*** โศกเอ๋ยโศก *** ระบัดใบกิ่งโศกที่โยกไหว วูบดวงหทัยรำพึงสู่ตรึงฉนวน อกสะท้านความคิดให้จิตชวน โอ้ปั่นป่วนยิ่งนักประจักษ์กาย สิ่งล้วนเวียนผันจิตมาคิดย้อน ยากวิงวอนคืนเก่าแปรเฝ้าขยาย ล้วนนำพาหวานฉ่ำยากล้ำกราย สูญเสียดายความหวังเวิ้งว้างใจ ดั่งใบโศกลอยพลิ้วละลิ่วฉงน ปลิวพรากต้นแลลับยากนับไสว ปราศโรยล่วงระยับประดับไพร น้ำค้างไหวหยาดสล้างสู่กลางขจี สุริยันจันทราผ่านมาสนอง แสนเรืองรองอำไพเลิศในฉวี ฝนละอองวาวส่องดังต้องมณี แววเปรมปรีดิ์เจิดจ้าที่ฟ้าพรม บัดนี้หนอแปรเปลี่ยนมาเวียนผัน มากเหหันสรรค์ร้างมาสร้างสม เคยเขียวชอุ่มลุ่มลึกงามตรึกชม สิ้นอภิรมย์กลายลับยากกลับคืน ใบหลุดล่วงลอยลับคอยนับโศก ความวิปโยคเหมือนเรามาเฝ้าฝืน แต่มิอาจพลิกฝันเปลี่ยนวันคืน ทรวงสะอื้นมองใบที่ไกลลับ ความผันผวนยิ่งมองละอองเศร้า โลดแล่นเร้าอารมณ์ห้วงตรมขับ ภิรมย์เคยหวานล้ำกรายย้ำพับ มิอาจนับต่อกาลเคยสราญฤดี บัดนี้หนอกายเราแสนเฝ้าหมอง งามเคยก้องทั่วแคว้นแม้นสักขี เคยเลิศล้ำงามสง่ามาเปลี่ยนทวี ดุจใบที่พรากต้นหมองหม่นใจ. *** แก้วประเสริฐ. ***
27 พฤษภาคม 2552 18:41 น. - comment id 990831
มาอ่านกลอนงาม ละเอียด ละเมียดละไมมาก เลยครับ คุณแก้วประเสริฐ นับถือ ครับ
27 พฤษภาคม 2552 19:23 น. - comment id 990856
โศกเอยโศกถูกโยกใบหล่นร่วง เจ้าทรามทรวงคงร้าวราวอกไหม้ อีกไม่นานนักหรอกออกดอกใบ โบกไสวงดงามเจ้าทรามเชย......
27 พฤษภาคม 2552 20:21 น. - comment id 990872
โศกเอ๋ยโศก โบกปลิว หวิวใจข้า ถึงเวลา ห่างร้าง ช่างเศร้าหลาย แม้ดอกเจ้า หอมกรุ่น ละมุนกาย เวียนวนว่าย ร่ำแป้ง แล้วแห้งพลัน ที่สุดคือ คนรอย ช่างหงอยเหงา จิตจ่อมเจ่า เฝ้าครวญ หวนเฟ้อฝัน รออีกนาน แค่ไหน ดวงใจฉัน ได้อิงแอบ แนบกัน จนวันตาย พยายามหวานสุดแล้วค่ะคุณครู อิอิ
27 พฤษภาคม 2552 21:19 น. - comment id 990924
คารวะ...ค่า มาอ่านกลอนอ่อนหวานค่า ใบไม้ร่วงพลิ้วจัง
27 พฤษภาคม 2552 21:27 น. - comment id 990935
อะไรคับลุง กลอนอะไร มีแต่ฉงน ฉนวน โศกเอ๋ยโศก ไสว ฉวี โอย อะไรคับลุง เขียนพอส่งไปไหน -- ก็ไม่มีอะไรมาไหว้ลุง อายุยืนนะคับ
27 พฤษภาคม 2552 22:23 น. - comment id 991000
โศกเอ๋ยแสนโศก ฤา..ว่าโลกสาปแล้ว แก้วตาเอ๋ย หทัยท้อ ทับถม จมโคลนเลย จักเปรียบเปรย เผยเศร้า สุดเหงาเอย... ..แวะมาอ่านกลอนครูแก้วครับ..ขอแจมด้วยกลอนดอกสร้อยครับ
27 พฤษภาคม 2552 22:50 น. - comment id 991020
แวะมาอ่านบทกลอนค่ะ...สบายดีหรือป่าวคะ...
28 พฤษภาคม 2552 07:11 น. - comment id 991086
แวะมาอ่านงานโศกค่ะลุงแก้ว เช้า ๆ กาแฟซักถ้วยมั้ยคะ
28 พฤษภาคม 2552 10:58 น. - comment id 991147
อย่าโศกนานนักนะคะ โลกนี้ยังมีอะไรที่น่าโสภาอีกมากมาย
28 พฤษภาคม 2552 11:01 น. - comment id 991150
เอาภาพมาฝากค่ะ อิอิ
28 พฤษภาคม 2552 12:10 น. - comment id 991194
แวะเอาภาพสวยๆมาฝากด้วยคนค่ะ...
