๏ ท่ามภูผาป่ากว้างเส้นทางโหด คงคล้ายโจทย์ให้ผจญบนวิถี ทั้งตัวทากหลากหลายในพงพี คงหมายเลือดเรานี้บัดพลีมัน โค้งวกวนถนนผุผิวขรุขระ มิลดละจุดหมายปลายทางฝัน ทะเลหมอกหยอกตาทิวาวัน ดุจม่านควันลอยล่องท่องนภา เมฆสลับสับหว่างอำพรางแสง ลมพัดแรงระบัดโบยคล้ายโหยหา หนาวลม ฤๅ เทียบเท่าหนาวอุรา เราปวดปร่ากว่าใคร ณ ไพรพง เพราะรู้สึกลึกล้ำเกินกำหนด จึงปรากฏบทกลอนสะท้อนส่ง แต่มิกล้าสาธยายตามนัยตรง กลั้นใจปลงความรู้สึกที่ลึกร้าว ๚ะ๛ การเดินทางที่ยาวไกล เดินไปไม่รู้ไม่เห็นไม่คำนึงถึงจุดหมาย ต่างคนต่างเดินโดดเดี่ยวเดียวดาย ตามสายทางชีวิตของตน ขันแข่งแย่งยื้อซื้อขาย อับอายเอิบอิ่มยิ้มย่องร้องไห้ไปกลับสับสน สรรพอารมณ์สังขารคลุกเคล้าคละปะปน วิสัยคน ระคนระคายไม่วายวาง เราพยายามเดินตามหาความหมาย กล้าเผชิญดีร้ายสิ่งกีดขวาง มุ่งมั่นฟันฝ่าผองภัยในหนทาง หวังใจเราสว่างท่ามกลางความมืดมน
18 กรกฎาคม 2552 21:46 น. - comment id 691566
@จิตมนุษย์ลึกล้ำเกินกำหนด ทุกหยาดหยดเสี้ยวชีวิตนิยามไว้ หาความหมายคลี่คลายถึงความใน ตั้งโจทย์ไว้ยากแท้เฉลยความ เส้นทางเดินจุดหมายแสนว้าเหว่ มัวโอ้เอ้รีรอรีบไต่ถาม ผู้คนมากหลากล้นจิตใจงาม อีกล้นหลามมากมีมิตรไมตรี ทุกวันนี้การแข่งขันไม่อาจเลี่ยง ทุกย่างก้าวเสี่ยงชีวีบนวิถี สังคมนี้ตีสองหน้าหาใดมี ความยินดีร่วมฝันเดินทางกัน ความรู้สึกเจ็บลึกยังหนักแน่น จะคิดแบนเบี่ยงเบนให้เหหัน ความเมตตาอาทรขอแบ่งปัน สิ่งจำนรรสร้างสรรสังคมงาม มาเยี่ยมชมผลงานและขอฝากบทกลอนด้วยครับ
18 กรกฎาคม 2552 21:55 น. - comment id 983869
ป่าอักษรสอนคนทนรับรู้ แม้อยากสู้กู้ทางกลางป่ารก ยอมเจ็บกดบดใจให้ปลงตก มิหยิบยกถกประเด็นดังเช่นเคย พายุที่พัดเข้ามาเลยผ่านไป จะทิ้งไว้แต่ซากนะคะ หากกำลังใจดี เราจะผ่านมันไป แม้มีบาดแผลบ้างนะคะ
19 กรกฎาคม 2552 08:11 น. - comment id 993560
ชนะใคร ชนะอะไร ไม่สำคัญเท่าชนะใจตนเอง คำพระท่านว่าคับ มีบทกลอนที่ว่า มีเม็ดทรายนับไม่ถ้วนจำนวนทราย คนทั้งหลายนับไม่ถ้วนในคุณค่า เม็ดทรายแกร่งเพราะว่าผ่านกาลเวลา คนจะกล้าก็เพราะผ่านความอดทน หากมือเธอแบวางอยู่อย่างนี้ โลกจะเงียบในทุกที่และทุกหน แต่ถ้ามือกำหมัดในบันดล โลกจะหมุนเริ่มต้นตามมือเรา ผมจำมาได้เท่านี้ ฝากไว้นะคับ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา เพียงตวามเห็นคับ
