. พี่จะกล่อมขวัญเจ้าให้เข้านอน เพื่อพักผ่อนหลับใหลในความฝัน ตื่นตระหนกตกใจในคืนวัน ยามฟ้าครั่นโครมครืนคงตื่นกลัว ตระกองกอดรับขวัญสั่นงันงก เสียงฝนตกหนักหนาดุจฟ้ารั่ว หลังคาดังฟังฝนหล่นระรัว คิดถึงหัวใจสาวคงร้าวราญ หลับเสียเถิดคนดีไม่มีภัย อันตรายใดมีพี่จะต้าน เห่กล่อมขวัญคนดีที่จากนาน ด้วยกลอนกานท์หวานเศร้าให้เจ้าฟัง หลับฝันดีคืนพี่อยู่ร่วมห้อง เฝ้าประคองหยอกเย้าให้เจ้าหวัง ให้กระท่อมกลางไพรคล้ายเวียงวัง นกคืนรังเพราะตั้งใจได้ครองนวล ในคืนค่ำร่ำอุษาฟ้าวิโยค ลมพัดโบกดั่งโยกใจจนไห้หวน ผึ้งภมรร่อนเคล้าเย้ารัญจวน กลีบกระบวนเคล้าพร่ามาประดัง ผลัดพลิกพลิ้วละลิ่วไหวในความมืด กายเย็นชืดค่อยอุ่นไอด้วยไฟหวัง ตระกองกอดพลอดรักหวงในรวงรัง สดับฟังมโหรีที่ร่ายริน ดังกรทิพย์ริบเรื่อใยเนื้อน้อง ค่อยประคองนุชขวัญหวั่นถวิล กรอุ่นเอยเคยกุมประทุมประทิน ก่อนเลาะรินล่วงเลยรำเพยครวญ ทุกซอกหลืบลับโตรกดุจโลกทิพย์ พร่างกระพริบดาวนัยตาพาใจหวน พรมสองปรางทุกตารางนิ้วเนื้อนวล ที่ลูบล้วนหวามใจคล้ายลวนลาม เสียงแว่วหวานหวิวหวีดหวั่นจันทร์นิ่วหน้า อกอุราไม่รู้ไหนแล้วใจหวาม พลิกกระสับกลับกระส่ายหมายติดตาม ภาษากามภาษากายในว่ายวน ฝนที่ยังตั้งเค้าเข้าคลอเมฆ วิไลเรขละพัสตราอย่าฉงน เนื้อแนบเนื้อไม่เหลือบางระหว่างคน รอเพียงฝนสาดซ่าลงมาดิน ฟ้าฟาดเปรี้ยงเสียงฟ้าช่างน่ารัก น้อยหรือนักเคยหวั่นฟ้ามาหายสิ้น หล่นมาเลยมาเชยพร่างหว่างชีวิน เผยสุดสิ้นละละอายหมดกายใจ เมื่อฝนหลั่งลงมาดั่งฟ้ารั่ว กระซิบยั่วระริกระรี้แสนดีไหม เมื่อฝนซาฟ้าซัดระบัดใบ นวลยองใยแซมหญ้าอ่อนก็ผ่อนคลาย อัสนีฟาดเปรี้ยงเสียงลั่นฟ้า พสุธาดังจะแยกแตกสลาย หมดเสียงฟ้าซาฝนเม็ดหล่นพราย ระบำส่ายระบัดหญ้าร่าเริงรำ สองหนุ่มสาวเฝ้าหยอกเอินเพลินทอรุ้ง ถักจรุงพราวตาในฟ้าค่ำ หลับอยู่ในอ้อมทิพย์กระซิบคำ ร่ายลำนำสวาทหวังยังรุ่งราง .......... คนกุลา รังนกพญาไฟ ในกลางวสันต์
15 มิถุนายน 2552 19:12 น. - comment id 1000369
ขอที่ 1 ก่อน
15 มิถุนายน 2552 19:16 น. - comment id 1000370
นิลเทวี อายุเกิน 18 ปีแล้วยัง ถ้ายัง ห้ามอ่าน นะ ครับ เดี๋ยวโดนเซ็นเซอร์
15 มิถุนายน 2552 19:38 น. - comment id 1000374
15 มิถุนายน 2552 19:28 น. - comment id 1000375
เอ่อ....คุณพี่คะ แบบว่า.....เรท ได้ใจค่ะ 55555555555555555+ โอยคิดได้ไงเนี่ย อย่างนี้ต้องติดป้ายแล้ว เหอๆ อ่ะติดป้ายให้แล้ว อิอิ อย่าคิดมากจ้า แหย่เล่นๆน้า ชอบค่ะ ถือเป็นบทประพันธ์เสารจนีย์ที่งามชิ้นหนึ่งเลยจ้ะ
15 มิถุนายน 2552 20:47 น. - comment id 1000401
