*** เมตตา *** อันเมตตาภิขเวเจโต ย่อมสุขโขแก่ผู้ที่สู่หา วิมุตติมายะย่อมจะพา นิพานาอมฤทธิพิชิตมาร ทุคคะติโสนะคัจฉะติ มิบานผลิเกิดผู้สู่สงสาร ก่อกำเนิดแก่จิตมิคิดพาล ยากรอนรานแก่ใจมิให้มี ผู้มีศีลจะปลดกำหนดจิต สมาธิคิดปัญญาพาเกษมศรี ปราศมลทินนอกในไร้ราคี สร้างชีวีพบสุขทุกวันคืน พูดนั้นง่ายทำยากมากเหลือล้น แต่ละคนอยากได้ไม่คิดฝืน ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงมิยั่งยืน รินไหลรื่นเก็บไว้สู่ในทรวง จนกำเนิดเจ็บตายเวียนว่ายเกิด สิ่งเลอเลิศเพริศแพร้วแนวแมนสรวง ล่อหลอกในห้วงหทัยคล้ายใยยวง สร้างเป็นบ่วงผูกมัดจัดเวรกรรม ล้วนอวิชชาปรุงแต่งเข้าแฝงไว้ แตกก้านใบรากลึกตรึกจนถลำ จิตคนเราเกิดดับนับครอบงำ เกิดระส่ำยากเข็นลำเค็ญกาย ตามองรูปเกิดรักประจักษ์สร้าง ตามรูปร่างผลผลิตมิปลิดสลาย หลงจนเพ้อละเมอพร่ำย้ำใจ ยากมลายไว้มิตัดให้ขาดตอน เป็นสิ่งแรกแฝงไว้ให้กายสร้าง มิลบล้างแปรเปลี่ยนเวียนสลอน ก่อนกำเนิดเป็นมนุษย์สุดร้าวรอน ผ่านขั้นตอนเวรกรรมล้วนนำพา ความเมตตาปรานีนี้ควรสรรค์ กรุณานั้นปฏิบัติมิกังขา เป็นสิ่งแรกค้นหาแล้วนำมา จิตย่อมล้าต่อเวรเคยเช่นทำ ไขว่ค้นสิ่งอิงแท้แม้ยากเข็น ย่อมหากเช่นปลดรักมักจะขำ ลึกซ่อนเร้นในห้วงดวงใจจำ เข้างอกงำดุจรากฝากแผ่นดิน ด้วยสิ่งนี้ฝากไว้ในแดนโลก แล้วเข้าโขกกระทำย้ำหมดสิ้น สร้างเมตตากรุณาเป็นอาจินต์ ย่อมหลีกดิ้นต่อมารผ่านตัวเรา ตัดความอยากพรากโลภและโกรธหลง ทิฏฐิปลงเยื้อใยที่ใคร่เฉลา ฝึกคำสอนพุทธะมาลดเอา จิตจะเบาละวางสร้างในตัว เกิดเป็นสุขทุกข์หายมลายสิ้น ย่อมโผผินบินไปไร้สิ่งสลัว อิสสระจะนำไว้ไร้เกรงกลัว สิ่งยวนยั่วหนีหายไร้มลทิน ค่อยค่อยฝึกแล้วทำน้อมนำจิต หมายพิชิตต่อมารผลาญเสียสิ้น ประภัสสรประเสริฐเลิศอาจินต์ หมดสิ่งถวิลเมตตาพานิพพาน. *** แก้วประเสริฐ. ***
8 มิถุนายน 2552 16:09 น. - comment id 996672
ความเมตตา ช่วยให้สังคมน่าอยู่ มีความสุขค่ะ ขอบคุณที่เมตตาหนูค่ะ
8 มิถุนายน 2552 16:29 น. - comment id 996675
แวะเยี่ยมคุณครูค่ะ กว่าจะก้าวข้ามสะพานแห่งความดีได้ มันยากมากค่ะคุณครู แต่ศิษย์ ก็จะไม่ลดละเจ้าค่ะ
8 มิถุนายน 2552 17:01 น. - comment id 996686
สาธุ(ประดิษฐ์)
8 มิถุนายน 2552 17:28 น. - comment id 996714
กราบขอบคุณคุณครูที่แนะนำสอนสั่ง ศิษย์ยังมีกิเลสมากมาย หวังว่าจะทำได้บ้างนะคะ
8 มิถุนายน 2552 18:51 น. - comment id 996739
แต่งเยี่ยมครับ ^ ^ เข้าใจง่ายดีครับ จริงๆโลกเราถ้าไม่มี"เมตตา" สงสัยแหลกกันไปแล้ว
8 มิถุนายน 2552 19:17 น. - comment id 996753
สาธุคะ
8 มิถุนายน 2552 19:58 น. - comment id 996800
เมตตาธรรมค้ำจุนโลกค่ะ.. ลุงแก้วสบายดีนะคะ..