18 กรกฎาคม 2552 17:20 น. - comment id 1016126
***อัลมิตรา*** เอารูปน้ำตกมาฝาก....เพราะอยากจะบอกว่าบางครั้งคำกล่าวที่ว่า "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" ก็ไม่จริงไปซะหมดหรอก หากเราปีนหน้าผาหรือปีนเขาเพื่อจะไปอยู่จุดสูงสุดบนภู....แน่นอนว่าต้องรู้สึกหนาวและเคว้งคว้าง... แต่ถ้าเราตกจากที่สูงเหมือนกับน้ำตกที่ค่อยๆลดหลั่นกันลงมาตามโขดหินทีละชั้นๆ....สุดท้ายแล้วเราก็จะไหลไปรวมกับท้องทะเลกว้างใหญ่...ที่รอเราอยู่ สิ่งที่อัลมิตราทำอยู่ก็เหมือนกับน้ำตกไง...แต่ละชั้นที่ตกลงมาก็คือ การให้ต่อๆกันไป.....จนกว่าจะถึงมือผู้รับอย่างแท้จริง แล้วจะกลัวอันใดเล่ากับการเดินทางที่แม้จะรู้สึกเดียวดาย...แต่ไม่โดดเดี่ยวซักหน่อยจริงมั๊ย
18 กรกฎาคม 2552 17:24 น. - comment id 1016129
รักและหลงใหล ในความงามของขุนเขาช่านกันค่ะ
18 กรกฎาคม 2552 17:28 น. - comment id 1016132
จำได้ว่านานมาแล้วเคยอ่านกระทู้เกี่ยวกับน้ำตกที่ กันนาเทวี ตั้งไว้..แล้วชอบแนวคิดในเรื่องนี้มากเลย ขออนุญาตเอามาโพสที่นี่อีกทีนะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/board6058.html รู้ไหม...? ทำไมน้ำตกถึงสวย... พ่อ : รู้มั้ยลูก...ทำไมน้ำตกถึงสวย... ลูก : ก็เพราะมันเป็นน้ำตกไงคะพ่อ... พ่อ : ไม่ใช่หรอกลูก... ที่น้ำตกสวยน่ะ... เพราะน้ำตกไม่ยอมเก็บน้ำไว้ในชั้นของตัวเองต่างหาก... ลูก : หมายความว่าไงคะพ่อ... พ่อ : ลูกสังเกตไหมล่ะว่า... เวลาน้ำตกตกลงมาจากชั้นหนึ่งแล้ว... น้ำนั้นก็จะถูกส่งต่อลงไปอีกชั้นหนึ่งทันที.. เพราะวิธีนี้ที่น้ำตก...ไม่เห็นแก่ตัว... แต่ยอมส่งน้ำที่ตกมาจากชั้นอื่น..แล้วส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ อย่างนี้... น้ำตก..ถึงสวย... และน้ำตก..จึงยังคงเป็นน้ำตก...ที่มีเสน่ห์..ไงละ ข้อคิดจากเรื่องนี้... อย่าลืมน่ะลูก... ถ้าลูกอยากให้ตัวเองเป็นคนที่น่ารัก... ลูกควรจะเป็นอย่างน้ำตก.. หากมีสิ่งดี ๆ ตกมาถึงตัวลูก... อย่าเก็บสิ่งดี ๆ นั้นไว้..คนเดียว.. ลูกต้องเรียนรู้ที่จะ...แบ่งปัน...ออกไปให้มากที่สุด มีก็แต่คนที่ ให้ ออกไปเท่านั้นแหละ...ลูก.. จึงจะเป็นคนที่ ได้รับ อย่างแท้จริง... กันนาเทวี 2 ธันวาคม 2551
18 กรกฎาคม 2552 17:53 น. - comment id 1016148
ธรรมชาติงดงามน่าหลงใหลจริงๆค่ะ...
