** ครวญ ** เคยเพลินพิศจิตสลายเมื่อกลายร้าง แสนเวิ้งว้างกลางหทัยใกล้เคียงหมอน ซาบซึ้งกลิ่นหอมกรุ่นละมุนนอน หวานออดอ้อนวอนเว้าเคล้าฤทัย ลวดลายพร้อยแจกันอันเฉิดฉาย งามพริ้งพรายพฤกษาพาผ่องใส มัณฑนาชมพูแดงแฝงไฉไล บุบผาใบเขียวชอุ่มเป็นพุ่มพวง โต๊ะตั่งเตียงจัดไว้ได้สัดส่วน ประดับล้วนภาพผนังดั่งแมนสรวง มวลอัปสรกินรีรื่นชื่นทั้งปวง จันทร์ล้อมดวงดาวน้อยคล้อยเมฆา ห้องหอน้อยแสนรักประจักษ์อุ่น กลิ่นละมุนซาบซ่านผ่านบุบผา อีกกระแจะจันทร์เจ้าเฝ้าเคล้ามา งามกานดาเพริศพริ้งอิงเทพเทวี สุดซึ้งซาบอาบห้วงล้วนสรรค์เสก ทำนองเฉกเสียงระฆังครั้งโฉมศรี กล่อมลำนำขานเสนาะไพเราะทวี เล้าโลมชีวีแนบทรวงล่วงซึ้งหทัย มาดแม้นเจ้ายังอยู่คู่ห้องน้อย แสนละห้อยเหินห่างร้างหนีหาย เธอจากแล้วแก้วตาแวววับกลาย สิ่งทั้งหลายสูญสิ้นจินต์แยกทรวง ขอเธอจงสุขสราญบนผ่านฟ้า มวลดาราจันทร์ฉายในแมนสรวง รื่นระเริงวิมานแพร้วแนวทั้งปวง อย่าได้ห่วงเบื้องหลังฝังอาลัย จงเป็นสุขเถิดหนอแก้วตาเอ๋ย มินานเลยจะตามเจ้าเฝ้าอาศัย ยามนอนเคียงเฝ้าจูบลูบวลัย แนบทรวงคล้ายมีเจ้าเฝ้าคลอเคียง. *** แก้วประเสริฐ. ***
24 กุมภาพันธ์ 2552 18:08 น. - comment id 955305
แสนรักค่ะ
24 กุมภาพันธ์ 2552 20:23 น. - comment id 955339
เมื่อมีรักความผูกพันธ์นั้นยากแก้ จิตเหนี่ยวแท้ไม่แปรเปลี่ยนหมุนเวียนกลับ เคยจงรักภักดีแม้ไปลับ ยังสดับหวลถึงซึ่งวาจา เคยหยอกล้อต่อกระซิกกับชู้ชื่น เคยระรื่นเฝ้าถนอมและรักษา ยามหกล้มตระคองกอดแม่งามตา ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นด้วยหัวใจ มาบัดนี้มิมีแล้วแก้วตาเอ๋ย เจ้ามาจากทรามเชยหมดสิ้นไร้ หากชาติหน้ามีจริงทุกสิ่งใจ เป็นคู่เธอตลอดไปทุกชาติพลัน สวัสดีค่ะคุณลุง ได้ยินเสียงดนตรีที่คุณลุงเปิดทีไร หลานอารมณ์อ่อนไหวตามทุกทีเจ้าค่ะ
24 กุมภาพันธ์ 2552 20:39 น. - comment id 955348
ถึงจะจาก.... ก็ยังคงซาบซึ้งถึงทรวงจริงๆ เจ้าค่ะ
24 กุมภาพันธ์ 2552 20:59 น. - comment id 955363
จงเป็นสุขเถิดหนอแก้วตาเอ๋ย มินานเลยจะตามเจ้าเฝ้าอาศัย ยามนอนเคียงเฝ้าจูบลูบวลัย แนบทรวงคล้ายมีเจ้าเฝ้าคลอเคียง. .................................................. 8คุณครูแก้ว.ครับ บทนี้เศร้าโศก อาดูรเหลือเกินครับ.. ....งดงามในการใช้คำเสมอครับครูแก้ว..รักษาสุขภาพด้วยครับ
24 กุมภาพันธ์ 2552 21:03 น. - comment id 955367
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
25 กุมภาพันธ์ 2552 08:06 น. - comment id 955461
ครวญจนละห้อยเลยค่ะ แวะมาเสิร์ฟกาแฟค่ะ
25 กุมภาพันธ์ 2552 10:09 น. - comment id 955503
ไพเราะจับใจเลยครับ กลอนชุดนี้ ทั้ง สัมผัส ถ้อยคำ และความหมาย อ่านแล้ว "ครวญ" จริงๆ ครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
25 กุมภาพันธ์ 2552 10:58 น. - comment id 955520
บางทีความสงบ ก็คือความสุขสุดท้าย ที่เราปรารถนา
25 กุมภาพันธ์ 2552 12:33 น. - comment id 955580
25 กุมภาพันธ์ 2552 13:22 น. - comment id 955610
หวัดดีคับ...คุณ"แก้วประเสริฐ" ได้ใจ..... ความวิจิตรในความอาลัย...สมกับคำว่า"ครวญ"....ขอคารวะ....ขอรับ...