ช่วงเย็นวันนี้ ฤกษ์ไม่ดีเลย เพราะว่า .. ก้าวเท้าซ้ายออกจากประตูห้องทำงาน ฝนก็เลยกระหน่ำซะเปียกปอนไปทั่ว กลายเป็นลิงตกน้ำ รู้งี้ ก้าวเท้าขวา อาจจะถึงบ้านก่อนที่ฝนตกก็เป็นได้ ว่าแต่ว่า .. เหตุการณ์ฝนตกรถติดในกรุงเทพฯ มันไม่ชวนให้รัญจวนเลย อัลมิตราอุตส่าห์เดินตัดซอยทางลัดกลับบ้าน ยอมตากฝน เพราะไม่อยากให้ค่ำไปกว่านี้ ฟ้าก็มืดด้วย น้ำดันท่วมเสียอีก .. หนักรองเท้าเป็นบ้า อย่างกะ เดินไปห้อยถุงนำแข็งไปข้างละกิโล กลับถึงบ้านแล้วก็ยังตกลงปลงใจไม่ได้ว่า จะกินก่อน หรือ อาบน้ำสระผมก่อน ในที่สุดเหล่าพยาธิในท้องก็เป็นฝ่ายชนะ ยืนกินข้าวที่ระเบียง ประมาณว่าไม่อยากให้พื้นบ้านเปียก ฮา .. ตลกดีเหมือนกัน .. แล้วไหง๋ กลอนชุดนี้มีแต่สาว ๆ มาชม สงสัยหนุ่ม ๆ อ่านแล้วอายม้วนไปหมดแล้วมั๊ง ไหนบอกว่าหมดภูมิแล้วไง มาซุ่มซ้อมเขียนบทอัศจรรย์ล่ะคะ เขียนเหมือนคนโบราณจัง .. ว่าแต่ว่า ภาษากามภาษากายในว่ายวน ขำตายเลย รังนกจะเอาอยู่หรือนั่น แต่เศษกิ่งไม้ ฟาง แบบนี้ ต้องนี่เลย เตียงคอนกรีต ....เสริมเหล็ก อ่ะ
15 มิถุนายน 2552 22:08 น. - comment id 1000449
15 มิถุนายน 2552 22:16 น. - comment id 1000454
ดุจดังฟ้าคำรามทำป่วนปั่น แผ่นดินสั่นภพแตกแยกเป็นส่วน ต้นไม้โอนแอ่นเอนไม่เป็นขบวน พายุหวนฝนหอบรอบริมบึง ปลาชะโดทั้งฝูงมุ่งเริงร่า รีบรุดฝ่าหญ้าแฝกแซกซอนฉึ่ง* ต่างกระโจนน้ำกระจายไขว่เคล้าคลึง ครั้นเมื่อถึงจุดหมายว่ายไม่เป็น
15 มิถุนายน 2552 22:36 น. - comment id 1000466
สวัสดีค่ะ วับวับ แวมแวม... นึกว่าจะ อะล่างฉ่าง คริ ๆ
15 มิถุนายน 2552 23:14 น. - comment id 1000486
คนอ่านบานตะไท แต่คนเม้นให้กำลังใจ กะติ๊ดเดียวเอง เวลา 23.12 คนอ่าน 92 คนตอบ 8 อิอิ ซุ่มกันเยอะเนาะ แวะมาอ่านก่อนคลานไปนอนค่ะ จะฝันร้ายหรือฝันดีนะเนี่ยะเรา
16 มิถุนายน 2552 01:00 น. - comment id 1000495
น้องขอเอามือปิดตาเด้อจ้าอ้ายคนกุลา เจอเรทอาร์แบบนี้ ไปก่อนดีกว่า
16 มิถุนายน 2552 07:32 น. - comment id 1000526
นิลเทวี ครับขอบคุณที่เข้าใจ และให้กำลังใจ และมาจองที่หนึ่งให้ ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริง ครับนิลเทวี ที่แสนดี
16 มิถุนายน 2552 07:53 น. - comment id 1000538
คณ ราชิกา ครับ ผมอาจไม่เข้าใจทั้งหมดที่ ราชิกา อยากพูด เพราะเรื่องแบบนี้พูดยากยิ่งเป็นผู้หญิง แม้แต่ผู้ชายก็เถอะ ครับ ผมเขียนกลอนชิ้นนี้ เพราะต้องการไถ่บาป บางอย่างในใจออกมาเป็นสำคัญ ผมเคยวิจารณ์วรรณคดีโบราณ อย่างเสียๆ หายๆว่าไร้สาระ เสพย์สุข มั่วกามา ฯลฯโดย เฉพาะบทอัศจรรย์ แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมเห็นชีวิตมากขึ้น ผมกลับรักในทุกๆอย่างในความ เป็นไทย โดยเฉพาะวรรณศิลป์ บทอัศจรรย์เป็นบทหนึ่งที่เคยเขียนไว้อ่านเอง แต่ไม่กล้า เผยแพร่ ผมพบถึงความยากของการเขียน เหมือนเดินบนขอบเหว ที่ด้านหนึ่งฟ้ากว้างและม่านเมฆ อีกด้านหนึ่งคือบหุบเหวลึกล้ำ มีบางใครพูดคุยกับผมเกี่ยวกับการเขียนบทอัศจรรย์ ผมรับมุขทันทีและเริ่มเขียนจากงานเก่าๆที่เขียนไว้อ่านเอง ประกอบกับการเขียน เพิ่มมาใหม่ จากจินตนาการส่วนตัว ล้วนๆ หลังลงไปก็มี บางเสียงสะท้อนเข้ามาแรงมาก อาจโกรธผมไปเลยก็ได้ แต่ก็มีหลายเสียงที่เข้ามาให้กำลังใจ ผมตัดสินใจไม่เอากลอนออก เพราะผมเขียนผมก็มีเหตุผลและความ ตั้งใจ ที่ผมเขียนกลอนบทอัศจรรย์บทนี้ขึ้น กลาง หลังจากลงกลอนและได้คุยกับหลายคน ผมก็หลับสู่นิทรา หลับในอ้อมกอด ของครูกลอนไทย ที่ผมได้เดินมาถึงบางประสบการณ์ของท่านเหล่านั้น แม้บทนี้จะทำได้ไม่ดีเลย ก็ตาม หลับไปพร้อมกับฝันในวันพรุ่งที่จะบินตามฝันต่อไป ด้วยแรงส่งของลมใต้ปีก นะครับ ราชิกา แม้จะตีความไม่ออกว่าคุณอยาก จะบอกกล่าวอะไร แต่คุณคือหนึ่งในลมใต้ปีก ให้นกไฟบินต่อไปในไฟฝัน แห่งวิหคอมตะ ด้วยความขอบคุณอีกครั้งจากเบื้องบึ้งแห่งห้วง ใจ ครับ ราชิกา
16 มิถุนายน 2552 08:03 น. - comment id 1000541
อรุณสวัสดิ์งามๆเจ้าคุณ คนกุลา อ่านแล้วมองในด้านศิลป์ภาษา ใช้คำได้อ่อนช้อยงดงามเจ้า ขอชื่นชมในผลงานเจ้า แต่ยามนี้คงตื่นจากจินตนาการแล้วเนาะ เพราะสว่างแล้ว เจ้า ขอให้สุขสดชื่นแจ่มใสในเข้าวันใหม่เจ้า
16 มิถุนายน 2552 08:13 น. - comment id 1000543
ดุจดังฟ้าคำรามทำป่วนปั่น แผ่นดินสั่นภพแตกแยกเป็นส่วน ต้นไม้โอนแอ่นเอนไม่เป็นขบวน พายุหวนฝนหอบรอบริมบึง ปลาชะโดทั้งฝูงมุ่งเริงร่า รีบรุดฝ่าหญ้าแฝกแซกซอนฉึ่ง* ต่างกระโจนน้ำกระจายไขว่เคล้าคลึง ครั้นเมื่อถึงจุดหมายว่ายไม่เป็น ก็จะว่ายต่อไปทำไมเล่า เมื่อปลาเจ้าถึงจุดหมายที่ได้เห็น ที่รุ่มร้อนก็ผ่อนคลายได้ฉ่ำเย็น ในซอกเร้นหลืบลับจนหลับลืม รอวันตื่นคืนมาฟ้าฝนใหม่ ร่าเริงใจในนิทราว่าแสนปลื้ม เขียนบทอัศจรรย์ในวันหวังยังหยิบยืม เดินตาม อืม ว่ารายทางอย่างกลอนครู แบบว่า คิดถึงท่านภู่ นะครับ คุณอัลมิตรา
16 มิถุนายน 2552 08:23 น. - comment id 1000546
สวัสดี ครับคุณ ยาแก้ปวด ครับ กลอนบทอัศจรรย์ บทนี้ทำให้ผมเรียนรู้อะไรอีกมากขึ้นมากเลยครับ ขอบคุณ คุณยานะครับที่เข้ามาคอมเมนท์ แม้ผมได้ยังไม่ดีเลย แต่ก็อยากทำตามอย่างครูกลอน นะครับ ที่พูดอย่างนี้มิได้หมายความว่า ผมจะเขียนบทอัศจรรย์ ออกมาบ่อยๆ หรอกนะครับ ... ผมรับรู้ถึงความยากในการเขียน เกลาแล้ว เกลาอีก ระมัดระวังมากกว่ากลอนอื่นๆเป็นสิบๆเท่า เพราะกลัวออกมาไม่งาม และกลับ หยาบคาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการและไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการเขียน บทอัศจรรย์เป็นความงาม แต่จะเขียนอย่างไรให้งาม จะเม้นท์อย่างไรให้ยิ่งงาม และ กระทั่งการตอบเม้นท์ ให้แสนงาม เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้ครั้งนี้ ใช่ครับคุณยา ท่ามกลางความระทึกใจในแรงสะท้อนกลับ ทั้งบวกและลบ จึงขอขอบคุณ ในการมาเม้นท์ ที่ทำให้ผมยึดเป็นการให้กำลังใจ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