18 กรกฎาคม 2552 17:54 น. - comment id 1016149
คุณอิม นภา อากาศ พระพิรุณ ฯลฯ ทำไมต้องทดสอบอะไรก็ไม่รุ มากมายกร่ายกอง ยิ่งกว่า นิยาย เพชรพระอุมาอีก เฮ้อ
18 กรกฎาคม 2552 18:16 น. - comment id 1016150
ต่างท้อแท้แพ้พ่ายในชีวิต พรหมลิขิตขีนเส้นเป็นไฉน ชีวิตวนบนทางคละเคล้าไป บ้างร้องให้หัวเราะเยาะชะตา ท่ามผู้คนล้นหลากมากความคิด คล้ายเขียนโจทย์ถูกผิดแก้ปัญหา ทางก้าวเดินให้งามอร่ามตา คงเบื้องฟ้าทอรุ้งจรุงไฉไล หว่างภูผาโขดหินถิ่นขรุขระ มิคิดท้อลดละก้าวไสว ทนเถิดนัยผจญฝ่าไผท จงชนะภายในใจของเรา โค้งหักศอกยอกย้อนอาจคลอนแคลน กับเป็นแกรนยึดเกาะจิตรุมเร้า ฝ่ากระแสแรงลมที่โลมเรา ดุจสายหมอกหยอกเงาเย้าเมฆา โสมนัสอยู่ไยให้ใจหมอง เธอจงมองโค้งรุ้งสุดขอบฟ้า เมื่อฝนโปรยเปียกปอนอ่อนอุรา กาลผ่านไปท้องฟ้ากับงดงาม ระยะทางข้างหน้าคร่าสั้นนัก คิดสลักรัดเลียวเที่ยวเขตขาม อาจโดดเดี่ยวเดียวดายในนิยาม ทั่วเขตขามธรรมชาติวาดภิรม เราหรือสุขสนุกกับชีวิต แท้ตรอมตรมเส้นขีดความขื่นขม แค่มองลึกตรึกตรองความทุกข์ตรม เราเพาะบ่มวิบากภพพากมา
19 กรกฎาคม 2552 12:38 น. - comment id 1016244
งานจังเลยครับ
19 กรกฎาคม 2552 14:01 น. - comment id 1016266
คุณโคลอน .. อัลมิตราอ่านคอมเมนท์ที่คุณเขียนให้ตั้งแต่เมื่อคืนวาน ด้วยความรู้สึกที่...............เหมือน.................โดนจี้ถูกจุด ซึ่งก็หมายความว่าคุณอ่านกลอนที่อัลมิตราเขียนแล้ว คุณเข้าไปพบอะไรบางสิ่งบางอย่างที่อัลมิตราอยากระบาย อัลมิตราตอบคอมเมนท์ของคุณไม่ถูก .. ที่จริง ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะว่า ...ในคอมเมนท์ที่คุณเขียนไว้ สมบูรณ์และครบถ้วนในความรู้สึกของอัลมิตราอยู่แล้ว คุณครูกระดาษทราย .. ในธรรมชาติ มีอะไรมากมายที่นำมาเชื่อมโยงกับสัจธรรมได้ค่ะ คุณโคลอน .. เป็นบทความที่ดีจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่นำมาให้อ่านอีกหน คุณกุหลาบขาว .. เหมือนอย่างที่เคยเขียนไว้ ในอ้อมกอดขุนเขาและเงาป่า คุณทักทาย .. ต้องถูกทดสอบสิ ถึงจะพิสูจน์ในคุณค่าได้ คุณดอกบัว .. เคยมีคนคนหนึ่งซึ่งเล่าว่า เอกนาวานารีศรียิ่งใหญ่ บรรทุกแอกภาระเกินผละใด ฝ่าเภทภัยทุกข์นานาสารพัน คลื่นลมแรงระลอกแล้วระลอกเล่า ผจญเหงาท่ามวิปโยคและโศกศัลย์ กว่าถึงฟากที่หมายอาจหลายวัน คุณค่านั้นย่อมบังเกิดพริ้งเพริศมี หากนาวาคราจอดหวังปลอดภัย ปราศเคลื่อนไหวผจญธารผ่านวิถี แล้วคุณค่าเทียบไฉนเทียบอะไรดี สาธกนี้เป็นตัวอย่างกระจ่างจริง
19 กรกฎาคม 2552 16:20 น. - comment id 1016346
ล้านคำกล่าว..ฤๅเทียมหนึ่งเข้าใจ....
