*** รอรักเรือนร้าง *** แลสายฝนเสียงฟ้าคำรามก้อง แวบวับร้องเวหนลมบนหา พายุหมุนเร่งเร้าเคล้าเมฆา สู่พฤกษาลู่ไหวใฝ่ลิดรอน หลังคาจากหลุดลิ่วปลิวลอยห่าง สิ่งของวางพลิกคว่ำซ้ำผ้าผ่อน พลิ้วระลิ่วตามลมขมขื่นตอน บันทึกว่อนเก็บไว้หลังได้ชม ดูสะพรั่งกระจายคล้ายสายฝน สุดอลวนเสียดายให้ขื่นขม หลายปีเฝ้าเก็บไว้ได้ภิรมย์ บัดนี้ล่มสิ้นมลายสุดสายตา ตัวแทนเพียงสิ่งเก่ายังเฝ้ารัก เจ้าของจักนำมาโชว์เสน่หา บัดนี้หายไกลลับไม่กลับมา รอเวลาความหลังครั้งผูกพัน ดูสิ่งสภาพเรือนร้างที่สร้างไว้ สาวนาได้ร่วมสรรค์วันสิ่งฝัน ครั้นฝนจางห่างหายทำลายมัน แม้นกระนั้นคอยอยู่ดูเลือนจาง จะซ่อมแซมขึ้นใหม่ไว้คอยเจ้า มุ่งคอยเฝ้ากลับมาเพื่อสะสาง ผ่านวันคืนเดือนปีมิปล่อยวาง สู่บอบบางจิตใจไม่พลิกแพลง รักเรือนร้างสู่ถวิลจินต์ป่วนยิ่ง อยากแอบอิงสาวนายากมาแถลง หลงคอยนวลหวนจิตมิคิดแคลง หลายครั้งแสดงหัวใจใยลิดรอน ใจข้าจะขาดแล้วน้องแก้วเอ๋ย หวานที่เคยหอมไว้มิได้ถอน แม้แต่นาคอยเจ้าเคล้าวิงวอน ทุยยังอ้อนร้องครวญชวนสู่นา บัดนี้เล่าเหลือไว้ในสิ่งหลอน ห้วงสั่นคลอนสิ้นหวังดังไขว่หา กลิ่นไอดินคลุ้งเคล้าเฝ้าลอยมา ต้นข้าวกล้าฝ่าลมภิรมย์ครอง ไม่เท่าไหร่แล้วนะจะตกท้อง เป็นรวงทองผ่องไสวสิงสู่สนอง หวนถึงสิ่งผ่านวันสรรค์ครรลอง ล้วนทั้งสองเกี่ยวข้าวเฝ้าเก็บมัน อดีตกาลผันผวนป่วนสิ่งสวรรค์ ผ่านวันวารสิ่งไสวไม่สบสันต์ เรือนรักร้างนาทุ่งพวยพุ่งอนันต์ ท้องทุ่งพลันแตกไสวไม่คล้ายเรา มองท้องทุ่งเหลืองอร่ามงามวิจิตร อยากเปลี่ยนชีวิตลิขิตพลันเศร้า หลงละวางสร้างไปคล้ายมึนเมา ที่คอยเฝ้าเชือดเฉือนสะเทือนลง เหลือบแลจ้องเรือนร้างสร้างสิ่งรัก ความประจักษ์รอไว้ให้คล้ายผง ยามธุลีดินแห้งแล้งแคลงมั่นคง เปลี่ยนยืนยงแปรไปในสิ่งงาม จะผันเปลี่ยนสิ่งรอขอเป็นทุ่ง จิตหมายมุ่งควายพยุงไม่เกรงขาม บากบั่นสร้างวาสนาฝ่าเขตคาม หมายพยายามพลิกนาท้าฟ้าดิน ครั้นฝนพรากจากไปฝากในชื่น ความขมขื่นแม้นรักจะหักสิ้น เหลือเรือนร้างอนุสรณ์รอนชีวิน ฝากแค่ถิ่นเรือนร้างกระจ่างพนอ. *** แก้วประเสริฐ. *** (ภาพของคุณพุดไพร สาวบ้านนา)
4 กรกฎาคม 2551 21:03 น. - comment id 869531
พิมว่าน่าอยู่ออกคะคุณลุง อิอิ..ตอนนี้ฝนตกหนักเลยคะ เน๊ทก็เข้าๆๆออกๆๆ
5 กรกฎาคม 2551 03:40 น. - comment id 869586
บทกลอนสวยสดงดงามมากค่ะแต่คนนี้ที่อ่านรู้สึกถึงความเศร้าที่แซกซึมซ่อนซุกในหัวใจของคนเขียนแท้หนอ หวัดดีค่ะคุณลุงพอดีจะลุกมานั่งสมาธิเลยแวะมาอ่านกลอนของคุณลุงก่อนค่ะ
5 กรกฎาคม 2551 09:15 น. - comment id 869600