8 มิถุนายน 2552 20:45 น. - comment id 996836
บทกลอนธรรมา..ยังร่ายได้วิจิต รเช่นเดียวกันครับครู ..ที่สำคัญ ลำดับได้.เป็นขั้นตอนดีมากครับครู รักษาสุขภาพด้วยครับ
8 มิถุนายน 2552 20:52 น. - comment id 996843
...ใกล้วันเกิดแล้ว...ราชิกา..มาขอ..เมตตา..จากแฝดเพื่อนค่ะ...คิดถึงนะคะ..ดูแลสุขภาพนะคะ..เป็นห่วงค่ะ...
9 มิถุนายน 2552 18:23 น. - comment id 996988
คุณ แก้วประภัสสร ศิษย์เราการลุล่วงสะพานนี้ไปได้ก็อาศัยความ เป็นคนมี สัจจะ นำพาเมตตา คนทีเป็นคนมีเมตตา ย่อมเป็นที่รักของเทวดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย จิตย่อมผ่องใสบรรลุล่วงเข้าสู่นิพพาน เพราะอย่าง น้อยศีลห้าย่อมมิอาจจะขาดหล่นไปได้ ในศีลห้านั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าถือว่า ข้อที่ห้านั้นสำคัญยิ่งกว่า ศีลทั้งสี่ข้อ เพราะหากขาดข้อที่ห้านั้นก็คือการขาดสติ และสัมปชัญญะ ย่อมกระทำในการ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต รวมถึงการทรมานสัตว์ ย่อมสามารถฉ้อฉลโกง ขโมยอะไรก็ได้ ผิดลูกผิดเมียเขาก็ได้ คำพูด ย่อมมดเท็จเป็นต้น ฉนั้นศึลข้อนี้จึงสำคัญกว่า พระองค์จึงนำมาไว้เป็นสำคัญ โดยฝึกจากง่าย ไปหายาก หากมีข้อนี้แล้วย่อมจะพ้นจากอบาย ได้ง่ายที่สุด เพราะข้อสำคัญนี้จะรวมไปถึง โลภะ โมหะและโทสะอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นข้อที่สำคัญ เพราะขาดสติสัมปชัญญะขาดการระลึกสิ่งที่ดีดี ขาดความรู้ตัวในการกระทำเป็นต้นจ้า การทาน สุราเมระยะปะชะนั้นหากไม่ปราศจากสติสัมปชัญญะ นั้นก็ผิดแค่เล็กน้อย ส่วนข้อรองลงมาคือข้อ กาเม จ๊ะ อิอิ การเป็นมนุษย์ได้ย่อมต้องมีเมตตาเป็น หลัก การจะทำได้ต้องถือ สัจจะให้มั่นคงไว้ด้วยนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 07:33 น. - comment id 997001
นโมมนัสน้อม สักการ ครับ "เมตตา"ธรรมค้ำจุนเกื้อหนุนโลก "กรุณา"ดังลมโบกไล่โรคร้าย "มุทิตา" ว่าเธอหวังฝังอบาย "อุเบกขา" วางใจได้กลางสายธรรม "สุทธิ"ธรรมนำใจให้กำหนด แจ่มใสสดจนผุดพร่า"ปัญญา"ล้ำ "เมตตา"คนสนใจต้องใฝ่ทำ "ขันติ"ย้ำครองตนจนพ้นภัย อันหลักธรรมคำสอนสืบก่อนเก่า ตั้งแต่เรานวดนาดอยู่ชาติไหน เวียนวนวงหลงชีวีที่ภพใด ธรรมเป็นใหญ่อยู่ค้ำฟ้ามาเนิ่นนาน ทำได้บ้างบางอย่างและบางสิ่ง เอาความจริงเป็นตัวตั้งหวังประสาน