19 กรกฎาคม 2552 17:02 น. - comment id 1016356
อัลมิตรา... เชื่อมั๊ย....ในทุกบทกลอนของฝน ส่วนใหญ่มันมักจะตรงข้ามกับอารมณ์ความรู้สึก ณ ขณะนั้นที่ฝนเป็นอยู่เลยล่ะ ถ้าฝนกำลังเศร้า ฝนจะแต่งกลอนเฮฮา....ขำๆ ติงต๊องไปเลย ถ้าฝนกำลังเหงา......ฝนจะแต่งกลอนเหมือนว่าตัวเองกำลังมีความสุขสุดๆ....กับการคิดถึงใครสักคนที่เป็นแรงบันดาลใจ ถ้าฝนแต่งกลอนให้กำลังใจ....แท้จริงแล้วฝนกำลังต้องการกำลังใจที่สุด ณ ตอนนั้น มันเป็นวิธีบำบัดด้วยกลอนที่ได้ผลชะงัดเลยล่ะ...อัลมิตรา เพราะเราต้องกำหนดจิตให้คิดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง.....และจินตนาการมันจะเหมือนยาชนิดหนึ่งที่ค่อยๆเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของเรา ตัวอักษรสุดท้ายในบทกลอนที่เราเขียน มันจะจบลง เกือบจะพร้อมๆกับ การเกิดความสมดุลย์ในอารมณ์ของเราขึ้นเองโดยธรรมชาติ กลับมาอีกรอบเพราะครั้งนี้อาจจะหายไปนาน..... แต่ฝากกำลังใจแปะไว้ข้างฝาบ้านเสมอนะ ฝนดีใจนะที่ อัลมิตรา รับสิ่งที่ฝนอยากจะสื่อไปถึงได้ เพราะถ้าเมื่อวาน อัลมิตรา นั่งอ่านคอมเม้นท์ของฝนอยู่....... ฝนก็กำลังนั่งอ่านความรู้สึกของอัลมิตราผ่านตัวอักษรซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นกัน....
19 กรกฎาคม 2552 17:13 น. - comment id 1016359
อ้อ...ลืมไปอีกอารมณ์หนึ่ง ถ้าฝนแต่งกลอนแนว บู๊ ล้างผลาญ อย่างเช่นกลอนการเมืองทั้งหลายแหล่......แท้จริงแล้วฝนกำลังใกล้จะหมดหวังกับประเทศเราเสียแล้ว(เหมือนจะแกร่งแต่ความจริงกำลังสั่นคลอนสุดๆ) แต่ถ้าฝนแต่งกลอนรอใครสักคน....มันเป็นจริงตามนั้น....อิอิ ปล. ในความรู้สึก (Painting My Feelings ) ^ ^ ^ ด้วยคนนะ...อิอิ ครั้งแรกที่เปิดเผยความรู้สึกขนาดนี้.... มันอาจจะเป็นเพราะ...ฝนกินยาลืมเขย่าขวดก็ได้วันนี้ ยาสตรีเพ็ญภาคย์.....หาใช่ เบนโลไม่
19 กรกฎาคม 2552 20:55 น. - comment id 1016437
ยามรู้สึก เดียวดาย คล้าวยว้าเหว่า อกจะเพ พังพับ กับความฝัน ยังต้องทน ด้นดั้น ฝ่าทางตัน เผื่อสักวัน เจอแสง แห่งศรัทธา นั่นคือแสง แรงใจ ไม่คิดท้อ ไม่ระย่อ ต่อขวาก หลากปัญหา ถึงถั่งโถม โรมรัน ทุกวันมา หากถือว่า บทเรียน เพียรเข้าใจ มาให้กำลังใจ พี่อัลมิตรา ครับ เพื่อนรักนักกลอน ที่นี่ คงไม่ปล่อยให้พี่ อ่อนล้าคนเดียวหรอกนะครับ