แด่ อาจารย์แก้วประเสริฐ หอมกลิ่นรวงข้าวขาวพราวท้องทุ่ง สาบโคลนคลุ้งไอดินกระถินโสน สงสารทุยลุยท้องนาซูบผอมโซ น่าโมโหข้าวมีค่าชาวนาจน ได้ทดลองเขียนเรื่องสั้นแล้วโพสต์ใหม่ แต่ไม่ใช่เรื่องสั้นค่ะเป็นเรื่องบ่นงึมงำ สั้นจุ๋นจู๋ พอจะโพสต์ได้ค่ะ สำหรับโคลง ยังไม่มีเวลาเมล์ค่ะ ขอบพระคุณในความใจดีแนะนำให้ค่ะ เมื่อมีอารมณ์เขียนโคลงจะเมล์มาค่ะ
5 กรกฎาคม 2551 11:57 น. - comment id 869632
รอรักคืนเรือน-พ่อกับแม่กานต์พูดแบบนี้เสมอค่ะ
5 กรกฎาคม 2551 12:46 น. - comment id 869648
กระท่อมหลังน้อยที่บ้านต่างจังหวัดก็รอเอมกลับไปเหมือนกันค่ะ แต่ช่วงนี้งานยุ่งมาก ๆ ๆๆๆๆๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆๆ ๆ เลยไม่ได้กลับสักที กะว่า ปิดเทอมใหญ่ เอ้ยไม่ใช่ วันหยุดยาวของบริษัทเดือนหน้า เอมจะกลับไปเสียให้ชุ่มใจเชียวค่ะ พ่อแก้วคะ ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ๆ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ เคารพ รัก และคิดถึงเสมอค่ะ ลูกเอมจ้า ปล: ขอโทษที่ไม่ได้แวะมาทักทายนะคะ
5 กรกฎาคม 2551 16:03 น. - comment id 869690
เคยกลับบ้านไปเห็นเรือนเก่าๆที่มีคนรู้จัก แต่ก่อนเคยอาศัยอยู่..พอนานวันผู้คนเหล่า นั้นต่างล้มหายตายจาก..ลูกหลานรุ่นหลังๆ.ก็ จากไปทำงาน ในถิ่นอื่น..มองแล้วก็อดสะท้อน ใจไม่ได้ว่า..ซักวันนึง..บ้านเราเรือนเราจะ ร้างแบบนั้นบ้างเช่นกัน.สิ่งที่เคยเห็น..ซักวัน ก็คงหายไป..อันนี้ถึงจะเชื่อเรื่องสัจธรรม..แต่ ก็ยังยอมรับความเปลี่ยนแปลงอันนั้นไม่ได้ ครับ..คุณลุงแก้ว..
5 กรกฎาคม 2551 16:07 น. - comment id 869691
คุณ พิมญดา ครับท้องทุ่งนาน่าอยู่จริงๆครับ สมัยก่อนผมชอบ ทุ่งนา ต้องออกต่างจังหวัดเสมอเพื่อเปลี่ยนอากาศ หายใจ ผมเองเกิดที่กรุงเทพฯต่อมาเพราะสาเหตุ ที่ชอบแบบท้องทุ่งจึงได้มาซื้อที่และบ้านติดๆกับท้อง นา ชอบยิ่งตอนข้าวเขียวไสวลมพัดงดงามมาก และ อีกครั้งตอนตกรวงสีทองจะงดงาม ดูเขาเกี่ยวข้าวแต่ ต้องระวังมากคือ งูเห่า ชุกชุมมากชาวนาเขาเอา มาผัดกินกัน เขาเรียกผมกินด้วยผมปฏิเสธเพราะ ตั้งใจว่าจะไม่กินงูมานานแล้วครับ เขากินกับ เหล้าขาว บ้านเป็นกระท่อมผมเข้าไปนอนเล่น เย็นสบาย ผมชอบสถานที่มาก เช้าเย็นต้องออก ไปเดินเล่นเสมอๆ บัดนี้มันเจริญ สิ่งที่กล่าวมานี้ หายไปหมดแล้ว ก่อนมาซื้อบ้านแยกจากครอบ ครัวเพราะอยู่กลางใจเมือง ผมไม่ชอบบรรยากาศ จึงมาซื้อ ความเจริญเข้าไปยังนึกเสียดายจนทุก วันนี้ครับ ครับกำลังเขียนอยู่นี้ฝนก็ตกมากด้วย ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
5 กรกฎาคม 2551 16:27 น. - comment id 869698
