มองเห็นเตา ที่เผา ใครต่อใคร ให้มอดไหม้ เหลือเพียง เสี้ยวกระดูก แม้บางคน ส่วนนั้น เคยพันผูก เพลิงเผาวูบ สูญหาย ได้ทำใจ มาวันนี้ ยี่สิบสาม ต้องหามเจ้า เตาใบเก่า วางร่าง เป็นรายใหม่ รอพระเพลิง เผาร่าง สลายไป สู่ภพใหม่ ในแดน สุขาวดี ชาตินี้เจ้า อายุ สุดน้อยนัก แต่คนรัก มากมาย ไม่หน่ายหนี มาร่วมกัน อาลัย ถึงความดี ที่เจ้ามี ต่อเขา อย่างผูกพัน ดอกไม้จันทร์ อันหอม ลอยอ้อยอิ่ง สรรพสิ่ง หยุดนิ่ง จิตสร้างสรร อธิษฐาน ร้อยใจ ส่งเจ้านั้น สู่สวรรค์ แดนดิน ถิ่นเทวันท์
22 พฤศจิกายน 2551 10:46 น. - comment id 916528
พระเพลิงโหมซากเขาเผาไหม้หมด ยังปรากฏรอยอาลัยในอนุสรณ์ เหลือกระดูกเล็กน้อยพลอยสังวรณ์ ณ เชิงตะกอน ฤๅ ผู้ใด ใคร่หลบพ้น เพราะเกิดแก่เจ็บตายความหมายสัตย์ บังเกิดวัฏฏสงสารวิญญาณผล กว่าสูญสิ้นอจินไตยในสากล ต้องเวียนวนเกิด-ตายอีกหลายภพ ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี ย่อมเยี่ยงนี้กว่าผ่านปรินิพพานจบ หากดำรงกงเกวียนเวียนกรรมครบ ย่อมประสบสุทธาวาสพิลาสล้ำ มนุษย์เอย ! ชีพล่วงเลยประสงค์ใดในคืนค่ำ แสวงหากิเลสาสวะ ฤๅ ละกรรม ล้วนแต่กัมมัสสกตาสัทธา ................................................. ดอกไม้.. อัลมิตราคงไม่ได้นำไปส่งถึงเชิงตะกอน แต่กลอนบทนี้ บรรณาการให้กับดวงวิญญาณของเขา เขียนกลอนแบบนี้ เหมือนบังอาจเขียนกลอนให้สมภารอ่าน ถ้าไงลุงแทนก็หรี่ตาปิดไปข้างหนึ่งละกัน ผิดตก ยกเว้น .. รับแต่ชอบ ค่ะ
22 พฤศจิกายน 2551 20:21 น. - comment id 916739
" นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทีรย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดีบไว้ในโลกา"