบ้าง ถึงวัน ละ ๑๐ คนบ้าง พระเจ้าข้า ดูก่อนวิสาขา ถ้าคนเหล่านั้นเป็นบุตรหลานของเธอจริง เธอก็คงมีหน้าเปียกชุ่มด้วยน้ำ ตาโดยไม่มีวันแห้งเหือด วิสาขา คนในโลกนี้ ผู้ใดมีสิ่งเป็นที่รัก ๑๐๐ ผู้นั้นก็จะมีทุกข์ถึง ๑๐๐ ผู้ ใดมีสิ่งเป็นที่รัก ๕๐ ผู้นั้นก็จะมีทุกข์ถึง ๕๐ เช่นกัน ดูก่อนวิสาขา เราขอบอกเธอว่า ความทุกข์ ความเศร้าโศก ความพิไรรำพัน ที่คนทั้ง หลายประสบกันอยู่ในโลกนี้ ก็เพราะอาศัยสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก ถ้าไม่มีสัตว์หรือสัตว์อัน เป็นที่รักแล้ว ความทุกข์ ความเศร้าโศก ความพิไรรำพันเหล่านั้นก็ไม่มี ผู้นั้นก็จะมีแต่ความสุข ดังนั้น ผู้ปรารถนาความสุขให้กับตนเอง ก็ไม่ควรทำสัตว์หรือสังขารให้เป็นที่รัก นางวิสาขา เมื่อได้ฟังพระพุทธดำรัสตรัสสอนจบลงแล้ว ก็คลายจากความเศร้าโศก แต่ เพราะความที่นางมีลูกหลานหลายคน ซึ่งต่อจากนั้นอีกไม่นานนักหลานสาวอีกคนหนึ่ง ที่นางได้ มอบหมายหน้าที่การปฏิบัติดูแลพระภิกษุสงฆ์ซึ่งนิมนต์มาฉันที่บ้านเป็นประจำก็ได้ถึงแก่ความ ตายลงอีก นางวิสาขาก็ต้องเสียน้ำตาร่ำไห้ด้วยความรักความอาลัยต่อหลานสาวเป็นครั้งที่สอง และพระพุทธองค์ก็ทรงเทศนาโปรดนางให้คลายความเศร้าโศกลงดุจเดียวกับครั้งก่อน * นางวิสาขาสร้างวัด โดยปกตินางวิสาขาจะไปวัดวันละ ๒ ครั้ง คือ เช้า-เย็น และเมื่อไปก็จะไม่ไปมือเปล่า ถ้า ไปเวลาเช้าก็จะมีของเคี้ยวของฉันเป็นอาหารไปถวายพระ ถ้าไปเวลาเย็นก็จะถือน้ำปานะไปถวาย เพราะนางมีปกติทำอย่างนี้เป็นประจำ จนเป็นที่ทราบกันดีทั้งพระภิกษุสามเณร และอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย แม้นางเองก็ไม่กล้าที่จะไปวัดด้วยมือเปล่า ๆ เพราะละอายที่พระภิกษุหนุ่ม สามเณรีน้อยต่างก็จะมองดูที่มือว่านางถืออะไรมา และก่อนที่นางจะออกจากวัดกลับบ้าน นางจะ เดินเยี่ยมเยือนถามไถ่ความสุข ความทุกข์ และความประสงค์ของพระภิกษุสามเณร และเยี่ยม ภิกษุไข้จนทั่วถึงทุก ๆ องค์ก่อนแล้วจึงกลับบ้าน วันหนึ่งเมื่อนางมาถึงวัด นางได้ถอดเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ มอบให้หญิงสาวผู้ ติดตามถือไว้ เมื่อเสร็จกิจการฟังธรรมและเยี่ยมเยือนพระภิกษุสามเณรแล้ว ขณะเดินกลับบ้าน นางได้บอกให้หญิงรับใช้ส่งเครื่องประดับให้ แต่หญิงรับใช้ลืมไว้ที่ศาลาฟังธรรม นางจึงให้กลับ ไปนำมา แต่สั่งว่าถ้าพระอานนท์เก็บรักษาไว้ก็ไม่ต้องเอาคืนมาให้มอบถวายท่านไปเลย เพราะ นางคิดว่าจะไม่ประดับเครื่องประดับที่พระคุณเจ้าถูกต้องสัมผัสแล้ว ซึ่งพระอานนท์ท่านก็มักจะ เก็บรักษาของที่อุบาสกอุบาสิกาลืมไว้เสมอ และก็เป็นไปตามที่นางคิดไว้จริง ๆ แต่นางก็กลับคิด ได้อีกว่า เครื่องประดับนี้มีประโยชน์แก่พระเถระ ดังนั้นนางจึงขอรับคืนมาแล้วนำออกขายใน ราคา ๙ โกฏิ กับ ๑ แสนกหาปณะ ตามราคาทุนที่ทำไว้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดมีทรัพย์พอที่จะซื้อไว้ได้ นางจึงซื้อเอาไว้เอง ด้วยการนำทรัพย์เท่าจำนวนนั้นมาซื้อที่ดินและวัสดุก่อสร้างดำเนินการสร้าง วัดถวายเป็นพระอารามประทับของพระบรมศาสดา และเป็นที่อยู่อาศัยจำพรรษาของพระภิกษุ สงฆ์สามเณร พระบรมศาสดารับสั่งให้พระมหาโมคคัลลานะ เป็นผู้อำนวยการดูแลการก่อสร้าง ซึ่งมีลักษณะเป็นปราสาท ๒ ชั้น มีห้องสำหรับพระภิกษุพักอาศัยชั้นละ ๕๐๐ ห้อง โดยใช้เวลาใน การก่อสร้างถึง ๙ เดือน และเมื่อสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ได้นามว่า พระวิหารบุพพาราม * เพราะพระเปลือยกายจึงถวายผ้าอาบน้ำฝน โดยปกตินางวิสาขา จะกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์มาเสวยและ ฉันภัตตาหารที่บ้านของนางเป็นประจำ เมื่อการจัดเตรียมภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยพร้อมแล้ว ก็จะ ให้สาวใช้ไปกราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ให้เสด็จไปยังบ้านของนาง วันหนึ่ง สาวใช้ได้มาตามปกติเหมือนทุกวัน แต่วันนั้นมีฝนตกลงมาพระสงฆ์ทั้งหลาย