31 กรกฎาคม 2551 06:52 น. - comment id 868997
สวัสดีค่ะ พี่พันเก้า บ้านสีท้องฟ้า ม้านั่งตัวเก่า ทุกทุกสิ่งเป็นเงา ยังเฝ้ารักษามิให้พัง ดอกบัวมาทักทายเฉยๆค่ะ ตอนเนี่ยหัวสมองไม่โลดเพราะเหนื่อยมาก ย้ายของยังไม่เสร็จสักกะทีค่ะ ดอกบัวขอให้พี่พันเก้ามีความสุขปลอดภัยนะค่ะ
30 กรกฎาคม 2551 12:20 น. - comment id 880761
บางสิ่งอาจสูญหายมิหมายบางสิ่ง แดดผันฝันดิ่งพักพิงสดใส บนความปรารถนาเวลายาวไกล ชื่นชมดอกไม้ด้วยหัวใจเบ่งบาน บางสิ่งอาจสูญหายมิหมายเป็นมี จารจดบทกวีด้วยฤดีอิ่มหวาน ลำนำแห่งดวงตาคือเวลายาวนาน เกิดดับสลับกาลผันผ่านอยู่นานเนา บางสิ่งอาจสูญหายเดียวดายอ่อนล้า สีสันท้องฟ้าบางเวลาหม่นเหงา สีสันชีวิตลิขิตโดยเรา สุขสุขเศร้าเศร้าเยือนเหย้ารวมกัน บางสิ่งอาจสูญหายมิหมายบางสิ่ง เปลี่ยนแปลงโลกจริงให้วิ่งวนฝัน อยู่ในบทกวีด้วยฤดีแบ่งปัน เรียงร้อยจำนรรจ์ด้วยฉันด้วยเธอ
30 กรกฎาคม 2551 12:34 น. - comment id 880774
ยอดเยี่ยมครับ
30 กรกฎาคม 2551 14:12 น. - comment id 880803
เหมือนท้องฟ้าที่นี่ ตอนนี้เลยค่ะ แต่ที่แดดแรง แต่ลมสงบ แวะมาทักทายค่ะ
30 กรกฎาคม 2551 14:21 น. - comment id 880806
บางสิ่งมิหายมากมายหลายสิ่ง บนโลกความจริงไหว-นิ่งต่อเนื่อง เปลี่ยนความเป็นไปในโลกเปล่าเปลือง กลางฝุ่นขุ่นเคืองกลางเมืองเรืองไฟ บางสิ่งมิหายความหมายมิตรภาพ อิ่มเอิบทอภาพฉาบสีสดใส ตรู่ฝันตะวันรอนอาจถอนหายใจ หนักแน่นภายในเพื่อใจของเรา บางสิ่งสูญหายคลับคล้ายอ่อนล้า เกี่ยวเนื่องเวลาคว้าฝันว่างเปล่า บางสิ่งนิ่งงันปัจจุบันยังเยาว์ เช่นเช้าบางเช้าอาจแปร่งแปลกไป บางสิ่งสูญหายกลับกลายเหมือนว่า ผ่านกาลเวลาสบตาวันใหม่ เพียงคนสองคนบนความเข้าใจ สรรค์สร้างโลกใหญ่ด้วยใจแสนดี *** ขอบคุณคุณก้าวที่...กล้า ที่ช่วยเขียนกลอนเป็นเพื่อนกัน
30 กรกฎาคม 2551 14:29 น. - comment id 880809
สวัสดีครับ คุณพริ้มเพรา แสดงว่าท้องฟ้าบ้านคุณสดใส ช่วงนี้บ้านผมเห็นฟ้าแบบนี้ค่อนข้างยากครับ ฝนตั้งเค้า ฟ้าจะหมองพอสมควร ความจริงกลอนบทนี้ ยืมคำของกวีมาเขียนต่อยอดน่ะครับ ขอบคุณครับที่มาทักทาย
30 กรกฎาคม 2551 14:57 น. - comment id 880823
บางสิ่งที่สูญหาย รอยทรายกลายคลื่นกลบ เมฆเลื่อนลมพรากพบ ปลายรุ้งฤๅบรรจบเรา บางสิ่งที่คิดถึง คืนหนึ่งกับใจเหงา เคียงข้างอย่างลางเลา คือเงาของตัวเอง บางสิ่งมิเคยสูญหาย ถึงแม้เปล่าดายสายตาเพ่ง ถ้อยกระซิบฝากลมพรมบรรเลง ฉันแอบร้องเพลงให้เธอฟัง
30 กรกฎาคม 2551 18:30 น. - comment id 880873
ต่อกลอนกับเขาไม่เป็น สมัครเข้ามาอ่านแล้วกันนะคะ มองฟ้าแล้วตัวเราเหลือนิดเดียว ปัญหาเราเหลือนิดเดียว แต่ความสุขเย็นชื่นใจมันมาเต็มเปี่ยมเลยค่ะ อยากเขียนกลอนได้แบบนี้บ้างจัง
30 กรกฎาคม 2551 20:38 น. - comment id 880919
บ้านสีท้องฟ้า ม้านั่งตัวเก่า อารมณ์สีเทา นี่แหละความเสียใจ การเดินทางที่แสนพิเศษ อยู่ในอาณาเขตของหยากไย่ ฟ้าก็ฟ้า เมฆก็เมฆรำไพ ความฝันก็พังได้ พังครืน บางสิ่งอาจสูญหาย ร้อยแปดพันพ่าย เป็นอื่น เป็นไปทั้งวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืน เป็นแสนเป็นหมื่นเป็นไปได้ในอารมณ์ -------------------- หวัดดีร้อยแปดพันฯครับ มาช่วยสำทับอาการจำนนต่ออารมณ์ ถ้าเป็นเหยื่ออารมณ์ความอ่อนไหว ก็ยังดีกว่าเป็นเหยื่อกามารมณ์ น่ะ จะบอกให้ (หัวเราะ)
30 กรกฎาคม 2551 22:36 น. - comment id 881000
มองม้าเก่าเฉาหักยามรักร้าง บนฟ้ากว้างเมฆคล้อยคงลอยเคลื่อน กาลเวลาผ่านผันจากวันเดือน แล้วลบเลือนห่างหายตายจากกัน แวะมาเยี่ยมชมครับผม....