จับอารมณ์ข่มนิวรณ์มารอนราน เพราะมีมารของสัญญามาตัดรอน ขอสังขารวานหวังใจตั้งนิ่ง สถิตย์พิงลมหายใจไม่ไถ่ถอน จนสมถะพร่าพรายไร้อาทร ค่อยค่อยผ่อนสู่วิปัสนามาน้อมนำ ทุกอย่างรวมร่วมหวังดังนิมิต ปัญญาจิตก็จับพร่างสว่างล้ำ มาขอบคุณแก้วประเสริฐเลิศลำนำ พอให้ย้ำเจ้านกไฟได้ฝึกตน ขอบคุณ ธรรมะจัดสรรค์ นะครับ ขอ อนุโมทนาบุญ ครับ คนกุลา รังนกไฟ ในกลางวสันต์ ยามเยี่ยมสนทนาธรรม กับท่านแก้วประเสริฐ
9 มิถุนายน 2552 11:15 น. - comment id 997100
อิอิแจ้นเองอยากได้เมตตามหานิยม แวะมาอ่านกลอนคุณแก้วค่ะ แล้วเอาไปปฏิบัติดีนักแล ขอบคุณค่ะคุณแก้ว ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ
9 มิถุนายน 2552 12:06 น. - comment id 997161
เมตตาธรรมค้ำจุนโลกนะคะ
9 มิถุนายน 2552 17:23 น. - comment id 997253
สวัสดีค่ะ มะกรูดมาขอรับเมตตา จากคุณแก้วฯ ค่ะ
9 มิถุนายน 2552 18:08 น. - comment id 997289
คุณ ครูกระดาษทราย พรหมวิหารสี่นั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เสมอๆ เป็นหลักการณ์ของคนที่จะเป็นใหญ่ต่อไป หากขาดสิ่งนี้แล้วย่อมจะไม่สามารถสร้างผลงานอัน ยิ่งใหญ่ได้ครับ และมักจะเน้นคำ "เมตตา" เป็น หลักเสมอๆครับ รักเสมอ คำรักเสมอนี้ก็เป็นเมตตา หนึ่งในสี่ครับ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 18:27 น. - comment id 997291
คุณ อัลมิตรา จ้า สาธุ(ประดิษฐ์)นั้นสมัยจะหนุ่มท่องเที่ยวเสีย ปรุจนถึงท่าน้ำตาท้วมที่ดังเพราะขายเหล้าโด่งดังคือ กระแช่ น้ำเมา ขายอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาจ้ายอดหญิง สงสัยว่าจะเคยได้ยินคุณพ่อเล่าให้ฟังหรือเปล่าหนอ คิดว่าคงทราบดีเพราะเป็นเจ้าถิ่นเสียด้วยซี รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 18:56 น. - comment id 997305
คุณ อนงค์นาง ไม่เป็นไรหรอกศิษย์เรา การเขียนกลอนธรรม นั้นยากกว่าการเขียนกลอนทั่วๆไปเพราะต้องรู้ซึ้ง ถึงคำสั่งสอนด้วย ตลอดจนต้องผ่านการอ่านพระธรรม ทั้งหลาย ผมเองนั้นเกิดอยากบวฃตอนเป็นข้าราช การนั้นขอยากเย็นยิ่งนัก แต่ที่หน่วยงานผมมีการ แทนเวร ผมไปขออนุญาตผู้บังคับบัญชาขอลาบวข คิดว่าแค่ 15 วันโดยอาศัยการแทนเวรให้เพื่อน ช่วยแทน ต่อมาก็เกิดซึ้งในพระธรรมเลยขอลา จนครบพรรษา สงสัยด้วยอนิสงฆ์ผลบุญของผม