** หักอกจนอกหัก ** วาบหวามหวิวพลิ้วผ่านจนจัดต้อง นวลขาวผ่องปานจันทร์อันส่องแสง กรุ่นกลิ่นกายไออุ่นละมุนแรง เสมือนแข่งบุบผาชาติปราศราคี คิดคลอเคลียเยี่ยงแมลงใยแฝงเขิน สะทกสะเทิ้นยวนแข่งแสงสี ยลเพ็ญพักตร์ลักขณาพล่าฤดี ปานมณีเจิดจรัสวิวัฒน์กมล แม่เยื้องกรายเฉิดฉวีทวีซึ้ง พร่างพรายตรึงห้วงหทัยใยสับสน ป่วนปั่นสร้างจัดซ่านผ่านใจตน กลิ่นแม่วนเวียนชื่นระรื่นทรวง แต่ได้มองสองเนตรเฉดสิ่งเศร้า คิดหวังเฝ้าเอื้อหนุนจุนเจือหวง เพียงได้เดินห่างไว้ใยทั้งปวง จนเป็นบ่วงพิชิตจิตหมองเรา อันที่จริงก็เป็นดังเช่นนี้ วาบหวามฤดีเกินกว่าจนมาเขลา ทั้งที่รู้ชม้อยเนตรเจตลำเนา หวังได้เฝ้าก็สมภิรมย์ปอง วันและคืนตื่นหลับประทับจิต โอ้ชีวิตใดเล่าเพียงเฝ้าหมอง สะพานทองทอดไว้ใยไม่มอง สิ่งเรืองรองผ่านไปคล้ายโรยลา พอเบื้องหลังฝังสนิทคิดเร่าร้อน ยามอรชรหายวับกับแลหา อกคร่ำครวญโหยหวนป่วนอุรา ความเสน่หาล่วงไปให้อกตรม ใครหักอกจนอกหักกันแน่ ยากถอนแม้กลิ่นหอมย้อมผสม เหลือร่องรอยกลิ่นเก่าเฝ้าภิรมย์ เหม่อมองชมจันทราตาพร่างลาย. *** แก้วประเสริฐ. ***
21 กรกฎาคม 2552 20:14 น. - comment id 1017392
........ พี่แบม ยังไม่มา เจ้าวา ฉุบก่อง ดีกว่า อิอิ
21 กรกฎาคม 2552 20:18 น. - comment id 1017395
.... ห๊าๆๆ ลุงแก้วๆๆ เป็นไรป่าวคะ อกหักเหรอคะ ไม่นะๆๆๆๆๆ ไม่จริงใช่ไหมคะลุง อิอิ ...... โอ๊ะ.โอ๋ ล้อเล่งๆๆๆ ..
21 กรกฎาคม 2552 21:14 น. - comment id 1017439
อ่านแล้ว ยังกะหนุ่มๆ รจนาเลยนะครับ ไม่ต่างไรกะ ครู คนกุลา และ คุณน้าฝากฝันเลย แต่ละท่าน อ่ะแหล่มเลย อิอิ ผมว่า คุณลุงแก้วประเสริฐ รจนากวีบทนี้ สงสัยจะหนุ่มไปอีก 10 ปีล่ะครับ อิอิ
21 กรกฎาคม 2552 21:46 น. - comment id 1017458
มาเยี่ยมครับ ท่านพี่ ใครหักอกใครเหรอครับ งานงามชวนฝันจริงๆครับ
21 กรกฎาคม 2552 21:50 น. - comment id 1017459
แวะมาอ่านกลอนครูแก้วครับ..ตอนนี้อ่านหลายๆคอมเม้นที่ครูแนะนำคนอื่น และใครๆด้วยครับ..งานคุณอัลฯผมเข้าไปอ่านแล้วครับ นับว่า ..มือกวีหลายคนๆ ต่างเป็นแบบศึษาได้ดีครับ ...ใจส่งถ้อย ร้อยพจน์ จรดสร้าง จักสล้าง เรี่ยมเร้ พิไลหรู หรือกระด้าง ดุจหิน บนยอดภู สายลมลู่ กัดเร้า รอเกลี้ยงกลม รอบทกลั่น มั่นหมาย ว่าใช่เช่น รอเพียงเพ็ญ ผ่ายผ่าน ผสานสม รอดารา เรียงราย คู่โพยม รอแกะปม ปาดตุ่ม ที่รุมตอม เพียรหมั่นลับ เหลาแหลม คมแห่งศาสตร์ เพียรเขียนวาด พาดเพลง บรรเลงหลอม เพียรลิขิต ขีดเค้น เว้นประนอม ร่ายใจล้อม น้อมนำ รจนา ....
