เพลงขอทานเขียนคำลำนำโลก เล่าเรื่องโศกเรื่องสุขได้ทุกเรื่อง เสียงไม้เท้าเคาะบนถนนเมือง เป็นศิลป์ศาสตร์ปราดเปรื่องเหนือผู้ใด บรรยายภาพนานาทั้งตาบอด แสดงออดอ้อนคำร้องร่ำไห้ พาความสุขเพลิดเพลินก้าวเดินไป รื่นรมย์ในทุกกาลที่ผ่านมา มิรู้วันหรือคืนหลับตื่นอยู่ คือหยั่งรู้ทุกเรื่องณ เบื้องหน้า สุดแต่ใจโบกบินจินตนา มองเห็นด้วยดวงตาศรัทธาตน เสื้อผ้าจางซีดสีผ้าขี้ริ้ว สะบัดพลิ้วอาบฟ้ามากี่ฝน ในความเข็ญลิขิตชีวิตคน จะหลุดพ้นได้พอก็ด้วยใจ เสียงนกร้องเพลงหวังฟังแว่วแว่ว จิ๊บจิ๊บแจ้วหวานนักมาจากไหน ฟังภาษานกเช้าเจ้าสื่อนัย เหมือนเจ้าพลอดรักให้คู่ใจฟัง แท้นกน้อยดิ้นเร่าเอาตัวรอด ร้องเรียกคนตาบอดอยู่บ้าคลั่ง เขี้ยวแมวงับคอเชือดจนเลือดกรัง เสียงก่อนตายคล้ายดังจะสั่งลา มีสุขมิคาดใดจะได้พบ มีอีกศพคนขวางทางข้างหน้า เหยื่อโจรร้ายปลายมีดคมปักคา ไร้ดวงตามิรู้ใครไร้วิญญาณ จึงกล่าวคำสวัสดีดุจพี่น้อง ท่านผู้ท่องเที่ยวไกลไม่กลับบ้าน มาทักทายหวังใจท่านให้ทาน แล้วบุญจะอภิบาลท่านพ้นภัย ริมฝีปากเขียวคล้ำไร้คำตอบ เขาจึงขอบคุณพลางหลีกทางให้ อวยพรให้ร่มเย็นไม่เป็นไร ทำทานทำด้วยใจจึงได้บุญ เขาร้องเพลงชื่นชมธรรมชาติ ผู้ประสาทพรรักผลักโลกหมุน เขาขอบใจดินฟ้าผู้การุณ เขาขอบคุณทุกทานที่ผ่านทาง สรรพสิ่งเคลื่อนไหวในความเงียบ เดินสาวเท้าก้าวเหยียบเสียทุกอย่าง ปีกผีเสื้อหักหล่นบนเศษฟาง มดกระชากเนื้อพลางเป็นชิ้นชิ้น สัตว์ล่าสัตว์ไปทั่วเอาตัวรอด รู้ตกทอดการฆ่ารักษาถิ่น แย่งจ่าฝูงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เขามิรับรู้สิ้นนรกใด แท้รุ่งเช้าของเขาคือเข้าพลบ โลกหมุนจบรอบยืนรับคืนใหม่ โคมถนนระยิบระยับประดับไฟ ดวงตะวันในใจเขาฉายแพรว อยู่ด้วยความศรัทธาสารพัด ฉายฉานชัดโชนรุจดุจลูกแก้ว อนาคตความหวังยังวาวแวว ทุกทุกสิ่งดีแล้วเป็นสัจธรรม เสียงฝีเท้าเดินก้าวเข้ามาใกล้ มืดมัวใต้ผืนฟ้าเวลาค่ำ มันคือโจรผู้ร้ายในชุดดำ ในมือกำเหรียญไว้จะให้ทาน เหรียญเปื้อนเลือดโยนให้ใส่กะลา ให้ผู้ไร้ดวงตาซื้ออาหาร เขาคุกเข่าก้มกายลงกราบกราน ขอให้ท่านสมหวังดั่งใจปอง ขอปวงเทพยดาสากลโลก ไล่ทุกข์โศกเศร้าใจทั้งภัยผอง ฟังได้เพียงเสียงเงินคือแสงทอง เมื่อทั้งสองพอใจยิ้มให้กัน เขาก้าวเดินต่อไปในทางเก่า ข้ามอีกศพเพื่อเข้าถึงสวรรค์ นานตราบผู้ล่าเหยื่อยังแบ่งปัน ดีทั้งนั้นโลกนี้ดีทุกคน
26 พฤษภาคม 2551 12:41 น. - comment id 853791
เห็นภาพแล้วบางทีก็มีความสุขนะคะ วณิพกตาบอดกับเสียงดนตรีที่ สื่อคนสัญจรที่ดิ้นรนตามทางเท้า ทำให้สื่อสะท้อนกลับมากับตัวเอง ขอชื่นชมกับบทกลอนที่สะท้อนได้ดีทีเดียวคะ..