คุณ นรศิริ แสดงถึงความละเอียดอ่อนใจการพิจารณายิ่งนัก ครับ นี่คือลักษณะของนักกลอนที่ดี ผมว่าต่อไปใน อนาคตคุณรุ่งแน่หากยังสนใจเรื่องนี้ ครับเป็นการ พรรณาผสมผสามกับความเศร้านิดหน่อยครับ การ จะเรียกอารมณ์คนเราได้ลึกซึ้งนั่นก็คือการรู้จักการ ผสมผสานกันระหว่างสิ่งธรรมดาให้เป็นไม่ธรรมดา ครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
5 กรกฎาคม 2551 16:31 น. - comment id 869699
คุณ แก้วไหมฟ้าสีคราม การจะเล่นโคลงให้ดีนั้นต้องให้ชำนาญกลอน แปดก่อนครับ เพราะกลอนแปดผสานกับทำนองได้ ไพเราะอ่อนไหว หากชำนาญแล้วการแต่ง โคลงก็ ไม่ยากครับ ด้วยทุกๆแบบนั้นต้องอาศัยทำนอง เป็นปัจจัยทั้งสิ้น หากต้องการเมล์มาได้ครับ แก้วประเสริฐ.
5 กรกฎาคม 2551 16:39 น. - comment id 869707
คุณ เพียงพลิ้ว หลานที่รักเป็นธรรมดาของพ่อแม่ย่อมมีความ ห่วงใยเสมอ ยิ่งมาทำงานไกลๆด้วยแล้วและเป็น เมืองเสือสิงห์กระทิงแรดด้วย ยิ่งทำให้เกิดความ เป็นห่วงมากขึ้น แต่ลุงคิดว่าดูจากลักษณะท่าทางแล้ว ย่อมเอาตัวรอดด้วยปฏิภาณไหวพริบกอปกับประสบ การณ์ด้วยสบายใจมากจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
5 กรกฎาคม 2551 16:48 น. - comment id 869711
คุณ ทะเลใจ สิ่งที่ห่วงใยของพ่อแม่คือลูก ยิ่งเป็นหญิงสาว ด้วยแล้วก็ย่อมเป็นทวีคูณ ในเมื่อสบายก็ย่องสบายใจ ของพ่อแม่ พยายามหมั่นเยี่ยมท่านบ่อยๆล่ะไม่มี ใครหรอกที่จะรักเราเท่าท่านทั้งสองจ้า พ่อเองเป็น กำลังใจแก่ลูกเสมอและบางครั้งก็ให้คำแนะนำบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อย่อมมีให้แก่ลูกเสมอ สิ่งที่ ดีที่สุดคือความรักและสิ่งประสบการณ์ที่มีจ๊ะ พ่อ เองรักลูกเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
5 กรกฎาคม 2551 16:59 น. - comment id 869717
คุณ อรุณสุข เมื่อปีที่แล้วผมไปอุบลฯมา ผมเดินชมท้องทุ่ง พบเห็นบ้านเหลือแต่ท่านผู้เฒ่าเท่านั้น ผมสอบถาม ได้ความว่าไปในเมือง หรือไม่ก็ไปทุ่งกันหมดครับ แต่ในเมืองที่ว่าไม่ใช่ในเมืองอุบลฯนะครับแต่เป็น กรุงเทพฯ ทำให้สะท้อนใจยิ่งนัก ปล่อยเหลือไว้เพียง ท่านผู้เฒ่าเท่านั้น นี่แหละคือชีวิตชนบท ผมเองมี นิสัยชอบชีวิตชนบทมากดังที่ตอบในกระทู้ 1 ไว้นั่น แหละครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
5 กรกฎาคม 2551 17:38 น. - comment id 869733
take care
5 กรกฎาคม 2551 18:27 น. - comment id 869742
dear silver snitch miss you now kaewprasert
5 กรกฎาคม 2551 22:46 น. - comment id 869776
แวะมาอ่านก่อนนอนค่ะคุณลุงแก้วฯ หลับฝันดีนะคะ สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่
6 กรกฎาคม 2551 09:20 น. - comment id 869827
เรือนรักกระท่อมนับดาว..
