ท้องทุ่งกว้างก่อนเขียวยอดเรียวหญ้า ทอดทิ้งกายหลับตามองฟ้านั่น เมฆเคลื่อนขับบังแสงแห่งตะวัน สายลมพลันผิวเพลงบรรเลงมา อัศจรรย์เมฆขาวสกาวฝัน แต้มแต่งตามสารพันตามสรรค์หา จากนิทานจากเรื่องเล่าเฝ้าจินตนา ปราสาทขาวนางฟ้าปรากฎกาย เพียงครู่สบแสงจ้าตาพร่าหม่น น้ำตาหล่นรินพลันเพียงฝันหาย ท้องทุ่งกว้างก้อนอิฐอีกมากมาย คอนกรีตป่ายบดฟ้าควันพร่ามัว มวลหมู่เมฆม่านฝันนั้นอยู่ไหน เที่ยวเสาะหาหนใดตามไปทั่ว เขม่าร้างไร้ฝันนั้นน่ากลัว ไม่รู้ตัวตอนนี้อยู่ที่ใด เสียงหัวเราะรอบกายอยู่รายรอบ ขับส่งสู่ชายขอบกั้นกรอบให้ คล้ายผูกมิตรมองตาพาเข้าใจ หมดสิ้นแล้วเยื่อใยในทุกยาม หยดน้ำตากลั่นจากใจหวาดหวั่น คนสัมพันธ์อย่างไรอย่าไถ่ถาม ผองเพื่อนเก่าบอกใบ้จึงได้ความ โลกเปลี่ยนแปลงยากปรามตามให้ทัน
26 มกราคม 2551 06:27 น. - comment id 815545
สวัสดีค่ะ คุณกวีปกรณ์ แต่งได้ไพเราะยอดเยี่ยมมากค่ะ
26 มกราคม 2551 08:34 น. - comment id 815587
ฟ้ายังคงเป็นฟ้า..ไยล้าถอย ทุ่งหญ้าคงรายเรียงอยู่เคียงดอย ฝันเด็กน้อยมิเคยพรางด้วยร้างเงา เพียงฮึกเหิมเติมพลังไม่ยั้งหยุด ก้าว..เร่งรุดให้ไกลคลายความเศร้า อย่าหลงลมคารมใครจนใจเบา วันหนึ่งเจ้าจะพบฝันนั้นแน่นอน ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึงน๊าเดะน้อย เพียงใจเรากล้าแกร่ง อะไรๆ ที่เข้ามา ขัดขวาง ก็ขวางเราไม่ได้หรอก สู้ สู้ สู้
26 มกราคม 2551 21:28 น. - comment id 815728
แวะมาอ่านกลอนเพราะๆค่ะ...
27 มกราคม 2551 09:30 น. - comment id 815840
สู้ต่อไปตราบใดที่ยังไม่ถึงเส้นชัย ก็อย่าเพิ่งพูดถึงความพ่ายแพ้ สู้ๆๆๆๆๆนะครับ...เป็นอีกหนึ่งกำลังใจนะ
15 กุมภาพันธ์ 2551 10:27 น. - comment id 824124
หากไม่มีฝัน ก็ไม่มีกวี หากขาดสายลมและดนตรี รักคงไม่เกิดในหัวใจ เป็นกำลังใจให้นะคะ