19 กรกฎาคม 2552 21:09 น. - comment id 1016448
คุณวิชัย .. :) ชื่นชมในความหมายมากค่ะ เพราะจิตมนุษย์ลึกล้ำเกินกำหนด บ้างปรากฏเราเห็นเป็นสงสัย มีบ่ายเบี่ยงเลี่ยงความช้ำชอกใน กักเก็บไว้แสร้งชื่นอกขื่นตรม ในเส้นทางระหว่างคนบนวิถี ทั้งชั่วดีหากคละเคล้าเอาประสม เราเฉกเช่นทั้งหลายในโลกกลม ท่ามแล้งลมที่ประสบจนจบเจน คุณปรางทิพย์ .. ขอบคุณค่ะ ฤๅ แผลกลายหายยากรอยฝากเห็น จักหลีกเร้นอย่างไรไม่เป็นผล ท่ามภูผาป่าเขาที่เรายล จึงหนาวจนเกินเปรียบเทียบหนาวใด คุณวิทย์ .. :) เป็นบทกลอนที่ดีมากจัง ขอบคุณจากใจค่ะ จากก้อนหินเป็นทรายคงหลายปี ผ่านขัดสีจากลมน้ำกระทำใส่ ทั้งแสงแดดแผดเผาราวกับไฟ ธรรมชาติสอนใจให้จดจำ โลกจักเคลื่อนไหวได้ด้วยใจตน มัวหมองหม่นทำไมให้ใครขำ ลุกขึ้นเถิดเชิดหน้าอย่าระกำ กลบความช้ำแล้วยิ้มอย่างยิ่งยง คุณละไมฝน .. ขอบคุณค่ะ คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. อืมม หมื่นภิรมย์ ฤๅ เทียบเท่า หนึ่งเข้าใจ คุณโคลอน .. มีคนกล่าวไม่นานมานี้เองว่า อัลมิตราอยู่ในสถานะที่ไม่อาจเขียนบางอย่างได้ เพราะจะไม่เหมาะสม ซึ่งอัลมิตราคิดว่า ไม่ดีเลย ที่จะต้องถูกตีกรอบให้เขียนได้เฉพาะบางอย่างเท่านั้น แต่ในปรารถนาดีนั้น อัลมิตราก็ต้องกลับไปทบทวนทำความเข้าใจใหม่อีกหน ที่จริงแล้ว ผู้ที่กล่าวกับอัลมิตราเช่นนั้น เป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่ข้างอัลมิตราตลอด ในทุก ๆ ความห่วงใย ก็หมายถึงการปกป้อง ดูแลเอาใจใส่ และคุ้มครองด้วย อัลมิตราถือว่าโชคดี ที่บางใครคนนั้นยังมากด้วยไมตรีและปรารถนาดีอยู่ เรื่องงานเขียน .. โดยปกติแล้ว อัลมิตรามักจะเขียนในสิ่งที่วนเวียนอยู่ในจิตใจในขณะนั้น ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ บางทีก็ไม่ได้เปิดเผยกับผู้คนบนโลกจริงสักเท่าไหร่ ถนัดแต่พูดกับคอมพิวเตอร์มากกว่า คงเหมือนกับการระบายตัวตน หรือบำบัด กลอนชุดนี้ก็เช่นกัน เริ่มต้นก็ว่าจะบรรยายธรรมชาติที่ไปเห็นมาว่าสวยงามมาก แล้วดันนึกเปรียบเทียบกับความรู้สึกชั่วแว๊ปของตัวเองในขณะที่อยู่บนเขากระโจม มองไปทางไหน เห็นเพื่อนฮาเฮ ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ขากลับขึ้นรถ ก็มีการโห่ฮิ้วด้วย ในช่วงนั้น.. รู้สึกเหงา ซึ่งก็น่าแปลก ท่ามกลางคนหมู่มากกลับรู้สึกตรงกันข้ามค่ะ แต่อัลมิตราจะลองใช้วิธีแบบเดียวกับคุณโคลอนบ้างนะคะ บางทีอาจได้ผลที่ดีกว่าค่ะ ปล. ยาสตรีเพ็ญภาคย์กับยาสตรีเบนโล ยังไม่เคยทานเลย ฮา.. แบบว่า ปกติทุกเดือนดี