6 กรกฎาคม 2551 10:31 น. - comment id 869872
6 กรกฎาคม 2551 10:34 น. - comment id 869873
อยากจะมีกระท่อมอยู่ชายป่า มีธาราชื่นฉ่ำน้ำใสใส มีแปลงผักเขียวขจีที่พฤกไพร มีดอกไม้หลากพันธุ์อันงดงาม
6 กรกฎาคม 2551 12:32 น. - comment id 869911
แวะมาเม้นท์คืนให้นะคะคุณแก้วประเสริฐ กลอนเขียนดีคะ
6 กรกฎาคม 2551 14:07 น. - comment id 869952
คุณ โอ้เลี้ยง ขอบคุณครับ เมื่อคืนนี้ผมฝันเละเท๊ะเลย ครับ ตื่นมาจำไม่ได้เชียวล่ะ คุณนี่เก่งนะครับสร้าง กลอนในภาพได้ครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
6 กรกฎาคม 2551 14:18 น. - comment id 869958
คุณ ไหมไทย ขอบคุณมาก ผมจะเล่าให้ฟังผมเคยนอนมา แล้วกระท่อมนะครับ เย็นดีจริงๆครับ บ้านไม้กับ บ้านตึกสู้ไม่ได้แม้หน้าร้อนก็จะเย็นครับเขามักจะ ปลูกกับดินเสียส่วนมาก นอนบนแค่ไม้ไผ่แปลกดี หากกระท่อมรั่วก็นอนดูดาวสบายครับ อากาศก็ดี เย็นสบายดี เสียอย่างเดียวยุงชุมเท่านั้นครับ แต่ มีเฉพาะกลางคืนครับ ส่วนกลางแทบจะไม่มีเลยล่ะ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
6 กรกฎาคม 2551 14:23 น. - comment id 869959
คุณ ครูกระดาษทราย ขอบคุณครับ ภาพงามมองแล้วเย็นตาจริงๆ ครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
6 กรกฎาคม 2551 14:34 น. - comment id 869961
คุณ ครูกระดาษทราย ความคิดนี้เหมือนกับผมเลยครับ ผมเองรัก ชนบทมาก สมัยก่อนนี้ชานเมืองกรุงยังเต็มไปด้วย ท้องทุ่งนา มีคลองน้ำใสๆ ผมจึงหนีจากในเมืองมา ซื้อบ้านน้อยติดกับท้องทุ่งนา หน้าบ้านมีคลองน้ำ ไหลมีปลาน้อยว่ายไปมา อากาศสดชื่นย้อนไปก็ ประมาณยี่สิบกว่าปีครับ อยู่แถวมีนบุรีอากาศร่ม เย็นสบาย แต่มาบัดนี้ความเจริญเข้ามาครอบครอง เสียหมดกลับย้อนเหมือนเก่าในกรุง อากาศก็แปร เปลี่ยนไป แต่ก็แก่เสียแล้วจะคิดใหม่ก็ยากจึง จำต้องทนอยู่ต่อไป เพราะอีกไม่เท่าไหร่ผมก็ ต้องลาจากไปจึงไม่ขนขวายอีกแล้ว ปล่อยวาง เสียครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
6 กรกฎาคม 2551 14:43 น. - comment id 869963
คุณ พรรณ ผมเองนิสัยค่อนข้างจะออกบ้าๆบวมๆหน่อย การที่เข้าไปตามบ้านต่างๆนั้นบ้างก็เม้นท์บ้างก็ ไม่เม้นท์แล้วแต่อารมณ์ อาจจะสร้างความไม่พอใจ ก็ได้ สิ่งใดที่ล่วงเกินไปก็ขออภัยด้วย ผมเองมิได้ หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้นด้วยใจจริง ที่เข้าไปอ่าน เพราะว่างๆ การเม้นท์คืนหรือไม่หาใช่สิ่งปรารถนา ของผมหรอกครับ ต้องการเพียงเพื่อดูสิ่งใหม่ๆเท่านั้น เอง ส่วนกลอนผมนั้นเรียกกลอนตามใจผม คือโหลยโท้ยจริงๆครับ เอาแน่นอนมิได้หรอก ขอบคุณที่ชมครับ แก้วประเสริฐ.
6 กรกฎาคม 2551 17:58 น. - comment id 870036
สวัสดีค่ะ คุณครูแก้ว เขียนได้ย้าวยาวค่ะ งดงามเสมอ
7 กรกฎาคม 2551 14:51 น. - comment id 870297
คุณ ช่ออักษราลี สวัสดีจ้า ศิษย์รัก หากฝึกแบบที่ครูบอกแล้ว จะเขียนสั้นหรือยาวก็ได้แล้วแต่อารมณ์เราจ้า แต่ ต้องสัมพันธ์กับหัวข้อเรื่องไว้ รักศิษย์เสมอ แก้วประเสริฐ.