เหม่อมองทุ่งกว้างทางกันดาร ไกลโพ้นสถานจะสานฝัน ริบหรี่ความหวังใกล้พังครัน ด้นดั้นรันทดเกือบหมดแรง ดินแห้งแล้งร่วนจวนใจขาด อนาถรอยแยกแตกระแหง ลมร้อนพัดหมุนจนฝุ่นแดง ดั่งแกล้งปกปิดจิตอาลัย ต้นไม้ใบหญ้าน่าสงสาร แห้งกร้านเซซังดังถูกไหม้ ไร้ดอกลูกผล...ยลครั้งใด ดั่งไฟเผาผลาญลาญชีวัน ด้วยขาดทุนทรัพย์จะจับต้อง จึ่งข้องขุ่นใจให้โศกศัลย์ หนี้สินพูนเพิ่มจากเดิมพลัน ปิดกั้นหนทางจะย่างไป ตัดใจทิ้งนามาสู่กรุง หมายมุ่งสร้างสานกับงานใหม่ ปล่อยท้องทุ่งเหงาเปล่าเปลี่ยวใจ ฝนแล้งคนลาไปไกลจากจร จากบ้านเงียบเหงาเข้ามาสู่ เรียนรู้ชีวิตที่ผิดศร เคยแบกจอบเสียมเรียบเคียงดอน ไล่ต้อนวัวควายในไร่นา อยู่เมืองกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เป็นดั่งซากเศษของเหล็กกล้า แม้แกร่งเพียงใดได้ผ่านมา อ่อนล้าสิ่งใหม่ได้เจอะเจอ ต่างแย่งแข่งขันกันไปหมด เช้าจรดเย็นย่ำจึงพร่ำเพ้อ เร่งรีบทุกครั้งดั่งละเมอ พลั้งเผลอไม่ได้ทั้งกายใจ มากแหล่งยุยั่วให้มัวเมา โง่เขลาอาจตกเป็นเหยื่อได้ เงินทองที่หามาออมไว้ ต้องใช้ประหยัดให้ชัดเจน อยากหลบวิถีที่เฟ้อฟุ้ง ทั่วคุ้งกรุงไกลได้มาเห็น มิใช่ฟากฝันที่ฉันเป็น เฉกเช่นบ้านนาป่าดงดอน รอวันหวนกลับสู่ท้องทุ่ง ผดุงแดนดินถิ่นสิงขร พลิกฟื้นต้นกล้าด้วยอาทร ตะวันรอนรอรับเจ้ากลับคืน
17 กันยายน 2550 03:21 น. - comment id 754751
เมื่อเหม่อมองทุ่งกว้างทางกันดาร แม้แห้งกร้านเซซังดังถูกเผา ก็จะมีน้องยืนอยู่เป็นคู่เงา อย่าเพิ่งเศร้าโศกศัลย์พลันอาลัย เพิ่งหัดแต่งค่ะ หากไม่เพราะขอโทดด้วยนะคะ
17 กันยายน 2550 08:07 น. - comment id 754765
กลับบ้านเราได้แล้วแก้วคอยรับ คอยให้กลับมาหว่านไถในทุ่งกว้าง ฝนชุ่มชื่นราดรดหยดเป็นทาง รอรอยถางหว่านไถในพื้นดิน.... ......
17 กันยายน 2550 15:48 น. - comment id 755015
กลอนก็เหงาเพลงก็เหงา...เอาไงดีเรา
17 กันยายน 2550 20:11 น. - comment id 755132
19 กันยายน 2550 09:37 น. - comment id 755932
อืมมม