25 กุมภาพันธ์ 2552 14:57 น. - comment id 955688
หลานอยากจะครวญเหมือนกันค่ะคุณลุง แต่เหมือนจุกอยู่ในอก
25 กุมภาพันธ์ 2552 19:13 น. - comment id 955826
คุณ ครูกระดาษทราย ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 19:19 น. - comment id 955828
คุณ somebody ความรักที่แท้จริงต้องประกอบด้วยความรัก มั่นคง และความซื่อสัตย์ ดำรงไว้ปราศจากมายา ใดๆทั้งปวงย่อมเป็นไปดั่งกลอนบทนี้ครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 19:26 น. - comment id 955836
คุณ แก้วประภัสสร ความรักมีหลายรูปแบบ แต่ความรักที่มั่นคง ซื่อสัตย์ เข้าใจเห็นใจไร้มายาทั้งปวงอยู่ด้วยกันมา ด้วยความรักที่แสนจะบริสุทธิ์ย่อมเป็นดังบทกลอน นี้แล แม้นว่าผมจะอุปโหลกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็น ถึงซึ่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนคู่หนึ่งก็ตามแต่ ผมเขียนด้วยใจที่เป็นธรรมยิ่งเพราะ ประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นมามากต่อมากและ ซึ้งใจยิ่งนักครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 19:37 น. - comment id 955850
คุณ ฟา ก่อนที่ผมจะเขียนกลอนบทนี้ ประกายจุดหนึ่ง พุ่งขึ้นเข้าสู่จิตใจ ทำให้ผมเกิดนึกถึงความรักของคน โบราณกับปัจจุบัน เหตุใดหนอช่างแตกต่างกัน เสียสิ้นเชิงอะไรเล่าจึงเป็นเช่นนั้นจะว่าวัตถุก็หาไม่ เมื่อตีปัญหานี้แตกจึงเขียนขึ้นมา คือ คำเพียงคำ เดียวคือ "สัจจะ" คนโบราณนั้นมีสัจจะในหัวใจ มากไม่ว่าชายหรือหญิง หากมีความรักกับใคร สักคนๆหนึ่งย่อมเสียสละให้แก่ความรักจะได้ หรือไม่ก็ตามย่อมรักมันคงเสมอ หากอยู่ด้วยกัน ก็จะมอบสิ่งเหล่านี้ให้แก่กันและกันซื่อสัตย์ต่อ กันไม่มีวันจาง จะเห็นได้ว่าคนโบราณหากมีคู่ ครองแล้วมักจะอยู่กันไม่ว่าจะยากดีมีจน อยู่ กันจนตายกันไปข้างหนึ่งมั่นคงยิ่ง ผิดกับปัจจุบัน ที่เห็นความรักเป็นเรื่องสนุกสนานกันครับ ใครมากด้วยความรักถือว่าเก่ง คนโบราณถือ ตัวเองเสมอจะรักหรือไม่รักหากตกเป็นของใคร ก็จะมอบสิ่งนั้นแล้วค่อยๆไขว่คว้ามอบให้แก่กัน ส่วนชายก็จะรับผิดชอบต่อหญิงที่ล่วงเกินมิมีวัน เปลี่ยนแปลงแม้จะถูกคลุมถุงชนก็ตามที นี่คือ ที่มาของกลอนบทนี้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 20:07 น. - comment id 955871