19 กรกฎาคม 2552 21:22 น. - comment id 1016460
คุณกวีน้อย .. เราคิดว่า เราอยู่ในเปลือกอย่างเก่าจะดีกว่า ใครมาเคาะประตูบ้านอย่างไร ก็จะไม่ย่างกรายออกมา เพราะยามที่เราออกจากเปลือก เราก็ไร้เครืองป้องกันทันใด หากแม้นว่าปราศผู้เอ็นดูเรา จักยอมเหงาลำพังเหมือนดั่งก่อน แล้วบำบัดตัวตนด้วยกลกลอน เลิกออดอ้อนใครเขาให้เข้าใจ อยู่เปลือกหอยชะรอยคลำลำนำเขียน ถึงผิดเพี้ยนแบบบ้างมิกระจ่างใส ด้วยดวงจิตปิดบังเบื้องหลังใด ควรชินชาเฉยไว้.. สั่งใจตน
19 กรกฎาคม 2552 22:31 น. - comment id 1016537
แวะมาเยี่ยม คิดถึงเสมอ
20 กรกฎาคม 2552 07:38 น. - comment id 1016632
คุณนรสิริ .. :)
20 กรกฎาคม 2552 10:57 น. - comment id 1016683
จิตซ่อนแอบลึกเร้น ละเลย ใจนา ลุล่วงผลุดรำเพย ลึกเร้น อาจกำสรดเฉลย นอกส่ง สุขยิ่ง พักตร์ผ่องใจขุ่นเค้น. เพียงเน้นควบคุม ...แวะมาเยือนคุณอัลฯ ครับ...อ่านขัอสนทนาระหว่างคุณอัลฯ กะคุณโคลอนแล้ว..ช่างละเมียดใจอารมณ์กันมากครับ
20 กรกฎาคม 2552 11:47 น. - comment id 1016714
หวัดดัจร้า....คุณอัลฯ อ่านแล้ว....รู้สึกได้... เขียนดีจริงๆ... ดีนะ..ที่ผจญแต่กับความลำบากของเส้นทาง... กับตัวทาก... เกิดมีอย่างอื่นที่ตัวใหญ่ๆด้วยล่ะก้อ....แย่กันพอดี...
20 กรกฎาคม 2552 12:03 น. - comment id 1016718
แม้ฟ้าเหน็บหนาวบ้างก็ชั่งฟ้า แม้วารีเหือดบ้างชั่งได้ไหม เมื่อฟ้ายังสีฟ้าอ่าอำไพ วารีใดสุดท้ายให้ชุ่มเย็น """ I am painting my feeling while am painting my world, as usual. หวังว่าคงมีความสุข กับสิ่งที่ได้ทำ นะครับ คุณ อิม
20 กรกฎาคม 2552 15:36 น. - comment id 1016844
ผมรู้สึกเหมือนสัมผัสบทกวีนี้อย่างลึกซึ้ง หลายปีมาแล้วตั้งแต่เติบตนขึ้นมา ผืนป่าทุกผืนที่ได้เหยียบย่ำ กู้ก้องร้องตะโกน กระโจนสายน้ำธารป่า หนาวมาพาใจให้โบยบิน จะมีสักกี่คนที่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนั้น หากไม่กล้าแม้แต่จะก้าวออกไป ผมเชื่อว่าผู้หลงใหลธรรมชาติ ไม่มีวันพลาดกับการผจญภัย ...