ที่ตั้งใจปฏิธรรมมิให้ขาดทุกขั้นตอน เช้าบิณฑบาตร ฉันท์เสร็จลงโบสถ์ก่อนเข้าโบสถ์ปลงอาบัติทุกๆ ครั้งอย่างสม่ำเสมอ เสร็จเดินจงกรมรอบโบสถ์ สามรอบแล้วหันหน้าไปทางหลุมฝังศพแผ่ส่วน ผลบุญให้วิญญาณทั้งหลาย พอตกสายก็เข้าโบสถ์ นั่งสมาธิฝึกเองไม่มีอาจารย์ เจอประสบการณ์ใน ขณะจิตรวมตัวเป็นหนึ่งนั้นหูได้ยินเสียงเปิด ประตูโบสถ์ทั้งๆที่ผมปิดไว้แล้วตลอดจนหน้าต่าง ก็เปิดออกด้วย ผมต้องออกจากสมาธิไปมองพิสูจน์ แต่พบว่ายังปิดเหมือนเดิม ด้วยจิตที่มั่นคงจึงเข้า สมาธิบอกกล่าวเขาก็หายไป และสิ่งที่จะเล่าให้ ฟังอีกหนึ่งคือ ปรากฏว่าขณะดับเทียนนั้นพบพระ ทองคำ 5 องค์วางไว้ข้างเทียน ผมก็ฉงนเพราะ ก่อนนั้นไม่ได้เห็นอะไรเลยประมาณเดือนหนึ่ง ถึงได้พบก็ขออนุญาตนำมาที่กุฎิพิจารณาว่าเรา ผิดหรือเปล่าหนอในข้อสองของศีลห้า จิตเกิด ว้าวุ่น มีพระรูปหนึ่งเห็นเข้าจึงมาขอ ผมคิดว่า ของนี้อาจจะมีส่วนกับเขาจึงอนุญาต มาคิดอีกที เราบวชมาเพื่อลากิเลสหรือว่าเขามาลองจิตเรา จึงนำพระทองคำที่เหลือไปวางคืนยังที่เก่า ซึ่งพระ องค์นั้นคงนำไปอวดเพื่อนพระด้วยกัน รีบมาหา ผมเพื่อขออีก ผมบอกว่านำไปวางคืนที่เก่าไว้ แล้วหากท่านต้องการก็ไปเอาเอง ต่อมาทราบว่า พวกพระทั้งหลายที่มาขอกลับมาบอกว่าไม่มีหาย ไปหมดแล้ว ผมจึงรีบเข้าไปโบสถ์บอกขอขมาโทษ ที่มอบพระให้ไป หนึ่งองค์ นี่คือข้อแปลก และ ผมทำสมาธิทุกวันเพราะคิดว่าไหนๆบวชทั้งทีก็ ควรยึดมั่นถือมั่นในธรรมมิให้ขาดตกบกพร่อง ตกหลังฉันท์เที่ยงแล้วก็ไปเรียนหนังสือเขาเรียก ว่านวกะภูมิ เจ้าอาวาสได้นำผมไปสอบที่สนาม หลวงของพระที่จัดที่วัดพลับมีพระหลายๆซึ่งเป็น พระใหม่ๆเข้าร่วมสอบมาก ด้วยอนิสงฆ์หรือ อย่างไรไม่ทราบ ปรากฏว่าผมสอบนวกะภูมิได้ ที่หนึ่ง จนทำให้พระใหม่ในวัดที่อยู่แปลกใจไป ตามๆกันแต่ผมกลับวางเฉยไม่กระตือรือล้นอะไร ทั้งสิ้นจนออกพรรษาไปทำงานตามปกติ ปกตินั้น การแทนเวรเกินกว่า 30 ครั้งนั้นเงินเดือนไม่ ขึ้นในปีนั้น แต่ด้วยความดีมั่นคงต่อธรรมวินัย ผมกลับได้รับเงินเดือนเพิ่มอีก 1 ขั้น ซึ่งเองผม ก็แปลกใจ คนอื่นๆก็แปลกใจไปด้วย นี่แหละ ที่ผมเล่าให้ฟังมาด้วย ความตั้งมั่นยึดมั่นถือมั่น ในพุทธศาสนาสร้างแต่ความดีมิขาดตกบกพร่อง ต่อพระธรรมวินัยจึงเกิดความมหัศจรรย์ นี่ผม เล่าให้ศิษย์ฟัง ที่ผมรู้ธรรมมาพอสมควรนั้นเกิด จากจิตเมื่อถึงจุดๆหนึ่งจิตจะเกิดเป็นสองดวงคือ หนึ่งจะตั้งคำถามอีกหนึ่งจะเป็นผู้ตอบคำถามผม เสมือนได้รับฟังจึงทราบถึงธรรมมากสาเหตุก็ ด้วยสมาธินั่นเอง ฉนั้นการละกิเลสนั้นควรละ ได้เท่าที่เราสามารถละได้ บางครั้งด้วยปัจจัย หลายๆอย่างเป็นเหตุก็เกิดจากเวรคือการกระทำ ของเรา กรรมย่อมสนองปิดบังในสิ่งต่างๆไว้ฉนั้น จงหมั่นสร้างคุณงามความดีไว้เสมอๆ การสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัยนั้นถือว่าเป็นมหากุศลมากยิ่ง อย่างหนึ่งมากกว่าการให้ทาน หมายถึงการใส่ บาตรพระและมากกว่าด้วยนะ ควรหมั่นสวดมนต์ ระหว่างสวดมาสมาธิย่อมเกิดแก่เราเรียกว่า ขนิกสมาธิเป็นสมาธิเบื้องแรกในระหว่างสวด มนต์นั้นจิตย่อมละซึ่งกิเลสทั้งปวงแม้จะชั่วขณะ หนึ่งก็ตามถือว่ากุศลผลบุญเกิดขึ้นแล้วอย่างน้อย คือความปิติย่อมเกิดขึ้นระหว่างนั้น จะเชื่อหรือ ไม่พิจารณาทดลองดูเอาเองจ้า รักเสมอ ยาวไป หน่อยนะ ที่ยกมานี้เกิดขึ้นกับตัวผมเองทั้งสิ้น ครับ รักเสมอ ส่วนคำว่า ทุคคะติ โสนะ คัจฉะติ นั้น ย่อมาจากพระสูตร อาการวัตตสูตรอยู่ในพระ ไตรฏิฎกจ้า แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 19:00 น. - comment id 997309
คุณ Darkness_Hero ครับ "เมตตา" คือคุณธรรมของผู้เป็นใหญ่ แห่งแว่นแคว้นต่างๆในโลกใบนี้ หากผู้เป็นใหญ่ ขาดความเป็นผู้มี เมตตา ย่อมนำแคว้นนั้นๆเกิด ความวุ่นวายครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 19:04 น. - comment id 997312
คุณ พิมญดา อนุโมทนาครับ สมาธิเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา ปัญญาย่อมนำพาไปสู่ความสุขครับ ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 19:07 น. - comment id 997316
คุณ ครูพิม อย่างเบื้องต้นที่ผมตอบไว้นะครับ ใช่แล้วครับ เมตตาย่อมเป็นที่รักของคนทั่วๆไปครับ แล้วยัง บังเกิดความผ่องใสทั้งใจและกาย เกิดรังสีสง่างาม อีกประการหนึ่งด้วยครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 19:17 น. - comment id 997321
