อำเภอเมืองสุรินทร์ถิ่นช้างสาร ปราสาทฐานพระอินทร์เนาว์เป็นเสาหลัก กาบเชิงทอดยาวชมพนมดงรัก สุดจะหักใจหลงดงลำดวน โนนนารายณ์หมายชมสนมน้อง จอมพระมองเมียงหมายใจโหยหวน จึงหวลคิดถึงสำโรงทาบทราบเนื้อนวล ศรีณรงค์ชวนเจ้าไปไกลฤดี ท่าตูมบานยามนี้ที่สังขะ ไม่ลดละไปง้อเจ้าเร้าศักดิ์ศรี แม้อยู่ไกลสุดพ้นชุมพลบุรี ริมมูลนทีรัตนบุรีจะไปตาม สุดบัวเชดเขตแดนแคว้นป่าเขา เจ้าอาจเนาว์สักแห่งใดในสยาม ศรีขรภูมิที่ซ่อนเงาเจ้านงราม หรือเขตคามเขวาสินรินทร์ถิ่นแขมร์เลอ จึงสีซอคลอเคล้า"เฮา"เจ้าอยู่ ให้รับรู้ว่าหนุ่มแขมร์ยังแคร์เสมอ หากนิมิตมิผิดไปคงได้เจอ จะพาเธอไปไหว้พระยาสุรินทร์ภักดี.. ....แบบว่าเอาชื่ออำเภอมาแต่งครับ
5 พฤษภาคม 2552 09:48 น. - comment id 980765
เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินดีด่านเกวียน ไล่ตามอำเภอก็ 32 อำเภอ จะเขียนได้ไหมเนี่ย อิอิ เดี๋ยวไปคิดก่อนว่าจะแนะนำอะไรดี แป๊ะโป้งไว้ก้อนค่ะ
5 พฤษภาคม 2552 10:21 น. - comment id 980768
คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ่ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี ราชบุรี ดินแดนวัฒนธรรมลุ่มน้ำแม่กลองและสายหมอกแห่งขุนเขาตะนาวศรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางด้านตะวันตก ที่มีภูมิประเทศหลากหลาย จากพื้นที่ที่ราบต่ำ ลุ่มแม่น้ำแม่กลองอันอุดม แหล่งเพาะปลูกพืชผักผลไม้เศรษฐกิจนานาชนิด สู่พื้นที่สูงทิวเทือกเขาตะนาวศรีทอดตัวยาวทางทิศตะวันตกจรดชายแดนไทย-พม่า จากตำนานและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าราชบุรีเป็นหัวเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากแห่งหนึ่งของแคว้น สุวรรณภูมิมาตั้งแต่สมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดียได้เผยแพร่พุทธศาสนาเข้ามาในดินแดนแถบนี้ เมื่อราวปี พ.ศ. 218 โดยแคว้นสุวรรณภูมินี้มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครปฐมหรือที่สมัยนั้นเรียกกันว่า ทวารวดี ราชบุรียังเป็นแหล่งพบปะของพ่อค้าวาณิชแต่ครั้งโบราณ ทั้งยังเป็นเมืองหน้าด่านที่ติดต่อกับพม่า ราชบุรีจึงเป็นดินแดนที่หลากหลายชาติพันธุ์และกลุ่มชนที่สุดแห่งหนึ่ง ราชบุรีในวันนี้จึงเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน วิถีชีวิต วัฒนธรรม งานหัตถกรรมเครื่องปั้น เครื่องหล่อ ทอถักจักสาน ถ้ำธารป่าเขา และธรรมชาติที่งดงามท้ายทายการมาเยือนของผู้คนจากทุกมุมโลก จังหวัดราชบุรีมีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 5,196 ตารางกิโลเมตร แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอคือ อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอโพธาราม อำเภอดำเนินสะดวก อำเภอปากท่อ อำเภอจอมบึง อำเภอบางแพ อำเภอวัดเพลง อำเภอสวนผึ้ง อำเภอบ้านโป่งและกิ่งอำเภอบ้านคา มาแนะนำ สถานที่ท่องเที่ยวค่ะ สวัสดีค่ะ ลมแปรแขมร์เลอ
5 พฤษภาคม 2552 10:40 น. - comment id 980776
จังหวัดลพบุรี ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกพิกุล (Mimusops elengi) ต้นไม้ประจำจังหวัด: พิกุล (Mimusops elengi) คำขวัญประจำจังหวัด: วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกริกก้อง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์ สถานที่ท่องเที่ยว เมืองลพบุรีมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีโบราณสถานมากมาย และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น 1 พระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ ถนนสรศักดิ์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี 2 ศาลพระกาฬ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี 3 พระปรางค์สามยอด ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี 4 เทวสถานปรางค์แขก ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี 5 บ้านวิชาเยนทร์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี 6 วัดไลย์ อำเภอท่าวุ้ง 7 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม 8 หมู่บ้านหินสองก้อน ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี 9 พระที่นั่งไกรสรสีหราช (พระที่นั่งเย็น) ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี 10 พระปรางค์นางผมหอม อำเภอลำสนธิ 11 แหล่งโบราณคดีบ้านโป่งมะนาว อำเภอพัฒนานิคม 12 วัดมณีชลขันธ์ ตำบลพรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี 13 น้ำตกวังก้านเหลือง อำเภอชัยบาดาล 14 วัดมหาธาตุ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี 15 สวนสัตว์ลพบุรี อำเภอเมืองลพบุรี ฯลฯ อิอิ ของดีจังหวัดลพบุรี ลพบุรีมีสินค้าหัตถกรรมมากมาย เช่น ปลาส้มฟัก ดินสอพอง (มีการทำไข่เค็มจากดินสอพองด้วย) ผลิตภัณฑ์จากดอกทานตะวัน ผ้ามัดหมี่ และผ้าขาวม้าลายไส้ปลาไหล เป็นต้น แบบว่า..
