แด่นิสิตนักศึกษามหาสหาย (โครงสร้างทางการเขียน ผมได้แรงบันดาลใจจากบทกวี จากเพื่อนถึงเพื่อน ของ ท่านคมทวน คันธนู ที่ปรากฏอยู่ใน http://www.oknation.net/blog/kuntanu/2008/07/30/entry-1/comment ครับผม) ๑. โคลง ๔ สุภาพ เนืองนองในอดีตนั้น...............นานา ยามราพณ์เลวมารา...............รวบขยี้ อำนาจอิ่มนักหนา...............เอกเขนก คนชั่วควบคุมชี้...............เชิดนิ้วทระนง แรงปลง ริบหรี่เปลี้ย...............เปลวปราณ ยอมมืด ยอมทรมาน...............หมกไหม้ พลัน เห็นเผ่าพลหาญ...............โหมฉกาจ ชาญเชี่ยววังชาใช้...............เช่นเชื้อเพลิงผกาย เนืองสายนิสิตซ้อง...............เสริมขวัญ ผองนักศึกษาผัน...............ผาดผ้าย ถือธงฝ่าอาธรรม์...............ทุกแห่ง รานราพณ์อันเลวร้าย...............เร่งรื้อรอนลง ยรรยงในเกียรติย้ำ...............เยาวชน กอปรก่องเมืองทองถกล...............ก่อกู้ ศักดิ์สิทธิ์สืบอนุสนธิ์...............สารโศลก เป็นเรื่องราวรับรู้...............รุ่งพร้อมพิรีย์ขลัง ๒. มาณวกฉันท์ ๘ ท้าเถอะนะท้า กล้ามิละแกล้ว เลิศพลแล้ว แผ้วริปุพัง แน่มะนะหนึ่ง ตรึงจิตตรัง หวังสุขหวัง วันรวิวาม โหดอริหิน ฉินท์ชิวเชือด ดาลกระอุเดือด เลือดชลลาม เธอฤจะท้อ ขอทะนุคาม ขาดฤดิขาม ขอธิติขืน สู้กะกระสุน หนุนคณะเนื่อง มองชุติเมือง เฟื่องกลฟืน สืบระยะสาว ยาวยศยืน คู่ทินคืน คู่นรเคียง เชิดยุวชน ล้นวสะหลาย เพริศพิศพราย รายระดะเรียง บุกบถเบิก เกริกสรเกรียง แซ่เสนาะเสียง- สู้ บมิเซา ๓. กาพย์ยานี ๑๑ วารนั้น...จวบวันนี้ ยังริบหรี่อยู่หนอเรา มึนมัว หมู่มั่วเหมา เข้าครองเมืองครบเครื่องมือ คนเหล่าถูกเขาหลอน ให้เอนอ่อนเอออออือ ชอกงำ เจ็บชำงือ ยิ่งงมเงา ยิ่งเหงาหงอย โค้งขดค้อมคดเคี้ยว สู้ขับเคี่ยวสองคั่วคอย โลดถาไม่ล้าถอย ช่ำชองท้าชิงท่าที แดหู่เมื่อดูเห็น สามานย์เหม็น โสมมมี เน่าฟ้องล้วนหนองฝี อันหนอนเฝือฝังเนื้อฟอน แทรกซ้ำเป็นส่ำเสีย ยังนัวเนียอยู่แนบนอน ย้อนแย้งยอกแยงหยอน ยามยลยินเยียบวิญญาณ์ ๔. กลอน ร้าวหนักแสนแน่นสุม เรียกหนุ่มสาว ให้หาญห้าวไคลหนร่วมค้นหา หาถ้วนถี่วิถีทัศน์ถือศรัทธา ซึ่งทรงค่าอักขูดำรูควร เคยซึมซับสับสนวกวนกระแส จวนเจียนแพ้ผันเผียนพลิกเพี้ยนผวน เคยติดใยวัยเยายั่วเย้ายวน กลับตรองทวนหลายทบก็พบทาง นิสิตศักดิ์ นักศึกษา จึงมาสู้ จึงมาอยู่มายาตรคลาคลาดย่าง ไฟฝันฟ่อง มองฟ้า มัว ฝ้าฟาง หวังคลายหมางค้างหมองที่ครองมนต์ ขอเธอนั้นมั่นแนวแน่แน่วตระหนัก ใช่เยื้องยักหยุดยอระย่อย่น แต่เธอต้องตรองเติมส่งเสริมตน ให้เข้มข้นแข็งขันกลางมรรคา ใช่เทิดมือถือมั่นแค่ พันธมิตรฯ จนหวุดหวิดวับหวำเพลี่ยงพล้ำผวา จงตรึกชอบ ตอบ ชี้ ด้วยปรีชา แล้วโถมท้าอธรรมทั่วด้วยตัวเธอ การเมืองใหม่ ใดมาหากพร่าหม่น