26 พฤษภาคม 2551 13:09 น. - comment id 853799
นานตราบผู้ล่าเหยื่อยังแบ่งปัน ดีทั้งนั้นโลกนี้ดีทุกคน.. โดนใจอย่างแรงเลยพี่ อ่านตั้งหลายรอบ ยอดเยี่ยม ๆๆๆ
26 พฤษภาคม 2551 14:38 น. - comment id 853824
โอว! ดีใจที่ได้อ่าน นับถือค่ะ
26 พฤษภาคม 2551 16:26 น. - comment id 853897
ผลงานเพลงยอดเยี่ยม เกิดความรู้สึกประทับใจหลายอย่าง ขอเป็นกำลังใจให้เขียนเพลงต่อๆไปนะครับ
26 พฤษภาคม 2551 18:17 น. - comment id 853947
เยี่ยมเลย ชอบมาก...
27 พฤษภาคม 2551 09:17 น. - comment id 854122
เพลงเสียดสีได้ลึกซึ้งกินใจมาก.....
27 พฤษภาคม 2551 13:12 น. - comment id 854173
เยี่ยมมาก
27 พฤษภาคม 2551 22:04 น. - comment id 854451
เสือ ... ลิงได้กลิ่นการเมือง น่ะ
31 พฤษภาคม 2551 00:13 น. - comment id 855508
คุณพิมญดา แบบว่าไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่มีเรื่องน่ะแหละคับ คนคิดน้อยจะมีความสุขกว่าคนคิดมาก และคนปัญญาอ่อนมีความสุขที่สุด ยิ้มได้ทั้งวัน คุณ.. เรื่องความดีความชั่วความงามความน่าเกลียดนี่เอามาตีความและเขียนเป็นเรื่องเดียวให้ contrast นี่เขียนได้ไม่รู้จบอะคับ แล้วแต่จะเล่าเป็นเรื่องไหน ขอบคุณคับที่เข้ามาเยี่ยมชม คุณนิลวรรณ คุณแสงเหนือ คุณกุ้งหนามแดง คุณ... ขอบพระคุณคับ แต่ถ้าจะอ่านแบบอนุรักษ์นิยมจริงๆแล้วจะเห็นว่ากลอนนี้ฉันทลักษณ์ตกรอบแรกเลย ทั้งเฝือทั้งแย่งสัมผัส สัมผัสซ้ำก็มี เพราะตอนเขียนตั้งใจแต่จะเล่าเรื่อง ถ้าเกลาอีกสักสิบรอบเสียงและภาษาคงเนียนขึ้นแต่ความคมชัดของเนื้อหาก็คงลดลงด้วย คุณท่องเมฆาและคุณอัลมิตรา มีเพื่อนที่ห้องกวีการเมืองคนนึงบอกว่า ไม่ไหวแล้ว เขียนกลอนหลังๆออกแววเฉียดคุกเข้าไปทุกที ม้าลายก็เป็นนะ แต่ก่อนไม่ได้เขียนกลอนซีเรียส ด่าก็ด่าเรื่อยเปื่อย แต่หลังๆนี่พอรู้มากเห็นมาก กลายเป็นอารมณ์แรงขึ้น เอาจริงเอาจังในสิ่งที่เขียนและต้องการแสดงออก ความคิดมันห้ามยากและมันจะออกมาในกลอนตลอด กลอนแรงๆลงบอร์ดการเมืองโดนลบหมด มาลงแถวนี้ดีกว่า คนมักไม่คิดว่าเป็นเรื่องการเมือง อิอิ นี่แหละคับ ประโยชน์ของการเขียนกลอน ถ้าไม่ติดคุกไปซะก่อนนะ
31 กรกฎาคม 2551 15:26 น. - comment id 881268