คุณ กิ่งโศก อย่างเบื้องต้นที่ผมกล่าวไว้นั่นแหละคือที่มาแห่ง บทกลอนเรื่องนี้ การใช้ใจเราเขียนตามสติปัญญา ของเราจะดีหรือไม่หาใช่เหตุสำคัญใดไม่เราทำใน สิ่งที่ดีไม่จำเป็นต้องงดงาม ให้เราทำเพื่อความจริง ใจตามแต่ใจเราปรารถนาก็จะได้ผลงานออกมาได้ อย่างสละสลวยด้วยอย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ให้ทราบ แล้วว่าสำนวนอักษรทำนองควรประสานกับความ หมายของบทกลอนนั้นๆ ย่อมนำพากลอนเราให้ สู่จุดประสงค์ที่เราต้องการ เราอย่าได้ไปคำนึง ถึงว่ากลอนเราจะดีหรือไม่ครับ เราทำงานชิ้น หนึ่งก็ควรทำให้ดีเท่าที่ความสามารถเราจะทำได้ ก็ถือว่าดีแล้ว เกิดความภาคภูมิใจแก่เราใครจะ ว่าไม่ดีไม่เหมาะสมเพื่อทำลายก็อย่าท้อถอยงาน ของเรา ผมเองถึงบอกเพื่อนๆชาวกลอนว่าผม เองเป็นคนไม่เก่ง แถมยังบ้าๆบอๆบ๊องส์อยู่ เสมอมาเพราะผมเขียนด้วยอารมณ์ใจชองผม เป็นสำคัญไม่จำเป็นต้องอาศัยกลอนคนอื่นที่ ผมอ่านกลอนคนอื่นผมก็ไม่เคยจะติเตียนใครๆ ให้กำลังใจเขาเสมอมา อีกประการหนึ่งยกเว้นศิษย์ เท่านั้นที่ต้องคอยชี้แจงข้อดีเสียเพื่อปรับปรุง ปกตินั้นผมจะไม่ยอมรับศิษย์เลยนานแล้วจน อายุล่วงมากๆเข้าก็เลยรับเพราะเขาสมัครมา ทางเมล์ของฝากตัวแก่ผม ผมก็บอกว่าผมไม่เก่ง ทำได้เท่าที่ทำได้ หากคุณเรียกผมว่าครูเสมอก็ ขอบอกไว้ จงเชื่อมั่นตัวเราเอง จงภูมิใจต่อผล งานของเราไม่ว่าจะออกมาในรูปใด ฉันทลักษณ์ หากอ่านจริงๆจะยุ่งยากมากแต่หลักใหญ่ๆนั้น คือสิ่งสำคัญ กลอนแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือกลอนระดับสูง ระดับกลางและระดับต่ำ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในกลอนระดับต่ำคือเรียกว่า กลอนธรรมดาใครๆก็อ่านเขียนได้ ทุกๆกลอน แฝงความหมายไว้ทั้งสิ้น แต่ก็อยู่ที่อักษรและ สถานะการณ์ประกอบกัน ระดับกลางคือกลอน ที่แฝงความหมายไว้ในอักษรทำนองที่ใช้ไม่มาก นัก บางคนบอกว่าเขียนกลอนไม่เป็นแต่อ่าน กลอนเป็น ผมขี้เกียจตอบคนเขียนกลอนเป็น ย่อมอ่านกลอนเป็นแต่ความหมายเขาจะแฝงไว้ ในกลอนอย่างไรนี่แหละคือสิ่งสำคัญ ทุกๆบท กลอนมีความหมายทั้งสิ้นเพราะเหตุใด ด้วยผู้ เขียนย่อมถ่ายทอดออกมาจากความคิดอ่านของ เขาย่อมแฝงด้วยคุณค่าจะมากน้อยล้วนแล้วแต่ สติปัญญาของเขาเอง ส่วนกลอนระดับสูงนั้นต้องประกอบด้วยความหมายทุกๆตัวอักษรเอา มาร้อยกรองปนกับทำนองคนอ่านจะไม่ค่อยเข้าใจ นัก ผมเองเขียนได้แต่ไม่ค่อยชอบเพราะเหตุใด เพราะผู้อ่านต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทยมานั่ง คิดทุกๆประโยคของกลอนตลอดจนจบ แม้ว่า กลอนนั้นจะสละสลวยก็ตามที จะแฝงไว้ในอดีต ปัจจุบันเวลาทุกขณะจิตครับ นี่ผมบอกถึงการ เขียนกลอนให้คุณซึ่งยอมรับไว้ แต่การฝึกฝน นั้นอยู่ที่การรู้จักการใช้อักษรทำนองความหมาย จะสอดแทรกอย่างไรก็ได้แต่ตั้งแต่ต้นจนจบคือ เรื่องราวเดียวกัน ทำให้คนอ่านเห็นภาพ ได้ รับอรรถรสเสนาะระรื่นสบายใจนี่แหละคือหัวใจ ของกลอนทั้งหลายครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 20:20 น. - comment id 955878
