๏ เชิญรังสรรค์บรรเลงบทเพลงเลือด ให้มันเดือดระอุพล่าน ณ ลานสยาม หากสติวินิจฉัย ..ฉันไม่ปราม ฉันอยู่ท่ามแตกแยกมิแปลกใจ โน่นก็บอกตอกย้ำทำเพื่อชาติ โน่นก็สาดชี้รัฐเปรียบสัตว์ใหญ่ โน่นด่ากลางช่างขลาดเขลาบรรลัย โน่นรอเสียบเสี้ยมไทยสุมไฟเติม บรรเลงเพลงละเลงเลือดดุเดือดพล่าน เคลิ้มอารมณ์เบิกบานสถานการณ์เริ่ม ยามเพี้ยนคีย์ครุ่นคิดด้วยจริตเดิม คนฮึกเหิมโลดเต้นเน้นลวดลาย พอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้า ฉันรากหญ้าสนุกสนานสำราญหลาย กว่าเพลงจบศพที่นอนเรียงราย ซากสุดท้ายไหมนั่น... ฉันไม่รู้ ๚ะ๛
24 พฤศจิกายน 2551 13:28 น. - comment id 917130
อ่านไปได้กลิ่นเลือดเลยนิ น่ากลัวจัง
24 พฤศจิกายน 2551 14:35 น. - comment id 917144
ใช่ ใช่ ภาพกระโดดออกมาจากตัวหนังสือเลย
24 พฤศจิกายน 2551 18:01 น. - comment id 917201
ว่าเขาใช้ปฐวีแทนกระดาษ บรรเลงเพลงวิปลาสสีโลหิต เลือดละเลงบทเพลงตามที่คิด ไม่รู้ผิดรู้ชอบอนาถนัก สังคมไทยอยู่อย่างพี่อย่าน้องปัจจุบันกลับเป็นอย่างนี้ไปได้ หนักขึ้นทุกวัน แล้วคนรุ่นหลังจากกระผม(ซึ่งกระผมเป็นเด็ก)จะต้องเจออะไรอีก
25 พฤศจิกายน 2551 04:18 น. - comment id 917312
ขนอาวุธมาให้ทั้งสองฝ่ายถล่มกันจะได้จบๆเสียทีค่ะ เซ็งจังค่ะ คุณอัลมิตราสบายกายดีไหมคะส่วนใจไม่มีใครสบายอยู่แล้วนะคะทุกคนเคลียดกับเหตุการณ์ทั้งนั้นค่ะ
25 พฤศจิกายน 2551 08:07 น. - comment id 917330
จขกท. ยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองยามนี้เป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติและสถาบันกษัตริย์อีกหรือ ยังลอยตัวไม่ยอมเลือกข้างอีกหรือ หรือรอให้เขาเดินไปข้างหน้าเมื่อได้กำชัยให้ชาติและสถาบันแล้วจึงรอยกมือเรียกเขากลับมาจูงมือเดินไปข้างหน้าอย่างนั้นหรือ คิดเองไม่ได้หรือ
25 พฤศจิกายน 2551 08:47 น. - comment id 917346
อัลมิตราคะ ขอมาแจมด้วยค่ะ เห็นภาพชัดแล้วสะท้อนในอก หลายสิ่งหลายอย่างภาพฟ้องบอก เฝ้าดู รับรู้แล้วบอกตัวเองอย่าปรุงแต่ง แต่ก็หนักหัวใจนัก เพราะความเชื่อเลือกข้างถึงทางอับ ชีพย่อยยับดับลงน่าสงสาร จะข้างไหนสีไหนไม่ต้องการ อีกหลายล้านเสียงสงบเฝ้าทบทวน เสียงที่เงียบรอวันอันเรืองโรจน์ เพื่อจะโชติช่วงแสงแรงกำสรวล เพลงเลือดตามด้วยเพลงลาพาคร่ำครวญ ไทยเราล้วนพวกพ้องพี่น้องกัน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้ากับฟ้าใหม่ วันที่ไทยเป็นไทไร้โศกศัลย์ พญาโศกลีลาศประกาศพลัน ลุสวรรค์ขอลาไปถาวร และวันนั้นเพลงทิพย์กระซิบแผ่ว จะเจื้อยแจ้วอ้อนออดมิถอดถอน ทิพย์วารียาตรามาอวยพร เอื้ออาทรประสาไทยไปด้วยกัน
25 พฤศจิกายน 2551 10:54 น. - comment id 917375