จึง พากันเปลือยกายอาบน้ำฝน เมื่อสาวใช้มาเห็นเข้าก็ตกใจเพราะความที่ตนมีปัญญาน้อยคิดว่าเป็น นักบวชชีเปลือย จึงรีบกลับไปแจ้งแก่นางวิสาขาว่า ข้าแต่แม่เจ้า วันนี้ที่วัดไม่มีพระอยู่เลย เห็นมีแต่ชีเปลือยแก้ผ้าอาบน้ำ กันอยู่ นางวิสาขาได้ฟังคำบอกเล่าของสาวใช้แล้ว ด้วยความที่นางเป็นพระอริยบุคคลชั้น โสดาบัน เป็นมหาอุบาสิกา เป็นผู้มีปัญญาศรัทธาเลื่อมใส มีความใกล้ชิดกับพระภิกษุสงฆ์ จึง ทราบ เหตุการณ์โดยตลอดว่า พระบรมศาสดาทรงอนุญาตให้พระภิกษุมีผ้าสำหรับใช้สอย เพียง ๓ ผืน คือ ผ้าจีวรสำหรับห่ม ผ้าสังฆาฎิสำหรับห่มซ้อน และผ้าสบงสำหรับนุ่ง ดังนั้นเมื่อ เวลาพระภิกษุจะอาบน้ำจึงไม่มีผ้าสำหรับผลัดอาบน้ำ ก็จำเป็นต้องเปลือยกายอาบน้ำ อาศัยเหตุนี้ เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จมาประทับที่บ้านและเสร็จภัตกิจแล้ว นางวิสาขา จึง ได้เข้าไปกราบทูลขอพร เพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระภิกษุสงฆ์ พระพุทธองค์ประทานอนุญาต ตามที่ขอนั้น และนางวิสาขาก็เป็นบุคคลแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระภิกษุสงฆ์ * พระภิกษุคิดว่านางเป็นบ้า นางวิสาขา ได้ชื่อว่าเป็นมหาอุบาสิกาผู้ยิ่งใหญ่ เป็นยอดแห่งอุปัฏฐายิกา ทะนุบำรุงพระ พุทธศาสนาด้วยวัตถุจตุปัจจัยไทยทานต่าง ๆ ทั้งที่ถวายเป็นของสงฆ์ส่วนรวม และถวายเป็นของ ส่วนบุคคลคือแก่พระภิกษุแต่ละองค์ ๆ การทำบุญของนางนับว่าครบถ้วนทุกประการตามหลัก บุญกิริยาวัตถุ ดังคำที่นางเปล่งอุทานในวันฉลองวิหาร คือ วัดบุพพาราม ที่นางสร้างถวายนั้นด้วย คำว่า ความปรารภนาใด ๆ ที่เราตั้งไว้ในกาลก่อน ความปรารถนานั้น ๆ ทั้งหมดของเราได้ สำเร็จเสร็จสิ้นสมบูรณ์ทุกประการแล้ว ความปรารถนาเหล่านั้น คือ ๑. ความปรารถนาที่จะสร้างปราสาทฉาบด้วยปูนถวายเป็นวิหารทาน ๒. ความปรารถนาที่จะถวายเตียง ตั่ง ฟูก หมอน และเสนาสนภัณฑ์ ๓. ความปรารถนาที่จะถวายสลากภัตเป็นโภชนาทาน ๔. ความปรารถนาที่จะถวายผ้ากาสาวพัสตร์ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย เป็น จีวรทาน ๕. ความปรารถนาที่จะถวายเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เป็นเภสัชทาน ความปรารถนาเหล่านั้นของนางวิสาขาสำเร็จครบถ้วนทุกประการ สร้างความเอิบอิ่มใจ แก่นางยิ่งนัก นางจึงเดินเวียนรอบปราสาทอันเป็นวิหารทานพร้อมทั้งเปล่งอุทานดังกล่าว พระภิกษุทั้งหลายได้เห็นกิริยาอาการของนางวิสาขาแล้ว ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ไม่ ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง จึงพร้อมใจกันเข้าไปกราบทูลถามพระบรมศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญตั้งแต่ได้พบเห็นและรู้จักนางวิสาขาก็เป็นเวลานานพวกข้าพระ องค์ทั้งหลาย ไม่เคยเห็นนางขับร้องเพลงและแสดงอาการอย่างนี้มาก่อนเลย แต่วันนี้ นางอยู่ใน ท่ามกลางการแวดล้อมของบรรดาบุตรธิดาและหลาน ๆ ได้เดินเวียนรอบปราสาทและบ่นพึมพำ คล้ายกับร้องเพลง เข้าใจว่าดีของนางคงจะกำเริบ หรือไม่นางก็คงจะเสียจริตไปแล้วหรืออย่างไร พระเจ้าข้า ? พระพุทธองค์ตรัสแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า ภิกษุทั้งหลาย ธิดาของเรามิได้ขับร้องเพลงหรือเสียจริตอย่างที่พวกเธอเข้าใจหรอก แต่ที่ ธิดาของเราเป็นอย่างนั้นก็เพราะความปีติยินดีที่ความปรารถนาของตนที่ตั้งไว้นั้นสำเร็จลุล่วง สมบูรณ์ทุกประการ นางจึงเดินเปล่งอุทานออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ ด้วยเหตุที่นางวิสาขาได้อุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสงฆ์ และได้ถวายวัตถุจตุปัจจัยในพระ พุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก ดังกล่าวมา พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงประกาศยกย่องนางใน ตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลายในฝ่าย ผู้เป็นทายิกา				
comments powered by Disqus
  • ใจปลายทาง

