พัดไหวลมโหมลู่ จู่ใจถาโถมโหมซัด ไหวโหมลู่ลมพัด หยาบวาโยกระพือพล กลอวลตะละฝุ่น ขุ่นคลุ้งคว้างกลางอึงอล ฝุ่นอวลตะละกล ก็กลบกาลจักก้าวไกล ไหนฟ้าจักเหมือนฝัน จันทร์หมายฟ้ากระจ่างใส เหมือนฝันจะฟ้าไหน แนบสถิตยามนิทรา ฟ้าเดียวดาวเดียวดาย หมายแสงเด่นดวงดารา ดาวเดียวเดียวดายฟ้า ใจห่มหนาวเพียงดาวเดียว เปลี่ยวเหงาน้ำค้างงัน สั่นสะทกสะท้านเขี้ยว เหงางันน้ำค้างเปลี่ยว ก็ร่วงพรูสู่มณฑล ยลเยือนทิวาวาร ขานขับไขสมัยหน เยือนวารทิวายล ร่ายเล่ห์กลกลางมืดมัว ทั่วเมืองขุ่นเคืองเข่น เข็ญข่มขวัญขานโฉดชั่ว ขุ่นเมืองเคืองเข่นทั่ว ลมหนาวร่ำป้อคำลวง จ้วงแทงด้วยแรงเล่ห์ อุปเท่ห์เข้ายึดถ่วง เล่ห์แทงด้วยแรงจ้วง ก็จมเจ็บไม่จืดจาง ต่างใจต่างความคิด ผิด-ถูกทั้งทุกข์-สุขสร้าง ใจต่างความคิดต่าง ก็ยึดตนด้วยพวกตน พลพ่ายเพราะเพียงพัช มัดใจจับให้สับสน พ่ายเพราะเพียงพัชพล ทั้งเมืองแพ้เพราะลมพาล
5 พฤศจิกายน 2551 10:02 น. - comment id 910626
5 พฤศจิกายน 2551 18:39 น. - comment id 910761
เยี่ยมมากค่ะ
6 พฤศจิกายน 2551 15:52 น. - comment id 911014
ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีมั๊ยคะ...ส่องหล้า
10 พฤศจิกายน 2551 08:56 น. - comment id 912146
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือนครับ เข้ามาอ่านกลอนของเพื่อน ๆ ที่นี่ประจำครับบางครั้งไม่ได้ตอบขอความ และยังระลึกถึงเพื่อน ๆ ทุกคนครับ