บทเพลงเลือด ยังต้องบรรเลงไปอีกนาน เมื่อยังไม่บรรลุผลดังผู้นำต้องการ ก็ต้องหมายความว่า ต้องยอมเสียเลือดเนื้อของประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งจุดหมายปลายทาง จึงไม่แปลกใจเลยที่จะมีคนที่ตาย โดยไม่รู้ "อิโหน่อิเหน่" มีเพียงคำโก้หรู ที่ผู้นำกล่าวอ้างเชิดชู "กู้ชาติ" ซึ่งไม่แน่ใจว่ากู้หรือทำลายกันแน่ ฝ่ายนี้เอ่ยอ้างดึงสถาบันลงมา ว่า"ทำเพื่อสถาบัน ทำเพื่อมิให้มีการล้มล้างสถาบัน" แต่อีกฝั่งหนึ่งก็บอกว่า ทำไมสถาบันปล่อยให้เขากล่าวอ้างเช่นนั้น นั่นหมายความว่ามี "มือที่มองไม่เห็น"หนุนหลังอยู่ ทั้งหลายทั้งปวงล้วนทำให้สถาบันนั้นมัวหมอง ถ้าสถาบันทำการติติงฝ่ายที่กล่าวอ้างว่าทำเพื่อสถาบัน อีกฝ่ายหนึ่งก็จะแสนยินดีและโจมตีทันที และฝ่ายที่กล่าวอ้างว่ารักและเชิดชูสถาบันก็จะกลายเป็นสิ่งตรงกันข้ามเช่นกันว่าทำเพื่อสถาบันแล้วใยสถาบันไม่เห็นดีเห็นงาม และในฝ่ายตรงกันข้ามก็พยายามดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ตามที่ฝ่ายของตนร้องขอ หากเมื่อสถาบันไม่ได้รับพิจารณาหรือ "นิ่งเฉย" คนพวกนี้ก็จะเริ่มโจมตีว่า"ไม่เป็นธรรม" และจะเริ่มลุกลามขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่จริงแล้วเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นโดยคนเพียง 2 คนเท่านั้น หากคน 2 คนที่ไม่ลงรอยกันนั้น ยุติความเคลื่อนไหวต่างๆ และไม่ดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง "เลย" สถาบันก็จะไม่มีเรื่องให้มัวหมอง ทุกคนต่างกล่าวอ้างว่ารักและเชิดชูสถาบัน แต่ก็ต่างใช้สถาบันเป็นเครื่องมือกันทั้งหมด เราทุกคนควรใตร่ตรองให้ถ้วนถี่ว่าสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายนั้นกระทำ "มันถูกต้อง" หรือไม่ 1. อย่าใช้อารมณ์มากำหนดการกระทำ 2.อย่าใช้อารมณ์เหนือเหตุและผล 3.อย่าใช้ความคิดของตนเองมากำหนดว่าใครผิดและถูก ควรใช้สิ่งที่พิสูจน์ได้มากำหนด 4.หากทุกคนยึดมั่นในสถาบันกันจริงๆ เรื่องราวทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ทุกคนยึดมั่นคนอื่น แล้วนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือในการกระทำเพื่อให้จุดมุ่งหมายของตนเองประสบความสำเร็จ คนเหล่านี้มีแต่ความ"จัญไร"ในชีวิต และขอสาปแช่งให้ชาตินี้อย่าได้พบความสงบสุขเลยในชีวิตของพวกมัน หากใครคนใดได้อ่านบทความนี้แล้ว ขอให้คิดและใตร่ตรอง ใคร่ครวญให้ดี อย่าได้เป็นเครื่องมือของทั้ง 2 ฝ่าย มาโจมตีสถาบันและทำให้สถาบันเสื่อมเสียอีกเลย...ขอร้อง
25 พฤศจิกายน 2551 15:52 น. - comment id 917494
ไม่รู้จะว่าไงอ่ะ ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย แต่อย่างน้อยขออย่าให้เกิดการนองเลือดอีกเลย...สาธุ