    2 ตุลาคม 2552 19:31 น. - comment id 1046360

    5...ประการที่ว่ามา ใจปลายทาง ไม่มีเล๊ย
    
    ชาติหน้าเกิดใหม่ อาจได้แบบนี้ ที่งามพร้อม 5 ประการ  เฮ้อ...ปลง...
  • เที่ยนหยด

    2 ตุลาคม 2552 21:26 น. - comment id 1046388

    ขอมีสักข้อก็พอแระ..แบบว่าพี่มักน้อยอ่ะจ้า..30.gif74.gif
  • เฌอมาลย์

    2 ตุลาคม 2552 22:09 น. - comment id 1046400

    ประการเดียวยังหายากเลยอ่ะ 21.gif65.gif
  • แมวเหลือง

    2 ตุลาคม 2552 22:30 น. - comment id 1046404

    ได้อรรถรสเป็นวรรณคดีกันเลยทีเดียว ข้อมูลเพียบครับ
    
    12.gif46.gif29.gif41.gif39.gif72.gif64.gif
  • ปรางทิพย์

    3 ตุลาคม 2552 01:04 น. - comment id 1046427

    อันคนงามงามใจใช่ใบหน้า
    ท่านเปรียบหนาหายากหากไถ่ถาม
    สวยเพียงกายหน่ายยิ่งจริงดังความ
    ดังนิยามทรามวัยไร้มลทิน
    
    น้องกวีฯ หายไปนานเลย  ไปแอบค้นคว้า
    ความงามของเบญจกัลยาณีมานี่เอง
    อีกต้องเป็นกุลสตรี เรือนสาม น้ำสี่ด้วย
    สมัยก่อนการเป็นหญิงงามต้องเรียนรู้นะคะ
    ไม่ใช่สักแต่ว่าแต่งตัวอย่างเดียว
    29.gif36.gif36.gif
  • ยาแก้ปวด

    3 ตุลาคม 2552 01:15 น. - comment id 1046432

    สร้างสรรค์จริงๆ
    
    รุ่นพัตตะนาแระ
    
    46.gif59.gif
  • วาวเดือน

    3 ตุลาคม 2552 02:58 น. - comment id 1046457

    เก่งจังเลย
    ให้คำได้ดีมากเลย
  • อินสวน

    3 ตุลาคม 2552 06:35 น. - comment id 1046466

    งามแบบพึ่งหมอได้นะครับ
    ย้อมผมให้ดำแล้วตัดปลายหน่อย
    ไปจัดฟันและเตลือบฟันขาวด้วย
    ขัดผิวด้วยวัสดุเสริมคุณค่า
    ผ่าตัดดึงหน้าชำแหระส่วนเกินออก
    เก็บเหนียงตัดถุงใต้ตานิด
    ได้ไหมครับ36.gif36.gif36.gif
  • อินสวน