คุณ กิ่งโศก ศิษย์เราทุกๆสิ่งทุกๆอย่างล้วนแล้วเกิดจาก สมาธิมากบ้างน้อยบ้าง ไม่เว้นแม้แต่กลอนหาก เวลาใดร่ายกลอนนั้นสมาธิดีกลอนย่อมดีไปด้วย ฉนั้นทุกๆครั้งก่อนการเขียนกลอนควรตั้งสมาธิไว้ ก่อนแล้วค่อยๆเขียนไป ก็จะเป็นแบบนี้เองไม่ต้อง คิดมาก กลอนจะดีชั่วอย่างไรให้เดินสายกลางไว้ ควรภูมิใจในสิ่งที่เรากระทำเสมอๆ แม้นว่าคนจะ เขามาหรือไม่มิต้องสนใจอะไรมากนัก ด้วยเหตุเรา ชอบก็ย่อมนำมาสู่ความสุขแก่เราทั้งสิ้นหากยึด มั่นต่อคนเข้าชมก็จะสร้างสิ่งรุ่มร้อนหาความสุข มิได้ ฉนั้นศิษย์เราควรยิ่งไม่ต้องคำนึงสิ่งรอบ ข้างเราเขียนเพื่อระบายอารมณ์ข้างในสู่ภายนอก มิให้ตกค้างไว้ก็ถือว่าเป็นความสุขประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ให้ใช้ปัญญาของเราไม่ต้อง ไปอาศัยคนอื่นหรือเลียนแบบเขา ด้วยกลอน นั้นจะวนเวียนไปๆมาๆ พยายามค้นคว้าหา ทางสร้างขึ้นเอง ปัญญาย่อมก่อเกิดเองเสมอ ฉนั้นจำคำครูไว้นะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 19:29 น. - comment id 997325
คุณ ราชิกา แฝดเพื่อนที่รักยิ่ง ใช่ซินะนี่ก็ใกล้วันคล้าย วันเกิดของเราทั้งสองแล้ว บอกตรงๆว่าผมเองไม่ ค่อยสนใจในเรื่องนี้เท่าไหร่หรอก ไม่ถือเป็นวัน สำคัญอีกด้วย ที่สำคัญนั้นคือความดีที่สร้างด้วย สัจจะธรรมเท่านั้น สร้างในสิ่งที่สามารถจะสร้างได้ อย่างน้อยคือการสวดมนต์ในขณะนอนนั้นด้วยบท สวดมนต์จิตจะเป็นสมาธิพร้อมกับกุศลย่อมเกิดขึ้น จิตย่อมสะอาดจนกว่าจะหลับไป ผมทำเป็นประจำ ทุกๆคืนก่อนนอนเสมอๆไม่เคยขาด ด้วยความ ไม่ประมาทดังพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า อย่าได้อยู่ ในความประมาท หลังอาบน้ำท่าเสร็จก็ไหว้พระ เมื่อเสร็จตอนนั้นเราอาจจะผิดไปก็ได้ แต่ที่ดี ที่สุดคือการสวดมนต์ในขณะนอนนั่นแหละดีจิต เราจะเกิดสมาธิเกิดผลบุญกุศลและไม่ผิดต่อสิ่ง ต่างๆอีกด้วยหลับในขณะสวดมนต์หากจบก็ควร บริกรรมบทใดบทหนึ่งจนกว่าจะหลับ กุศลผล บุญย่อมได้รับเต็มๆครับ ผมมีความเมตตาเป็น ที่ตั้งไม่แต่ตัวคุณหรือใครๆทั้งสิ้น เกิดมาชาติ หนึ่งก็ควรที่จะสร้างในสิ่งที่ดีๆไว้ เพียงแต่รอว่า จะทิ้งร่างกายนี้เมื่อไหร่เท่านั้นจึงไม่อยู่ในความ ประมาทดังที่เล่าให้แฝดเพื่อนที่รักฟังนี่แหละ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 20:05 น. - comment id 997328