คุณ เฌอมาลย์ ครับเจ้าหญิงแสนสวย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ย่อมไม่หนีพ้นไปได้ของมนุษย์สัตว์ที่เกิดมาในโลก นี้ แต่ความดีชั่วนี่แหละคือสิ่งที่ควรคำนึง การเกิด เป็นมนุษย์ในพุทธศาสนากล่าวไว้ว่ายากนัก ด้วย อยู่ระดับกลางหมายความถึงให้มาสร้างความดีลดละ ความชั่วนั่นเอง แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยัง ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ ส่วนอรหันต์นั้นสำเร็จได้ เพียงสองชั้นคือ มนุษย์และสวรรค์สูงสุดคือชั้น พรหม ชั้นพรหมยังแบ่งเป็นสองคือพรหมมีรูป กับพรหมไม่มีรูป พรหมมีรูปมีเมียได้แต่พรหม ไม่มีรูปมีเมียไม่ได้ แต่ก็สำเร็จอรหันต์ได้ด้วย บารมีของแต่ละท่าน หากกิเลสน้อยเมื่อฟัง พุทธพจน์พระพุทธเจ้าก็ย่อมสำเร็จอรหันต์ได้แม้ แต่เทวดาขั้นต่ำที่มีอุปนิสัยบารมีแต่ การที่จะไป สู่ทุกขคติหรือสุขคตินั้นอยู่ตอนจะดับสังขารร่าง กายอันประกอบด้วยธาตุทั้ง 6 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และวิญญาณธาตุ แต่ส่วนมากจะรู้ แค่เพียง 4 ธาตุคือ ดิน น้ำ ลม ไฟเท่านั้น ฉะนั้นพระพุทธองค์จึงทรงกล่าวครั้งสุดท้ายว่า ภิกขุทั้งหลายจงอย่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รวมถึงถึงการจะดับสิ้นนั่นเอง หากกรรมดีมีมาก ย่อมมาก่อนกรรมชั่ว หากกรรมชั่วมากมาก่อน ก็ย่อมไปสู่อบายนั่นเอง บางคนประพฤติอยู่ใน ศีลธรรมมีฌานยังต้องไปอบาย เพราะจิตใน ขณะจะดับเกิดรำลึกถึงความไม่ดีย่อมนำไปสู่ อบายภูมิได้ เช่นเดียวกันครับ หากคุยก็เรื่อง มากนัก เอาแค่นี้ก่อนนะเจ้าหญิง รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 20:28 น. - comment id 955884
คุณ แจ้นเอง ผมเขียนตามอารมณ์และประสบการณ์ครับ ดั่งที่กล่าวข้างต้นลองย้อนขึ้นไปอ่านก็แล้วกันนะครับ ผมเคยกล่าวไว้เสมอว่า การเขียนกลอนก็เหมือน กับหุ่นนั่นแหละครับ หากหุ่นวางไว้เฉยๆก็ไร้ ความหมาย หากเอามาเต้นรำเอาอารมณ์เรา ใส่เข้าไปด้วยให้ร่ายรำตามทำนองที่เราคิดขึ้น มา หุ่นนั้นก็ย่อมจะดีสวยงามหรือไม่อยู่ที่เราครับ ขอบคุณกาแฟ อิอิ ผมดื่มทุกๆวันตอนเช้าวันละแก้ว พอครับ ขอบคุณครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 20:37 น. - comment id 955889
