*** ประกายไร้เสน่หา *** วิวัฒน์กาลผันผวนรัญจวนผอง ปิดทั้งปองแปรเปลี่ยนเวียนสิ่งสร้าง เกิดฤดูกาลสูญสลายในท่ามกลาง เวิ้งว้างสล้างขจรสิ้นถิ่นเขตคาม ล่วงเลยยามหยามเหยียดทุกแห่งหน ยากจรดลมลายแล้วแนวใฝ่สยาม หลบหลีกลี้หนีสิ่งแสนเรืองนาม เขาเหยียดหยามลบเลือนเสมือนไฟ ท้องฟ้าเคยแสงสว่างกลางเวหาส เมฆากราดฝากมืดยึดสิ่งไสว ปั่นป่วนนภาอลวลจนเกรียงไกร เกิดหวั่นไหวทุกแขนงแห่งปะปน กำเนิดไฟคุกรุ่นสร้างหนุนจิต ยิ้มถูกปิดบดบังกลางสับสน เกิดอาเพศทั่วไปคล้ายเวียนวน สรรค์ฤดูจนกลับกลายในหนึ่งวัน พิราปขาวคราวก่อนบินเฉวียนฉวัด เปลี่ยนขนสบัดเป็นแดงแจ้งสิ่งฝัน เพื่อสิ่งหมายใจร่วมฝากรวมกัน มุ่งหมายมั่นสรรค์เสรีพลีรวมพลัง เพลิงไหม้โหมทุกแนวยากแผ่วจิต รวมใจคิดดับร้อนก่อนมนต์ขลัง ที่ฮึกเหิมเสริมอำนาจปราศภวังค์ สร้างมุ่งหวังดับร้อนผ่อนเป็นเย็น สรรค์น้ำน้อยเปี่ยมหวังพลังใจสู้ กอบเกิดกู้สิ่งสร้างกลางความเห็น ปัญญาชนล้นสิ่งเรียนฝากลำเค็ญ ป่วนยากเข็ญความหวังฝังดวงใจ เพื่อดับร้อนผ่อนเย็นกระเซ็นซ่าน คืนวันวารร่มรื่นชื่นสดใส เหลือบแลซ้ายดูขวาว้าเหว่ไป ทนยากไร้หมายมุ่งผดุงถิ่นทอง เหลือโครงสร้างวางไว้งามสวยเด่น ภายในเช่นกลวงโบ๋โอ้ทั้งผอง มีแต่ลิ้นลมหวานสรรค์ครรลอง ยากใฝ่ปองหมดแล้วแนวเพริศพราย ต่อนี้ไปใครเล่าเฝ้าเพียรสร้าง หวังลบล้างเพลิงไหม้จินต์ใกล้สลาย แสงเรืองรองเสน่หามาไร้ประกาย สิ้นทั้งหลายไร้ถิ่นแผ่นดินทอง. *** แก้วประเสริฐ. ***
8 พฤศจิกายน 2551 14:21 น. - comment id 911657
สวัสดีค่ะคุณครูแก้ว ยิ้มออกตอนจบค่ะ คุณครูแก้ว ภาพเด็ดขาดจริงๆค่ะ
8 พฤศจิกายน 2551 15:46 น. - comment id 911698
ยิ้มออกตอนจบเช่นกันคับ คุณครูแก้ว
8 พฤศจิกายน 2551 15:57 น. - comment id 911704
มาอ่านกลอน..แต่พิมชอบภาพข้างล่างค่ะ ทำให้ชีวิตมีชีวาค่ะ.. ลุงสบายดีไหมคะ
8 พฤศจิกายน 2551 16:11 น. - comment id 911708
สวัสดีค่ะ คุณครูแก้วประเสริฐ แวะเข้ามาอ่านกลอนไพเราะๆอีกครั้งค่ะ ทั้งเศร้าทั้งหวาน จับใจมากค่ะ
8 พฤศจิกายน 2551 17:11 น. - comment id 911720
สวัสดีค่ะคุณลุง แวะมาอ่านกลอนคุณลุงค่ะ จะกี่บทกี่บทงดงามยิ่ง ใจประวิงหมายมั่นด้วยสรรหา ถ้อยคำพลิ้วปลิวอ่อนให้ตรึงตรา ด้วยวาจาเพราะล้ำคำบรรยาย หลั่งกวีกลั่นกลอนสอนลูกหลาน ให้ชำนาญฝึกฝนจนเก่งไว้ ขอจดจำทำนองไว้ขึ้นใจ ขอหมั่นเพียรเขียนไปตามครูกลอน แม้พลาดพลั้งยังติเพื่อให้ดี หลานจดจำคำที่ลุงเคยสอน อาจจะลืมไปบ้างอย่าเง้างอน ขอบคุณครูเขียนกลอนวอนเมตตา สวัสดีค่ะคุณลุง ขอให้คุณลุงสุภาพแข็งแรงนะคะ แค่เห็นภาพด้านล่างก็รู้สึกสุขใจแล้วค่ะ
8 พฤศจิกายน 2551 17:18 น. - comment id 911723
"ภาพแรกเห็นร้องไห้ใจจะขาด ภาพหลังปาดเขามามองเต้นหยองแหยง เต้นเต้นไปทำท่าจะหมดแรง เลยรีบแบ่งอาหารจานโปรดมา" สวัสดีค่ะคุณครู แก้วประเสริฐ หิวยังคะ
8 พฤศจิกายน 2551 20:39 น. - comment id 911773
วันนี้โชคดี ได้ลงกลอนใกล้กับ คุณลุงแก้ว เลยถือโอกาสมาทักทายครับ สบายดีนะครับ ดูแลสุขภาพด้วย
8 พฤศจิกายน 2551 21:58 น. - comment id 911811
อ่านกลอนมองภาพน่าเศร้า ไงรูปกลับให้คึกๆคักๆน่ากลัวเอวเคล็ด อิอิ....
9 พฤศจิกายน 2551 08:50 น. - comment id 911855
แด่ อาจารย์แก้วประเสริฐ ไม่ได้แวะมานานค่ะ ด้วยต้องแย่งคอมฯกับลูกๆ ยังไพเราะเหมือนเดิมค่ะ ชอบรูปข้างล่าง ยั่วยวนน่าดู
9 พฤศจิกายน 2551 10:52 น. - comment id 911883
มาอ่านกลอน ประกายไร้เสน่หา แปลว่า สวยไม่ซึ้งใจ ท่านอาจารย์แน่เลยนิ
9 พฤศจิกายน 2551 11:04 น. - comment id 911890
ต่อนี้ไปใครเล่าเฝ้าเพียรสร้าง หวังลบล้างเพลิงไหม้จินต์ใกล้สลาย แสงเรืองรองเสน่หามาไร้ประกาย สิ้นทั้งหลายไร้ถิ่นแผ่นดินทอง. ................................................... ชอบท่อนนี้นะครับครูแก้ว.. รักษาสุขภาพด้วยครับ...
