เมื่อยามแล้ง แห้งน้ำ ทำข้าวเหลือง มองชำเลือง เบือนหน้า น้ำตาใหล ฝุ่นปลิวฟุ้ง ท้องทุ่ง ครุ่นแดดไอ เหงื่อโทรมไหล ใบหน้า พาหมองคล้ำ ธรรมชาติ ขาดเกิน บังเอิญหรือ หรือฝีมือ ของใคร ให้เกิดช้ำ ตัดต้นไม้ ใบหนา พาระกำ ความชุ่มฉ่ำ ถูกกระหน่ำ ช้ำเพราะใคร มาบัดนี้ วารี ปรี่ท่วมทุ่ง พายุหมุน รุนแรง แสงฟ้าปราด พร้อมพิรุณ กลุ่มเมฆ เป็นม่านฉาก สายฝนสาด พาน้ำ กระหน่ำเติม แม่โพสพ ใบตก ตระหนกตื่น น้ำฉ่ำชื่น ลืมตา พาสดใส คงคาเอ่อ ชะเง้อ มากเกินไป อนาจใจ ให้ช้ำ น้ำมากเกิน ต้นข้าวเฉา เราเอง เป็นมนุษย์ ยากจะฉุด หยุดน้ำ น้ำตาใหล มองต้นข้าว คราวนี้ ที่ตายไป จะมีใคร ให้เรา เข้าพึ่งพิง โอ้หัวอก ตกที่ มีหนี้เพิ่ม ดุจซ้ำเติม เกินกว่า ว่ารับไหว ลูกที่เรียน เรียกมา พาเศร้าใจ เปิดเทอมใหม่ คงไม่ ได้เล่าเรียน
27 กันยายน 2551 21:25 น. - comment id 900047
สู้ๆนะลุง เศร๊าเศร้าค่ะ
29 กันยายน 2551 14:41 น. - comment id 900433
สวัสดีครับ ลุงแทน อย่าหาว่าผมบังอาจนะครับเพราะรักท่านดอก กลอนส่งหมายถึงกลอนในคำสุดท้ายของบทกลอน หากเป็นบทเดียวก็ไม่เป็นปัญหาครับ หาก เขียนต่อเนื่องต้องรับกับคำสุดสุดท้ายของกลอน ส่งครับเรียกว่ากลอนรับครับ เขียนได้ดีเพียง ผิดฉันทลักษณ์เท่านั้นครับเนื้อหาสาระดีครับ กลอนส่งนั้นมักนิยมคำสามัญด้วยนะครับ ต้องเป็นไปแบบนี้ตลอดจนจบครับ แบบนี้วันที่ไปงานนั้นมารู้ว่าท่านแจกพรด้วย ผมเป็นโรคแพ้อากาศนั่งกลางแจ้งไม่ได้ นานน้ำค้างทำให้หายใจไม่ค่อยออกเลยไแอบ นั่งชายคาที่พัก เลยไม่ได้รับแจกพระเลย อิอิ หากคุณลุงมอบให้ผมเป็นสิริมงคลก็จะเป็นพระ คุณครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
29 กันยายน 2551 17:35 น. - comment id 900607
ขอบคุณมากครับคุณแก้วประเสริฐ ส่วนพระนั้นมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งรับรอง ลุงแทนเตรียมไว้ให้แน่นอนครับ มีความสุขกับงาน สุขภาพแข็งแรง ครับ
29 กันยายน 2551 23:55 น. - comment id 900748
ขอบคุณมากครับหากเจอกันโอกาสเห็นจะน้อย มากเพราะผมไม่คอยจะไปไหนๆหรอกครับ นอก จากจะอยู่บ้าน หากท่านกรุณาส่งตามที่อยู่ในหน้า ส่วนตัวคลิ๊กที่ชื่อผมเป็นที่อยู่จริงครับขอบพระคุณ อย่างสูงครับ เหตุเพราะสุขภาพผมไม่ดีพอครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.