16 มิถุนายน 2552 08:35 น. - comment id 1000549
เพื่อนมิตรครับ ต้องเตรียมตัวไปทำงานก่อนนะครับ แล้วจะกลับมาตอบทุกคอมเม้นท์ เพื่อขอบคุณทุกดวงใจที่ใสงาม ขอบคุณทุกกำลังใจ ในท่ามห้วงสิเน่หาแห่งบทอัศจรรย์อันแสนสุนทรีย์ ครับ คนกุลา รังนกพญาไฟ กลางวสันต์
16 มิถุนายน 2552 09:28 น. - comment id 1000609
16 มิถุนายน 2552 10:46 น. - comment id 1000672
สวัส ดีครับคุณมะกรูดครับ บทอัศจรรย์ ในวรรณกรรมไทย ผมคิดว่า เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งเพราะเรื่องนี้เป็น ของต้องห้าม หากในความเห็นของกวีส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม ซึ่งผมเห็นด้วย ในเจตนาแล้วอยากถ่ายทอดความงดงามนั้นผ่านบทกวี แต่คงยังทำได้ไม่ดีเลย แต่เมื่อไม่ถึงกับอล่างฉ่าง ก็นับว่าผมเองก็พอใจแล้ว ครับ ขอบคุณ ที่สร้างความลำบากใจในการเข้ามาคอมเมนท์ ในกลอนบทนี้ ครับ ขอบคุณ อีกครั้งในไมตรี ครับ คุณมะกรูด ครับ
16 มิถุนายน 2552 10:54 น. - comment id 1000676
อัลมิตราเพิ่งจบการอ่านหนังสือขุนช้าง-ขุนแผน ที่เพื่อนส่งมาให้อ่าน 2 เล่มจบ จุดประสงค์คืออยากให้อัลมิตราได้อ่านบทเสภา เผื่อจะเกิดไอเดียดี ๆ ในการเขียนบ้าง บทอัศจรรย์ในเล่มก็มีหลายฉากหลายตอน เริ่มตั้งแต่พลายแก้วย่องหานางพิมพิลาไลย พลายแก้วกับนางสายทอง พลายแก้วกับนางแก้วกิริยา พลายแก้วกับนางลาวทอง พลายแก้วกับนางบัวคลี่ ขุนช้างกับนางวันทองก็ยังมีนะ นี่คือ รุ่นพ่อ ถัดมารุ่นลูก พลายงามกับนางศรีมาลา พลายงามกับนางสร้อยฟ้า ครบหรือยังเนี่ย นึก ๆ อยู่ .. ยังมีบางตอนในฉากที่ชาวบ้านผ้าผ่อนหลุดลุ่ยบ้าง .. ทว่า ไม่ใช่บทสังวาส ช่วงนี้ตาบวมนิด ๆ แต่อัลมิตราคิดว่า อัลมิตราคงไม่ได้เป็นตากุ้งยิงแน่ ..ฮา ถ้าจะให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทอัศจรรย์ อัลมิตราก็เคยเขียนนะ "ก่อนอุษาจะสาง" แล้วก็มีคนมาคอมเมนท์ในหลาย ๆ เชิงความคิดเห็น บางความคิดเห็นก็มองอัลมิตราติดลบสุดขั้ว คุณกุลา คนเคยไปวัดพระแก้วนะ ปูนนี้แล้ว ถ้าไม่เคยไปก็แปลกเนอะ .. ฮา นอกจากบรรดายักษ์ต่าง ๆ ที่ยืนเด่นเฝ้าอารามหลวง จิตรกรรมฝาผนังก็น่าสนใจมากเชียว แล้วคุณกุลาเคยเดินดูทั่ว ๆ มั๊ย บางผนังมีบทอัศจรรย์แทรกอยู่ด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้สังเกต ไว้วันหลังอัลมิตราจะชี้ให้ดู .. นั่นวัดนะเนี่ย .. แถมยังเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองอีกต่างหาก หากใครคิดว่า บทอัศจรรย์เป็นบทอุบาทว์ล่ะก็ คงสัยต้องชวนกันไปรื้อผนังวัดแล้วล่ะ ฮ่วยยยย เหมือนมาช่วยเคลียร์คดียังไงก็ไม่รู้ .. ๕๕๕ รับสินบาทคาบสินบนมา ก็เงี๊ยะ งานหนัก งานหนัก *** ก่ อ น อุ ษ า จ ะ ส า ง *** ..