9 พฤศจิกายน 2551 12:55 น. - comment id 911931
สวัสดีค่ะ.. เข้ามาอ่าน ซึบซับความไพเราะเพราะพริ้งของบทกวีค่ะ
9 พฤศจิกายน 2551 13:46 น. - comment id 911933
คุณ ช่ออักษราลี ศิษย์ที่รัก...บทกลอนบทนี้เป็นเรื่องราวใน ปัจจุบันนี้เอง ครูเขียนแฝงนัยให้คนอ่านได้คิด เอาเองว่าสิ่งใดควรหรือไม่ให้พิจารณากัน ส่วนภาพ บนนั้นหมายถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน ภาพท้ายสุด เป็นภาพหมายถึงในอดีตเก่าก่อน ทุกบทความนั้น จะแฝงไว้เสมอๆ รักและคิดถึงเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 13:51 น. - comment id 911934
คุณ วิทย์ ศิริ ครับที่บทความแต่ละขั้นตอนผมแฝงนัยไว้ ตลอดภาพก็เหมือนกันดังที่แจ้งข้างบนนั่นแหละครับ หากจะเขียนให้ลึกๆกว่านี้เกรงว่าคนจะอ่าน ไม่เข้าใจ จึงได้ทำเป็นแบบแอบแฝงไว้อ่านง่ายๆ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 13:53 น. - comment id 911936
คุณ ครูพิม เป็นกลอนเปรียบเทียบแฝงนัยไว้ทุกๆขั้นตอน ภาพนั้นก็เหมือนกันครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 13:57 น. - comment id 911937
คุณ การัณยภาส สวัสดีครับดังที่กล่าวไว้ข้างบนนั้นแหละครับ ส่วนกลอนนั้นจะไพเราะพลิ้วอยู่ที่การจัดทำนองให้ เหมาะเจาะกับอักษรที่เราใช้มันนั่นแหละ ขอบคุณ ที่แวะมาเยี่ยมคนแก่ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:04 น. - comment id 911938
คุณ แก้วประภัสสร กลอนนั้นจะไพเราะได้ก็ด้วยทำนองสอดคล้อง ประสานกับอักษรที่เราเขียนตามแต่ใจเราจะมุ่งทำ ขอเพียงอยู่ในกฏกรอบที่เขากำหนดไว้ ผมเองก็ เขียนแบบวัยรุ่นได้แต่ไม่ทำเพราะอายแก่ใจตัวเอง จึงเขียนในลักษณะนี้ครับ กลอนบทนี้แฝงความ หมายลึกซึ้งหากคนอ่านรู้จักเปรียบเทียบก็จะทำให้ เข้าใจถึงสภาวะการณ์ต่างๆได้ดีสานกับทำนอง ผมเองแก่แล้วนอกจากเขียนกลอนเพื่อฝึกสมอง ใช้เสมอมิให้ฝ่อเท่านั้นเอง นอกนั้นเป็นไปโดย ธรรมชาติครับ ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:08 น. - comment id 911939
คุณ ครูกระดาษทราย สวัสดีจ้า ตอบกระทู้นี้พึ่งทานข้าวเสร็จตอน เที่ยงนี้แต่มาทานเอาเกือบบ่ายสองโมงเอง ขอบใจ ในความหวังดีมาก ความหมายภาพแรกคือเหตุการณ์ ปัจจุบัน ส่วนภาพด้านล่างเป็นเหตุการณ์ในอดีตจ้า รักเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:14 น. - comment id 911940
คุณ ไร้อันดับ ผมเองเข้าไปอ่านงานคุณเสมอเพียงไม่ได้ คอมเม้นท์เท่านั้น เพราะงานเขียนคุณดีอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่ง ผมเองเขียนกลอนนี้เพื่อฝึกสมองผม ไว้เท่านั้นมิได้คิดประการใดๆทั้งสิ้น น้อยครั้งนัก ที่ผมจะเข้าไปคอมเม้นท์งานอื่นๆด้วยแก่แล้วนั่น แหละเป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง จึงวางเสียบางสิ่งบาง อย่างแม้กระทั้งตอบกระทู้ หากไม่เร่งด่วนแล้วบาง ที่ก็สองวันส่วนมากจะเป็นวันรุ่งขึ้นครับ ความสบาย นั้นยากเสียแล้วนอกจากเป็นบางครั้งครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:17 น. - comment id 911941
