เอาอีกแล้วในวันที่ร้อนอบอ้าว ประชาธิปไตยก้าวหน้าไปถึงไหน เห็นกันอยู่คนทั้งผองคือคนไทย เหตุไฉนต้องจบลงด้วยลูกปืน ประชาชนมาชุมนุมตะโกนไล่ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่ทนฝืน ประชาชนไร้อาวุธทนกล้ำกลืน ยืนอาจหาญชาญชัยไม่เกรงกลัว แต่อำนาจเหี้ยฉิบหายมองไม่เห็น ใครจะเป็นใครจะตายไม่เห็นหัว รัฐบาลห่าไม่สนใจเห็นแก่ตัว รัวกระสุนแก๊สน้ำตาอย่างเมามัน หรือซาตานเข้าครอบงำผู้เกี่ยวข้อง จับจ้องมองความว่นวายผ่านหมอกควัน เลือดไหลนองพื้นถนนเป็นที่โจษจัน ไทยด้วยกันไม่รักกันจะรักใคร มีหลายคนล้มเจ็บตายอีกขาขาด ภาพบาดตามาจากเสียงปืนที่บาดใจ กลางเมืองหลวงร้อนระอุด้วยเปลวไฟ ตำรวจไซร้เข้าห้ำหั่นใช้กำลัง วันคืนผ่านเวียนว่ายกลับที่เก่า ความงี่เง่าเดินออกมาจากความหลัง ประวัติศาสตร์ไม่เคยคิดจะปิดบัง อำนาจยังคงเลวร้ายคล้ายหมู่มาร เด็กตัวน้อยระบายแต่งแต้มความหวัง คือความหลังจดจำไว้จิตวิญญาณ สันติสุขเกิดมาจากเลิกระราน โลกเบิกบานเสรีภาพสุขนิยม ความแตกต่างไม่แบ่งแยกอย่างที่เห็น เป็นแต่เพียงจินตนาการคำคม ล้วนสร้างสรรค์สิ่งดีงามในสังคม ไม่ขื่นขมจมกองเลือดสีเดียวกัน
9 ตุลาคม 2551 22:02 น. - comment id 903608
10 ตุลาคม 2551 19:04 น. - comment id 903794
เพิ่มเติมนิดครับ... บางบทแก้ไขเรื่องคำที่นำมาใช้ท้ายวรรครับ ต้องเป็นเสียงสูงครับ.. เช่น เอาอีกแล้วในวันที่ร้อนอบอ้าว ประชาธิปไตยก้าวหน้าไปถึงไหน เห็นกันอยู่คนทั้งผองคือคนไทย เหตุไฉนต้องจบลงด้วยลูกปืน "ไหน"..ถูกต้องครับ.. ประชาชนมาชุมนุมตะโกนไล่ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่ทนฝืน ประชาชนไร้อาวุธทนกล้ำกลืน ยืนอาจหาญชาญชัยไม่เกรงกลัว "ฝืน" ถูกต้องครับ แต่บท หรือซาตานเข้าครอบงำผู้เกี่ยวข้อง จับจ้องมองความว่นวายผ่านหมอกควัน เลือดไหลนองพื้นถนนเป็นที่โจษจัน ไทยด้วยกันไม่รักกันจะรักใคร "ควัน" ต้องแก้โดยหาคำที่มีเสียงสูง.. หรืออักษรสูงมาใช้แทนครับ.. ตามหลักฉันทลักษณ์ของกลอนสุภาพ.. มาเสริมให้นิดนึงนะครับ..
10 ตุลาคม 2551 18:53 น. - comment id 903813
อ่านแล้วอยากจะยกให้เป็น ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ซะเลย..เขียนได้ออรถรสดีครับ..