๏ บ น ล า น จั น ท ร์ รั ญ จ ว น อ บ อ ว ล รั ก เ ยื่ อ ใ ย ถั ก แ ท น แ พ รบ า ง ห่ ม ร่า ง ข วั ญ ร า ต รี เ ริ่ ม ม น ต์ ร่ำ ส า น สั ม พั น ธ์ ก ร ะ ซิ ก สั่ น ก ร ะ ซิ บ แ ก้ ว เ พี ย ง แ ผ่ ว เ บ า แส ง จั น ท ร์ น ว ล เ นื้ อ เ นี ย น ใ จ เ จี ย น ข า ด ไ ฟ ส ว า ท อ่ อ น โ ย น แ ต่ โ ช น เ ผ า เ นื้ อ ต่ อ เ นื้ อ อิ ง แ น บ แ อ บ อุ่ น เ น า ก า ย ใ จ เ ร า ร่ ว ม ผ ส า น ห ว า น ล ะ มุ น โ ด ย ดื่ ม ด่ำ ล้ำ ลึ ก รู้ สึ ก ไ ด้ ล่ อ ง ล อ ย ใ น ค ว า ม ฝั น อั น อ บ อุ่ น ทุ ก นุ่ ม น ว ล เ ส น่ ห์ เ นื้ อ เ ธ อ เ จื อ จุ น ค ว า ม ห อ ม ก รุ่ น ก ล่ อ ม ใ ห้ ใ จ ร ะ รั ว ร า ว ค ลื่ น โ ถ ม โ ล ม ห า ด ไ ม่ ข า ด ส า ย จ น ห ลื บ ท ร า ย ซั บ ฟ อ ง เ จิ่ ง น อ ง ทั่ ว ห ย า ด น้ำ ผึ้ ง พ ร ะ จั น ท ร์ ยิ่ ง ก ลั่ น ตั ว ยิ่ ง พั น พั ว พ ร่ำ พ ล อ ด ต ล อ ด คื น ๚ะ๛
16 มิถุนายน 2552 10:55 น. - comment id 1000679
คุณ ใบตอง ครับ ต้องขอบคุณอย่างมากที่เข้ามาชมและกรุณาให้ เม้นท์ไว้ นับเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง ครับ สำหรับกลอนบทอัศจรรย์ ยากทั้งการเขียน การเม้นท์ การตอบเม้นท์ครับ เพราะมันเป็น เรื่องที่อ่อนไหว ต่อความรู้สึก วัฒนธรรมและ ศีลธรรม ผมจึงชื่นชมคุณใบตองที่กล้าฝ่ากำแพงออกมาเม้นท์ ให้ผม และผมถือเป็น กำลังใจอย่างมาก ในหนักร้าวของคืนค่ำที่ อัศจรรย์บทนี้ ลอยอยู่หน้าเว็บ ในท่ามกลางการตำหนิของหลายคน ก็มีอีกหลายกำลังใจ ที่ไหลหลั่งมา หนึ่งในนั้นคือคุณใบตอง ขอขอบคุณในมิตรไมตรี นะครับ
16 มิถุนายน 2552 11:09 น. - comment id 1000681
แด่อนงค์นาง บ่เป็นหยังดอก นางแค่มาให้เห็นหน้ากะดีใจ๋ หลายแล้ว อ้ายเข้าใจดีว่า การเขียนเม้นท์ การอ่านบทอัศจรรย์ซึ่งมองต่างกัน และแสนอ่อนไหวนั้น ทำได้ยาก แค่น้องนาง หล่ามาย๋าม กะเป็นกำลังใจหลายนักแล้ว เน้อ เจ้า เอย แสดงว่าอ้ายยังเขียนได้บ่ดี นางถึงต้องปิดหน้าปิดตา รอเทื่อหน่าฟ้าใหม่ สิเขียนใหม่ ให้งามขึ้นเด้อนาง เด่อ
16 มิถุนายน 2552 11:16 น. - comment id 1000683
คุณ ม่านดอย ครับ ถือเป็นคอมเม้นท์ ที่ผมอ่านแล้วถือเป็น การเม้นท์บทอัศจรรย์บทนี้ได้งามแสนงาม จนผมเองหากเป็นผู้เม้นท์ไม่ทราบว่าจะเม้นท์ ได้งามขนาดนี้หรือไม่ ไม่เพียงผู้เขียน เพราะ ผู้อ่านและผู้เม้นท์ก็เดินเลาะเลียบปากเหวลึกเช่นกัน ระหว่างบทกลอนที่ยกไว้ หากต้องชั่งระหว่างไมตรีกับเขียน และความกดดันจาก สังคมรายรอบ การกลั่นออกมาอย่างเหมาะสมของคุณม่านดอย ผมชื่นชมและนับถือ ครับ ก็เป็นเพียงบทกลอนอัศจรรย์บทหนึ่ง ใคร หนอพร่ำสอนผมมาได้หลายราตรี ว่าเพียงบทกวี หากว่าวันนี้ ใยเธอจึงมิเข้าใจความที่พร่ำสอนกัน ด้วยไมตรีจิต ยิ่งล้ำครับ
16 มิถุนายน 2552 11:18 น. - comment id 1000685