อย่าจำนนซบหน้า ต้องกล้าเสนอ ความจริงแจงแจ้งใจเมื่อได้เจอ ใดเลิศเลอ ใดกลี ต้องชี้ลง นิสิตศักดิ์ นักศึกษา เงยหน้าสู้ ลาญเหล่าผู้พาลพลให้ป่นผง หนักแน่นในใจนำเจตน์จำนง มือกุมธงคุณธรรม์คงมั่นเทอญ (๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑) ข้อความฝากทิ้งท้าย ผมฟังข่าว นิสิต นักศึกษา จากหลายสถาบัน ออกมาเคลื่อนไหวมีส่วนร่วมทางการเมืองแล้วชื่นใจครับ อย่างน้อย พวกเขาได้ตื่นตัวแล้ว และนี่จะเป็นโอกาสดีให้พวกเขาเรียนถูก เรียนผิด เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปใช้ในวันข้างหน้า ผมอยากเห็นนิสิต นักศึกษา เติบโตต่อไป มีอุดมการณ์เพื่อมวลชน เพื่อประเทศชาติไม่เปลี่ยนแปลง แหละไม่หลงทาง มิใช่แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว จึงเขียนงานชิ้นนี้ขึ้นครับผม
11 กันยายน 2551 09:21 น. - comment id 894854
ชวนออกไปสนับสนุนระบอบ 70/30 เหรอ !!
11 กันยายน 2551 10:28 น. - comment id 894860
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน สวัสดีครับ คุณท่องเมฆา ผมขออนุญาตเรียนชี้แจงคุณท่องเมฆาว่า หลัก ๗๐/๓๐ นั้น ผมคัดค้านครับ เพราะนั่นจะฉุดลากประเทศไปสู่ระบอบคณาธิปไตย พวกใครใครอุ้ม เรียกว่าอุปถัมภ์ค้ำชูกันเข้ามาถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ แหละผมก็ได้เขียนเชิงรั้งๆเหนี่ยวๆไว้แล้ว ในกลอน บทที่ ๕ กับ๖ ครับ เพื่อสื่อสารว่า การเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา ไม่ใช่อิง พันธมิตร เป็นหลัก แต่ต้องเรียนรู้วิถี กำหนดแนวทางต่อไปด้วยตัวเอง อนึ่ง การเมืองใหม่ หากมีสิ่งใดพร่าหม่น (ไม่ชัดเจน) ก็ต้องกล้าเสนอความจริงให้ประชาชนรู้ มิใช่ยอมจำนน เห็นดีเห็นงามตามไปหมด ใดดี ใดเลว ต้องกล้าระบุ ผมอยากเห็นหนุ่มสาวของเราเข้มแข็ง มีเป้าหมายชัดเจน ใช้สติเป็นเข็มทิศ อะไรที่เห็นผู้ใหญ่ทำผิดพลาดก็อย่ากระทำตาม ถ้าเป็นเช่นนี้ เราจะได้ปัญญาชนที่น่าชื่นใจอย่างยิ่งครับผม
11 กันยายน 2551 13:07 น. - comment id 894874
จะปกครองแบบไหนไม่ว่า ขอให้ปกครองด้วยความซื่อสัตย์ การหาวิธีแทะเล็มประเทศกินเพื่อส่วนตัวเล ิกกันเสียเถอะครับ อายเค้า ลองไปดูวิถีชีวิตปู่เย็นแห่งลำน้ำเพชรสิ แล้วก็ให้เกิดความละอายใจกันเสียบ้าง
11 กันยายน 2551 14:45 น. - comment id 894891
ดูจากนิสัยนักการเมืองไทยแล้ว ระบบไหนก็แย่ครับ.................. ดูเหมือนจะพยายามคิดหาระบบนั้นระบบนี้ ต้องวุ่นวาย ..เปลี่ยนรัฐธรรมนูญก็หลายฉบับแล้ว แต่ที่เห็นคือนิสัยนักการเมืองยังเหมือนเก่า (พวกเหล้าเก่า คนดีทำงานด้วยยาก) แม้แต่นิสัยที่จะสนใจการเมืองของชาวบ้านก็มีน้อยมาก ชาวบ้านคอยดูแต่ว่าจะได้เงินจากใคร โดยไม่สนใจถูกผิด.......................... เมื่อก่อนไม่เคยได้ยิน แต่เดี๋ยวนี้เริ่มได้ยินว่า ใครจะโกงก็ให้เค้าโกงไปเถอะ ขอให้ทำงานเก่ง เพราะมันก็โกงกันทุกรัฐบาล ฯลฯ สังคมนับวันจะวิปริต สร้างมาตรฐานทีวิปริตทีละเล็กละน้อย ก็น่าเป็นห่วง... แต่วันนี้ ก็พอใจชื้น ที่ยังได้เห็นนักศึกษาออกมาบ้าง ...... ผลงานยอดเยี่ยมเสมอครับ
11 กันยายน 2551 15:34 น. - comment id 894898
คห.1 และ คห.2 ยังถือได้ว่าคุณทั้งสองอ่อนหัดประสบการณ์ทางการเมือง รู้ไหมว่า 70/30 หรือ 60/40 หรือ55/45 แค่การยกตัวอย่างเพื่อแก้ปัญหาการซื้อเสียง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เป็นต้นมา นักศึกษาโค่นเผด็จการทหารแต่เป็นการกระทำตนเป็นผู้แตะหมูเข้าปากหมา คือเมื่อจัดให้มีการเลือกตั้งนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยตกอยู่ในมือของนักเลือกตั้งคือกลุ่มผู้ซื้อเสียงเท่านั้น หาได้อยู่ในมือของประชาชนทั่วไปไม่ อำนาจนั้นได้มีการผูกขาดสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ในตระกูลไม่กี่ตระกูล จนถึงทุกวันนี้การซื้อเสียงได้ครอบคลุมเบ็ดเสร็จ รวมไปถึงการซื้อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไปด้วยโดยบริบูรณ์ แม้กระทั่ง กกต.ประจำจังหวัดก็ถูกซื้อไปด้วยอิทธิพล เจ้าพ่อประจำถิ่น จึงมีผู้พยายามหาทางเพื่อหาแนวทางที่ป้องกันกระบวนการซื้อเสียงไม่ให้สามารถเข้ามีอำนาจได้ หรือก็ให้มีน้อยที่สุด ระบบสัดส่วนจากกลุ่มวิชาชีพ 70/30 หรือ อื่นๆ ก็ได้มีนำมาเสนอ โดยการกระจายอำนาจไปยังผู้ประกอบอาชีพต่างๆ ให้กลุ่มอาชีพหาเสียงลงคะแนนคัดเลือกกันเองเพื่อเป็นตัวแทนของอาชีพนั้น ด้วยวิธีนี้ เราก็จะมี ส.ส เป็น ชาวนา ชาวไร่ ครู คนขับแท๊กซี่ และอาชีพอื่นๆ .. ระบบ 70/30 ก็แค่วิธีคิดเพื่อหาทางป้องกันการซื้อเสียงและเปิดทางให้อาชีพต่างได้มีโอกาสนั่งในสภา ดังนั้นอย่าตื่นเต้นจับผิด คุณมีไอเดียอื่นที่ดีกว่าก็เสนอไปได้
12 กันยายน 2551 00:12 น. - comment id 894989
สถาบันผมก็มีการเคลื่อนไหวยกใหญ่เลย ครั้งก่อนมีการตั้งเวทีปราศรัยอารยะขัดขืนด้วย ว่าจะไปดู แต่ติดธุระ
12 กันยายน 2551 07:15 น. - comment id 895039
สวัสดีอีกครั้งหนึ่งครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน สวัสดีครับ คุณคนบนเกาะ คุณแสงเหนือ คุณหลวงเมือง น้องเอกห้วงคำนึง เมื่อเช้า ผมฟังข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้รายงาน ว่า พรรคพลังประชาชนมีมติเสนอชื่อคุณสมัคร สุนทรเวชกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯ อีก แล้วได้แต่ถอนใจครับ ความยุ่งยากที่ทำท่าจคลี่คลาย เอาเข้าจริงก็มิได้เป็นเช่นนั้น ปมขมวดเขม็งเข้ามาเหมือนเก่า ประเทศชาติบอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ตกเป็นเหยื่อของคนไม่กี่กลุ่ม เฮ่อ... คิดแล้วหดหู่จริงๆครับผม