ซับแล้วอย่างแผ่วเบา หมกมุ่นกรุ่นเศร้าจะจางคล้อย แลเสี้ยวโศกลำเค็ญจะเร้นรอย ซับแล้วหยาดน้อยน้อยหยดน้ำตา ผจงขับสดับหนอ ผู้เฝ้ารอความฝันผู้ฟันฝ่า ผู้หมองหม่นก่นร่ำกรำชีวา จงดับโศกแห่งอุราอันรวดร้าว ศรีเอย ว่าแม่ศรี ดังผ้าทอผืนนี้จะห่มหาว ไปซับรอยชอกช้ำน้ำตาดาว ณ คืนพราวแสงแจ่มใจแรมรอน นิราศล่วงลาลับแล้ว เสียงปี่แก้วแผ่วโหยลมโชยอ่อน วิญญาณโศกจักเร่พเนจร สู่ห้วงฝันนิรันดรสิ้นทุกข์ตรม จางแล้วอย่างแผ่วเบา หม่นมุ่นกรุ่นเศร้าอันขื่นขม ดับเถอะดับสลายท่ามสายลม ดับสิ้นรอยระทมสรรพชีวา แล้วประดับรักร้อย แทนสายสร้อยสายใยเสน่หา อาบไออุ่นโอบฝันห้วงมรรคา ร้อยรักร้อยกรุณาสู่อ้อมใจ เมตตาเถอะผองมนุษย์ ให้มรรคาอันพิสุทธิ์นั้นผ่องใส ปลดเปลื้องโศกหม่นหนหทัย ก่อนมิเหลืออะไรไปกว่านี้ ..................... โดยคำ ลานเทวา
15 เมษายน 2551 09:33 น. - comment id 839289
เข้าใจความรู้สึกแบบนั้นคะ อย่าเพิ่งเศร้าๆซิคะ เช้าๆแบบนี้ตื่นมายิ้มสดชื่นกันก่อน นะๆๆๆ ยิ้มให้แล้วคะ หวานไหมๆๆ อิอิ
16 เมษายน 2551 06:47 น. - comment id 839588
คนหลับอยู่คงได้ยินนะคะ
16 เมษายน 2551 16:25 น. - comment id 839734
เศร้าจังค่ะ
18 เมษายน 2551 16:15 น. - comment id 840289
18 เมษายน 2551 20:36 น. - comment id 840367
ชื่นชมฝีมือกลอนค่ะ ขอเก็บนะคะ ^^
19 เมษายน 2551 10:45 น. - comment id 840561
หากน้ำตาแห่งดวงดาวถูกซับได้ แสงประกายคงกระจ่างอีกครั้งหน ร่องรอยร้าวจากดวงตาที่พร่าหม่น มักทำคนเคียงข้างเคว้งคว้างตาม