คุณเพียงพลิ้ว ครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยม ครับ
16 มิถุนายน 2552 11:35 น. - comment id 1000688
คุณอัลมิตราครับ ขอบคุณ ที่ช่วยมาคอมเมนท์ตั้งแต่เมื่อคืน ตลอดจนเช้านี้ ผมในฐานะผู้เขียนบท อัศจรรย์รุ่นน้อง ก็ต้องคารวะรุ่นพี่เป็นธรรมดา ผมเรียนรู้หลายอย่างๆมาก จากเขียนบทกลอนในวันวาน"กลางรัญจวน" เขียนโดยไม่ไปอ่านกลอนครูให้แตกฉาน ก็เลยต้องอ่อนไหวไปกับพายุอารมณ์รอบข้าง และพายุอารมณ์ในใจ ไปพอสมควร ดีแต่ได้คุณ อัลมิตราและอีกหลายท่านเป็นกำลังใจให้ จนผมสามารถมาตอบเม้นท์ได้ด้วยใจที่ใสว่าง แล้ว ครับ เทียบกันบทต่อบท บาทต่อบาท แล้ว กลางรัญจวน ฤๅ จะสู้ ก่อนอุษาจะสาง ได้ ด้วยความขอบคุณในไมตรี และชื่นชมในฝีมือกลอน ครับ มีบางใครเสียอีกที่พร่ำสอนผม ว่าทั้งหมดนั้น มันคือบทกลอน คือคำร้อยถ้อยพจน์ มาวันนี้เพียงถ้อยรจน์พจน์นี้ กลับพิโรธผมจนไม่ดูดำดูดี ดังตัดเป็นตาย เฮ้อ ... ก็ดีไปอย่าง ทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้น อีก ว่า เมื่อประทับใจกันผ่านถ้อยพจน์ เมื่อยามรจนาฝันอันสดใส ก็เกี่ยวเกี้ยวเรียวร้อยสร้อยดวงใจ เมื่อเปลี่ยนไปกวีฝัน...ขาดกันเลย สำนึกในไมตรี ครับ
16 มิถุนายน 2552 11:55 น. - comment id 1000699
ถึงผู้เฒ่าขี้งอน นี่ ๆๆๆๆ ...ขนาดขุนช้างแห่งเมืองสุพรรณ หัวล้านดั่งนกตะกรุม ยังไม่แสนงอนเท่านี้เลยนะคะ ที่จริงแล้ว อาจไม่ได้เป็นความรู้สึกรุนแรงขนาดนั้นก็ได้ ทว่าหัวใจของคุณไหวเอนเกินไป (หรือเปล่า) เอาง่าย ๆ นะ .. ในประโยคเดียวกัน หากเป็นบุคคลอื่นกล่าว คุณอาจจะรู้สึกแค่ร้อนผ่าวนิด ๆ แล้วก็อาจลืมโดยเร็ว แต่ถ้าเป็นบุคคลที่คุณให้ความสำคัญในระดับหนึ่งเป็นคนกล่าว คุณจึงรู้สึกว่ามันหนักหนาสาหัสมาก ช่างตัดพ้อเสียจริง เดี๋ยวชวนไปตัดหญ้าที่ราชบุรีเลยนิ .. สงสัยคงมีพลังมากเหมือนขุนช้าง ฮา .. ปล . คงไม่มีกลอนลา อีกนะ .. ลาเก้อ ไปทีนึงแล้ว ถ้าลาอีกทีล่ะก็ .. ลาบวชเลยละกัน จากจอมป่วนประจำเวป
16 มิถุนายน 2552 12:02 น. - comment id 1000705
เมื่อวาติดเรทไว้หน้าบ้านเลยเข้ามาแต่ไม่แสดงตัว วันนี้เอาป้ายเรทอาร์ ออกแล้วจึงเข้ามาแล้วแสดงตัว สรุปได้อ่านตั้งสองรอบ555
16 มิถุนายน 2552 12:54 น. - comment id 1000751
ใจเย็นๆน้า เดี๋ยวอะไรอะไรก็ดีขึ้นเอง บางทีเขาอาจจะรับไม่ได้แค่ชั่วครู่เท่านั้นแหละน่า อย่าคิดมากสิ กลับมาขี้งอนขี้น้อยใจอีกแล้ว เวลาจะทำให้ทุดสิ่งดีขึ้น อย่าเพิ่งมองอะไรในแง่ร้ายอย่างนั้นจิ เอิงเป็นกำลังใจให้น้า นึกถึงวันที่ดีๆเข้าไว้ อย่าเอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินจิ ใจเย็นๆจ้าใจเย็นๆ อย่าคิดมากๆ คนปลอบปลอบจนเหนื่อยแล้วน้า คริๆคริๆคริๆ
16 มิถุนายน 2552 15:47 น. - comment id 1000875
สวัสดี....ยามเย็นจ้า....