5 พฤษภาคม 2552 10:53 น. - comment id 980792
อืม...ได้ความรู้มากทีเดียวครับ ขอบคุณครับ *---*
5 พฤษภาคม 2552 14:52 น. - comment id 980842
คุณเพียงพลิ้ว ...รออยู่นะครับ
5 พฤษภาคม 2552 14:59 น. - comment id 980846
คุณดอกบัว สาวโพธาราม..นามคนสวยรวยเสน่ห์ ช่างสนเทห์จริงหนาแม่ตาหวาน โอ่งมังการเคยได้ยินชื่อพอประมาณ ส่วนว่าย่านยี่สกนี้..ก็โด่งดัง ทั้งตลาดน้ำดำเนินเพลินถ้ำใหญ่ แสนอำไพได้ไปเยือนเหมือนใจหวัง ทั้งวัดขนอนหนังใหญ่ก็โด่งดัง อยากจะฝังหัวใจไว้..ราชบุรี...อิอิ ...แบบว่าที่ท่องเที่ยวเยอะเหมือนกันนะครับ
5 พฤษภาคม 2552 14:59 น. - comment id 980848
- " เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ " ข้อมูลทั่วไป : อุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 629 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำมูลไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบสูงและภูเขา มีหน้าผาหินทรายบริเวณชายฝั่งแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว ------------------------------------------------------------------------------- ประวัติเมืองอุบลราชธานี : อุบลราชธานี เป็นเมืองใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี เล่ากันว่า ท้าวคำผง ท้าวทิศพรหม และท้าวคำบุตร พระวอ พระตา หนีภัยสงครามจากพระเจ้าสิริบุญสาร เจ้าแห่งนคร เวียงจันทน์เจ้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าตากสินมหาราชและต่อมาได้สร้างเมืองขึ้นที่บริเวณดงอู่ผึ้ง ใกล้กับแม่น้ำมูล ครั้นพ.ศ. 2323 พระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาราชสุภาวดี เชิญตราพระราชสีห์มาพระราชทานนามเมืองว่า อุบลราชธานี ทรงให้ท้าวคำผงเป็นเจ้าเมืองคนแรกซึ่งต่อมาได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระปทุมวงศา เมืองอุบลราชธานีมีเจ้าเมืองสืบกันมาถึง 4 คน ตราบจนถึงปีพ.ศ. 2425 จึงได้มีการแต่งตั้งข้าหลวงและผู้ว่าราชการจังหวัดมาปกครองดูแลจนถึงทุกวันนี้ ดินแดนแถบนี้ มีชนชาติ ข่า ส่วย อพยพมาจากกรุงศรีสัตนาคนหุตเข้ามาอาศัยอยู่ ตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงคิดจะรวบรวมผู้คนที่แตกกระจัดกระจายจากภัยสงครามให้มาอยู่เป็นกลุ่มก้อน ดังนั้นถ้าใครสามารถรวบรวมผู้คนได้มากและอยู่กันอย่างมั่นคงก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง ด้วยเหตุนี้ในปี พ.ศ. 2329 ท้าวคำผง ซึ่งได้รวบรวมผู้คนอพยพมาตั้งหลักแหล่งทำกินอยู่ ณ บริเวณห้วยแจระแม อันเป็นที่ราบริมแม่น้ำมูล และต่อมาภายหลังมีความชอบจากการนำกำลังเข้าช่วยกองทัพไทยตีเมืองนครจำปาศักดิ์ จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านแจระแมเป็นเมืองอุบลราชธานี และแต่งตั้งให้ท้าวคำผงเป็นพระปทุมวรราชสุริยวงศ์เจ้าเมือง ภายหลังได้ย้ายเมืองมาตั้งใหม่ที่ "ดงอู่ผึ้ง" อันเป็นที่ตั้งจังหวัดในปัจจุบัน โดยมีเมืองเทียบเท่าชั้นจัตวาขึ้นอยู่รวม 7 เมือง ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนจัดการปกครองแบบเทศาภิบาล เมืองอุบลราชธานีถูกรวมอยู่ในบริเวณหัวเมืองลาวกาว ต่อมาในปี พ.ศ. 2442 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีเมืองอุบลราชธานีเป็นที่ตั้งมณฑล และเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2443 เป็นมณฑลอีสาน ในปี พ.ศ. 2468 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงลดฐานะมณฑลอุบลราชธานีลงเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของมณฑลนครราชสีมา จนกระทั่งยุบเลิกมณฑลในปี พ.ศ. 2476 จึงกลายเป็นจังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่นั้นมา เชิญเด้อค่า ไปม่วนอีสานบ้านข้อย มีปลาแซบ สาวสวย รวยศิลธรรม นำเด้อค่า แบบว่า..