    3 ตุลาคม 2552 06:36 น. - comment id 1046467

    อ้ออย่าลืมแนะนำให้ใช้ลิปสติกสีแดงด้วยครับ20.gif36.gif
  • เพียงพลิ้ว

    3 ตุลาคม 2552 09:18 น. - comment id 1046499

    คุณพี่ไม่มีคุณสมบัติสักข้อเลยค่ะคุณน้อง
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • พิมญดา

    3 ตุลาคม 2552 09:18 น. - comment id 1046500

    เฮ้อ..ยังงามไกลเกินจริงสำหรับเรา15.gif
  • กวีเดินดิน

    3 ตุลาคม 2552 10:22 น. - comment id 1046588

    กลอนเพราะค่ะ เคยอ่าน เบญจกัลยาณี สตรีงาม 5 ประการ มาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยอ่านแบบ
    เป็นกอลอน  ชอบค่ะทำให้น่าอ่านอีกเยอะ  
    กวีน้อยเจ้าสำราญ  เคยถามไว้ว่ากวีเดินดินมีชื่อกี่ชื่อ คงหมายถึงนามปากกาใช่ไหมค่ะ มีชื่อเดียวค่ะ ช่วงที่ไม่ค่อยเห็นงานเพราะว่าตอนนี้กำลังเรียนอยู่  เรียนอยู่ ม.5ไม่ค่อยมีเวลาค่ะ  ต้อง
    เตรียมสอบ  GAT  PAT
                             กวีเดินดิน3.gif36.gif
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    3 ตุลาคม 2552 14:29 น. - comment id 1046682

    นางวิสาขา นั้นงามด้วยอานิสงส์บุญจากการซ่อมพระพุทธรูป ในชาติอดีต
    
    เปิดพจนานุกรมดู  ต้องเป็นเกศี ครับ ไม่ใช่เกสี
    
    งานชุดนี้เห็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่ง 
    แต่สิ่งที่สำคัญมากๆคือฉันทลักษณ์ครับ ห้ามผิด มีเสียงสามัญสองจุดที่วรรครับ คือชาย
    และนิยาม
    
    ควรหาเสียงอื่นมาใส่ครับ 
    นอกจากนั้นก็มี  เรียงราย กับ ลวดลาย
    
    ตัวอย่าง...ไม่ขัดย้อมให้เกิดความเฉิดฉาย
                   ประดุจสังข์ขาวผ่องส่องประกาย
                    .............................................
    
                   โบราณว่าไว้ต้องอย่ามองข้าม
    
    
       ฉันทลักษณ์ ต้องแม่นก่อนอย่างอื่นเรื่องเล็ก
    
    ขอให้มีความสุขมากๆครับ
    
    29.gif29.gif
  • อนงค์นาง

    3 ตุลาคม 2552 15:26 น. - comment id 1046704

    อ่านแล้วประทับใจมากค่ะน้องชาย โดยเฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่าความทุกข์ ความเศร้าโศก ความพิไรรำพัน ที่คนทั้ง หลายประสบกันอยู่ในโลกนี้ ก็เพราะอาศัยสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก ถ้าไม่มีสัตว์หรือสัตว์อัน เป็นที่รักแล้ว ความทุกข์ ความเศร้าโศก ความพิไรรำพันเหล่านั้นก็ไม่มี ผู้นั้นก็จะมีแต่ความสุข ดังนั้น ผู้ปรารถนาความสุขให้กับตนเอง ก็ไม่ควรทำสัตว์หรือสังขารให้เป็นที่รัก”
  • นักสืบ ไร้อันดับ

    3 ตุลาคม 2552 15:29 น. - comment id 1046705

    การใช้คำดีมากครับ
    ขาดเรื่องเสียงไปนิดครับ
    
    แต่ถือว่าเยี่ยมครับ 11.gif
  • กิ่งโศก คนยาก

    3 ตุลาคม 2552 16:09 น. - comment id 1046715

    กลอนไพเราะครับ  แต่อ่านคำอธิบายซะตาลาย อิอิ  มีความสุขในวันหยุดจ้า
  • โคลอน

    3 ตุลาคม 2552 18:23 น. - comment id 1046774

    หายากเนาะกุลสตรีที่ดีพร้อมแบบนี้
    
    ปล.ชอบเพลง ล่องแม่ปิง มากๆเลย
    
    11.gif36.gif11.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:00 น. - comment id 1046803