คุณ คนกุลา ขอบคุณที่นำกลอนธรรมมาเพิ่มเติมไว้ครับ ธรรมะเกิดจากธรรมชาตินั่นเอง การรู้ธรรมย่อม หมายความถึงเข้าใจในธรรมชาติด้วย คือความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกๆสิ่งในมวลสัตว์โลกไม่ เว้นแม้แต่เทพยดาทุกๆชั้นหรือชั้นอบายภูมิ ซึ่ง แบ่งแยกไว้เป็นสามชั้น คือ ชั้นสวรรค์ ชั้นมนุษย์ และชั้นอบายภูมิ แต่ละชั้นนั้นล้วนแล้วแต่เวรกรรม เป็นผู้นำพาไปทั้งสิ้น เวรนั้นย่อมระงับด้วยการ ไม่จองเวรกรรมย่อมไม่บังเกิด แต่ต้องพร้อม ด้วย กาย วาจาและใจเป็นสำคัญ ปัจจุบันนี้มี คณาจารย์มาตัดกรรม ซึ่งตามแนวทางในพุทธ ศาสนานั้นไม่มีบันทึกไว้ มีแต่ศาสนาอื่นเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ศาสนาพุทธโดยภิกษุ ซึ่งความจริงนั้น เป็นเพียงแค่สมมุติสงฆ์เท่านั้น สงฆ์ที่แท้จริงต้อง ละมุ่งมานะละซึ่งกิเลสทั้งปวงไม่ติดไม่ยึดปล่อย วางสร้างใจให้ประภัสสรปราศจากกิเลสครอบงำ จะมากหรือน้อยล้วนแล้วแต่การกระทำทั้งสิ้น ถือคำสั่งสอนเป็นสรณะเป็นที่พึงเท่านั้นเอง ที่ผมกล่าวว่าธรรมะมาจากธรรมชาตินั้นเพราะ ไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก ด้วยประกอบด้วยธาตุ ทั้งสี่ เพียงแต่มนุษย์และสัตว์ซึ่งถือว่าเป็นส่วน หนึ่งของอบายภูมิด้วย มีธาตุมากกว่าต้นไม้หรือ ธรรมชาติ คือมีจิตวิญญาณเข้าอาศัยอยู่รวมขึ้น เป็น 6 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุและ วิญญาณธาตุ คุณอาจจะสงสัยว่า อากาศธาตุและ ธาตุลมนั้นคงเหมือนกัน ที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ครับ อากาศธาตุคือสูญญากาศธาตุที่คอยพยุงสิ่งภาย ในกายมิให้หล่นตามโลกธาตุ เช่น ตับ ไต ใส้ เป็นต้นเป็นธาตุว่างเปล่า ส่วนวิญญาณธาตุคือ จิตใจของเราเอง เกิดจากขันธ์ห้า คือ รูปนาม เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณรวมขึ้นเป็น จิตใจเราเป็นธาตุชนิดหนึ่งครับ ส่วนต้นไม้นั้น มีแค่สี่ธาตุดังกล่าวไว้ ย่อมหมุนเวียนไปตาม สภาวะโลกเสมอๆ ธาตุดังกล่าวต้องสมดุลย์กัน และกันไว้ หากแตกแยกเมื่อไร ร่างกายเรา ก็ดับลงคงไว้แต่ เพียง สังขารคือการปรุงแต่ง หมายถึงเวรและผลกรรมและวิญญาณธาตุคือ จิตใจเท่านั้น พอดับร่างกายก็เกิดขึ้นทันที ที่เรา เรียกว่าสัมภเวสีนั่นเองเพื่อรองรับสังขารที่ได้ กระทำไว้ อย่างเช่นคำว่านิพพานนั้นคนบางคน ว่าดับสูญสลาย อันที่จริงไม่ดับไปหรอกจะคงไว้ ในที่อีกส่วนหนึ่งคือจิตใจที่เป็นประภัสสรซึ่งตาม หลักวิทยาศาสตร์คือพลังงานชนิดหนึ่งครับ ซึ่ง เป็นพลังงานอมตะไม่ดับสูญหายไปไหนหรอก คงไว้เพียงแต่นิพพานนั้นสะสมบุคคลที่พ้นแล้ว จากโลกในสามภพสามารถท่องเที่ยวไปไหนๆ ก็ได้แต่จิตใจนั้นละวางแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวงครับ นี่ผมก็สนทนาธรรมตามความโง่เขลาเบาปัญญา ซึ่งมีเพียงน้อยนิดเท่านั้นนะครับ หากจะรู้ควร ฝึกฝนค้นคว้าหาเอาเองครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 20:18 น. - comment id 997331
