บรรยายตามวิสัยคนใจเปลี่ยว๗ ศศิธรจรแจ่มกระจ่างจับ ดาราดับลับแฝงแอบแสงสี พระพายพัดบุปผาในราตรี มาลินีแย้มเกสรขจรขจาย คิดถึงทุ้มพุ่มพวงแสนห่วงหา คิดถึงโทนรำมะนาพาใจหาย คิดถึงฉิ่งฉาบนุชสุดภิปราย คิดถึงซอสามสายเคยได้ชม คิดถึงขิมรักเล่ห์เสน่หา คิดถึงน้องต้องตาพาขื่นขม คิดถึงฆ้องวงใหญ่ให้ตรอมตรม คิดถึงกรับขยับชมมิเว้นวัน โอ้เหินห่างร้างไปอย่างไรหนอ หรือเพียงล้อหัวใจให้ใฝ่ฝัน นับวันรอร้อนใจไม่เว้นวัน หวังน้องนั้นคืนมาหาดังเคย ฯ
28 มีนาคม 2551 18:42 น. - comment id 835434
เมื่อสิ้นแสง แห่งอรุณ อันอุ่นหล้า อรุโณทัย ได้คลาดคลา ลับลาหาย ดวงชีวัน นั้นปวดแปลบ แทบวางวาย สิ้นสลาย มลายแล้ว แก้วฤดี ดั่งยามรัก เมื่อครั้งแรก แตกช่อผล งามกมล ปลูกต้นรัก สมศักดิ์ศรี เมื่อคราวรัก จักนานนั้น บั่นชีวี คือมาลี ที่แห้งเหี่ยว เปลี่ยวใจกาย
30 มีนาคม 2551 17:34 น. - comment id 835717
สวัสดีครับ คุณ"เพชรสังคีต" สังคีตเครื่องยังเคืองเรื่องรติ จะดำริระวางจินต์มิสิ้นเสียง สังวาสโสตโอดอ้อนครวญสำเนียง ก่ายกายเคียงคราหม่นทุรนใจ ***วิสัยอันแสนเศร้าจะเบี่ยงคลาย ไปเวลาใดหนอ รอคราสุขสราญรื่น เป็นกำลังใจนะครับ รักษาสุขภาพนะครับ
31 มีนาคม 2551 12:47 น. - comment id 835869
ขอบคุณคุณการัณยภาส มากครับ แหม คุณกุหลาบน้ำตาก็ น้อยหรือนั่น ผมก็ยังใจเปลี่ยวอยู่มิวางวายแล ฮิๆ ไม่รู้จะเปลี่ยวไปถึงภาคที่เท่าไร ยังไม่จบง่ายๆหรอกครับ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาทัก
9 มิถุนายน 2551 00:03 น. - comment id 859000
ขึ้นสายขิมคราใดก็ให้ขาด สุดอนาจจิรงแล้วแม่แก้วเอ๋ย สายขิมช่างเปราะปร่าไม่น่าเลย เหมือนไม่เคยลองเล่นให้เห็นใจ