    น้องอ้อม อย่าคิดมากจ้า
    
    พี่ก็แต่งตาม วรรณคดี
    
    คนจะงาม งามที่ใจ ดีกว่านะ
    
    เพราะงามกาย เพียงภายนอก 
    
    ย่อมไม่คงทนเท่าจิตใจอันดีงาม
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:01 น. - comment id 1046805

    ขอบคุณครับ คุณพลอย
    
    ที่กรุณา ทำโค้ดเพลงมาให้
    
    ส่วนเรื่องแทบไม่มีสักประการ 
    
    แปลว่า ยังพอมีอยู่ อิอิ
    
    หาให้เจอ นะครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:12 น. - comment id 1046808

    พี่เทียนหยด ขอโทษครับ ตาลาย อิอิ
    
    ข้ามคนสวยมาได้ อิอิ
    
    มีข้อไหน ไม่มีข้อไหน ก็อย่าคิดมากครับ
    
    จุดเน้นของผม อยู่ที่ งามจิตใจ น่ะครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:19 น. - comment id 1046813

    พี่แมวเหลือง  ครับ
    
    ผมก็แทรก วรรณคดี มาให้อ่านอีก นิดหน่อย น่ะครับ  แบบว่า เต็มบั้ง อิอิ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:28 น. - comment id 1046821

    ขอบคุณครับ พี่ปรางทิพย์
    
    อันคนงามงามใจใช่ใบหน้า
    ท่านเปรียบหนาหายากหากไถ่ถาม
    สวยเพียงกายหน่ายยิ่งจริงดังความ
    ดังนิยามทรามวัยไร้มลทิน
    
    *สมดั่งคำนิยามความงามเลิศ
    ย่อมก่อเกิดที่ใจใฝ่ถวิล
    หากงามกายคล้ายเสกสรรค์เหมือนปั้นดิน
    ย่อมสูญสิ้นตามกาลที่ผ่านไป
    
    ที่ผมเน้นเรื่อง เบญจกัลยาณี คือ หญิงงาม ที่ไร้การปรุงแต่ง น่ะครับ  แบบว่า คนสมัยนี้ ผ่าตัด ตรงนั้น เสริมตรงนี้ ให้ดูสวยได้  แต่ผมเสนอคือ  สวยธรรมชาติ  และงามจริตจิตใจ น่ะครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:30 น. - comment id 1046822

    ยังไม่พัตตะนา เท่าที่ควรเลยครับ
    
    พี่ยา ไม่ติติง เรื่องเสียงให้ผมเลย นะครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:31 น. - comment id 1046823

    คุณวาวเดือนครับ
    
    ไม่ถึงขนาดเก่ง หรอกครับ
    
    ยังต้องปรับปรุง สำนวน ภาษา เสียง ให้มากกว่านี้ ครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:33 น. - comment id 1046825

    ขอบคุณครับ พี่หมอ  คห 8-9
    
    แหมๆๆ  มาแบบนี้ กินขาดเลยนะครับ
    
    เห้ออ สมัยนี้ ก็ดูที่ดารา ล่ะครับ แต่งกันซะ...น่าดู น่าชม อิอิ
    
    ส่วนจะทาลิปสติก น่ะได้ครับ  แต่พี่หมอ อย่าไป แอบทา นะครับ  ชาวบ้าน เขาจะรู้ทัน อิอิ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:39 น. - comment id 1046829

    พี่ กานต์ ครับ
    
    เขาว่า คนสวย มักถ่อมตัวพี่กานต์ ก็คง อีกคน น่ะสิครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:40 น. - comment id 1046830

    คุณ พิมญดา
    
    ผมว่า มะจริงน้า ที่พูดมา  
    
    เอ๊ หรือว่า จะจริง อิอิ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:42 น. - comment id 1046831

    น้องกวีเดินดิน
    
    ตั้งใจสอบนะครับ และขอให้เข้ามหาวิทยาลัย ที่ตั้งใจไว้
    
    พี่เองก็ลองแต่งกลอน มีสาระดูบ้าง น่ะครับ
    
    เพราะแนวนี้ แต่งยาก  เป้นการทดสอบตัวเอง น่ะครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:44 น. - comment id 1046833

    ขอบคุณมากๆ ครับ พี่ฤทธิ์
    
    ดีใจจริงๆ ครับ ที่พี่ มาชี้แนะ ให้กับผม
    
    จริงๆ  ผมแต่งไปแล้ว ก็อ่านแปร่งๆ  ทะแม่งๆ อยุ่เหมือนกัน  แต่ก็เข้าใจว่า ถูกแระ
    
    เรื่องเสียง นี่ เป็นปัญหา อันดับหนึ่งของผมจริงๆ  ยังแก้ไม่หายครับ
    
    และผมจะลองดูว่า จะใช้คำที่พี่แนะให้หรือ จะต้อง  แต่งมาเอง เพราะคำทีพี่  ชี้แนะมา ใช้คำได้เหมาะ  ถ้าแต่งไม่ได้ ก็ต้องเอาคำที่พี่ ชี้แนะมาล่ะครับ  คงไม่ว่ากัน นะครับ ในจุดนี้
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:49 น. - comment id 1046834