คุณ แจ้นเอง อันเมตตามหานิยมอยู่ไม่ไกลหรอกครับคือตัว ของเราเองหมั่นฝึกฝนเป็นคนยิ้มง่าย ใจดี มีเมตตา ก็บังเกิดเสน่ห์กับคนทั้งหลายแล้วครับ ส่วนมนต์ คาถาอาคมที่คณาจารย์คิดค้นหรือเรียกว่าไสย์ดำ นั้นหลักหรือการฝึกสมาธิให้มั่นคงแล้วนำวิญญาณ ที่ยังไม่ได้ผุดมาเกิดเรียกมาสู่สิ่งของนั้นๆ เช่นคาถา ผัดแป้งทาหน้า ภาวนาเรียกหนุ่มสาวเป็นต้น ผมเคย ล้อเล่นไว้ในกลอนแล้วนี่ครับ เมตตามหานิยม นั้นที่เป็นศาสตร์ขาวหมายถึงสิ่งที่ผมกล่าวคือ สร้างตนเองให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วๆไปก็ ย่อมเกิดเสน่ห์เมตตามหานิยมแล้วครับ ส่วนไสย์ดำนั้นสมัยหนุ่มๆผมก็เคยร่ำเรียนมา ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะจิตยังไม่แก่กล้าแต่ มีจริงนะครับอย่าได้ไปลบหลู่ดูหมิ่นเป็นอันขาด เช่นการเสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย หรือใบไม้ ให้เป็นตัวต่อก็มีนะครับ ไม่ใช่แสดงกลหรอก ทำให้คนตายได้ด้วยการบิดใส้ ฟันรูปรอยก็มี ฟันแทงไม่เข้าต่อร่างกาย แม้แต่ว่านต่างๆเมื่อ กินเข้าไปแล้วสามารถคงทนต่ออาวุธได้ แต่ แค่เพียงชั่วขณะหากปัสสวะก็จะหายไปแต่ข้อ เสียคือ พอถึงฤดูร่างกายจะเกิดเป็นรอยด่างขาวๆ เกิดขึ้น เขาเรียกว่าดอกว่านครับ เช่นว่านคางคก แต่ผมได้ละวาง ที่เรียนมาเพื่อศึกษาหาความ รู้ไว้ อย่างเช่นศาสนาต่างๆนั้นตลอดจนลัทธิต่างๆ ผมก็ค้นคว้าศึกษามาแล้วทั้งสิ้น ล้วนแล้วแต่ ทางที่ไม่หลุดพ้นจากกิเลสหรอกครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 20:22 น. - comment id 997332
คุณ โคลอน ถูกต้องแล้วครับ คนที่มีเมตตาธรรมสูงผลคือ จะนำความสุขมาให้ทั้งทางกายและทางใจครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 มิถุนายน 2552 20:36 น. - comment id 997338
คุณ แมงกุ๊ดจี่ สวัสดีครับ คุณมะกรูดคนสวย แน่นอนครับผมย่อมเมตตาคุณและเพื่อนพ้อง น้องพี่เสมอๆแหละครับ เมตตานั้นจะอยู่ได้กับบุคคล ที่มีคุณธรรมเท่านั้นครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.