21 กรกฎาคม 2552 22:12 น. - comment id 1017465
คุณ ฉางน้อย ซุกซนอีกแล้วฮ่าๆๆๆชอบนักที่ 1 นะ สบายดี หรือระยะนี้ แต่ผมแย่มาเชียวทานยาจนมึนงงไป หมดแล้วล่ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 กรกฎาคม 2552 22:16 น. - comment id 1017469
คุณ ฉางน้อย โถ อนิจจัง ทุกขัง กาละมังแตก ป่านนี้แล้วยังคิด อีกหรือ เวรกรรม อมิตตะพุทธ ทีเขียนนั้นเพราะ สบายใจก็เล่นแปลกบ้างซิ เดี๋ยวเฉาตายก่อนเวลา นะ รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 กรกฎาคม 2552 22:17 น. - comment id 1017470
มาอ่านกลอนเพราะๆ ก่อนนอนครับ สงสัยที่มาของคำว่า หักอัก จน อกหักครับ สงสัยคงไม่ธรรดาแน่ๆ เลย ขอให้มีความสุขมากๆ ครับ ปล. เห็นภาพคุณลุง ในบ้านคุณแบม โห หนุ่มกว่าคิดคิดมากเลยครับ มีข้อแนะนำอะไรดีดีบ้างครับ
21 กรกฎาคม 2552 22:19 น. - comment id 1017471
คุณ กวีน้อยเจ้าสำราญ อ้าวๆๆก็จะสำราญดังชื่อคุณไม่ได้หรือ เพียงแค่ เขียนเล่นๆแก้เหงา เพราะสบายใจจัง เมื่อสบายใจ ก็หักมุมเสียก็สิ้นเรื่องให้คนอื่นเขาสงสัยเรา ฮ่าๆๆๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 กรกฎาคม 2552 22:24 น. - comment id 1017474
6....7...... หนู ล้อเล่นนนนนนนนคะ ......
21 กรกฎาคม 2552 22:25 น. - comment id 1017475
คุณ คนกุลา น้องเรา การเล่นกลอนนั้นควรเขียนได้หลายๆ รูปแบบมิใช่ติดยึดจนเกินไปนะ ทุกๆสิ่งรอบข้างเรา หรืออดีตกาลก็ล้วนเป็นวัตถุดิบให้เราเสมอ เรานั้น จะค้นพบเจอหรือไม่ การเขียนไม่ควรยึดติดมากนัก จะทำให้เราไม่กว้างขวางก้าวหน้า ด้วยจะติดเป็น นิสัยเรา ฉนั้นนักกลอนที่ดีควรยิ่งจะเขียนได้หลายๆ รูปแบบ ให้ครบถ้วนด้วย เมื่อเราต้องการ มันจะได้ไม่ติดขัด รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 กรกฎาคม 2552 22:35 น. - comment id 1017483
คุณ กิ่งโศก ดีแล้วอ่อนพลิ้วดีแล้ว ที่ชมเพราะรู้จักพลิกแพลง หักมุมกลอน เราจะได้ประโยขน์มากหลาย ทำให้เรา เกิดสติปัญญากว้างขวางขึ้น อนึ่งการเขียนเว้นนั้น ครูขอให้เลิกเสีย ให้เขียนติดกัน ด้วยการสัมผัสนั้น บางครั้งเราต้องอาศัยหน้าหลังช่วยด้วยจึงจะไม่เกิน แปดคำ หากแยกคำแล้ว เมื่อเราอาศัยตัวช่วยมัน ก็จะส่อถึงทักษะเรา การเขียนแบบนี้หมายถึง ความไม่มั่นใจตนเอง เมื่อลงมือเขียนนั้นเรา ต้องเชื่อมั่นใจตัวเอง จำไว้ผิดคือครูเรา การเขียน ติดกันนั้นผิดง่ายแต่ทว่ามันก็เสริมสร้างให้เรา รู้จักความละเอียดอ่อนในตัวเองเสร็จ ฉนั้นต่อ ไปให้เขียนติดกันนะ ครูบาอาจารย์ก่อนนั้นท่าน ไม่นิยม เหตุดังที่ครูกล่าวนี้แหละ อย่าคิดว่า สิ่งอันเล็กน้อยไม่เท่าไหร่ บางครั้งอาจะทำ ให้เราเสียทั้งกระดานได้นะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 กรกฎาคม 2552 22:41 น. - comment id 1017490