คุณ ไหมไทย กลอนบทนี้ผมแฝงนัยไว้เกือบหมดบทกลอน แม้กระทั่งชื่อกลอนก็เหมือนกัน ภาพนั้นก็เหมือน กันอีกแหละ ภาพบนหมายถึงปัจจุบัน ภาพด้านล่าง หมายถึงอดีตที่ผ่านมาครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:25 น. - comment id 911944
คุณ ไหมแก้วสีฟ้าคราม การเขียนกลอนเขียนได้หลายรูปแบบอยู่ที่เรา จะต้องการแต่หากจะให้พลิ้วต้องให้ทำนองประสาน กับอักษร ดังที่ผมเคยแจ้งไว้ให้คุณทราบแล้วนั่น แหละ แต่กลอนบทนี้ผมเองเขียนแฝงนัยไว้ทั้ง ขื่อเรื่องและบทความตลอดทุกๆขั้นตอน ภาพก็ เหมือนกันอีกหมายถึงปัจจุบันและในอดีตครับ ยิ่งแก่ยิ่งขี้เกียจผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้ามาเหมือนกัน นอกจากนึกอยากจะเขียนก็เขียนเลยครับ เขียนเสร็จก็ส่งแล้วก็หายไป การทำจิตให้เป็น กลอน และกลอนเป็นจิตก็เหมือนกับว่ายน้ำเป็น นั่นแหละถึงไม่เคยว่ายเลยสักหลายๆปี แต่ยาม ที่ลงน้ำก็สามารถว่ายได้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:36 น. - comment id 911948
คุณ rain ลุงเองเห็นชื่อหลานครั้งใดให้นึกถึง "ผู้เฒ่า" ทุกๆทีคิดถึงอยู่เสมอๆ นึกถึงวันที่เรานั่งสนทนาทาน น้ำชาแลกเปลี่ยนความคิดอ่านกัน ณ ที่นั้นเคย แต่งกลอนสด มีลุง ผู้เฒ่า และจอมยุทธขี้เมา ต่างร่ายมนต์เกี่ยวกับท้องทะเล เขาบอกว่าลุงแต่ง ได้รวดเร็วมาก ซึ่งมันเกิดจากการฝึกฝนจิตให้เป็น กลอน กลอนเป็นจิตจนคล่องชำนาญจ้า ใคร จะสนหรือไม่หาใช่เหตุใดไม่ ลุงเองก็คิดแบบ เธอนี้แหละไม่ใช่ถือตนนะหรือตามใจตนเอง เพราะเหตุแก่ก็ตาม ปกตินิสัยมันเป็นมาตั้ง แต่หนุ่มๆแล้วล่ะ ชอบวางตัวเฉยสมถะเฉพาะ สิ่งเกิดแก่เราเป็นสำคัญมานมนานแล้วล่ะจ้า หากเราดีนะเขาสนใจเองแหละ หากเราชั่วเขา ก็สนใจเหมือนกันแต่คนละแบบอย่างจ้า รักหลานรักเสมอๆจ้า แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:41 น. - comment id 911949
คุณ กันนาเทวี จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่บทกลอนบทนี้มัน แฝงนัยปัจจุบันไว้ให้พิจารณาอย่างลึกซึ้งก็จะมอง ภาพนั้นออกเองทุกๆอักษรมีความหมายทั้งสิ้นครับ หากจะเขียนตรงๆไปก็ไม่ดีเป็นภัยตัวเอง ภาพนั้น ก็เหมือนกันครับ ภาพแห่งปัจจุบันและในอดีตที่ ผ่านมาครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:47 น. - comment id 911953
คุณ กิ่งโศก กลอนบทนี้แม้แต่ชื่อและบทความผมแฝงนัย ไว้ทั้งสิ้น หากอ่านอย่างลึกๆก็จะมองภาพออกครับ รวมความหมายถึงภาพประกอบด้วยครับ อยู่ที่ว่า ใครจะมองในมุมมองใดครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 14:54 น. - comment id 911959
