ชมนกเมืองสุพรรณ (5)
นกตะวัน
ยังไม่ทันที่ผมนั้นจะได้นั่ง
วุธรีบรั้งให้ผมนั้นหันไปที่
ชะโงกลงไปดูในนที
เพราะว่ามีปลาแรดแฝดสองตัว
ตัวหนึ่งใหญ่อีกตัวเล็กยังเด็กอยู่
แต่มองดูไม่เท่าไรให้เวียนหัว
จึงต้องนั่งเก้าอี้บ้างระหว่างดู
วุธบอยดูแต่กลับยิ้มอิ่มเอมใจ
ทั้งสองคนมองหลายหนบนแพนั่น
ต่างคุยกันบนแพนั้นแรดสวยใส
ผมมองไปเห็นแต่หญิงวิ่งกันไป
มองเท่าไรไม่เห็นนอขอลาที
เลิกดูปลาเราได้เห็นเป็นนกบ้าง
เพราะนกยางเขียวนั้นพลันบินหนี
ขึ้นจากฝั่งตรงข้ามแพริมนที
กางปีกถี่บินเร็วรี่รีบหนีไป
ต่อจากนั้นเรามาถึงอีกหนึ่งวัด
เรียกชื่อชัดวัดพระลอยไม่ค่อยใหญ่
แต่วัดนี้ไช่ว่าดีกว่าวัดใด
เพราะมองไปเห็นนกปลาซื้อหากัน
ก่อนลงไปยังแพแลเห็นนก
ล้วนวิหคในกรงไม้ไร้สุขสันต์
นกกระจาบอกลายทุกตัวนั้น
เกาะตัวสั่นอยู่ในกรงคงแปลกใจ
เพราะเหตุใดทำไมใจร้ายนัก
อยากประจักษ์ให้รู้จริงสิ่งสงสัย
มนุษย์นั้นกักขังฉันเพื่ออะไร
ไม่น่าใช่ว่าใส่ใจอยากได้บุญ
แล้วจึงเดินลงไปที่ในแพ
คอยชะแง้แลหาปลาหน้าไม่คุ้น
เห็นคนยืนโยนอาหารชุลมุน
ปลาหน้าคุ้นมากมายเวียนว่ายมา
จึงเดินมาอีกด้านหนึ่งซึ่งแพนั้น
ไม่สุขสันต์ทันเห็นคนซนหรรษา
โยนอาหารทิ้งไปใส่เหล่าปลา
มัศยาก็แสนเชื่องตัวเขื่องดี
พอปลาว่ายมาใกล้จนได้ลูบ
ตกใจวูบคนอะไรร้ายเหลือที่
สองมือนั้นพลันดึงครีบหนีบพอดี
แล้วเร็วรี่เหวี่ยงขึ้นบนหล่นสู่แพ
ปลาชอกช้ำร่ำไห้ใครจะรู้
ใยจู่จู่คนใจร้ายไม่แยแส
ทำกันได้กระทั่งปลายังรังแก
จนมีแผลเต็มตัวกลัวหนีไป
ถ้าหากมันผู้นั้นสุขสันต์ยิ่ง
อยากรู้จริงยังสนุกสุขหรือไม่
ถ้าหากโดนใครโยนกระแทกไม้
คงร้องไห้ระกำช้ำกว่าปลา
เพราะหดหู่มองดูปลาจนพาเศร้า
จึงเร่งเร้าเจ้าบอยวุธรีบรุดหา
หนทางไปท่าเสด็จเตร็จเตร่มา
ไม่เนิ่นช้าก็มาถึงซึ่งสวนแล้ว
แลออกไปทางไหนมีแต่นก
ล้วนวิหคนกปากห่างถ่างปากแจ๋ว
มีมากมายเกาะเรียงรายเป็นหลายแนว
เป็นทิวแถวอยู่ด้วยกันนับพันตัว
ผมกับวุธเร็วไวเดินไปหอ
ไม่ย่อท้อเดินขึ้นหอสูงเหนือหัว
มองออกไปด้านใดพราวไปทั่ว
ตัวขาวมัวนกปากห่างช่างงามจริง
ส่วนบอยนั้นแสนขยันอยู่เชิงหอ
พูดหัวร่อถูกคอไม่หยุดนิ่ง
คุยทักทายเจ้าหน้าที่ช่างดีจริง
น้ำใจนิ๊งใสปิ๊งกว่าใครใคร
พอเย็นย่ำค่ำแล้วรีบแจวจาก
ต้องจำพรากจากไกลใช่ไปไหน
กลับกรุงเทพฯโดยพลันในทันใด
ก่อนฟ้าใสมืดมัวสลัวลง