คุณ นักสืบ ไร้อันดับ บอกตรงๆว่าสุขภาพผมย่ำแย่มากแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะนานเท่าไหร่แล้วล่ะ แต่ก็มีแต่ใจสู้เท่านั้น บางครั้งจะเห็นผมหายไปนานๆ ไม่ใช่อะไรหรอก รักษาตัวอยู่ครับ งานเขียนผมเองก็กล่าวไว้แล้ว ข้างต้นนั่นแหละครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 20:44 น. - comment id 955893
คุณ ยาแก้ปวด ใช่แล้วครับความสงบคือความสุขที่ประกอบ ้ด้วยปัญญา เมื่อเกิดปัญญาย่อมเกิดการเรียนรู้ การเรียนรู้จะมากน้อยก็ด้วยการสะสมบารมีของ แต่ละบุคคล สถานใดที่วุ่นวายความสงบย่อมไม่เกิด ปัญญาก็ขาดหายไปเกิดตัณหาคือความอยาก เมื่อ เกิดความอยากความประมาทย่อมเกิดขึ้นครับ เอ๊ะพูดยังกับพระเทสน์เลยเน๊อะ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 20:49 น. - comment id 955897
คุณ โคลอน ขอบคุณมากครับ ยังไม่ลืมคนแก่ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 21:00 น. - comment id 955907
คุณ kirati คุณครับความงดงามอยู่ที่ใจ หากใจบริสุทธิ์ ประกอบด้วยความเชื่อมั่นตนเองสูง ยอมรับในสิ่ง ที่ควรยอมรับ หมั่นขนขวายฝึกฝนด้วยความละเอียด ตรวจสอบฝึกปรือด้วยใจของเรา ไม่คำนึงถึงผลงาน ว่าจะดีหรือไม่ หากเราพยายามแล้วก็ยอมรับผลงาน นั้นๆ ทำด้วยตัวของตัวเองสติปัญญาของตัวเอง ก็จะเกิดความภาคภูมิใจถึงแม้ว่าจะไม่ดีเท่านัก ปราชญ์ราชบัณฑิตก็ตามก็พอใจสิ่งที่เราทำนั้นๆ ครับ งานก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย ไปเองโดยอัตโนมัติครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2552 21:09 น. - comment id 955912
คุณ เพียงพลิ้ว หลานรัก การทำทุกๆสิ่งอย่างอยู่ที่ใจเรา เพราะใจเรามีพลังงานชนิดหนึ่งเรียกว่า พลังจิต คนส่วนใหญ่นั้นจะใช้พลังงานนี้แค่เพียง สามสิบ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองแหละส่วนอีกเจ็ดสิบเปอร์ เซ็นต์เก็บไว้อยู่ในใต้จิตสำนึกของเรา หากคนเรา สามารถนำพลังจิตมาใช้ได้ จิตใจเราก็จะปลอดโปร่ง สดใสสามารถกระทำสิ่งใดๆเหนือธรรมชาติได้ จะ มีได้ก็อยู่ที่การฝึกฝนปฏิบัติทางพระเรียกว่าฌาน นั่นเองจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
26 กุมภาพันธ์ 2552 09:41 น. - comment id 956140
ขอบคุณค่ะที่ช่วยขยายความ
26 กุมภาพันธ์ 2552 10:05 น. - comment id 956164
