....นิราศเดือนสิบสอง ๏ นิราศร้อยถ้อยคำทำอักษร พอเล่าเรื่องตามใจให้เป็นกลอน ไม่สุนทรวอนว่าอย่ารำคาญ เดือนสิบสองปีชวดแสนปวดร้าว จึงขอกล่าวกลอนมาพอว่าขาน สุดอัดอั้นตันใจเจียนวายปราณ ต้องพบพานเคราะห์กรรมช้ำชีวา สงสารนุชสุดสวาทเพียงขาดจิต เข้าใจผิดไม่ฟังเจ้ากังขา จนกระทั่งนงเยาว์เจ้าจากลา เพราะพี่ยาห่างเหินเมินอารมณ์ จะงอนง้อเท่าไรไม่หวนคิด เหมือนดวงจิตเจ็บฝืนไม่คืนสม ยิ่งเหน็บคำค่อนว่ามาคมคม ต้องชวดชมพิศวาสอนาถครัน จะกล่าวไขข้อข้องที่หมองหมาง ที่ระคางเคืองจิตไม่คิดฝัน พี่ห่างเหินเมินมิใช่ไม่สำคัญ ด้วยงานหนักหักรันประจัญตัว งานดนตรีพี่ทำแสนลำบาก ก็เพราะอยากเกื้อกูลแม่ทูนหัว ห่างทางนี้ดูจะผิดก็คิดกลัว ด้วยเป็นหัวหน้าเขาเราต้องพร้อม ทั้งผู้ใหญ่ไม่สบอารมณ์พี่ ทุกวันนี้กินไม่ได้จนผ่ายผอม ดีที่ลูกน้องว่าอย่าไปยอม ถึงอับจนทนกรอมคงมีชัย เขาว่าพี่ตั้งตัวเป็นหัวหน้า ไปมองข้ามเกศาพวกผู้ใหญ่ ใช้อารมณ์ข่มเหงไม่เกรงใคร ดูเถิดนะทรามวัยเขาใส่ความ อันลูกน้องแสนรักประจักษ์แจ้ง ไม่กินแหนงข้าเอ็งต่างเกรงขาม ไปหนใดมวลมิตรก็ติดตาม หรือผู้ใหญ่ครั่นคร้ามขามวิญญาห์ เกรงจะสูญเสียอำนาจชาติมนุษย์ มันไม่สุดโลภมากไม่อยากว่า แต่ช่างเถอะความดีไม่มีมา ไม่ได้เป็นหัวหน้าเขาดอกนุช บางคนอยากมีอำนาจดูบาทใหญ่ เที่ยวข่มเหงเบ่งไปไม่สิ้นสุด ใครใครเห็นไม่สมเขาถ่มทุด ระวังซวยม้วยมุดเข้าสักวัน ทำถือศีลนั่งสมาธิประหลาดนัก เขาอยากจักบินได้หรือไรนั่น ถือไว้ใยศีลธรรมมาทำกัน ไม่ได้ซึมแทรกสรรไปสักน้อย บุราณว่ามือถือสากปากถือศีล เหลือแต่ตีนเหยียบความชั่วตัวแสนถ่อย แต่ช่างเถิดคนบ้าว่าลอยลอย เหมือนไม่ค่อยกลัวกรรมไม่นำพา ฝีปากดีมีคารมเข้าข่มขู่ ด่าไม่ได้ก็จู่ลู่กระทบว่า อยู่เงียบเงียบไม่ได้หรือไรนา หรืออุรามันจะแตกแหลกเป็นจุณ ด่าตรงตรงไม่กล้าด่าประชด เขารู้สิ้นระบิลหมดทั้งนายขุน กลัวคารมข่มรานของท่านคุณ ไม่มีใครถือบุญคุณการุณแล้ว นี่แหละความตามว่ามาทั้งหมด มันน่าเศร้าสลดไหมน้องแก้ว ทั้งคนในก็ไปบอกออกเป็นแนว ด้วยหลงแกวผลผลาสารพัน ยังไม่สิ้นเรื่องหมางระคางจิต โรครุมเร้าเอาชีวิตปลิดอาสัญ แต่บุญกรรมทำมานานาอัน จึงช่วยคุ้มประคองขวัญไม่ทันม้วย สิบห้าค่ำย่ำบ่ายไข้ขึ้นหนัก จึงนอนพักหักใจให้หายป่วย สักพักลมตีรวนป่วนระรวย เจ็บปวดหัวสมองด้วยดิ้นแดยัน คุณหม่อมย่าว่ารอคุณหมอก่อน แล้วซับหัวตัวร้อนดูอ่อนขวัญ ครั้งถึงช่วงเวลาหาหมอนั้น จึงนั่งรถออกพลันไปทันใด พอมาถึงซึ่งคลินิคบำรุงชีพ ต่างเร่งรุดฉุดรีบไม่ช้าได้ เขาบอกว่าหมอไม่มาแสนอาลัย สุดปวดหัวช้ำใจที่ไคลคลา หม่อมย่าจึงให้ไปโรงพยาบาล ครั้นไปถึงรอนานเป็นหนักหนา ยังดีที่เพื่อนใจได้ตามมา ช่วยดูแลพี่ยามาแต่เย็น เมื่อหมอมาถามว่าชื่ออะไร หาตอบเขาได้ไม่ด้วยไข้เข็ญ ยินเขาว่ายังหนุ่มน้อยไม่ค่อยเป็น ไข้สูงมากหากวัยเช่นเด็กคงชัก ยินเขาว่าหากมาช้ากว่านี้ รักษายากเต็มทีอะเหลื่ออะหลัก ยินหมอว่าจะฉีดยาก็ล้านัก ด้วยลิ้มรสเข็มปักต่อนักแล้ว โดนสองเข็มเต็มทีพอดีขึ้น แต่เมามึนฤทธิ์ยาอุราแผ่ว พอมีแรงเช็ดหน้าตาบ้องแบว คลำปากดูแห้งไม่แคล้วเหมือนดินดาน ได้กลับบ้านนอนพักหนึ่งราตรี พอมีแรงฤทธีมาว่าขาน เขียนนิราศอนาถใจไม่ประมาณ เกือบตักษัยวายปราณดังกล่าวมา มิใช่เรื่องเล่าเล่นให้เห็นใจ แค่เขียนไว้พอรู้เหตุอาเพทว่า เดือนสิบสองหมองหม่นปนน้ำตา เกือบชีวาตักษัยบรรลัยเอย ฯ 11:00 13/11/2551
15 พฤศจิกายน 2551 21:21 น. - comment id 702416
+
15 พฤศจิกายน 2551 13:16 น. - comment id 827562
แวะมาให้กำลังใจ เช่นกันครับ
14 พฤศจิกายน 2551 15:37 น. - comment id 913894
แจ่มเลยครับ........ได้อรรถรสดี
14 พฤศจิกายน 2551 22:53 น. - comment id 914003
มาให้กำลังใจคนเก่งจ้า
15 พฤศจิกายน 2551 05:21 น. - comment id 914050
ขอให้หายไวๆนะคะ
15 พฤศจิกายน 2551 09:53 น. - comment id 914089
ถึงว่า กิ่งโศก ก็เกิดปีชวดนี่เอง...... กลอนเพราะมากครับ..ชื่นชม
12 กุมภาพันธ์ 2552 09:26 น. - comment id 948847
อยากจะร้องไห้จริงๆเลยนะ