พุทธศาสนิกชนบนถิ่นนี้ มีวิถีเป็นไปแบบไหนหรือ ประพฤติตนอย่างไรให้ร่ำลือ จึงขึ้นชื่อพุทธศาสนิกชน คือการจำคำสอนพระพุทธเจ้า ยึดถือเอาปฏิบัติจึ่งชัดผล นับถือศีลห้าข้อต่อชีพตน หรือสวดมนต์บาลีที่เคยจำ หรือคือการเข้าวัดจัดปลุกเสก ขอหวยเลขเจ้าอาวาสอำนาจล้ำ ตั้งบวงสรวงร่ายคาถาบาลีคำ เพื่อน้อมนำ จตุตาม ตามบูชา หรือหน้าที่จัดหาค่ามวลสาร รอบจักรวาลว่านมงคลบ่นคาถา หาเงินเข้าสร้างวัดจัดศาลา ด้วยการตราวัตถุมงคลขายคนไทย หรือเวลางานบุญคุณจึงเล่า นิมนต์พระคุณเจ้าเข้าบ้านได้ หรือเวลาเห็นสงฆ์รูปองค์ใด สักแต่ไหว้ยกมือคือวิธี หรือเวลาเห็นสงฆ์ขึ้นลงรถ ก็หลับหมดมิเห็นค่าสละที่ หรือวันไหนมีงานการพิธี ก็เวียนเทียนเวียนที่มีประจำ หรือเวลาอกหักหรือรักคุด จึงเร่งรุดเข้าวัดช่างชัดย้ำ หรือเข้าวัดตัดทางวางบ่วงกรรม ไปอาบน้ำพร่ำบนมนต์บาลี อย่าให้คำนำหน้าว่าเป็นพุทธ ถูกจี้จุดถมทับอยู่กับที่ สักแต่ว่าเป็นพุทธยุทธวิธี แค่เพียงที่บัตรหน้าประชาชน วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร) วันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2550
1 กันยายน 2550 22:16 น. - comment id 747582
เมื่องไทยเป็นแหล่งความรู้ด้านปรัชญาชีวิต ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้.... คล้ายเป็นเมืองสาวัตถีในครั้งพุทธกาล ที่เป็นศูนย์รวมความรู้...แต่อนิจจา....ใครทำร้ายคนไทย ใครทิ้งคนไทย ใคร ฯลฯ(เห็นแก่ตัวเหลื้อเกิน) คนไทยไม่น้อย ก็ชื่นชอบอะไรเบา ๆ ไม่ชอบคิดมาก ไม่ชอบคิดค้นที่ควรคิดค้น ไม่ชอบมนสิการเหตุและผล (ดูทีวีก็ชอบรายการตลก 24 ชม.ยิ่งดี เอาบันเทิง 80 % แถมนั่งรถทัวร์กลับบ้านก็ยัดเยียดวีดีโอตลกถึงเที่ยงคืนแทบทุกคัน) คนไทยเข้าข่ายใกล้เกลือกินด่างจริงแหละครับ ถึงเมืองไทยจะเป็นแหล่งความรู้มหึมา.. อนิจจา กำสรวลไทยแลนด์
2 กันยายน 2550 00:02 น. - comment id 747615
เดี๋ยวนี้คนนับถือวัตถุมงคลมากกว่าศาสนาแล้วค่ะ..
2 กันยายน 2550 12:58 น. - comment id 747775
จงเดินตาม พุทธองค์ อย่าหลงผิด อย่าไปคิด เฉไฉ ไปทางอื่น การคิดเอง เดี๋ยวก็พลั้ง พาพังครืน พลอยคนอื่น เสียหาย ตายด้วยกัน ความศรัทธา ต้องยึดไว้ ให้แม่นมั่น ไม่ดื้อรั้น ค่อยๆตรอง มองเป็นขั้น อ่านพระไตรฯ ให้ลึกซึ้ง จึ่งยืนยัน มิเช่นนั้น อาจเข้าใจ ไขว้เขววน แค่ความสุข เพียงอย่างเดียว ยังเลี้ยวลอด หลงไปกอด โอบความทุกข์ ว่าสุขล้น ท้ายที่สุด ก็ไม่เปลี่ยน คงเวียนวน มิอาจพ้น หลุดวัฏฏา น่าเสียดาย
3 กันยายน 2550 05:40 น. - comment id 748148
แวะมาชื่นชมค่ะ...