คุณ เฌอมาลย์ ไม่เป็นไรครับ แม้แต่รุขเทวาก็ย่อมสำเร็จ อรหันต์ผลได้หากฟังแล้วบรรลุโสดาบันน้อม นำจิตมั่นคงเข้าสู่อรหันตมรรคพุ่งตรงสู่อรหันต ผลก็ย่อมไปนิพพานได้ครับ ขอบคุณเจ้าหญิง แสนสวย รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
27 กุมภาพันธ์ 2552 14:02 น. - comment id 956805
ครั้งแรกที่ผมเขียนกลอน....ผมจำไม่ได้.... จำได้แต่ว่า....เขียนมานานมากแล้ว... ไม่เคย....ส่งออกสู่สายตาผู้ใด.... เขียนไว้อ่านเอง...หรือไว้ให้ได้รำลึกถึง....ซึ่งวันหนึ่งของผม.... จนมีโอกาส...เจอ"บ้านกลอน" เท่าที่ผม...เขียนมา...ผมเขียนด้วยใจ...ด้วยการมองในแบบกลางๆ...ซึ่งประสงค์เพียงต้องการสื่อความหมายที่ผู้คนลืมหรือหลับไหลจากความนั้น... กับ...อีกข้อสำคัญ...คือ...ผมหลงไหล...ถ้อยคำที่ บรมครูใช้เขียน...ใช้ประพันธ์... ไม่เคยได้รับการตอบแสดงออกอย่าง...คุณ"แก้วประเสริฐ"ที่ได้คอมเมนท์มา...ดีใจมากๆครับ... ขอขอบพระคุณ...เป็นอย่างยิ่งครับ... ผมจะจดจำ....และเป็นไปตามนั้นครับ... อ่านแล้วทราบว่า....สุขภาพไม่ค่อยดี....ขอให้หายโดยไว้...ครับ...รักษาสุขภาพนะครับ....
28 กุมภาพันธ์ 2552 15:39 น. - comment id 957316
คุณ kirati ไม่เป็นไรครับคนบ้านเดียวกันสิ่งใดช่วยได้ ก็ช่วยกัน ส่วนจะเชื่อหรือไม่ตามใจเขาครับ ปกติ ผมจะไม่ค่อยเอ่ยเท่าไหร่นัก เมื่อก่อนนั้นผมเคย เล่นกลอนเหมือนคุณนั่นแหละ แต่พอเกษียณอายุ ว่างๆก็เลยเขียนเล่นๆไว้แก้เหงา ฝึกสมองในตัว เสร็จ ทำไมเล่าผมไม่ตอบกระทู้รวมเพราะหนึ่งให้ เกียรติเจ้าของกระทู้ สองเพราะแต่ละกระทู้แตกต่าง กันบางครั้งต้องอธิบาย หากคุณแวะมาเยี่ยม ก็อ่านกระทู้ที่ผมตอบด้วยนะครับ บางครั้งอาจ จะเป็นประโยชน์แก่คุณก็ได้ ผมเขียนกลอน แบบใจเขียนระหว่างกลาง ไม่ละลาบละล้วงใคร และไม่เลียนแบบใคร ส่วนใครจะเลียนผม ผมเองก็ไม่ว่าหรอกครับ เพราะทุกๆคนมาเพื่อ แสวงหาความสุข ระบายอารมณ์กันงานจะดี หรือไม่อย่าสนใจ สนใจเพียงให้สบายใจเท่านั้น หลักเกณฑ์การเขียนกลอนต้องเป็นไปตามนั้นๆ จึงจะเรียกว่ากลอน แล้วคุณจะพบกับสิ่งที่ทำให้ คุณเกิดท้อถอยแต่อย่ายึดมั่น จงมั่นคงเสมอๆ จงเชื่อมั่นตนเองเสมอๆนะครับ อีกประการ หนึ่งจงคิดว่าคนทำลายย่อมมีมากกว่าคนที่จะ ชอบ หรือว่า คนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืน เสื่อนั่นแหละครับ ส่วนเรื่องสุขภาพ คนแก่เป็นกันทุกๆคนแหละครับขอบคุณที่ห่วง ผม ว่างๆก็แวะมาเยี่ยมอีกนะครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.