น้ำเคยใสไหลล่องสองฟากฝั่ง ที่เคยนั่งรับลมชมมัจฉา ลมเย็นพลิ้วพัดโชยโบกโบยมา สะพานท่าคือสถานสำราญกาย แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า กลิ่นน้ำเน่าโชยมาพาใจหาย ยามลมโบกกลิ่นคลุ้งฟุ้งกระจาย หมู่ยุงลายบินว่อนตอนกลางวัน เศษขยะลอยฟ่องทั่วท้องน้ำ เช้ายันค่ำสะดุดตาน่าโศกศัลย์ มันตอกย้ำที่เป็นเห็นทั่วกัน จนเข้าขั้นน้ำเน่าช่างเศร้าใจ เพราะมักง่ายไร้สำนึกจะตรึกตรอง ไม่เหลียวมองดังว่าน่าขำไหม ขว้างทิ้ง ทับถม จมลงไป ไม่เป็นไรเช่นนั้นหรือจึงดื้อทำ? รับผิดชอบมีไหมในใจนั้น มิป้องกันเกรงกริ่งยิ่งถลำ มัวปิดหูปิดตาพาระกำ อาจชอกช้ำน้ำไม่พอจะดื่มกิน ขอขมาทั่วกันคืนวันเพ็ญ เหมือนล้อเล่น..จากลาค่าก็สิ้น ปล่อยปละละเลยร้างสร้างมลทิน เรื่องทรัพย์สินส่วนรวมไม่ร่วมใจ คนละไม้คนละมือคือทางแก้ หมั่นดูแลรักษาดังว่าไว้ น้ำสะอาดปราศจากโรคและโพยภัย ใกล้ไกลก็น่ายลทุกหนเอย
![]()
29 พฤศจิกายน 2550 00:59 น. - comment id 794660
มีคนเขียนกลอนที่เกี่ยวข้องกับสำนึกในบทบาทและหน้าที่ที่พวกเราทุกคนพึงกระทำ และลงมือทำ เพิ่อถนอมและรักษาไว้ชึ่งธรรมชาติให้อยู่ร่วมกับพวกเราไปตราบนานเท่านาน...แบบนี้ แล้วชื่นใจครับ
29 พฤศจิกายน 2550 07:02 น. - comment id 794668
เห็นสภาพแล้วสงสารแม่น้ำครับ คนไทยเรายังไร้จิตสำนึกอยู่มาก เท่าที่สังเกตผู้ใหญ่ทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กเห็น กินที่ไหน เศษเหลือก็ทิ้งที่นั่นโดยไม่กระดากใจเลย มาทานกาแฟกันก่อนครับ
29 พฤศจิกายน 2550 14:49 น. - comment id 794757
เดี๋ยวนี้เห็นแม่น้ำแล้ว รู้สึกใจหายค่ะ มีแต่เศษขยะ ถุงพลาสติก ลอยฟ่องไปหมด คนสมัยนี้มักง่ายจริงๆค่ะ
29 พฤศจิกายน 2550 20:10 น. - comment id 794841
แสนแสบดุดุจช้ำ สุดแสน ส่งกลิ่นคลุ้งเมืองแมน สุดช้ำ ประจานประจักษ์ทั่วแดน สุดจัก ประจาน ใครเล่าจักชุบน้ำ จากช้ำ คืนชนม์ ฯ