25 พฤศจิกายน 2551 21:46 น. - comment id 917739
คุณบุษย์น้ำทอง .. กลิ่นเลือดคละคาวคลุ้งเมืองยุ่งเหยิง ร้อนพระเพลิงไปทั่วเรื่องมัวหมอง ประเทศชาติเสื่อมถอยดุจลอยคลอง เพลงเลือดก้องกังวาน.. สะท้านใจ คุณแมวเหลือง .. ภาพกระโดดโลดเต้นเป็นสักขี สยามปฐพีถูกแบ่งเพื่อแข่งขัน เมื่อต่างฝ่ายร้ายแร้งยื้อแย้งกัน พร้อมห้ำหั่นละเลงบทเพลงเลือด คุณวนกวี .. ไวทยากรณ์ตอนบรรเลงบทเพลงย่ำ มือกระหน่ำกวัดแกว่งด้วยแรงโหด ชาติจะเป็นเยี่ยงไรอย่างไปโทษ เถิดปราโมทย์ฟังเพลง..ละเลงเลือด คุณอรุณสุข .. :) สวัสดีค่ะ แวะมาเยื่ยมก็ชื่นใจแล้ว คุณนรศิริ .. สบายดีสบายกายคล้ายปล่อยว่าง บนเส้นทางสองแพร่งเสื้อต่างสี สวมเสื้อขาวพวกพ้องมองไม่ดี อิสระเสรี...อยู่ที่ใด ? คุณเวียงป่าเป้า .. จขกท = โจรเข้ากรุงเทพ !!. อัลมิตราก็ไม่เคยกะเกณฑ์ ชักจูง ใครให้คิดเรื่องการเมืองเหมือนอัลมิตรา เนื่องจากเชื่อว่าแต่ละคนมีปัญญาที่จะพิจารณาเอง ใครเห็นสิ่งใด ก็เชื่อสิ่งนั้น :) ที่จริง อ่านกลอนชุดนี้ของอัลมิตราจบแล้ว ก็น่าจะรู้นะว่า .. ทั้งหมดนี้อัลมิตราคิดเอง คุณมารแมงมุม .. เสียงอึกทึกครึกโครมคราวเข่นฆ่า ต่างประดาอาวุธรุดห้ำหั่น ทั้งมีดไม้เหล็กปืนยื่นพัลวัน ไทยด้วยกันแท้แท้แต่ไม่ตรอง กว่าไทยจะเป็นไทในวันนี้ กว่าปฐพีรวมผืนราบรื่นผอง ไยไม่คิดถึงนิยามความปรองดอง กลับร่ำร้องประหนึ่งว่ามุ่งฆ่าฟัน เถิดมาฟังบทเพลงละเลงเลือด ใครจักเชือดจักฆ่าก็อย่าหวั่น ใครยืนหยัดจัดข้างก็ช่างมัน บำรุงขวัญตัวเองอย่าเคร่งตาม เขาอุตส่าห์ขับกล่อมเราน้อมฟัง เพลงเข้มขลังดุร้ายคลับคล้ายห่าม รอเสียงแผ่วแนวเพลงเปลี่ยนนิยาม อาจงดงามอีกหนคนบรรเลง คุณเสื้อสีส้ม .. :) เป็นสีที่เหมาะเจาะมาก ไม่เหลือง ไม่แดง แต่ผสมกลมกลืน เมื่อวานนี้ เป็นวันจันทร์โดยปกติก็ใส่เสื้อเหลือง ทีนี้คนที่บ้านนำเสื้อที่สีตกตัวใหม่เพิ่งได้มาซักรวม ปรากฏว่า เสื้อสีเหลืองก็ได้เป็นเสื้อสีเหลืองอมส้ม ระดับสีไม่เท่ากันหนักเบาแล้วแต่การเขย่าของเครื่อง ส่วนเสื้อตัวต้นเหตุ จากสีเข้มเลือดหมูก็จางไปกลายเป็นชมพูตุ่น ๆ ดูแปลกตาดีเหมือนกัน ที่จริง อัลมิตราก็ไม่ได้วิตกทุกข์ร้อนนะ พอดีว่า เสื้อสีเหลืองก็ใส่มาสองปีแล้ว เก่าจนคอเป็นขุย ๆ ส่วนเสื้อตัวใหม่ในตอนแรกยังคิดอยู่ว่า จะกล้าใส่หรือนั่น สีเลือดหมูไม่เคยได้เป็นเจ้าของเลย มันก็แปลกนะ .. ที่อะไร ๆ เป็นไปอย่างนั้น คุณโคลอน .. :) เลือดตกยางออก เป็นสิ่งที่ถูกคาดหวังให้เกิดขึ้นค่ะ ดังนั้นอัลมิตราไม่แปลกใจเลย ในสภาวะเผชิญหน้าของสองฝ่าย
26 พฤศจิกายน 2551 17:56 น. - comment id 918097
แบบว่าตอนนี้เราใส่เสื้อสีดำ...ไว้ทุกข์อยู่จ๊ะ..