    พี่ สาว อนงค์นาง ครับ
    
    เป็นธรรมดา ครับ สำหรับวรรณคดี พุทธศาสนา มักสอนให้เห็นธรรมะ เพื่อการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น
    
    นางวิสาขา บรรลุธรรม แต่ 7 ขวบ จึงสามารถ งามทั้งกาย และใจ ได้ น่ะครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:51 น. - comment id 1046835

    พี่นักสืบ ครับ
    
    เรื่องเสียง อย่างบอกว่า เป็นเรื่องธรรมชาติ อิอิ  ธรรมชาติของผมที่ ตก เรื่องนี้ 
    
    ก็พยายาม แต่งเต็มที่แล้วล่ะครับ
    
    แต่ก็ยังพลาดอยู่ดี
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:52 น. - comment id 1046836

    ขอบคุณครับ พี่กิ่งโศก
    
    ที่อุตส่าห์อ่านจนตาลาย  สงสัย ตาแก่แล้วมั้ง อิอิ
    
    มีความสุข ในวันหยุดเช่นกันครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 ตุลาคม 2552 19:53 น. - comment id 1046838

    ขอบคุณครับ พี่ฝน...โคลอน
    
    ผมก็ชอบเพลงนี้เหมือนกันครับ
    
    แต่ผมเอง ไม่ได้ยินเสียงเพลง หรอกนะครับ 
    
    ผมก็งง ว่าเป็นเพราะเหตุอันใด มิทราบ
  • วิทย์ ศิริ

    3 ตุลาคม 2552 20:36 น. - comment id 1046874

    เก่งและเยี่ยม ช่างเจียระไนได้งดงามมาก11.gif11.gif
  • ปลายฟ้า..ปลายฝัน

    4 ตุลาคม 2552 07:12 น. - comment id 1046989

    41.gif ข้อมูลแน่น..ค้นคว้าได้ละเอียดดีจังค่ะ..
    41.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    4 ตุลาคม 2552 07:48 น. - comment id 1046995

    ขอบคุณครับ พี่วิทย์
    
    พี่วิทย์  ไม่ค่อยแต่งงาน  ออกสายตา ประชาชนเลยนะครับ  สงสัยเตรียมตัวไปเลือกตั้งหรือเปล่า  อิอิ
    
    ก็พยายามแต่งให้สมบูรณ์ที่สุดแหละครับ  แต่บางทีก็ยังขาดหลายๆ อย่างอยู่เหมือนกัน
    
    ทานกาแฟอุ่นๆ แต่เช้า สดใส และทำบุญตักบาตร วันพระ  ครับ
    59.gif1.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    4 ตุลาคม 2552 07:50 น. - comment id 1046996

    ขอบคุณครับ พี่ติ๊ก
    
    ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ  เพียงแต่ว่า ในเน็ต มีข้อมูลเยอะ ก็เลยเลือกดึงมา ในสิ่งที่เห็นว่ามีประโยชน์ น่ะครับ
    
    ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมผลงาน
    
    ไม่รู้วันนี้ ไปทำบุญตักบาตร หรือเปล่าครับ  
    
    ทานกาแฟอุ่นๆ  ยามเช้าครับ
    
    59.gif1.gif
  • โคลอน

    4 ตุลาคม 2552 08:59 น. - comment id 1047018

    เคยเป็นเหมือนกันจ๊ะ ที่ไม่ได้ยินเสียงเพลงในเว็บไทยโพเอ็ม แต่ฟังจากเว็บอื่นได้
    
    ช่วงนั้นลงโปรแกรมใหม่ก็เลยต้องเซ็ทใหม่
    
    ได้เพื่อนนักกลอน(ป้า อิอิ) ช่วยบอกอ่ะ
    
    เปิดหน้าต่างไออีขึ้นมาก่อน
    
    แล้วคลิ๊กที่ Tool 
    
    เลือก Internet option
    
    ไปที่แถบ security
    
    หาคำว่า display animation and video  แล้วเลือกมาร์คตรงช่อง  enable
    
    ลองดูนะ กวีน้อยฯ ว่าจะฟังได้มั๊ย
    
    เพราะตอนนี้พี่ฟังได้แล้ว11.gif36.gif11.gif
  • โคลอน

    4 ตุลาคม 2552 09:07 น. - comment id 1047021

    อ่า....ข้ามขั้นตอนไปเดี๋ยวนะ
    
    1.Tool
    2.Internet option
    3.security
    4.custom level
    5.display animation and video
    เลือก enable
    