5 พฤษภาคม 2552 15:08 น. - comment id 980851
คุณพลอยเฌอมาลย์ ถิ่นทวาราวดีศรีสยาม กระเดือ่งนามลพบุรีศรีสมัย เคยไปเยือนเมื่อครั้งสะรุ่นวัย งามจับใจสาว..ลบรี...นี้ฝังใจ แลตระหง่านพระปรางค์กลางถนน ได้เดินวนวังนารายณ์รุ่งเรืองสมัย ทั้งชาวเมืองก็สืบสานสวมชุดไทย สุขสบายใจเบ่งบานทุ่งทานตะวัน...อิอิ ...เคยไปเที่ยวด้วยแหละ..ลบรี..น่าอยู่ครับ
5 พฤษภาคม 2552 15:12 น. - comment id 980854
คุณเอื้องคำ ..อิอิ..มาชมอย่างเดียวเหรอครับ...ไม่แนะนำบ้างเหรอ..เผื่อยากไปเที่ยวบ้าง..อิอิ
5 พฤษภาคม 2552 15:18 น. - comment id 980858
คุณแก้วประภัสสร ..ถิ่นอุบลนามนี้ที่ประจักษ์ ล้วนพร้อมภักดิ์ธรรมชาติสะอาดสม เคยไปเยือนครั้งแรกตอนมัธยม ไปชื่นชมผาแต้มแฉล้มไฉไล งามธรรมชาติกระทำน้ำสองสี แก่งน้ำนี้ก็ไหลลาดสะอาดใส ได้ปะพรมทั้งเนื้อตัวกลั้วหัวใจ เลิศวิไลเทียนพรรษาน่าจดจำ.. ...แบบว่าที่เที่ยวเยอะมากครับ..เมืองอุบลฯ..บรรยายไม่หมด...แต่ที่จำฝังใจคือ...ต่าย อรทัย..อิอิ
5 พฤษภาคม 2552 15:35 น. - comment id 980860
--คิดถึง สาวโคราชขาดรักชักหม่นหมอง หาคนลองลอดซุ้มจุมพลด้วย สาวบ้านนาหน้าดำไม่สำรวย แม้นไม่สวยแต่จริงใจไม่หลอกลวง เมืองหญิงกล้าผ้าไหมดีหมี่โคราช เมืองปราสาทประตูสี่เมืองหลวง ข้าวมะลิชั้นดีศรีชุมพวง แล้วค่อยล่วงสู่ประทายบัวลายงาม มาฟังเพลงโคราชปราชญ์อีสาน หลากตำนานเสนอไว้ใครอย่าหยาม ไปซื้อป้ายดินด่านเกวียนไว้เขียนความ แล้วเยี่ยมยามประสาทหินถิ่นพิมาย มีแต่สุขเสบยเป็นเขยย่า อย่ามัวช้ามีโอกาสพลาดจะสาย เมืองโคราชของดีมีมากมาย จะเสียดายเสียใจไม่เคยเยือน ว่าจะติดไว้สักปีสองปีค่อยใช้ ยังจะมารออีก ฮ่วย ไม่แป๊ะโป้งก็ได้ค่ะ ^_^
5 พฤษภาคม 2552 15:48 น. - comment id 980864
เขาว่าไปสุรินทร์ต้องกินสุรา จิงป่ะคะ เฌอไปสุรินทร์ ไปทานอาหารแถวๆอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ไปซื้อของแถวช่องจอมด้วย และสุราที่นั่นราคาถูกกว่าลพบุรีอีกต่างหาก อิอิ
5 พฤษภาคม 2552 15:53 น. - comment id 980868
สาวโคราชขาดรักชักหม่นหมอง หาคนลองลอดซุ้มจุมพลด้วย สาวบ้านนาหน้าดำไม่สำรวย แม้นไม่สวยแต่จริงใจไม่หลอกลวง เมืองหญิงกล้าผ้าไหมดีหมี่โคราช เมืองปราสาทประตูสู่เมืองหลวง ชิมข้าวมะลิชั้นดีศรีชุมพวง แล้วค่อยล่วงสู่ประทายบัวลายงาม มาฟังเพลงโคราชปราชญ์อีสาน หลากตำนานเสนอไว้ใครอย่าหยาม ไปซื้อป้ายดินด่านเกวียนไว้เขียนความ แล้วเยี่ยมยามประสาทหินถิ่นพิมาย มีแต่สุขเสบยเป็นเขยย่า อย่ามัวช้ามีโอกาสพลาดจะสาย เมืองโคราชของดีมีมากมาย จะเสียดายเสียใจไม่เคยเยือน พิมพ์ผิดค่ะ ขอแก้ไขค่ะ
5 พฤษภาคม 2552 16:35 น. - comment id 980874
รอบที่ 2 ครับ อิอิ คุณลมแปรแขมร์เลอบอกให้ผมแนะนำบ้านเกิด ...ด้วยความยินดีครับ *---* งั้นกระผมขออนุญาตนำเสนอนะครับ จ.นครศรีธรรมราช มี 20 อำเภอ กับ 3 กิ่งอำเภอครับ ได้แก่ 1. อ.เมือง 2. อ.พรหมคีรี 3. อ.ลานสกา 4. อ.ฉวาง 5. อ. พิปูน 6. อ.เชียรใหญ่ 7. อ. ชะอวด 8. อ. ท่าศาลา 9. อ. ทุ่งสง 10. อ. นาบอน 11. อ. ทุ่งใหญ่ 12. อ. ปากพนัง 13. อ. ร่อนพิบูลย์ 14. อ. สิชล 15. อ. ขนอม 16. อ. หัวไทร 17. อ. บางขัน 18. อ. ถ้ำพรรณรา 19. อ. จุฬาภรณ์ 20. อ. พระพรหม 21. กิ่งอ. นบพิตำ (บ้านเกิดผมเองครับ) 22. กิ่งอ. ช้างกลาง 23. กิ่งอ. เฉลิมพระเกียรติ สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ได้แก่ - อุทยานแห่งชาติเขาหลวง - วัดพระธาตุวรมหาวิหาร - สระล้างดาบศรีปราชญ์ - หมู่เกาะทะเลใต้ - น้ำตกกรุงชิง - แหลมตะลุมพุก - น้ำตกพรหมโลก - น้ำตกอ้ายเขียว - หาดหินงาม - น้ำตกสี่ขีด - อุทยานแห่งชาติเขานัน - น้ำตกสุนันทา - อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง - ถ้ำตลอด สำหรับเทศกาลที่่อยากแนะนำเป็นพิเศษคือ สารทเดือนสิบครับ เป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มากครับ จัดขึ้นในระหว่าง แรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำของเดือนกันยายน ในทุกปี ครับ ภาษาใต้เรียกว่าประเพณี "ชิงเปรต" ครับ *---* ...คำขวัญของจ.นครศรีธรรมราชคือ เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัดมากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปูครับ...*--* ถ้ามีโอกาศก็แวะมานะครับ ที่เที่ยวเยอะจริงๆ ครับ
