เศษข้าวสุกคลุกดินทนกินได้ หากทำให้ร่างกายพอหายหิว แม้วันนี้ชีวิตไม่ปลิดปลิว ก็เหมือนลิ่วร่วงเหวกลางเปลวไฟ มองคนที่มีพ่อยิ่งท้อแท้ มองหาแม่ไม่รู้ว่าอยู่ไหน นั่งกอดเข่าหนาวสั่นข้างบันได หวังอะไรกันหนอ..เด็กขอทาน มีเศษเสื้อเหม็นสาบกลิ่นคราบเหงื่อ ไว้ห่อเนื้อหุ้มใจที่ไร้บ้าน มีคุณค่าแค่ขยะใต้สะพาน มีวิญญาณผุผุเท่าธุลี ลูกนกคงหลงทางอยู่กลางป่า หมดปัญญาสูญสิ้นแรงบินหนี หวังใดใดเจ้าเอยไม่เคยมี ใจดวงนี้แหลกลาญไปนานแล้ว
12 มีนาคม 2551 10:08 น. - comment id 831270
จะมุ่งหวังอันใดในโลกนี้ แม้ลมต่อชีวีไม่มีหวัง เศษชีวิตเดินได้ไร้พลัง แล้วเซซังไปตามโลกที่โศกตรม ซากชีวิตผิดหรือถือกำเนิด สร้างให้เกิดพล่อยๆปล่อยขื่นขม เป็นเศษเดนทิ้งขว้างหว่างสังคม ทุกข์ระทมซมซานขอทานกิน ไม่หวังใครใดใดใจท้อแท้ หวังเพียงแม่พ่อรอถวิล จะไม่หลั่งน้ำตาให้ไหลริน ถามให้สิ้น ผู้กำเนิด เกิดฉันมาทำไม....
12 มีนาคม 2551 10:22 น. - comment id 831274
ชีวิตของคนเราเหมือนทุกคนมีเวรกรรม ที่ต้องชดใช้เลยค่ะ......
12 มีนาคม 2551 15:25 น. - comment id 831371
เห็นภาพนี้ทีไรสะเทือนใจทุกทีเลยค่ะ บทกลอนของ ฤทธิ์ ศรีดวง สะท้อนชีวิตออกมาชัดเจนเลย...เป็นอีกมุมหนึ่งเล็กๆในสังคมที่กว้างใหญ่...แต่ไม่ยักกะมีผู้ใหญ่ให้ความสำคัญ
12 มีนาคม 2551 17:07 น. - comment id 831401
พี่ฤทธิ์คะ ฉางน้อยแวะทักทายคะ อ่านกลอน แล้วเศร้าเนอะ เฮ้อ.. บางคนมีกินก็กินซะเหลือเฟือ กินทิ้งกินขว้าง บางคนที่อดก็แทบไม่มีอะไรประทังชีวิต ส้งคมกว้างใหญ่ แต่น้ำใจคนหายากนัก
12 มีนาคม 2551 20:15 น. - comment id 831463
1.ท่านมหาขนบ นมัสการพระเดชพระคุณเจ้า ขอขอบพระคุณครับ ที่แวะมาเยี่ยมชม และฝากงานกลอนดีๆไว้ให้ขอรับ 2.คุณรี เป็นธรรมดาของโลกครับ ขอบคุณครับ 3. คุณฝน ยอมรับว่าภาพนี้สะเทือนใจมากจริงๆ ภาพนี้ทีแรกว่าจะเก็บไว้เขียนทีหลัง เพราะเพิ่งเขียนเรื่องแนวนี้ เมื่อครั้งที่แล้ว แต่พออาบน้ำเสร็จ นั่งเขียนเล่นๆ ก็จบได้เหมือนกัน เลยเอามาโพสต์ทิ้งๆไว้ ขอบคุณครับที่เป็นแฟนประจำ ขอให้มีความสุขมากๆ มีครอบครัวที่อบอุ่นครับ 4.ช้างน้อย ไหงวันนี้มาไม่ขำล่ะ เม้นท์จริงจังมากเลย ผมเจอแบบนี้ผมให้ทานประจำ ทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าเป็นแก็งขอทานหรือเปล่า ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะน้อง ได้แต่งงานก่อนคุณตั๊กด้วย 5555
12 มีนาคม 2551 23:52 น. - comment id 831520
หวังเพียงลมหายใจได้ต่อเชื้อ จวบจนเมื่อลำพังความหวังหาย หวังวันวานวาดหวังยังเปล่าดาย ก่อนตนตายขอสักครั้ง..ความหวังมี
13 มีนาคม 2551 11:05 น. - comment id 831601
ใจดวงน้อยแหลกลาญมานานแล้ว โธ่ ดวงแก้วอยู่ไหนใครห่วงหา อยากอยู่ใกล้จะเช็ดเกล็ดน้ำตา ห่มด้วยผ้าทอฝันจากจันทรา ประโลมลูบร่างไร้ให้คลายโศก ความวิโยกหดหายที่ปลายฟ้า จงต่อตั้งสร้างพลังหวังอีกครา ขอเจ้าอย่าอมทุกข์ " จงลุกเดิน" ด้วยจิตคารวะ
13 มีนาคม 2551 11:39 น. - comment id 831616
หวังสิ่งใดไม่เคยมีสมหวัง แค่เศษตังส์ยังไม่มีให้ซื้อหา คอยหมั่นคุ้ยลุยขยะต่อชีวา วาสนาเด็กน้อยช่างด้อยเกิน
13 มีนาคม 2551 20:49 น. - comment id 831706
ไม่ทราบสังคมปัจจุบันนี้เป็นไง หมูหมามันยังรักหวงลูกของมัน ทำไมมนุษย์แท้ๆกลับทำได้..เฮ่อ... เศร้า..
14 มีนาคม 2551 10:24 น. - comment id 831839
กลอนเศร้าจังค่ะ ชีวิตจริง ๆ ก้อเศร้า.......
15 มีนาคม 2551 07:15 น. - comment id 832013
คุณฤทธิ์ เห็นภาพนี้ทีไรหดหู่มากทุกครั้งเลยค่ะ..นี่ ป รีบสกอร์ลงมาข้างล่างเลยไม่อยากเห็นเหมือน มีใครเอารูปนี้มาแต่งกลอนเรื่องทำนองนี้แระ มันเป็นภาพที่สื่อเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี คุณฤทธิ์สบายดีนะคะ ช่วงนี้ ป ยุ่งๆ มีงานเร่ง น่ะค่ะ เลยสิ้นเดือนนี้ไปก็เสร็จแระ..แต่หลัง จากนั้นก็จะมีงานสำคัญอีกอันเข้ามาอีก เฮ้อ อากาศทางโน้นเป็นไงมั่ง ฝนตกมากมั้ยคะ บ้าน ป ร้อนตับแล่บเลยค่ะ