16 มิถุนายน 2552 16:11 น. - comment id 1000888
อุ๊ย...ดีนะที่เฌออายุเกินแปดสิบ เอ๊ย สิบแปด อ่านแล้ว...ปั่นปวนหัวใจเหลือหลาย อิอิ
16 มิถุนายน 2552 16:16 น. - comment id 1000891
อย่างนี้เรียกว่าโป๊แต่ไม่เปลือยใช่เปล่าคะ เรียนเพลงกานท์พุดลาภายังไม่จบหลักสูตร ก็ต้องลงทะเบียนเรียนการเขียนบทอัศจรรย์(เรทอาร์)อีกแล้ว มิน่าล่ะที่หิมาลัยในฟากฟ้า.ฝัน วันนั้นมีบทนี้ด้วย "หากวันนี้พี่ยามาด้วยเจ้า คงชื่นเคล้าพวงละออกอไม้ไหว ชื่นประทับกับฤดีจากที่ไกล หิมาลัยฟากฟ้าฝันนิรันดร"
16 มิถุนายน 2552 16:59 น. - comment id 1000918
คงคิดมากแต่ไม่น้อยใจ แล้วหละครับ นิลเทวี ก็คงค่อยๆแก้กันไป ครับ เขียนไปแล้วก็ต้องรับทั้งก้อนอิฐและดอกไม้ แหละครับ จะไม่ให้อารมณ์ตัวมา เป็นเหตุให้น้องๆเหนื่อยใจ อีกแล้ว ครับ นิลเทวี
16 มิถุนายน 2552 17:04 น. - comment id 1000926
คุณ อัลมิตรา ครับ รับฟังด้วยความเคารพ ครับ และก็พยายามคิดตามโดยพยายามทำจิตใจให้สงบ เรื่องนี้มี ทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่ไม่เห็นด้วย พอดี คนที่เราแคร์มากมีความเห็นก็ เจ็บมากเป็นธรรมดา แต่คงยังไม่คิดลงกลอนลา ให้คุณอัล มิตราและบางน้องๆต้องวุ่นวายอีกหรอก ครับ
16 มิถุนายน 2552 17:07 น. - comment id 1000929
ขอบคุณ คุณโคลอนที่มาเยี่ยมแต่ไม่แสดงตัว เมื่อวาน แต่มาแสดงตัววันนี้ ครับ หากมีอะไรจะวิจารณ์เชิญได้เต็มที่ เสมอ ครับ เรื่องนี้มีกันหลายความเห็น นะครับ
16 มิถุนายน 2552 17:09 น. - comment id 1000930
สวัสดี ยามเย็น เช่นกัน ครับ คุณ whitelily ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันนะครับ
16 มิถุนายน 2552 17:12 น. - comment id 1000932
คุณ เฌอ ครับขอบคุณที่มาเยี่ยม ครับ ต๊ กกะใจ นึกว่าอายุ แปดสิบ จริงๆเสียอีก ครับ ก็เป็นบทกลอนประเภทหนึ่ง เท่านั้นเอง ครับ
16 มิถุนายน 2552 17:21 น. - comment id 1000936
คุณรอยทราย ครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยม เสียใจนะครับที่ทำให้คนเคยศรัทธาเสียความรู้สึก ยินดีรับฟัง ครับ ส่วนกลอน หิมาลัยนั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็น บทอัศจรรย์ แต่อย่างใด ครับ หากวันนี้พี่ยามาด้วยเจ้า คงชื่นเคล้าพวงละออกอไม้ไหว ชื่นประทับกับฤดีจากที่ไกล หิมาลัยฟากฟ้าฝันนิรันดร" คงชื่นเคล้าพวงละออกอไม้ไหว เคล้า ในที่นี้คงหมายถึงเคล้าคลอเคลีย เพราะคนที่ไปเป็นคู่เขาจะยืนโอบกอดกันเพราะหนาว นะครับ ส่วนดอกไม้ใบไม้ในวันนั้นบนหิมาลัยค่อนข้างแรงดอกไม้ ใบไม้ไหว จริงๆ ไม่ได้มี เจตนา ใหเป็นบทอัศจรรย์แต่อย่างใด ครับ ส่วนบท กลางรัญจวนยินดี รับฟังคำวิจารณ์ เพราะเจตนาจะเขียนให้เป็นบทอัศจรรย์ จริงๆ ครับ คุณรอยทราย เสียใจจริงๆที่ทำให้คุณเสียศรัทธา ด้วยความเคารพและระลึกในน้ำใจ เสมอ นะครับ
16 มิถุนายน 2552 18:59 น. - comment id 1000949
อ้ายคนกุลาเอ๋ย น้องนางไม่ได้คิดตำหนิหรือไม่เห็นด้วยกับกลอนบทนี้ดอกอ้าย เพราะเรื่องนี้เป็นความงดงามตามธรรมชาติของมนุษย์ ที่ยังเวียนว่ายในกิเลส ไม่สิ้นสุด กลอนที่อ้ายแต่ง ใช้ภาษาสละสลวย งดงาม มองเห็นภาพตามจินตนาการ แต่น้องขอแสดงความคิดเห็นจากใจจริงหวังว่าอ้ายคงไม่โกรธ เพราะน้องเป็นคนชอบพูดอะไรตรงๆจากใจ ถ้าน้องรักใครสักคนแล้ว มันเป็นความรักที่มากกว่าเรื่องของธรรมชาติทางกาย เป็นความห่วงใย อยากให้เขาพ้นทุกข์ อยากเห็นเขามีความสุข น้องคงไม่อยากให้คนรักบรรยายความงดงามระหว่างชายหญิง ที่มันเป็นส่วนตัวของคนสองคน แบบเห็นภาพหมดจด ไม่อยากให้สาธารณชนรับรู้ เพราะมันเขินจ้า บอกตรงๆ คำว่ารักที่ผู้หญิงเอ่ย ส่วนมากจะคิดไปอีกแนว แบบจริงใจ คิดถึง ห่วง หวง เศร้า มากกว่า มันลึกซึ้ง อมตะกว่าอย่างอื่นซึ่งมีเกิดและดับ ไม่จบสิ้น น้องยังคงเคารพอ้ายเหมือนพี่ชายเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นกลอนแบบไหน อ้ายก็แต่งได้ไพเราะไม่เสื่อมคลาย