คุณ สายลมเดือนตุลา อย่าเรียกบทกวีเลยครับยังไม่ถึงหรอกครับเพียง แค่บทกลอนธรรมดาที่ผมเองปรุงแต่งเท่านั้นครับ เพื่อฝึกสมองผมไว้และให้ความสนุกๆไปวันๆเท่านั้น เองครับ แต่กลอนบทนี้ผมได้แฝงนัยตั้งแต่ภาพ ชื่อกลอนและบทกลอนไว้อย่างมีนัย แล้วแต่คน อ่านจะมีวิจารณญานอย่างใดๆครับ ขอบคุณที่มา แวะเยี่ยมเยียน หวังว่าโอกาสหน้าคงไม่ลืม นะครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2551 20:43 น. - comment id 912055
อ่านแล้วเศร้าจริงค่ะลุงแก้ว เฮ้อ..อยากถอนใจหลายๆเฮือก แผ่นดินทองนี้ เมื่อไหร่น้ำจะมาลูบให้เย็นลงเสียที
10 พฤศจิกายน 2551 11:05 น. - comment id 912170
คุณ ยาแก้ปวด ใช่จ๊ะผมเองก็ยังทอดถอนใจยามใดคิดถึง แผ่นดินแม่ ทำไมหนอช่างวุ่นวายตลอด ในวันที่ 14 ตค.ก็เคยไปร่วมแต่ต้องรีบกลับมาเข้าเวรแต่ ก็ติดตามผลเสมอ พอกลับได้ไม่ทันเท่าไหร่ทหาร ก็เข้ามาคุมหน้าห้องและในที่ทำการเลยล่ะ เพราะ ผมเองทำงานเกี่ยวกับด้านโทรคมนาคม สมัยก่อน นั้นเป็นจุดสำคัญมากของประเทศจ๊ะ มาสมัยนี้ยุค ไฮเท็คจึงขาดความสำคัญไปแต่จะเหลือก็เพียงส่วน น้อยเท่านั้นเอง ครับทุกคนรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ที่ทำกันไปนั้นมุ่งหวังผลประโยชน์ ส่วนตัวเป็นสำคัญไม่คำนึงถึงชาติเราเลยจึง เกิดความวุ่นวายไม่รู้จบ ผมภาวนาเสมอๆขอให้ จบเสียที ก่อนนั้นเด็กเกิดมาพอร้องได้ก็เป็น หนี้สิ้นแล้ว แต่พอมีคนมาปลดปล่อยเป็นอิสระ ไม่ต้องเป็นหนี้เขาก็ต้องมีอันเป็นไป นี่แหละ เหมือนสมัยเก่าๆที่เสียกรุงเชียวล่ะจ๊ะ เฮ่อๆๆ อนาถจริงๆครับ ผมเคยเขียนกลอนไว้ก่อน จะวุ่นวายขนาดนี้ไว้ สามเรื่องคงจำได้นะ เรื่องแรกก่อนเกิดเรื่องไม่เท่าไหร่ เรื่องกบเลือก นาย อัปปรีดิ์จัญไร และ จะสิ้นชาติฤา รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 พฤศจิกายน 2551 11:10 น. - comment id 912172
คุณ เฌอมาลย์ ทั้งภาพและบทกลอนล้วนแล้วแต่ความหมาย ทั้งสิ้น ภาพแรกประกอบกลอน ภาพหลังนั้นหมาย ถึงอนาคตจ๊ะเจ้าหญิง อยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ รักเจ้าหญิงเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 พฤศจิกายน 2551 13:57 น. - comment id 912224
10 พฤศจิกายน 2551 17:11 น. - comment id 912341
คิดถึงคำนี้นะคะ "แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง" ปล.สาวๆข้างล่าง ยิ้มสวยนะคะ
10 พฤศจิกายน 2551 18:08 น. - comment id 912368
คุณ เพียงพลิ้ว ขอบใจมากจ้าหลานกานต์ที่น่ารัก รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
10 พฤศจิกายน 2551 18:22 น. - comment id 912372
คุณ โคลอน คำๆนี้ความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก หากจำไม่ผิด เป็นคำที่รจนาจากปราชญ์กวีแห่งไชยา ความหมาย แผ่นดินใดที่มีธรรมเจริญรุ่งเรือง แผ่นดินนั้นย่อม บังเกิดความสงบสุขร่มเย็น เพราะพร้อมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาของผองชนทั้งหลาย รู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน ปราศจากการแก่งแย่ง ชิงดีกันและกันครับ ภาพด้านล่างคงจะพอ กร๊อมแกร้มได้นะครับ ขอบคุณครับ คิดถึงเสมอ แก้วประเสริฐ.