มือจับแต่ภู่กันวันแล้วเล่า สมองเกลาความว่างเปล่าเป็นรูปศิลป์ ตามองสีที่ผสมกลมกลืนกิน ดมแต่กลิ่นสาบสีที่ใช้งาน วาดแล้ววาดสร้างฝันพู่กันป้าย เล็งระบายแต้มฝันวันคืนผ่าน นั่งจ่อมจมหน้าเฟรมมาช้านาน ความสำราญมีเพียงเสียงหายใจ วันเป็นคืน คืนวันฉันยังวาด บางครั้งอาจไม่มีจะยาไส้ มีแต่เพียงเสียงหวังกำลังใจ คอยถามไถ่คืนวันฉันอ่อนล้า วันนี้ผมขอเลื่อนเปลี่ยนวิถี วางจานสีลงก่อนผ่อนคลายหนา ละพู่กันหันจับด้ามปากกา อย่าเพิ่งด่าว่าใช้ไม่ได้การ คารวะคนเก่งนักเลงกลอน โปรดช่วยสอนชี้ทางสว่างให้ ผมรู้น้อยถือว่าคนหน้าใหม่ ผิดพลาดไปอภัยด้วยช่วยผมที วรรคสุดท้ายขอกราบทาบแทบเท้า น้านั้นเล่าเคยสอนแต่งกลอนชี้ ดวงวิญญาณ์น้าสถิตย์ทิศที่ดี บุญคุณที่ยิ่งใหญ่หลานไม่ลืม
7 ตุลาคม 2551 15:58 น. - comment id 903129
วางพู่กัน หมั่นเขียน เพื่อเรียนรู้ ประสบการณ์ เป็นครู คอยช่วยสอน เหมือนตัวเรา เฝ้าเขียน เวียนก่อนนอน กำลังใจ จากครูกลอน ช่วยสอนเรา แวะมาอ่านกลอนและให้กำลังใจ กับคนมาใหม่เหมือนกันค่ะ
7 ตุลาคม 2551 20:27 น. - comment id 903210
ให้เส้นแสงสีเงาเป็นเค้าร่าง ผ้าใบกางเริ่มเขียนเปลี่ยนเส้นสี จากพู่กันเพียงหนึ่งซึ่งสุนทรีย์ จิตเพ่งที่มโนภาพเริ่มจับวาง ไร้จุดหมายเพียรหมั่นพลันเขียนขีด เปี่ยมปราณีตแน่แน่วแล้วอิงอย่าง จักบรรยายรูปลักษณ์นักปราชญ์พลาง ฉันจึงอ้างด้วยเส้นเป็นแสงเงา อัลมิตราเขียนกลอนไม่เอาไหน แต่ถ้าวาดรูปล่ะก็ ไม่อยากจะบอกเลยว่า ไม่เอาไหนยิ่งกว่าค่ะ
8 ตุลาคม 2551 08:49 น. - comment id 903274
สรีสวัสดีเจ้า..ยินดีเจ้า
8 ตุลาคม 2551 19:02 น. - comment id 903368
.....ยินดี ต้อนรับ ครับ เป็น กำลังใจให้ครับ .....พงษ์.....