5 พฤษภาคม 2552 16:54 น. - comment id 980878
คุณเพียงพลิ้ว ..สาวโคราชขาดรักชักยุ่งหละสิ ก่อนเคยริจีบสาวเป็นชาวสวน เลยปากช่องไปไกลพอสมควร บรรยากาศนี้ชวนให้ติดตาม ทั้งเขาใหญ่ไปไกลแค่เหวสุทัต เพื่อรวบรัดเวลากางเตนท์สนาม ไปส่องสัตว์ด้วยน้าตอนสองยาม อยากจะตามเข้าป่าไพรไม่กลับมา..อิอิ.. ...ชอบภาษาโคราชบ้านเอ็งมากเลยอะ...มีเพื่อนที่นามสกุลลงท้ายด้วย...กระโทก..พอจะรู้จักมั้ยครับ..อิอิ
5 พฤษภาคม 2552 16:56 น. - comment id 980880
นั่นแน่คุณพลอยเฌอมาลย์ ..มาสุรินทร์แล้วไม่กินสุรา...มีเคือง...อิอิ..ล้อเล่น...ชอบห้วยเสนงมั้ยครับ...บรรยากาศพอจะสู้เขื่อนป่าสักได้หรือเปล่า
5 พฤษภาคม 2552 17:00 น. - comment id 980882
คุณเพียงพลิ้ว ..ใบสมัครหมดยัง..อิอิ...พอดีเห็นแผนที่เลยร่วมแจม..แต่งชื่ออำเภอ..อิอิ..แบบว่าว่างจัด เมืองโคราชประตูงามเป็นศรีสง่า เมืองท่านย่าผู้กล้าแกร่งแห่งอีสาน ภาษางามตามพื้นเพแต่โบราณ อยากพบพานทุกอำเภอที่เรียงราย แก้งสนามนางทิศเหนือวางข้างบ้านเหลี่ยม ประทายเยี่ยมสีดาคราผ่านสาย เส้นมิตรภาพผ่านโนนแดงออกบัวลาย เมืองพิมายใกล้ชุมพวงพ่วงเมืองยาง ลำทะเมนชัยไกลมากจากปากช่อง เที่ยวเลาะล่องห้วยแถลงแจ้งเสิงสาง ผ่านจักราชหนองบุญนากระหว่างทาง เหนื่อยหนักวางกายพักปักธงชัย โชคชัยชิดสนิทเสริมเฉลิมพระเกียรติ ครบุรีเบียดวังน้ำเขียวเที่ยวเขาใหญ่ ขามสะแกแสงพระทองคำล้ำโนนไทย คงไม่วายขามทะเลสอรอสูงเนิน ที่โนนสูงเทพรักษาเทพารักษ์ คอยปกปักยักษ์สีคิ้วลิ่วเหาะเหิน จนถึงด่านขุนทดรันทดเกิน จึงอัญเชิญเทพรักษาเมืองย่าโม.. ...แบบว่า..เกือบตาย...อิอิ แต่สนุกดี
5 พฤษภาคม 2552 17:53 น. - comment id 980892
สวัสดีค่ะคุณลมแปรแขมร์เลอ อนงค์นางเกิดที่จังหวัดร้ิอยเอ็ดค่ะ แต่ขออนุญาตลงภาพจังหวัดสุรินทร์ก่อนนะคะ แบบว่าอยากไปเที่ยวบ้านเจ้าของบ้านก่อน ------------------------------------------------------- สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม สุรินทร์ เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานจังหวัดหนึ่ง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่นอนว่ามีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร อาศัยเพียงข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี ตลอดจนคำบอกเล่าของผู้สูงอายุที่เล่าต่อๆ กันมา โดยเชื่อกันว่าเมืองสุรินทร์ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีล่วงมาแล้ว ในสมัยที่พวกขอมมีอำนาจอยู่ในบริเวณนี้ เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลงเมืองสุรินทร์ได้ถูกทิ้งร้างจนกลายเป็นป่าดงอยู่นาน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2306 จึงปรากฏหลักฐานว่าหลวงสุรินทรภักดี (เชียงปุม) ซึ่งเดิมเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเมืองที ได้ขอให้เจ้าเมืองพิมายกราบบังคมทูลขอพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ย้ายหมู่บ้านจากบ้านเมืองที มาตั้งอยู่บริเวณบ้านคูประทาย บริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองสุรินทร์ในปัจจุบันนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริเวณที่มีชัยภูมิเหมาะสม มีกำแพงค่ายคูล้อมรอบ 2 ชั้น มีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การประกอบอาชีพและอยู่อาศัย ต่อมาหลวงสิรินทรภักดีได้กระทำความดีความชอบเป็นที่โปรดปราน จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านคูประทายเป็น “เมืองประทายสมันต์” และเลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงสุรินทรภักดี เป็นพระสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ให้เป็นเจ้าเมืองปกครอง ในปี พ.