อ่านคำกลอน "กรอง ใจหม่น" ของ คนกุลา เป็นฉันทลักษณ์จากเพลงโบราณ แล้วนึกสนุก ก็เลยลองเอามาขยับเป็นกลอนแปดเล่นๆดูครับ อ่านฉบับ original ได้ที่ "กรอง ใจหม่น" ก่อนนะครับ ลา...จากไป ใจอาวรณ์ตอนจากลา เมื่อต้องมาถึงละครตอนสุดท้าย ใยจึงต้องไหม้หม่นหมองร้องฟูมฟาย ที่สุดท้ายปลายทางระหว่างกาล เจ็บ...ก็จำ เก็บกอบช้ำจำต้องเจ็บ คอยกอบเก็บดวงใจร้าวราวเพลิงผลาญ หวังจะผ่านคืนนี้ได้ ในไม่นาน ดับใจราญ ผ่านม่านฟ้าคราฝนพรำ หม่น...จนหมองใครมองดูก็รู้ ..หม่น เมื่อใจตนยังวนเวียนเพียรย้ำย่ำ มองรอบฟ้าคราใจทรุด สุดมืดดำ คืนย่ำค่ำ ต้องย้ำใจให้ยิ่งทน ห่วง...หนักหนา สุดอุราว่าแสนห่วง เหมือนติดบ่วงมายาฝ่าดอกฝน หลั่งทั่วหล้าทิวทั่วฟ้า มาให้ยล ชื่นกมล คล้ายถึงคราวจะกล่าวลา กลัว...ก็กลัวแก่ใจว่า ช่างน่ากลัว ไหวระรัวหัวใจละลังละล้า ยามเมื่อรักเจ้าทักทายหัวใจมา ก็พบว่า เพ้อแพ้พ่ายเพียงดายเดียว จบ...ก็คงไม่อาจยุด ต้องสุดจบ อย่าไปรบกวนใจ เขาไม่เกี่ยว ทำใจยากแสนลำบากยากจริงเจียว สุดจะเหลียวเกี่ยวใครมารักษาใจ
2 มิถุนายน 2552 07:26 น. - comment id 993552
แต่งได้เยี่ยมครับ..มาชื่นชม
2 มิถุนายน 2552 09:19 น. - comment id 993599
เยี่ยมมาก เลย ครับ อ่านแล้วตรงใจ ครับ ขอบคุณที่เอางานผมมาต่อยอดให้ยิ่งงาม ครับ คุณคืนแรมฯ
2 มิถุนายน 2552 09:53 น. - comment id 993606
โห โดนใจจริงๆ
2 มิถุนายน 2552 10:05 น. - comment id 993617
-- ขอขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ ยิ่งมาจากเจ้าของต้นฉบับ ยิ่งดีใจ ว่ามิได้ทำของดีๆเขาเสียหาย ความดีทั้งหมดคงต้องยกให้ฉบับ original และต้องขออภัยที่ ผมเอางานมา rewrite โดยมิได้บอกกล่าวเจ้าของก่อน เห็นกลอนสวยๆแล้วคันมือครับ.. ต้นฉบับงามในฉันทลักษณ์โบราณ ผมได้แต่กลอนตลาด เลยขอเอามาขยับเป็นกลอนตลาดให้ท่านผู้เอ่านได้มองกันในอีกแบบนึง แบบมองดอกไม้งามได้หลายมุม เชื่อว่าต้นฉบับงามอยู่แล้ว ผมเอามาแต่งองค์ทรงเครื่อง พยายามรักษา คำและความ ของเดิมให้มากที่สุด เชื่อว่าอย่างไรที่ผมทำก็คงไม่ขี้ริ้วเกืนไป และไม่ได้ทำให้ต้นฉบับหมองมัวไปนะครับ
2 มิถุนายน 2552 10:07 น. - comment id 993619
โห โดนใจเหลือเกิน ทำไมวันนี้เป็นอย่างนี้ มีแต่กลอนอกหัก ไพเราะมากๆ ค่ะ ภาสุรีย์ชอบมากจ้า......