    ฟังได้ไม่ได้ลองดูน๊า11.gif
  • คนกุลา

    4 ตุลาคม 2552 09:24 น. - comment id 1047034

    เป็นบทกลอนที่แต่งได้ดีมาก ให้ความรู้ดีครับ
    
    ขอติ นิดหน่อย ตรงวรรครับ ต่อไปนี้ ที่เคยบอกไว้ว่าต้อง ลงด้วยเสียงสูงเท่านั้น การลงด้วยเสียงต่ำจะไม่ไพเราะ ครับ กวีน้อยฯ
    ยื่นมือมา ให้ตีหนึ่งที เพราะเคยบอกไปแล้ว
    นี่ครับ
    
    ไม่ขัดย้อมดัดแปลงแกล้งอวดชาย
    
    ด้วยมิตรไมตรี
    
    
    
    1.gif16.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    4 ตุลาคม 2552 09:27 น. - comment id 1047035

    ขอบคุณ คุณพี่ฝน มั๊กมาก ครับ
    
    ไม่ขอเรียกป้า ครับ  เดี๋ยวจะไม่เข้ากะ วัยงาม อิอิ
    
    ผมจะลองเบิ่งเด้อ  เอื้อยผู้จบผู้งาม  ข่อยสิลองเฮ็ดจั๊กกะน่อย  ถ้าเฮ็ดได่ กะดีหลาย ถ้าบ่ได้ กะซวยแหล่ว บัดที่นี่ อิอิ
    
    แถม ภาษาท้องถิ้น เอ๊ย ภาษาในฟิล์ม  เป็นการตอบแทน  ภาษาเหนือ อิอิ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    4 ตุลาคม 2552 09:34 น. - comment id 1047037

    ขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง ครับ
    
    อุส่าห์ วิ่งมาจากภาคใต้มาตีผมตั้งหนึ่งทีเลย  อย่างนี้ ผมจะไม่ดีใจได้ยังไงล่ะครับ อิอิ
    
    เเปลว่า ยังเอ็นดูผมอยู่  จึงไม่ตีเยอะ  คงจะไม่ตีแบบไม่เดียว แต่หลายที นะครับ  นั่นโหด อิอิ
    
    และต้องขอโทษครับ ที่ยังขาดตกบกพร่องอยู่เสมอ  ผมถือว่า เป็นความสามารถเฉพาะที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ น่ะครับ อิอิ  (แก้ตัว น้ำขุ่นๆ)  
    
    จริงๆ  ผมอ่านก็ทะแม่งๆ  เหมือนกันล่ะครับ  แต่ตอนนั้น คิดหาคำยังไม่ได้เลย  อีกประการหนึ่ง  ผมเข้าใจว่า ถูกแล้ว.....นี่สิปัญหา หลงทางไปใหญ่  อิอิ
    
    งานต่อไปให้ตี 2 ทีครับ ถ้าผิด ถ้าผิดอีก เพิ่มให้อีกครับ ไม่ 3 ก็ 4  อิอิ  จะได้จำ กะเขาบ้าง 
    
    แต่ไม่รู้ว่า มีลูกศิษย์อย่างผม  ท่านอาจารย์ จะขายหน้าเขาหรือเปล่านะครับ  ผมนี่เป็น ศิษย์เอก  ใช่ไหมครับ  เพราะไม่เห็นมีรุ่นน้อง หรือ รุ่นพี่เลย อิอิ  ศิษย์เอก ในที่นี้คือ เดี่ยวโดดและโดดเดี่ยว  เอกาว้าเหว่า อ่ะจิครับ แหะๆๆ  .....พล่ามมาไกล
    
    ด้วยเคารพรัก ท่านอาจารย์ คุณน้า คนกุลา ที่แสนใจดี  ต่อผมเสมอ
  • ภัทราภา

    4 ตุลาคม 2552 21:53 น. - comment id 1047285

    เข้ามาอ่านครั้งหนึ่งแล้วค่ะ แต่ยังไม่มีเวลาจะเข้ามาคุยด้วย อ่านบทกลอนแล้วเพราะมากค่ะ  แต่งได้ดีมากค่ะ ถึงแม้จะแต่งยากแต่พี่กวีน้อยก็แต่งได้ดีค่ะ ขอตบมือให้ค่ะ41.gif41.gif41.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    5 ตุลาคม 2552 06:11 น. - comment id 1047384

    ขอบคุณครับ น้องภัทราภา
    
    ชมพี่เกินจริงเลยนะครับ
    
    พี่น่ะยังพลาดตั้งหลายจุด
    
    ก็พยายามแต่งให้ออกมาดีที่สุด...เท่าที่ทำได้  แต่บางทีก็ยังเห็นว่า  บางสำนวน ยังดูแปลกๆ เหมือนกัน
    