ศ. 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ “เมืองประทายสมันต์” เป็น “เมืองสุรินทร์” ตามสร้อยบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมือง สุรินทร์อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ประมาณ 457 กิโลเมตร และโดยทางรถไฟประมาณ 420 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 8,124 ตารางกิโลเมตร ----------------------------------------------------- สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2511 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงผู้สร้างเมืองท่านแรก ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของเมืองสุรินทร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ทางเข้าเมืองสุรินทร์ทางด้านใต้ ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 0 ที่ถนนสุรินทร์-ปราสาท เป็นบริเวณที่เคยเป็นกำแพงเมืองชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์ อนุสาวรีย์เป็นรูปหล่อทองเหลืองรมดำ สูง 2.2 เมตร มือขวาถือของ้าว อันเป็นการแสดงถึงความเก่งกล้าสามารถของท่านในการบังคับช้างศึกและเป็นเครื่องแสดงว่าสุรินทร์เป็นเมืองช้างมาแต่ดึกดำบรรพ์ รูปปั้นสะพายดาบคู่อยู่บนหลังอันหมายถึงความเป็นนักรบ ความกล้าหาญอันเป็นคุณสมบัติที่ตกทอดเป็นมรดกของคนสุรินทร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2528 --------------------------------------------------- ศาลหลักเมืองสุรินทร์ เป็นสถานที่สำคัญและเป็นที่นับถือคู่บ้านคู่เมืองของชาวสุรินทร์ อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตร เดิมเป็นเพียงศาลไม่มีเสาหลักเมือง มีมานานกว่าร้อยปี เมื่อปี พ.ศ. 2511 กรมศิลปากรได้ออกแบบสร้างศาลหลักเมืองใหม่ เสาหลักเมืองเป็นไม้ชัยพฤกษ์มาจากนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเสาไม้สูง 3 เมตร วัดโดยรอบเสาได้ 1 เมตร ทำพิธียกเสาหลักเมืองและสมโภช เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2517 --------------------------------------------------------- หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านจันรม ตั้งอยู่ที่ตำบลตาอ็อง ทางตะวันออกของตัวเมือง ตามทางสายสุรินทร์-สังขะ (ทางหลวงหมายเลข 2077) ประมาณ กม.ที่ 12 ที่หมู่บ้านจันรมมีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกันเองแล้วนำมาทอเป็นผ้าไหมที่มี ลวดลายและสีแบบโบราณ --------------------------------------------------- หมู่บ้านหัตถกรรมเขวาสินรินทร์ ตั้งอยู่ทางเหนือของตัวเมืองสุรินทร์ ตามทางหลวงหมายเลข 214 (ทางสายสุรินทร์-ร้อยเอ็ด) ไปประมาณ 14 กิโลเมตร แยกขวามือไปอีก 4 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการทอผ้าไหมพื้นเมืองและการผลิตลูกประคำเงิน ที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน เรียกกันว่า ลูกปะเกือม นำมาทำเป็นเครื่องประดับของสุภาพสตรีที่สวยงาม มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าในบริเวณหมู่บ้าน ราคาย่อมเยา --------------------------------------------------------- หมู่บ้านช้างจังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่บ้านด่านพัฒนา ตำบลด่าน ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 69 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวอำเภอกาบเชิง 13 กิโลเมตร เดิมอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายห้วยทับทัน-ห้วยสำราญและประกาศเป็น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตั้งแต่ 30 ธันวาคม 2538 ฝั่งตรงข้ามด้านกัมพูชาเป็นชุมชนโอร์เสม็ด อำเภอสำโรง จังหวัดอุดรมีชัยช่องจอมเป็นเส้นทางข้ามแดนที่ใหญ่และสะดวกที่สุดของจังหวัด สุรินทร์ที่จะไปยังกัมพูชา ทำให้มีการติดต่อสัญจรไปมาและซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชาวไทยและ กัมพูชามาเป็นเวลาช้านาน และเป็นที่มาของแนวความคิดในการเปิดจุดผ่านแดนเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง สองประเทศ ตลาดแห่งนี้เปิดทำการค้าขายและสัญจรไปมาทุกวันเวลา 8.00-16.00 น. (อนุญาตให้ข้ามแดนเฉพาะคนไทยเท่านั้น) ประเภทสินค้ามีทั้งสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และสิ่งประดิษฐ์จากไม้ เช่น ม้านั่ง หัตถกรรมไม้ เสื่อสานไม้ไผ่ ตะกร้าสานต่าง ๆ การเดินทาง ใช้เส้นทางสุรินทร์-ช่องจอม ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 69 กิโลเมตร และห่างจากตัวอำเภอกาบเชิง 13กิโลเมตร ------------------------------------------------------ ปราสาทจอมพระ ตั้งอยู่หมู่ 4 ตำบลจอมพระ ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 26 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 214 (สายสุรินทร์-ร้อยเอ็ด) เข้าตัวอำเภอจอมพระ มีทางแยกขวามือเข้าวัดป่าปราสาทจอมพระอีก 1 กิโลเมตรปราสาทจอมพระมีลักษณะของสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า อโรคยศาล มีโครงสร้างที่ยังสมบูรณ์อยู่มาก อาคารต่าง ๆ ก่อด้วยศิลาแลงและใช้หินทรายประกอบ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกมีส่วนประกอบหลัก 4 ส่วน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะแบบอโรคยศาลดังที่พบในที่อื่น คือ ปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขหน้า บรรณาลัยหรืออาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่ทางด้านหน้า มีกำแพงล้อมรอบพร้อมซุ้มประตูรูปกากบาทและสระน้ำนอกกำแพง โบราณวัตถุสำคัญที่พบได้แก่ เศียรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 1 เศียร และรูปพระวัชรสัตว์ 1 องค์เช่นเดียวกัยที่พบที่อโรคยศาลในอำเภอพิมายและที่พระปรางค์วัดกู่แก้ว จังหวัดขอนแก่น โบราณวัตถุเหล่านี้เป็นรูปเคารพในพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน มีลักษณะตรงกับศิลปะขอมแบบบายน (ราว พ.ศ. 1720-1780) ซึ่งเป็นแบบศิลปะที่เจริญอยู่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 26 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 214 (สายสุรินทร์-ร้อยเอ็ด) เข้าตัวอำเภอจอมพระ มีทางแยกขวามือเข้าวัดป่าปราสาทจอมพระอีก 1 กิโลเมตร ------------------------------------------------------
5 พฤษภาคม 2552 18:05 น. - comment id 980895
ขออภัยนะคะภาพไม่ขึ้น ลองใหม่ ศาลหลักเมืองสุรินทร์
5 พฤษภาคม 2552 18:21 น. - comment id 980898
หมู่บ้านหัตถกรรมเขวาสินรินทร์ ------------------------------------------------------------ ปราสาทจอมพระ -------------------------------------------------------------- วนอุทยานพนมสวาย ตั้งอยู่ที่ตำบลนาบัว อำเภอเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 22 กิโลเมตร ------------------------------------------------------- ปราสาทหินบ้านพลวง ตั้งอยู่ที่บ้านพลวง ตำบลกังแอน ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาท 4 กิโลเมตรตามถนนสายสุรินทร์-ปราสาท-ช่องจอม ----------------------------------------------------- ปราสาทจอมพระ ตั้งอยู่หมู่ 4 ตำบลจอมพระ ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 26 กิโลเมตร -------------------------------------------------------- ปราสาทศีขรภูมิ ตั้งอยู่ที่ตำบลระแงง ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ 34 กิโลเมตร ------------------------------------------------------