คุณ ไร้อันดับ อย่าหาสอนนะครับ ที่ผมทำไว้นี้เพื่อสร้างแง่คิด อ่านของคนอ่านไว้ ทุกๆอักษรจะได้ทำให้กลอนเรา มีอรรถรสยิ่งขึ้น คำๆนี้คิดอ่านได้หลายแง่มุม แต่ เนื้อถ้อยความจะแจ้งให้ทราบแบบสองแง่ครับ อยู่ที่ คนอ่านจะมองในแง่มุมใดครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 กรกฎาคม 2552 22:45 น. - comment id 1017493
คุณ ฉางน้อย เจ้าฉางน้อยเอ๋ยอย่าเกิดวิตกจริตไปเลย ลุงรู้ ว่าหลานรักลุงนิสัยอย่างไร จึงยกให้เป็นพิเศษคนหนึ่ง หากวันใดเจ้ามิเข้ามาซิ ลุงจะห่วงใยจ้า ตามสบายเลยนะหลานรัก เจ้า จะตีลังกา หกคะเมนอย่างไรตามใจนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กรกฎาคม 2552 00:20 น. - comment id 1017528
คนอกหักเลยเข้ามาอ่าน บทกลอนของ ครูค่ะ (อิอิ ปรางเรียก ตามเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านน่ะ) กลอนงามค่ะ
22 กรกฎาคม 2552 06:14 น. - comment id 1017550
มาแวะชื่นชมกลอนของคุณครู กลอนแก้วประเสริฐค่ะ ยังไพเราะ อ่อนพลิวเช่นเคย คารวะด้วยเคารพรัก
22 กรกฎาคม 2552 10:55 น. - comment id 1017612
คุณ ปรางทิพย์ มิเป็นไรหรอกครับจะเรียกผมอย่างไรก็ได้ด้วย ผมไม่ติดยึดกับรูปธรรมนามธรรมหรอกเพราะได้ ฝึกปล่อยวางนานแล้วครับ จึงไม่ค่อยสนใจอะไรนัก ผมเองนั้นมิได้อกหักหรอกครับ เขียนไปเรื่อยๆล่ะ นักกลอนที่ดีนั้นต้องสามารถเขียนได้หลายรูป แบบหากรู้จักการหักมุม พลิกแพลง หากเล่นมุมเดียวก็ไม่สนุกซิครับ ต้องมีหลายรูปแบบให้เราเล่นก็จะ บังเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลินในอารมณ์ของ เราครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กรกฎาคม 2552 11:03 น. - comment id 1017616
คุณ กันนาเทวี เจ้าหญิงสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเล่นกลอนคือ สามารถทำอารมณ์คนอ่านให้บรรเจิดได้ ผมเองฝึก มาหลายรูปแบบแล้วจนจับค้นหาพบครับ หาใช่ว่า ผมจะยกตัวเองนะครับผมเองยังห่างไกลมากนัก แต่เมื่อเข้าถึงจุดนี้และเห็นว่างามแล้วจึงปฏิบัติ เรื่อยมาครับ คุณเคยได้ยินไหมครับว่า อ่อนสยบแข็ง ก็เหมือนกันแหละครับ เช่นเอาดาบไปฟาดน้ำเพื่อตัด ก็ไม่สามารถทำได้ อะไรเล่าจะทำอันตรายน้ำได้ล่ะ เอาไปคิดเป็นการบ้านนะครับ ฮ่าๆๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กรกฎาคม 2552 11:08 น. - comment id 1017622