20 กรกฎาคม 2552 22:27 น. - comment id 1017054
คุณกิ่งโศก .. ๏ หลับตาคราหนึ่งเสี้ยว.....กาลสมัย ผันล่วงกาลกลายไป...........แปลกแท้ ความฝันผ่านตาไกล...........จิตอยาก- รู้นา ดังเศษธุลีแล้........................พลิกพลิ้วปลิวลม ฯ คุณkirati .. คุณต้องหมายถึงไดโนเสาร์แน่ ๆ เลย คุณกุลา .. ม่านหมอกเมฆเฉกฉากหลากลดหลั่น ใกล้ไกลกั้นคั่นขวางหว่างภูผา ล้วนเลื่อนลอยคล้อยคว้างหว่างนภา ดาษดื่นตาตรึงใจให้เปรมปรีดิ์ จากเบื้องบนหนหาวราวเมืองสวรรค์ เป็นฉากชั้นตระการเห็นเป็นวิถี ครั้นคราวแจ้งแสงสว่างกลางปฐพี ต้องกันที่ขาวละมุนสมดุลย์กัน ต้องลมปลิวพลิ้วประภาบ้างลาเลื่อน ยังเยี่ยมเยือนแนวป่าพณาสัณฑ์ สู่ห้วงน้ำล้ำขจายคล้ายแพรพรรณ อันเลิศล้ำงามฉะนั้นเฉิดฉันเกิน จากสูงล้ำนำแน่วสู่แถวทุ่ง จากฟ้ารุ่งมุ่งป่ามาเขาเขิน จากแดนสรวงห้วงมหรรณพ์อันจำเริญ ต่างมาเพลินแต่งไพรให้งดงาม ฤๅอวดเทพเทวามหาศาล ? จนชื่นบานชอบใจจึงไถ่ถาม ว่าเทพใดในหล้าระบือนาม ผู้ชอบความงามวิจิตรเนรมิตไว้ จนชาวชนคนป่ามาประสพ ชาวเมืองพบตื่นตะลึงจึงสงสัย เช่นนี้หรือคือสวรรค์อันอำไพ แสนสุขใจยามเห็นเป็นขวัญตา บุรุษแห่งธาร .. เรากำลังเช็คสังขารตัวเองว่า ไปอุ้มผางในเดือนหน้าไหวไหม แค่นึกถึงเส้นทางโค้งพันกว่าโค้ง ก็ให้ปั่นป่วนท้องมวนแล้วล่ะ หอมไอดินกลิ่นหญ้าโชยมาชื่น เย็นระรื่นลมพลิ้วพาสุขสม ณ ระเบียงเคียงธารกาลภิรมย์ ขอเชยชมเสาวภาพตราบนิรันดร์
21 กรกฎาคม 2552 01:33 น. - comment id 1017111
When the wind blows the tree swaying, My feeling swings away the day's gloomy, Surrounded with burden like the trees, And lonely become some of mine, Have to try find ways betrayal, But legal to do to be fine, And loyal to heart smart 'n shine, Sky-line 'd be spanned across 'n even beyond.
