Dayเทศกาลที่มวลมนุษย์เฉลิมฉลองวันแห่งความรัก และแสดงความรักแก่กัน เป็นวัฒนธรรมตะวันตกที่สืบทอดมานานนับพันปี ตั้งแต่ครั้งศตวรรษที่ 3 และได้แผ่ขยายไปทั่วทุกชนชาติ รวมทั้งประเทศไทยก็ได้ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมนี้อย่างยินดีปรีดา เพราะถือได้ว่า เป็นเทศกาลแห่งความรักที่ช่วยจรรโลงโลกไว้ให้เป็นสีชมพู วันนี้มาย้อนอดีตไปสมัยอาณาจักรโรมัน เมื่อครั้งกำเนิดวันวาเลนไทน์... วันวาเลนไทน์มีจุดกำเนิดราวศตวรรษที่ 3 จากประเพณี Lupercalia ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองบูชาเทพเจ้า Lubercus ของชาวโรมันนอกศาสนา หรือพวกนอกรีตในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของทุกปี ในขณะเดียวกันวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถือเป็นวันหยุดเพื่อเฉลิมฉลองบูชาเทพี Juno เทพีแห่งผู้หญิง และการแต่งงานของชาวโรมันเช่นกัน ในวันนี้เองก็ถือได้ว่าเป็นวัน Lupercalia's Eve ซึ่งชาวโรมันจะมีประเพณีการเลือกคู่หนุ่มสาว โดยจะเขียนชื่อหญิงสาวลงในกล่อง ชายหนุ่มจับชื่อใครได้ หนุ่มสาวคู่นั้นก็จะเป็นคู่เที่ยวกันตลอดเทศกาล ความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวที่เกิดจากประเพณีนี้ มักจะยืนยาวต่อไป และแต่งงานในที่สุด ต่อมาใยยุคที่ชาวคริสเตียนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น พวกนักบวชพยายามเปลี่ยนเทศกาลเก่าแก่ของพวกนอกรีตนี้ จากชื่อเทศกาล Lupercalia ให้เปลี่ยนชื่อเป็นวันวาเลนไทน์ หรือ St.Valentine's Day เพื่อเป็นการกำจัดประเพณีของพวกนอกรีตให้หมดไป "วาเลนไทน์" คำนี้มาจากไหน? ราวศตวรรษที่ 3 กรุงโรม อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ Claudius ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ชาวเมืองเกลียดชัง เขาต้องการสร้างกำลังกองทัพขนาดใหญ่เพื่อก่อสงคราม และหวังรวบรวมอาสาสมัครทั้งหลาย แต่เหล่าชายฉกรรจ์ไม่ต้องการก่อสงคราม พวกเขาไม่อยากจากภรรยาและครอบครัวสู่สนามรบ จึงไม่มีผู้ใดไปลงชื่อเข้ากองทัพ ก่อให้เกิดความโกรธแค้นแก่ Claudius เป็นอย่างมาก เขาจึงมีความคิดว่า การแต่งงานและครอบครัวคือสาเหตุที่ทำให้เกิดความผูกพันธ์ และไม่เข้าร่วมกองทัพ ด้วยเหตุนี้ Claudius จึงออกกฎกำจัดการแต่งงานทั้งหมด ห้ามประกอบพิธีแต่งงานใดทั้งสิ้น ทำให้ประชาชนเห็นว่าเป็นกฎที่โหดร้ายและผิดปกติวิสัยของมนุษย์มาก แน่นอนไม่มีใครสนับสนุนกฎนี้ วาเลนไทน์ เป็นนักบวชผู้หนึ่ง ที่ชื่นชอบการประกอบพิธีแต่งงานยิ่งนัก เพราะเห็นว่าเป็นพิธีกรรมที่น่ายินดี เป็นประเพณีทางศาสนาที่เกิดจากความรักที่ยิ่งใหญ่ของหนุ่มสาว ที่ตกลงปลงใจพร้อมใช้ชีวิตร่วมกัน การแต่งงานจึงเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่เมื่อกษัตริย์ Claudius สั่งกำจัดพิธีแต่งงานทั้งหมดในอาณาจักร