คุณ ครูกระดาษทราย ขอบคุณที่มอบกลอนไพเราะให้ไว้นะครับ ทุกๆสิ่งอย่างตั้ลแต่ร่างกายเราและรอบข้างเราเท่าที่ สายตาเรามองได้นั้นล้วนแต่ความรู้ทั้งสิ้น และที่ผม ว่าการเรียนรู้นั้นไม่มีวันสิ้นสุด ก็คือพ้นเหนือจากสายตา เรามองแล้วยังมีอีกมาก เปรียบดั่งความรู้ฉะนี้แล เมื่อคุณมีน้ำใจมอบกลอนไพเราะให้ผม ผมก็ ขอมอบสิ่งเล็กๆน้อยให้ไว้คิดครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กรกฎาคม 2552 11:14 น. - comment id 1017626
@ไม่กลัวหักอกแต่กลัวอกหัก คิดลำนำกลอนรักชักเจ้าเอ๋ย อยากชมเชยชิดใกล้ดวงสมร แม่งามงอนอะไรไผลำเพย มาเอื้อนเอ่ยเปรียบเทียบดุจจันทรา ลัคนาราษีมณีนุช งามผ่องผุดฉุดพล่ามัสยา ต้องเวียนว่ายวังวนหลงมายา บุษบาพาแต่งให้วกวน น้ำเชี่ยวลดคดเคี้ยวเกลียวประสาน แสงพราวพล่านรุ้งสายประกายฝน เลิศนิมิตจิตแท้ในอกตน ต้องเวียนวนกับอกหักหนักอุรา มอบบทกลอนมาให้ครับ
22 กรกฎาคม 2552 11:30 น. - comment id 1017631
คุณ วิชัย ประการแรกขอขอบคุณที่กรุณามอบกลอนที่ แสนไพเราะมาฝากให้นะครับ ประการสองผมอ่าน แล้วย่อมหมายถึงทักษะที่กว้างไกลของคุณ ประการ สามย่อมแสดงถึงจิตใจคุณได้อย่างแจ่มใสยิ่งขึ้นครับ ขอบคุณ หวังว่าต่อไปผมคงจะได้รับอะไรดีๆอีกนะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กรกฎาคม 2552 11:35 น. - comment id 1017634
สวัสดีค่ะ ยอดเยี่ยมค่ะ หักอกหักใจค่ะ
22 กรกฎาคม 2552 11:49 น. - comment id 1017637
ครูคะ สู้ๆค่ะ อิ ยัยแบมจะให้ครู สู้อะไร ทำไม ที่ไหน ไม่มีอะไรค่ะ หนูกำลังเรียกพลังออกมาจากใจ ใส่กลอน รักษาสุขภาพค่ะครู
22 กรกฎาคม 2552 13:05 น. - comment id 1017661
ใครหักอกใคร หรือใครอกหักคะ มาทักทายในวันที่เกิดสุริยคลาสค่ะ
22 กรกฎาคม 2552 16:02 น. - comment id 1017736
คุณ somebody สวัสดีครับขอบคุณ หนทางวิชาศาสตร์ต่างๆเป็น ถนนที่ทอดยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุดหรอกครับ อยู่ที่ว่า เราจะเดินทางได้ไกลสักเพียงใด นี่แหละสำคัญ การเดินทางของคน บางครั้งเดินสะเปะสะปะ บางครั้ง เดินตรง เหตุใดหรือครับ อยู่ที่ปฏิภาณไหวพริบของ แต่ละคนที่จะไขว่คว้าครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กรกฎาคม 2552 16:17 น. - comment id 1017752