21 กรกฎาคม 2552 09:36 น. - comment id 1017181
คุณดาวศรัทธา .. :) คิดถึงจัง บางประโยคที่กลับไปย้อนอ่าน ก็ยังให้ความรู้สึกว่า เหมือนคนคุ้นเคยนั่งคุยกัน หลายคืนก่อน ที่ ราชบุรี .. เห็นอาหมอกับพรรคพวก ชี้ชมดาวกัน อัลมิตราก็ยังคิดในใจเลยว่า ดาวดวงไหนนะ คือ ดาวศรัทธา ดาวเยอะแยะเลยนะ เต็มฟ้าไปหมดเลย โชคดีที่ไม่มีเมฆฝนบัง .......*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*....... ...*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*... .......*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*....... ......*~~~*~~~*~~~*~~~*::::( ( ( O ) ) )::::*~~~*~~~*~~~*~~~*...... .......*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*....... ...*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*... .......*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*~~~*....... ดาวดวงไหนอ่ะ .. ที่เป็นคุณ
21 กรกฎาคม 2552 23:25 น. - comment id 1017509
ดาวเดือนเคลื่อนคล้อยลอยเลื่อน กลาดเกลื่อนซับซ้อนทั่วฟ้า ยิ่งค้นยิ่งพบดาษดา เกินกว่าตัวเลขเอนกอนันต์ เดินตามหนทางชีวิต หากจิตคิดปรุงมุ่งมั่น เสริมสร้างศรัทธาฝ่าฟัน จึงพลันเห็นดาวหนึ่งดวง ปลูกฝังยังจิตวิญญาน ดุจสานสัมพันธ์แดนสรวง ชั่วดีที่ขวางทั้งปวง ลุล่วงจุดหมายปลายทาง (ทำไม่ได้ให้ชื่อทำแทน อิ อิ)
22 กรกฎาคม 2552 08:43 น. - comment id 1017582
ดาวหนึ่งเห็นชัดศรัทธา จรัสฟ้าเจิดแจ่มพราวพร่าง ถึงแม้นแสงเดือนเลือนลาง ดาวยังกระจ่างสว่างใจ เราเพียงมนุษย์เดินดิน หมายบินฉวยดาวราวใกล้ คราวท้อจิตหมองหม่นใด หวังฟ้าอำไพด้วยดาว :)
22 กรกฎาคม 2552 17:36 น. - comment id 1017795
แม้เมื่อดาวเกลื่อนเดือนผ่อง สาดส่องเพริศพร่างกลางหาว ยังล่วงลาลับดับวาว ถึงคราวตาวันผันคืน แสงสูรย์ส่องระเบิดเจิดจ้า นำพาชีวิตเริงรื่น ร้อนหนาวผ่าวผสมกลมกลืน หยัดยืนต่อสู้ต่อไป หากตนตั้งจิตปณิธาน อาจหาญทานท้ากล้าได้ แม้ลมมรสุมรุมใจ มีวันสดใสแน่นอน (ฟ้าหม่น เลยอดเห็น สุริยคราส วันนี้ เสียดายนิ)
22 กรกฎาคม 2552 21:15 น. - comment id 1017868
เพี๊ยง !... อธิษฐานผ่านดาวที่พราวฟ้า ด้วยศรัทธาเต็มประดังดุจครั้งก่อน มากมายเหตุเภทภัยให้ร้าวรอน ดาวจงผ่อนเรื่องร้ายกลับกลายดี ดาวศรัทธาพาให้หัวใจสุข ท่ามความทุกข์เราผจญบนวิถี เพียงหนึ่งเดียวเหนี่ยวไว้ในฤดี ดาวดวงที่ส่องประกายฉายแสงงาม .. วันนี้ไปทำงานแต่เช้า และใช้เวลาเกือบทั้งวันในการจัดการกับงาน .. เกือบเที่ยงแล้ว ตอนที่นึกขึ้นได้ ถามกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ว่า "สุริยคราส มีตอนไหน ?.." ยิงคำถามไปแค่ชุดเดียวเท่านั้น ปรากฏว่าฝ่ายตรงข้าม ระดมกระสุนกลับมาเพียบ "ตั้งแต่เจ็ดโมงนิด ๆ แล้วแม่คุณ.." "เขาดูกันจนตาเหล่ไปข้างนึงแล้ว เพิ่งจะถาม.." "เฮ้ย ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า ต้องดูตอนกี่โมง" เซ็งผีแดงเลย .. อัลมิตรารู้แต่ว่า วันนี้ตอเรสจะมาเตะที่สนามไทย เท่านั้นอ่ะ