สองมือแตกแห้งกร้านกรำงานหนัก สองเท้าหยาบย่ำดินปลักที่หมักหมม ใบหน้าหม่นหมองคล้ำกล้ำแดดลม แผ่นหลังก้มงอโก่งจนโค้งคา กว่าจะได้แต่ละเม็ดต้องเหน็จเหนื่อย เหงื่อโซมกายไหลเรื่อยรดรวงกล้า คมใบข้าวฝากแผลยาวคราวเกี่ยวนา ทั้งกายาล้วนไคลคราบสาบเหลือทน นั่นแหละ........คือผู้เป็นสันหลังชาติ ผู้ทำงานเยี่ยงทาสเลี้ยงพาหน กลับถูกย่ำว่าต่ำกว่าปัญญาชน จัดเป็นคนชนบทไพร่ไร้ราคา ลืมหมดสิ้นที่อิ่มเอมเปรมเป็นนิจ คือผลผลิตจากชนชั้นขี้ข้า พึงสำนึกสักนิดเถิดที่เกิดมา เลี้ยงกายาอยู่ทุกจานแรงงานใคร หากไม่เลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ยังคอยจะเหยียดหยันให้หวั่นไหว อนาคตของชาติเป็นเช่นไร หากไทยเหยียบสันหลังไทยจนคดงอ กลอนที่ไม่ใช่กลอนใหม่เพราะเขียนไว้นานแล้ว แค่อยากนำมาเก็บรวบรวมไว้อ่านนานๆ
1 ตุลาคม 2552 18:12 น. - comment id 836806
อ่านแล้วรู้สึกถึงตัวเองตอนเด็กที่ช่วยพ่อแม่ทำนา และปัจจุบันก็ยังทำอยู่ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ งดงามในความหมายและถ้อยคำมาก
23 กรกฎาคม 2552 13:20 น. - comment id 1018118
ทำนามาตั้งแต่รุ่นปู่-ยา แล้ว แต่ไม่ยักจะรวยเหมือนเจ้าของโรงสีเนาะ ก็ทำไงได้ละ เรากำหนดราคาขายเองไม่ได้
23 กรกฎาคม 2552 14:35 น. - comment id 1018147
ชอบบทกลอนของคุณจัง
23 กรกฎาคม 2552 16:25 น. - comment id 1018214
ตอนนี้ชาวนา นะหลังไม่เคยตรงเลยแระ อิอิ
23 กรกฎาคม 2552 20:42 น. - comment id 1018315
ขอบคุณมากนะคะที่ยังไม่ลืมชาวนา บทกลอนของคุณไพเราะเพราะพริ้งจริงๆไม่ว่าจะเขียนเรื่องอะไร บางครั้งก็คล้ายๆกวีในดวงใจของฉัน ขอให้สิ่งดีๆจงอยู่คู่กับคนดีอย่างคุณ ตลอดไปนะคะ
24 กรกฎาคม 2552 20:32 น. - comment id 1018652