    และขอบคุณน้องภัทราภา มากๆ ครับ ที่แวะมาคุยกับพี่ด้วย
    
    พี่ก็อ่านงานน้องภัทรฯ เหมือนกัน ทำให้เชื่อว่า อนาคตคงไปได้ไกลทางกลอน เพราะแต่งได้ดีมากๆ เหมือนกัน
    
    พี่เอง อายุเท่านั้น แต่งกลอนยังไม่ค่อยเป็นเลย  พึ่งมา..พอรู้เรื่อง ก็ตอนมาเวปบ้านกลอน นี่แหละครับ
    
    เช้านี้ ทานโอวัลติล แทนกาแฟ นะครับ
    59.gif1.gif
  • รัมณีย์

    5 ตุลาคม 2552 07:02 น. - comment id 1047388

    ยอดเลยครับ
  • ฝากฝัน

    5 ตุลาคม 2552 09:20 น. - comment id 1047421

    36.gif36.gif36.gif...
    อูย...งามแบบนี้กวีน้อยเจอเมื่อไหร่บอกด้วยนะ..อิอิ..เอาขึ้นหิ้งนะ...บูชา
    แต่แม่ของลูกหรือ...
    ใจดี..ไม่ริษยา
    มือเท้าแข็งแรง...พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง
    นมโต..สำหรับสร้างน้ำนมให้ลูก
    พอแล้ว..สำหรับฝากฝัน..อิอิ
  • ยายแม่มด

    5 ตุลาคม 2552 09:39 น. - comment id 1047433

    เอ่อ  คือว่าคือ....
    ยายแม่มดละอายใจง่ะ  62.gif
    
    คงต้องเกิดใหม่อย่าเค้าว่าจริงๆแล้วมั้งเนี่ย
    
    แต่งดีมากเลยค่ะ  เพลงเพราะ ชอบเพลงนี้มากเลยค่ะ
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ
    อิอิอิ
    
    64.gif41.gif11.gif6.gif36.gif
  • (น้ำตาลหวาน)

    5 ตุลาคม 2552 10:19 น. - comment id 1047466

    สอบตกทั้งห้า...คงต้องรอเวลาไปเกิดใหม่อ่ะ
    
    ว่าแต่หนุ่มน้อยเจอยัง เบญจกัลยาณี..
    
    42.gif42.gif42.gif42.gif42.gif42.gif42.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    5 ตุลาคม 2552 17:25 น. - comment id 1047640

    ขอบคุณพี่ต้า ครับ
    
    ที่แวะเวียนมาให้กำลังใจ
    
    ขอให้การงานรุ่งเรืองยิ่งขึ้นนะครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    5 ตุลาคม 2552 18:05 น. - comment id 1047641

    ขอบคุณมากๆ ครับ คุณน้าฝากฝัน
    
    ขอให้เจอนางในฝันนะครับ อิอิ
    
    อันท้าย..น+ม โต นี่ ต้องพิจารณาเอง นะครับ อิอิ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    5 ตุลาคม 2552 18:06 น. - comment id 1047643

    คุณยายแม่มด
    
    อย่าละอายไปเลยครับ
    
    ถ้าสวยปานนั้น ก็คงประมาณ ระดับดารา แล้วล่ะครับ
    
    ขอแค่สวยพอประมาณ น้ำใจงาม นี่ก็สุดยอดแล้วครับ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    5 ตุลาคม 2552 18:08 น. - comment id 1047645

    พี่น้ำตาลหวาน ครับ
    
    ถ้ากระผมเจอ หญิงคนนั้น  แล้วพี่จะเชื่อไหมครับ อิอิ
    
    มีสองอย่าง ครับ ในภาพ และในฝัน น่ะเจอแล้วครับ อิอิ
    
    ส่วนตัวจริง  ต้องใคร่ครวญดีๆ ก่อนครับ
    เพราะไม่ค่อยเจอสาวๆ อยู่แล้ว
    1.gif
  • ราชิกา

    7 ตุลาคม 2552 21:07 น. - comment id 1048576

    น้องกวีน้อย....เขียนงานได้ดีค่ะ..
    แล้วพี่ราชิกา..จะมีสักข้อมั้ยนี่...แต่ที่สำคัญ...พี่ใจดีจ๊ะ....เชื่อเปล่าคะ..อิอิ...36.gif44.gif36.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    7 ตุลาคม 2552 21:13 น. - comment id 1048577

    ขอบคุณครับ  พี่ตุ้ม
    
    ที่อุส่าห์ มาเยี่ยมเยียนผลงานเก่าของผม
    
    ผมดุรูปพี่ตุ้มแล้ว น่าจะมี หรือ อาจจะครบเลยก็ได้นะครับ  
    
    ไม่ได้ชมเล่นๆ ครับ ชมจากใจ
    
    และก็เชื่อครับ ว่าพี่ตุ้มใจดี เอาเป็นว่า ขอตังค์เลยได้ไหมครับ  อิอิ
    
    ขอให้มีความสุขมากๆ ครับ
    1.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน