จะมืดกี่ด้านก็ผ่านไปได้.... ขออนุญาติ นำบทความหนึ่งมาลงนะคะ เพราะชอบมาก ผู้ชายพอออกนอกบ้าน ก็เป็นคนของสาธารณไปแล้ว ดั่งเช่น กัปตันผู้หนึ่งซึ่งคนนั้น เป็นคนที่เกือบทำเราเป็นบ้า ตื้อนาน6เดือนเพราะเป็นสามีเก่าของอาจารย์ อาจารย์เก่งมากค่ะ หากใครยังไม่มีหนังสือเล่มนี้ก็ขอให้ซื้อมาอ่านะคะ มีประโยชน์มาก หลับตาแต่ใจตื่น หน้าชื่นแต่ใจตรม ยิ้มรื่นแต่อกตรม ชื่นชมแต่ใจชา ตกต่ำไปทั้งใจ มอดไหม้ไปทั้งตา แข็งแกร่งเต่แรงล้า เชิดหน้าว่าอดทน หลับตาและหลับใจ หลับได้เพียงบางหน ไฟฟอนยังร้อนรน ใจคนยังร้อนไฟ ด้วยความที่ไม่อยากแย่งสามีใครๆ ได้แต่หนีหนีมาหกเดือนเต็มๆ สุดท้ายกัปตันก้กัปตันเถิด ขอด่ากราด........ไม่ได้เป็นหน้าที่การงาน เราไม่เคยทำเสื่อมเสีย ขอขอบคุณอาจารย์ที่ทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ขอคุณพระจงคุ้มครองอาจารย์ และขอให้อาจารย์เจริญรุ่งเรืองค่ะ
21 สิงหาคม 2551 19:25 น. - comment id 888542
21 สิงหาคม 2551 20:13 น. - comment id 888653
ศาสนาแต่ละศาสนา ก็เหมือนสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียน ของแต่ละพวก แต่ละเผ่าพันธุ์ ที่มีรูปแบบวิธีการสอน หลากหลายแตกต่างกันไป ทุกศาสนาล้วนมุ่งสู่การสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข สันติไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน โรงเรียนพุทธวิทยา มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบการสอน และเป้าหมายหลักสูตร โรงเรียนอิสลามวิทยา มีท่านนบีมูฮัมมัดเป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนดเนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนคริสตวิทยา มีท่านเยซูคริสต์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร โรงเรียนฮินดูวิทยา มีท่านศังกราจารย์ เป็นเจ้าของหลักสูตร เป็นผู้คิดค้น กำหนด เนื้อหา รูปแบบวิธีการสอน และเป้าหมายของหลักสูตร ทุกโรงเรียนสอนวิชาเดียวกัน คือวิชา ความจริงของธรรมชาติ โดย โรงเรียนพุทธวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า ธรรมะ โรงเรียนอิสลามวิทยาเรียกชื่อวิชานี้ว่า อัลลอฮ์ โรงเรียน คริสตวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า พระผู้เป็นเจ้า โรงเรียนฮินดูวิทยา เรียกชื่อวิชานี้ว่า พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม แต่ละโรงเรียน จะใช้วิธีการสอนตามความถนัดของตัวเอง อาจใช้แบบจิตนิยม (ความคิด) และแบบเทวะนิยม (ความศรัทธา) หรือ อาจจะเรียกว่าเน้นหนักที่ปัญญา (ความเข้าใจ) และเน้นหนักที่ศรัทธา (ความเชื่อ) เจ้าของหลักสูตรแต่ละท่าน จะคิดค้นเทคนิควิธีการเรียน การสอนเป็นของตนเอง ในโรงเรียนชาวพุทธจะสอนว่า ธรรมะ คือความจริงของธรรมชาติ คือธรรมชาติ คือ กฎของธรรมชาติ คือหน้าที่ของธรรมชาติ คือผลของธรรมชาติ ธรรมะ คือหน้าที่ การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม ซึ่งหมายรวมถึงทั้งหน้าที่ทางกายภาพ (ปฏิบัติหน้าที่ตามคุณสมบัติ เช่น ตามีหน้าที่ดู หูมีหน้าที่ฟัง) และหน้าที่ทางจินตภาพ (หน้าที่สมมุติทางสังคม เช่น หน้าที่ของ พ่อ, แม่, ลูก, ผู้บังคับบัญชา, ลูกน้อง, เจ้านาย) ในโรงเรียนชาวมุสลิม, ชาวคริสต์, ชาวฮินดู จะสอนว่า อัลลอฮ์, พระผู้เป็นเจ้า (พระยะโฮวา) พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม เป็น เทวะ ผู้วิเศษ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่จะบันดาลสิ่งใดๆ ในโลกก็ได้ ซึ่งจะเป็นไปตามเหตุปัจจัย (เมื่อมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ มันเป็นเช่นนั้นเอง) โดยสรุป การสอนวิชา ธรรมะ อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า พระนารายณ์ พระอิศวร พระพรหม ก็คือการสอนวิชา ความจริงของธรรมชาติ นั่นเอง เพียงแต่ผู้นำศาสนาแต่ละท่านจะใช้วิธีการเรียนการสอนแบบไหนที่จะให้เข้าใจธรรมชาติได้ดีที่สุด จะสอนแบบใช้ความศรัทธา (ความเชื่อมั่น) หรือสอนแบบใช้ปัญญา (ความเข้าใจ) และที่สำคัญแต่ละโรงเรียนที่มีอาระยะธรรมแล้ว จะไม่ยกพวกตีกันหรือยกพวกไปเบียดเบียนโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน เมื่อมีสิ่งนี้ (เหตุ) จึงเกิดสิ่งนี้ (ผล) มันเป็นเช่นนั้นเอง (ธรรมชาติ/อัลลอฮ์)