30 กรกฎาคม 2551 22:58 น. - comment id 881013
4 สิงหาคม 2551 09:14 น. - comment id 882236
สวัสดีอัลมิตรา กลอนที่รัก..บทเก่าชวนจั๊กกะจี้ ก็ยังไม่ได้ไปสวมรอย ทั้ง ๆ ที่เดาว่า คนเขียน เขียนไปอ้วกไป แต่ทำไงได้ เขียนมาแล้วนี่ มาฮาเอาเองละกัน ตอบกลอนที่รัก.. ยอมเป็นปลาซิวปลาเซี้ยวให้เกี่ยวก้อย ยอมเป็นปลาสร้อยปลาเซ่อให้เธอตก แม้คำ..ที่รัก..จะพาลงนรก จะจับหมักทำห่อหมกก็จำยอม ยามได้ยินคำที่รัก..จั๊กกะจี้ กระซิบดัง ๆ อีกทีจะให้หอม แก้มใหญ่ ๆ มิเคยให้ใครดอม แต่ก็พร้อมเพราะที่รักมันปักใจ ที่รัก ของใครเราไม่รู้ ฟังกี่หนขนลุกซู่จู่โจมใส่ เรียกที่รัก ผมไม่ว่า ไม่เป็นไร ตกกระไดคำฉอเลาะ เพราะที่รัก อ้วกแต่เช้าเลย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งโด๊ปกาแฟมาหยก ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า สำหรับกลอนใหม่นี้ ขอบคุณมากที่เขียนมาแจม ชอบบทสุดท้ายของคุณล่ะ มันเป็นเวลาเปล่าดาย แต่ที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรไร้ค่าหรอก
4 สิงหาคม 2551 09:19 น. - comment id 882237
สวัสดีครับ คุณนทธี ศศิวิมล เราชอบมองว่าปัญหาเราใหญ่เหลือเกิน เพราะเราไม่ทันมองปัญหาของคนอื่น ขังตัวอยู่ในโลกแคบ ๆ วิเคราะห์แต่จิตวิญญาณของตัวเอง แต่อย่างน้อย ข้อดีของมันคือ ไม่ทำให้ใจคนอื่นเดือดร้อน อ่านสุขในโศก อ่านโลกอ่านใจ อ่านไปอ่านไป เจียระไนใจเรา ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย
4 สิงหาคม 2551 09:32 น. - comment id 882241
หวัดดีคับโจ้ ผมคิดอย่างหนึ่งว่า จะไม่เขียนเรื่องไกลตัว หรือเรื่องที่เราไม่รู้ ไม่ค้นคว้า บ่อยครั้งที่ข้อมูลผิดเพราะรู้ไม่จริง ยิ่งเฉพาะงานวิพากษ์สังคม ยิ่งไกลตัว รู้ไม่ลึก งานส่วนใหญ่เขียนเรื่องตัวเอง เพ้อฝัน ไม่มีสาระอะไร รัก สุข โศก ก็เขียนได้แคบ ๆ แค่นี้ ดีที่ยังเลือกเขียนที่ตัวเองชอบ ไม่ต้องเขียนอะไรที่ตัวเองไม่ชอบ จึงไม่มีความคาดหวังใด ๆ เกิดขึ้นกับการทำสิ่งที่ชอบ อีกอย่างได้มาไล่อ่านงานที่ชอบ ก็โคตรสุขแล้ว จำนนต่ออารมณ์ แต่กามารมณ์นี่..แหะ แหะ เคยไปเดนเล่นแถวฝั่งสายมั้ย(แม่สายนั่นแหละ) เด็กที่เดินขายของ มันชอบมาหนีบเสื้อ "พี่ ๆ มีไวอะกร้าขายนะ พี่อยากได้ปะ" "ยาไรวะ คราวที่แล้วก็โดนหลอกนี่หว่า ไหนว่าชูกำลัง กินแล้วหลับเป็นตาย " มันงง แล้วก็ไม่กล้าเดินตามผมอีก เป็นเหยื่ออารมณ์ดีกว่าเยอะนะ พอได้การได้งานบ้าง
4 สิงหาคม 2551 13:01 น. - comment id 882288
สวัสดี ดอกบัว คงย้ายของเสร็จแล้วนะ พอหายใจหายคอได้บ้าง สมองไม่โล่งก็อย่าเพิ่งเขียนกลอน ไว้ว่าง ๆ ค่อยเขียนก็ได้นี่นา บ้านกลอนเขาไม่ย้ายไปไหนหรอก มีที่ว่างให้ทุกคนได้เขียนความสุขกันถ้วนทั่ว พี่สบายดี หวังว่าดอกบัวคงสบายดีเช่นกัน
4 สิงหาคม 2551 13:05 น. - comment id 882292
สวัสดีครับ คุณฝากฝัน ม้านั่งตัวเก่าเหมือนเหงาอยู่ กลางอ้อมกอดแห่งฤดูร้อน ฝน หนาว สีหม่นหมองจนลอกบอกเรื่องราว ขื่นขมคาวคับขังยังฝังใจ ... ตั้งความหวังครั้งใหม่ในทุกครา ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมเยียน ขอบคุณมากเช่นกันครับคุณรัมณีย์