5 พฤษภาคม 2552 18:24 น. - comment id 980899
คุณเอื้องคำ ..โอ้โห...ที่เที่ยวเยอะ จริง ๆ ครับ..อลังการมาก..ทั้งประเพณีก็น่าสนใจนะ..ประเพณีชิงเปรต...ชื่อน่ากลัว..แต่น่าสนใจ ..น้ำตกก็เยอะ...น่าไปเที่ยวมากเลยครับ..หวังสักครั้งไปชม..สระล้างดาบศรีปราชญ์
5 พฤษภาคม 2552 18:26 น. - comment id 980900
คุณอนงค์นาง.. ...ขอบคุณครับที่เอื้อเฟื้อภาพ...เชิญมาเที่ยวสุรินทร์นะครับ
5 พฤษภาคม 2552 18:58 น. - comment id 980910
ขอแนะนำบ้านเกิดอนงค์นาง จังหวัดร้อยเอ็ดค่ะ สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกตุ บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามหน้ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอม ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของภาคอีสานมานานกว่า 200 ปี อดีตเคยเป็นเมืองใหญ่ที่รุ่งเรืองมาก ชื่อว่า สาเกตนคร มีประตูเข้าเมือง 11 ประตู เมืองขึ้น 11 เมือง แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ มากมาย เมืองร้อยเอ็ดเป็นเมืองแห่งบึงพลาญชัย และมีส่วนหนึ่งของทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึงสองล้านไร่เศษ ขณะนี้กำลังได้รับการพัฒนาเพื่อให้เป็นแผ่นดินแห่งความอุดมสมบูรณ์จนแทบจะหา ร่องรอยแห่งอดีตไม่พบ ประวัติศาสตร์ของเมืองร้อยเอ็ดเริ่มปรากฏขึ้นในราวสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยมีเจ้าลาวจากนครจัมปาศักดิ์ได้เดินทางมาตั้งบ้านเรือนในบริเวณที่เป็น อำเภอสุวรรณภูมิในปัจจุบัน ต่อมาได้มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ย้ายเมืองใหม่มาตั้งที่บริเวณเมืองร้อยเอ็ดปัจจุบัน ส่วนเมืองสุวรรณภูมิเดิมก็ยังคงมีอยู่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์คิดกบฎต่อกรุงเทพฯ ได้ยกทัพเข้ามาตีหัวเมืองรายทางจนถึงนครราชสีมา แต่ก็ถูกทัพไทยตีแตกพ่ายไปในที่สุด นอกจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังพบหลักฐานทางโบราณคดีแสดงการอยู่อาศัยของคนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติ ศาสตร์เช่นกันและรวมทั้งเคยเป็นดินแดนที่อยู่ในเขตอิทธิพลของอาณาจักรขอม โบราณ เพราะพบโบราณสถานแบบขอมหลายแห่ง เช่น กู่พระโกนา อำเภอสุวรรณภูมิ กู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย ปรางค์กู่ อำเภอธวัชบุรี เป็นต้น ร้อยเอ็ด มีเนื้อที่ 8,299 ตารางกิโลเมตร และแบ่งการปกครองออกเป็น 20 อำเภอ คือ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอปทุมรัตต์ อำเภอจตุรพักตรพิมาน อำเภอธวัชบุรี อำเภอพนมไพร อำเภอโพนทอง อำเภอเสลภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภออาจสามารถ อำเภอหนองพอก อำเภอเมืองสรวง อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทราย อำเภอเมยวดี อำเภอศรีสมเด็จ อำเภอจังหาร อำเภอเชียงขวัญ อำเภอหนองฮี และอำเภอทุ่งเขาหลวง ---------------------------------------------------- สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บึงพลาญชัย ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองร้อยเอ็ด ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด --------------------------------------------------- วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกลาง ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ชัยมงคล อันเป็นพระมหาเจดีย์ใหญ่และมีความงดงามตระการตามากที่สุดองค์หนึ่ง ------------------------------------------------------ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติร้อยเอ็ด ตั้งอยู่ที่ถนนเพลินจิต ตำบลในเมือง อำเภอ เมือง ------------------------------------------------------ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด เป็นสวนสาธารณะกลางเมือง อยู่หน้าศาลากลางจังหวัด ----------------------------------------------------- ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นทุ่งกว้างใหญ่ของภาคอีสาน มีอาณาเขตครอบคลุมถึง 5 จังหวัด -------------------------------------------------------- ปรางค์กู่ หรือ ปราสาทหนองกู่ ตั้งอยู่ที่บ้านยางกู่ ตำบลมะอี อำเภอธวัชบุรี ---------------------------------------------------------
5 พฤษภาคม 2552 20:12 น. - comment id 980950
จังหวัดนนทบุรี เป็นเมืองเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตำบลที่ตั้งเมืองนนทบุรีขึ้นมาครั้งแรกนั้นมีชื่อว่า บ้านตลาดขวัญ ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองนนทบุรี เมื่อ พ.ศ.2092 ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ดังปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารว่า ฝ่ายสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ให้สถาปนาที่พระราชทานเพลิงศพนั้น (พระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระศรีสุริโยทัย) เป็นพระเจดีย์วิหารสำเร็จแล้ว ให้นามชื่อ วัดสบสวรรค์ แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า ไพร่บ้านเมืองตรี จัตวา ปากใต้ฝ่ายเหนือ เข้าพระนครครั้งนี้น้อย หนีออกอยู่ป่าดงห้วยเขา ต้อนไม่ได้เป็นอันมาก ให้เอาบ้านท่าจีน ตั้งเป็นเมืองสาครบุรี (คือจังหวัดสมุทรสาคร) ให้เอาบ้านตลาดขวัญตั้งเป็นเมืองนนทบุรี ให้แบ่งเอาแขวงเมืองราชบุรี แขวงเมืองสุพรรณบุรี ตั้งเป็นเมืองนครชัยศรี (พระราชพงศาวดารสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม) หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ คลองขนมหวาน เกาะเกร็ด คนจังหวัดนนท์ เจ้าค่ะ
5 พฤษภาคม 2552 20:42 น. - comment id 980976
ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน ........................................ รู้จักหรือยังครับ อยู่พิจิตรครับ
5 พฤษภาคม 2552 21:50 น. - comment id 981018
พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา ....................................................... เหนือตอนล่าง...กลางตอนบน..ยินดีต้อนรับครับ
6 พฤษภาคม 2552 11:45 น. - comment id 981090
ว่างเชิญเที่ยวโคราชนะค่ะ ยินดีพาเที่ยว (พาหลง ) โคราชมีสถานที่ท่องเที่ยว ไม่เยอะแต่ก็น่าเที่ยวค่ะ
6 พฤษภาคม 2552 17:58 น. - comment id 981205
คุณอนงค์นาง ..ไปเที่ยวร้อยเอ็ดบ่อยครับ...โดยเฉพาะแถบตอนล่าง..เพราะอยู่ไกล้บ้าน...บึงพลาญชัยก็ไปบ่อยน้า..ไปคนเดียว
6 พฤษภาคม 2552 18:00 น. - comment id 981206
คุณมณีจันทร์ ...อิอิ..ที่แท้ก็เป็นสาวเมืองนนท์นี่เอง...อยู่เมืองชล..คิดถึงเมืองนนท์..ของแคทลียามารศรี..ผมชอบมาก.. ...ขนมไทยก็น่าทานนะครับ
6 พฤษภาคม 2552 18:05 น. - comment id 981207
คุณก่องกิก ..เป็นหนุ่มพิจิตร..แล้วเป็นอะไรกับไกรทองครับ...ถึงได้ตามหาตะเภาแก้วตะเภาทองซะทั่วแคว้นสยามแบบนี้...อิอิ ...อยากไปชมแข่งเรือยาวที่วัดท่าหลวงสักครั้งครับ
6 พฤษภาคม 2552 18:07 น. - comment id 981208
คุณกิ่งโศก ...เคยไปเที่ยวภูหินร่องกล้าครับ...เมืองพิษณุโลกน่าอยู่มากครับ