คุณ แก้วประภัสสร แก้วเอ๋ย....เธอก็รู้ว่าเมื่อครูมาถึงขั้นนี้ธรรมนะ ครูผ่านการต่อสู้นานัปการแล้ว จิตใจครูถึงได้เข้ม แข็งถึงแม้ว่าร่างกายนั้นธาตุๆต่างๆจะแปรปรวนไป บ้างครูเองถือ อิทธิบาทสี่ ทำเท่าที่ทำได้จ้า ไม่ต้อง ห่วงครูมากหรอกจ้า หมั่นศึกษาที่ครูมอบให้ซึ่งครู มาคิดหลังจากศิษย์ทั้งสองไปแล้ว ว่าจะหยุดการรับ ศิษย์เพียงแค่คิดนะ เธอเขียนกลอนได้ดีเยี่ยมแล้ว แต่ว่าอย่าหลงตนเป็นอันขาด ปราชญ์นั้นไม่มี การอวดอ้างตนเอง มักจะถ่อมตนเสมอๆและหา ทางออกจงจำไว้ว่า คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่า ผืนเสื่อ เราอยู่ในสังคมที่มากหน้าหลายตาและ หลายนานัปการ ย่อมไม่อยากให้ใครเด่นกว่าเขา นี่แหละคือปัจจัยทำให้คนเสียใจมามากแล้ว การชมนั้นให้เพียงแค่ฟังไว้เฉยๆไม่ต้องกระตือ รือล้น ส่วนการนินทาไม่ต้องไปโต้แย้งเขาการ โต้แยงเขาทำให้เกิดกิเลสคือ โกรธ เมื่อเกิดสิ่งนี้ แล้วจะทำให้เราถูกปิดบังปัญญาทันที ให้วางเฉย เสียถือว่าเป็นครูเราอีกประการหนึ่ง คนเก่งแล้ว เขาเงียบสงบฟังเขามากกว่าพูด ดังคำโบราณที่ ว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง หากทำ ไม่ได้ก็แค่หนีไปก็สิ้นเรื่อง เรื่องก็จบหรือเรา ย้อนศรเขาโดยยกย่องเขาว่าเหนือกว่าเรา เขา ก็ยิ้มในใจเขา แต่หารู้ไม่ว่าเป็นการทำให้หลง ตัวยิ่งขึ้น จำคำครูไว้นะจ๊ะ เพราะครูอาจจะอยู่ ในวงการนี้อีกไม่เท่าไหร่ อนึ่ง การแจ้งแนะนำ นี้ใช้ได้ทุกสถานที่แม้แต่ครอบครัวเราจ๊ะ ใครที่มาเป็นศิษย์ครู ครูจะรักเท่าๆกันเสมอ ขอให้พยายามตัดสิ่งที่ขัดกับใจออก บ้างนะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กรกฎาคม 2552 16:28 น. - comment id 1017757
คุณ เฌอมาลย์ เจ้าหญิงครับ การเขียนผมนี้มักจะไปเรื่อยๆ มิได้มีขีดจำกัดหรอกครับ ก็อยู่ที่อารมณ์เป็นที่ตั้ง การเขียนกลอนผมอย่าไปคิดมากเลยครับด้วยมัน ประกอบหลายๆสิ่งอย่างครับเอาแน่นอนไม่ได้สำหรับ เรื่องนะครับ วันนี้ผมตื่นมาดูเขาบอกว่าเวลา เก้าโมงเช้า แต่ทางบ้านผมนั้นเมฆมากเลยไม่ได้ดู อันที่จริงนั้น ในชีวิตผมเห็นมามากแล้วครับ ทั้งเต็มดวงหรือ ไม่เต็มดวง แต่เท่าที่สังเกตุมีครั้งหนึ่งสมัยผม นั้นยังเป็นวัยรุ่นอยู่ กลางวันเป็นกลางคืนไป เลยครับ นก ไก่ ต่างเข้ารังกันเป็นแถว ขนาด ต้องจุดตะเกียงน้ำมันเลย และนานเสียด้วย สมัยนั้นแว่นตาไม่มี ผมใช้กระจกลนขี้เถ้าไฟ แล้วเอามาส่องดูเห็นชัดเจนมากครับ ตั้งแต่นั้น มาก็ไม่พบอีกเลยมาวันนี้ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น ด้วยผมสังเกตุว่าท้องฟ้ายังมีแสงสว่างไม่มืดมิด ที่บอกนั้นเห็นดาวด้วยนะครับ รักเจ้าหญิงเสมอ เฮ่อๆๆๆเลยโม้อดีตให้ฟังซะเลย แก้วประเสริฐ.
23 กรกฎาคม 2552 09:28 น. - comment id 1018023
คงไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกมั้งค่ะลุงแก้ว น่าจะเคยอกหักมาหลายครั้งล่ะ... แวะมาแซวค่ะ..