16 มิถุนายน 2552 19:27 น. - comment id 1000958
อ้าว..ซะงั้นเลย.. ศรัทธาไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ในทุกจิต ทำนองเดียวกันก็คงไม่เสื่อมสลายไปง่ายๆหรอกค่ะ อะไรหนอ ทำให้เข้าใจไขว้เขวไปเสียได้ อุตส่าห์ตั้งอกตั้งใจมาลงทะเบียนเรียนวิชาเพิ่มเติมจากพุดลาภา คราวนี้จะเรียนวิชาการเขียนบทอัศจรรย์อย่างไรให้งดงาม ส่วนที่เข้าใจผิดก็ขออภัย (.....) เสียงอะไรแตกอยู่ไกล้ๆ แต่ไม่เป็นไร บรรยากาสโดยรวมยังดีอยู่มากๆ ดูเหมือนว่าจะมองกันไปคนละมุม หรือเจตนาจะส่งผ่านถึงใคร (จันทร์กระพ้อจะร่วงพรูอีกแล้ว) อย่ากังวลเลยค่ะศรัทธายังเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม เอาเป็นว่าพอใจกับประโยคนี้ค่ะ "บทอัศจรรย์เป็นความงาม "แต่จะเขียนอย่างไรให้งาม จะเม้นท์อย่างไรให้ยิ่งงาม และ กระทั่งการตอบเม้นท์ ให้แสนงาม " คุณคนกุลาใช้คำสวยเสมอ เข้าใจว่าการประดิษฐ์ถ้อยร้อยเรียงให้ได้สวยงามในทุกเรื่องราวเป็นศาสตร์และศิลป์ ศิลปะบางแขนงก็ไม่นับว่าเป็นศาสตร์ใช่มั้ยคะ ศาสตร์บางศาสตร์ก็ไม่ใช่ศิลปะเลยในบางมุมมอง ศิลปะกับอนาจารจึงเป็นหัวข้อที่ยังถกกันอยู่ได้เหมือนไก่กับไข่ ซึ่งก็ต้องเล็งเป้าไปที่เจตนาแล้ว เข้าใจเจตนาผิดก็วาดภาพผิดไปเลยใช่มั้ยคะ แปลเจตนาผิดก็คือจินตนาภาพติดลบ เพราะอย่างนี้ใครที่เคยคอมเมนท์ไว้ว่า รักแต่บทกลอนไม่ได้รักคนเขียนกลอนก็ผิดแล้วใช่ไหมเล่าเอย.. (จบอย่างนี้เลย ก็คนอ่านตั้งมากมาย คนอ่านส่วนใหญ่ถ้าเฉยก็แปลเจตนาได้ว่ายอมรับถ้าไม่ยอมรับเว็บกระเจิงไปแล้วอ่ะค่ะ) ยังอมตะอยู่ไหมนกไฟในวสันต์?
16 มิถุนายน 2552 20:59 น. - comment id 1001043
แด่น้องน้อยอนงค์นาง นับเป็นคำกล่าวให้กำลังใจที่มีค่ายิ่ง และก็เป็นมุมมองในการแลกเปลี่ยนที่ พี่ต้องรับฟัง ด้วยเหตุและผล ที่พี่จะได้เรียนรู้ และจดจำไปใช้เป็นข้อพึงระวังในการเขียน งานต่อๆไป รวมทั้งในการใช้ชีวิตด้วยเช่น กัน อนงค์นางเอย ไยพี่ต้องโกรธ เจ้า เมื่อ การเสนอความคิดกันโดยตรงไปตรงมา พี่กล้าเขียน ก็ต้องกล้ารับฟังคำวิจารณ์ตรงๆ ด้วยจิตใจที่น้อมรับฟังไม่ว่าจากใคร ก็ตาม ยิ่งน้องกล้าพูดตรงๆแบบนี้ พี่ยิ่งรักน้องมากยิ่งขึ้นนะซีไม่ว่า เนาะ หล่า เนาะ.....
16 มิถุนายน 2552 21:08 น. - comment id 1001049
รอยทราย... เพียงสองคราคราวเท่านั้น ที่เราเจอกัน ผมไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร แต่คุณคือคนที่เข้า มานั่งอยู่ในใจผม ทั้งสองครั้งครา แม้คอมเม้นท์แรกจะดูแปลกแปร่ง จนใจไหว แต่ด้วยคอมเม้นท์หลังนี้ ผมพร้อมที่คุกเข่าลงเบื้องหน้าคุณ พร้อมรับฟังคำตำหนิใดๆโดยดุษฎี...นะรอยทราย เพราะ...บุคคลเช่นนี้ คนกุลา มิมีมากเลย ในชีวิต จริงจริง ครับ
18 มิถุนายน 2552 15:16 น. - comment id 1001774
สวัสดีค่ะ รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยค่ะ เมื่อได้อ่าน
20 มิถุนายน 2552 12:41 น. - comment id 1002658
ขอบคุณ นะครับคุณ somebody ที่ช่วยเพิ่มมุม มอง ในการรับฟังและอ่านบทอัศจรรย์ แห่ง งานเขียน กลอน ขอให้มความสุขกับวันพักผ่อนนะครับ