28 พฤษภาคม 2552 12:32 น. - comment id 991211
ุคุณ คนกุลา ขอบคุณที่ชม ผมเพียงเขียนเล่นๆเท่านั้นเอง แหละครับไม่ได้คิดอะไรมากนัก ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 12:37 น. - comment id 991214
คุณ สายลมเดือนตุลา ผมเขียนไปนึกสิ่งใดได้ก็เขียนเล่นๆเท่านั้น แหละครับไม่มีอะไรหรอก แต่เพียงเปรียบเทียบ ระหว่างใบโศกกับชีวิตปัจจุบันคือร่างกายของผม เอง ต่อไปก็คงเหมือนกันแหละครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 12:40 น. - comment id 991217
คุณ แก้วประภัสสร ก็เขียนงดงามดีแล้วนี่ครับ แต่ก็ควรระวัง บางประโยคนะครับให้กลมกลืนกันนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 12:45 น. - comment id 991221
คุณ กันนาเทวี เจ้าหญิบผู้เฉิดโฉมขอบคุณที่ชมครับ ผมเพียง แค่เปรียบเทียบร่างกายผมกับใบไม้ครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 12:53 น. - comment id 991233
คุณ ผมชื่อโจ้ โถๆๆยอดนักปราชญ์กวีแห่งศรีสยาม แกล้ง ทำเซ่อไปได้ไม่ได้เจอกันนานแล้วนา ผมเองเรียก ว่ากลอนบ้าๆบอๆครับ ใครจะเรียกอย่างไรก็ช่าง เถอะแต่ผมพอใจเรียกแบบนี้ครับ ก็เขียนพอส่งไป ที่ไทยกลอนนี่แหละครับ เพื่อรื่นอารมณ์ผม ใครจะ ว่าอย่างไรก็ช่างเถอะครับ แต่ขอบคุณที่อวยพรให้อายุ ยืนยาว ผมเองแค่หมื่นปีก็คงจะเพียงพอแล้วนะครับ ฮ่าๆๆๆ คุณเองแซวผมเล่นเพราะคุณเก่งกว่าผม มากมายครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 13:04 น. - comment id 991242
คุณ กิ่งโศก การเรียนรู้ไว้นะดีแล้ว คนที่เป็นศิษย์ผมตั้งกฏ ไว้สามอย่างคือ หากจะเก่งให้เล่นสิ่งที่เราชอบให้ เชี่ยวชาญชำนาญเป็นหลัก สอง การฝึกฝนนั้นไม่ ควรเกิน 3 อย่างที่ต้องฝึกฝนให้มาก แต่การเรียน รู้ไว้มากๆแหละดีแล้วผมเห็นด้วย แต่ไม่ควรเกิน 3 อย่าง และต้องเป็นคนละเอียด่อนจดจำในสิ่งที่ ควรจำไว้ค้นหาแนวทางใหม่เข้าประกอบการเขียน ทุกๆบทกลอนต้องแฝงนัยไว้เสมอไม่มากก็น้อย กลอนต้องต่อเนื่องตลอดเวลา ถึงแม้จะออกนอก ทางบ้างก็พยายามนำเข้าสู้กลอนนั้นๆเสมอนะ ที่บอกนั้นเพราะคุณยกย่องผมจึงกล่าวเช่นนี้ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 13:12 น. - comment id 991249
คุณ white rose แม่ดอกกุหลาบขาวแสนสวย หายไปนานเลย นะครับ อิอิ หรือว่าผมเองไม่ค่อยได้เข้ามากระมัง แต่ก็คิดถึงเสมอๆนะไม่ลืมหรอก คุณเองล่ะคงจะ สบายดีนะเพราะยังสาวสวยอยู่ ส่วนผมแก่แล้วยิ่ง หน้าฝนด้วยแล้วไปกันใหญ่ นี่ยังนึกเป็นห่วงเลย ว่างานของยายอิมที่จัดเดือนกค.นี้จะลากสังขารไป ไหวหนอ พยายามถนอมร่างกายไว้เพราะรับปาก ใครแล้วผมมักจะไม่ค่อยผิดนอกจากไม่ไหวจริงๆ เท่านั้น ผมรักความเป็นคนมี สัจจะ เสมอครับ ยกเว้นคนที่มาทำลายเสียก่อนครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 13:20 น. - comment id 991263
คุณ bananaleaf ขอบคุณครับผมเช้ามาต้องกาแฟเป็นประจำ และทานแล้วครับ แต่วันละหนึ่งแก้วเท่านั้นครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 13:24 น. - comment id 991268
หลานเคยเห็นดอกโศกด้วยนะคุณลุง
28 พฤษภาคม 2552 13:30 น. - comment id 991279