วาเลนไทน์จึงต้องแอบประกอบพิธีแต่งงานภายใต้แสงเทียนในห้องเล็กๆ ที่มีแต่คู่บ่าวสาว และวาเลนไทน์เท่านั้น ทุกคนต้องกล่าวคำประกอบพิธีอย่างแผ่วเบาที่สุด ส่วนหูก็ต้องคอยเงี่ยฟังเสียงฝีเท้าของทหาร เพราะถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่ใหญ่หลวงนัก แต่ในที่สุดเขาก็ถูกจับได้ และมีโทษประหารชีวิต หนุ่มสาวชาวเมืองต่างพากันมาเยี่ยม โยนดอกไม้และข้อความต่างๆ ผ่านทางหน้าต่างห้องขัง เพื่อให้วาเลนไทน์รู้ว่าพวกเขายังคงเชื่อมั่นในความรักเสมอ หนึ่งในจำนวนหนุ่มสาวที่มาหาวาเลนไทน์นั้น เป็นลูกสาวของผู้คุม เธอจึงมีโอกาสเข้าไปพบในห้องขัง และคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้างวาเลนไทน์เสมอ จนกระทั่งถึงวันที่เขาต้องถูกประหารชีวิต วาเลนไทน์จึงทิ้งข้อความไว้แก่เธอ โดยลงท้ายว่า "Love from your Valentine" วาเลนไทน์เสียชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 269 A.D. เชื่อกันว่าจากประโยคทิ้งท้ายนั้น เป็นจุดกำเนิดวัฒธรรมที่เรียกว่าวันวาเลนไทน์ และในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ผู้คนก็ยังระลึกถึงวาเลนไทน์เสมอ และยกย่องให้เขาเป็นตัวแทนแห่งความรัก ต่อมาในปี 469 สันตะปาปา Gelasius จึงประกาศให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันระลึกเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ St. Valentine และกลายมาเป็นวันหยุดเฉลิมฉลองวันแห่งความรัก หรือ St. Valentine's Day ในที่สุด
12 กุมภาพันธ์ 2551 19:31 น. - comment id 822735
สวัสดีครับ เป็นความรู้ครับ...
12 กุมภาพันธ์ 2551 19:36 น. - comment id 822743
Valentine's Day ครับ อ.บนข. ก๊อปเขามาครับ เห็นว่าเด็กวัยรุ่นไทยเรามีความเห็นที่ผิดๆ จึงเอามาลงเพื่อผู้ใหญ่จะได้อธิบายให้เขาได้เข้าใจครับ
12 กุมภาพันธ์ 2551 21:04 น. - comment id 822784
อืมม .. คนอื่น ๆ คงโรแมนติคกันเนอะ เลยเหลือคนเฒ่ากับคนเฒ่า .. คุยกัน 555 ... โอย อย่าเพิ่งเขวี้ยงอะไรมานะ แหย่เล่นอ่ะ
12 กุมภาพันธ์ 2551 21:15 น. - comment id 822792
12 กุมภาพันธ์ 2551 22:14 น. - comment id 822806
13 กุมภาพันธ์ 2551 01:05 น. - comment id 822836
งั้นก็ขอร่วมสนทนากับคนแก่ ๆ ด้วยคนนะคะ อิอิ แก่เหมือนกันคะ แก่ก็มีความรักน่า รักมะเปลี่ยนแปลงด้วยคะ ขอให้มีความสุขทุกๆวันนะคะ ลุงแทน
13 กุมภาพันธ์ 2551 06:28 น. - comment id 822857
สวัสดีค่ะลุงแทน ขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้ความเป็นมา
13 กุมภาพันธ์ 2551 09:37 น. - comment id 822901
อ่านแล้วได้ความรู้ค่ะลุงแทน ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ค่ะ
13 กุมภาพันธ์ 2551 20:09 น. - comment id 823225
สวัสดี คนไทยในต่างแดน ขอบคุณมากและขอให้ คนไทยในต่างแดน มีความสุข เช่นกัน สวัสดีนกยูง ขอบใจมากจ๊ะ สวัสดี ป ขอบใจมากเช่นกันจ๊ะ