23 กรกฎาคม 2552 11:11 น. - comment id 1018082
คุณ whitelily แม่ดอกลิลลี่แสนสวย หากจะย้อนอดีตแล้ว ผมเองก็เคยอกหักมาแล้ว และก็เคยหักอกคนมา แล้วเหมือนกัน เจ๊าวากันไป อันที่จริงผมให้เกียรติ เฉพาะสุภาพสตรีเสมอมา แต่เมื่อทำกับผมก่อน ตอนแรกคิดจะไม่สนองเขา แต่กลับได้รับคำเหยียดหยาม จึงต้องทำเพราะอารมณ์หนุ่มยังร้อนอยู่ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
23 กรกฎาคม 2552 14:00 น. - comment id 1018130
อกหักไม่กลัวค่ะ กลัวรักไม่เป็นค่ะ...
23 กรกฎาคม 2552 15:10 น. - comment id 1018190
คุณ white rose แม่กุหลาบขาวสุดสวย เขากล่าวกันว่าการเล่น กับความรัก เสมือนเล่นกับไฟ หากเล่นเป็นก็มี ประโยชน์มหาศาล แต่ในมุมกลับกันย่อมก่อเกิด มหันต์ภัยอย่างใหญ่หลวง ด้วยเหตุที่ว่าไม่ใช่ไฟ ธรรมดาที่จะดับได้ แต่ไฟรักนั้นไม่เพียงแต่ผิวกาย แล้วยังล่วงเข้าสู่ภายในด้วยจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
24 กรกฎาคม 2552 01:20 น. - comment id 1018415
ผมรับรู้ถึงพลังในตัวเพื่อนแก้วแล้วครับ ไฟฝันลุกระพือโหมขึ้นมาแล้วใช่หรือเปล่าครับ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย อบอุ่น ท่ามกลางมิตรไมตรี ไม่รู้ทำไมเนาะครับผมเห็นเพื่อนแก้วมีความสุข ผมก็สุขด้วย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมชอบเวลาเพื่อนแก้วตอบคอมเมนท์ให้มิตรกลอนที่เข้ามาเยี่ยม ผมว่าภาษามันสวยออกแนวโบราณ แต่มีเสน่ห์ สมวัยวุฒิ คุณวุฒิ แล น่าประทับใจมากครับ โดยเฉพาะเวลาตัดกระเซ้าเย้าแหย่กับสาวๆ นี่ชอบเป็นพิเศษครับมันเหมือนฟังคนโบราณเขาพูดกัน
24 กรกฎาคม 2552 10:25 น. - comment id 1018472
คุณ ลำน้ำน่าน สหายเอย ยามใดที่เรายังวนเวียนอยู่ใน โลกธรรมแปดแล้วไซร้ ย่อมวกวนในกระแสทาง โลก โดยปราศจากจุดยืนใดๆ หากวันใดเราเกิด ปัญญาพิจารณาหาจุดยืนได้แล้วนั่นแหละถึงจะบังเกิด ปิติรู้จักการแก้ไขสิ่งและมองเห็นได้ทั้งสูงแลต่ำจุด นั้นคืออยู่ในระดับกลาง ไม่สูงไป ไม่ต่ำไป อุปมาดั่ง จิตที่สอดส่ายไม่หยุดนิ่ง หากเราทำให้จิตหยุดหนิ่ง คือหาสถานที่จิตเราชอบได้ ก็จะบังเกิดจิตที่แน่แน่ว ไม่สับส่ายไปมาดุจก่อน นั่นคือ สายกลางนั่นเอง ทุกๆอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปย่อมจะเกิด ขึ้นแก่มวลสรรพสัตว์แม้กระทั่งสิ่งไม่มีชีวิต ฉนั้น เมื่อเรารู้แล้วแจ้งแล้วก็ย่อมจะรู้จักการระงับ บรรเทาเหตุได้ดังนี้แล ขอให้สหายเราจงมั่นและ ไตร่ตรองอยู่เสมอ หากวันใดเราขาดสติไม่ควบคุม ซึ่งมีสติเท่านั้นที่จะควบคุมอารมณ์ต่างๆและจิตได้ ในเมื่อสิ่งใดๆในโลกนี้ไม่แน่นอน ใครก็ช่วยเรา ไม่ได้นอกจากตัวของเราเอง หวังว่าสหายธรรม เราคงจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.