คุณ เฌอมาลย์ ผมไม่ได้โศกอะไรหรอกครับ เขียนเปรียบเทียบ ชีวิตของผมกับใบโศกเท่านั้นเองแหละครับ ความ ตายย่อมมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจไม่ว่าเราหรือ ญาติมิตรสหายทั้งสิ้นครับ อ้อ ภาพงามเก็บไว้ด้วย นะครับไว้ลงกลอนผมเองหาภาพไม่เก่งทั้งๆที่ชอบ ภาพแต่ความละเอียดอ่อนสู้หญิงไม่ได้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 13:42 น. - comment id 991283
คุณ เฌอมาลย์ ขอบคุณเจ้าหญิงมากครับ ภาพสวยๆแบบนี้ ผมเก็บไว้แล้วครับ ไว้ลงในกลอนครับ ความสวย ไม่เข้าใครออกใครหรอกครับจะแก่เฒ่าเพียงใด ก็ยากนักที่จะตัดใจต่อความสวยไปได้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 13:45 น. - comment id 991284
คุณ white rose ขอบคุณครับ แม่กุหลาบขาวผู้เฉิดโฉม ผมชอบ มากครับ เก็บไว้แล้วไว้ลงในกลอนครับ สวยจริงๆ ได้บรรยากาศงดงามมากครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤษภาคม 2552 13:50 น. - comment id 991287
คุณ เพียงพลิ้ว หลานที่รัก โชคดีจัง ชีวิตลุงยังไม่เคยเห็น ต้นโศกหรือดอกเลยจ๊ะ ได้ยินแต่ชื่อมานมนาน แล้ว เป็นไงสวยมากไหม หากไปในงานของอิม ช่วยเอามาฝากให้เห็นเป็นขวัญตาด้วยนะจ๊ะ รักหลานรักเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
29 พฤษภาคม 2552 10:33 น. - comment id 991704
ซึ้ง โศก ค่ะคุณแก้ว ไพเราะยิ่งนัก
29 พฤษภาคม 2552 12:10 น. - comment id 991795
คุณ แจ้นเอง ขอบคุณครับผมเองก็ไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว จ้าคิดคร่าวๆประมาณสองร้อยกว่ากลอนไปแล้วนา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกเพียงคิดค้นหาตัว เรื่องเท่านั้นเอง สรุปแล้วก็คล้ายๆกันแหละครับ จนกระทั่งคุณโจ้เองยังว่าเลยครับผมเองก็ไม่ได้ คิดอะไรมากคงจะจริงแหละเพราะคำที่ใช้กลอน นั้นหากจะเขียนแบบต้องมานั่งแปลก็ทำให้คน อ่านวุ่นวายไป เช่นคำว่า ฉนวน นั้นเป็นต้นซึ่ง มีคำแปลหลายๆคำ แต่ที่นำมาใช้คือ แปลว่า วาง ครับ ส่วนคำว่า ฉวี คือแปลว่า ผิวกาย ผม นำมาเปรียบกับใบไม้ครับ ส่วนคำว่าไสว นั้น แปลว่า ชูสพรั่งอยู่ไหวๆ ครับ ก็เกี่ยวกับใบไม้ ทั้งสิ้น แล้วนำมาเปรียบกับกายผมซึ่งก็เหมือน กับใบไม้ที่อยู่กับต้นแล้วก็ต้องหลุดล่องลอยไป เหมือนผมก็นับวันจะต้องตายไปเป็นธรรมดา นั่นเองแหละครับ ส่วนเขาถามว่ากลอนอะไร ผมก็ตอบว่า ผมเรียกว่ากลอนบ้าๆบอๆ ครับ เขาคงคิดว่ากลอนพาไปแหละครับ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
29 พฤษภาคม 2552 18:45 น. - comment id 991979
** โศกใดไหนจะเท่า ใจของเราเฝ้าโศกศัลย์ คิดถึงทุกคืนวัน ขอเธอนั้น...อย่าผันแปร.....ฯ แฝดเพื่อน....เกิดอะไรขึ้นหนอ...ช่วงนี้..สงสัยเข้าหน้าฝนเนาะ...อิอิ...ภาพหวานมากเลย..แต่เนื้อหา..ไหงโศกไปได้...ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ....
30 พฤษภาคม 2552 14:32 น. - comment id 992484
คุณ ราชิกา แฝดเพื่อนที่รักยิ่ง ที่เขียนหัวเรื่องนี้ฝนกำลัง ตกอยู่คนเดียวเหงาๆ มองสภาพร่างกายผมเองที่ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ก็เลยแต่งเรื่องนี้โดยเปรียบ เทียบกับต้นโศกใบโศกยามล่วงหลุดล่องลอยไปจ๊ะ ความจริงผมตัดวางได้แล้ว ด้วยคิดว่าคงมีสักวันชีวิตผมเองก็จะเหมือนใบ ต้นโศกแหละครับเลยเขียนเพื่อแฝงไว้ให้คนคิด ซึ่งยังมีบางคนยังหลงในรูปร่างอยู่ครับ รักแฝด เพื่อนเสมอๆจ้า แก้วประเสริฐ.