อันบทกลอน วอนจากใจ ในความคิด ใช่เบือนบิด จิตใจ ให้หลอกหลอน แค่อยากมา ว่าสีสัน ใช่บั่นทอน ให้อ่านกลอน แล้วสุขใจ ไม่ทุกข์ตาม ผ่านเข้าไป ในบ้านไหน ให้โศกเศร้า มีเรื่องเร้า เคล้าน้ำตา มาล้นหลาม จึงพึงมี เจตนา ว่าบทความ ให้ติดตาม คลายเหงา เศร้าล้นทรวง ทำเช่นนี้ นี่หรือ คือสิ่งผิด ก็เลยติด อยู่ที่ใจ ใคร่แหนหวง จึงน้อยใจ ขอจากไป ไม่เห็นดวง ยอดพุ่มพวง ดวงฤดี มณีจันทร์ คนเรา ต่างคนต่างความคิด ต่างมุมมอง ต่างพ่อแม่ ต่างที่ต่างทาง แต่มารวมกันในนี้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้ที่ปรึกษา ได้คนปลอบใจ แล้วคุณต้องการอะไรจากในนี้ ความทุกข์ใจ ความโศรกเศร้า หรือว่าได้รอยยิ้มและมิตรภาพกลับไป ความจริงใจที่เราใส่ไปในนี้แต่เราได้อะไรกลับมา.. ช่วยตอบที ถ้ามีใครที่รักเรา...
31 สิงหาคม 2550 18:49 น. - comment id 747165
คุณมานีจานนน เป็นอะไรไปหรือป่าว มีใครว่าอะไรมาล่ะหือ..... "เห็นเพื่อนซี้ มณีจันทร์ เขียนกลอนสื่อ มีใครหรือ ต่อว่า ตามที่ขาน อย่าสนใจ คนมีจิต คิดอย่างพาล แต้มสีบ้าน กลอนต่อ อย่าอ่อนใจ...." อย่าคิดมากเลยจ้า ...... อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนน๊า (¯`°.¸♥♥¯`°ศรรกราหน้าทะเล้น°´¯♥♥¸.°´¯)
31 สิงหาคม 2550 18:54 น. - comment id 747170
อาราเล่ เห่บทกลอน อ้อนปลายแถว อยู่เป็นแนว รื่นฤทัย ให้เหมาะสม เพียงอยากให้ คนเข้าไป ไม่ตรอมตรม ได้ชื่นชม แล้วอมยิ้ม อิ่มกลับไป หามิได้ ให้ผู้ใด ได้เจ็บช้ำ จึงลำนำ บทแจง แถลงไข หากมิชอบ ก็บอกมา คราจากไป คงเหลือไว้ เพียงตำนาน ในบ้านกลอน ด้วยไม่รู้ เจตนา ว่าบ้านนี้ ควรกวี ชั้นครู ผู้พร่ำสอน ห้ามให้เด็ก ปลายแถวเรียน มาเขียนกลอน จึงมาวอน ขออภัย ใช่เจตนา
31 สิงหาคม 2550 18:54 น. - comment id 747171
อย่าไปไหนนะคะ อยู่เปงเพื่อนกันก่อน อย่าคิดมากเลยคะ ใครที่ยึดมั่นถือมั่นก็ปล่อยเขาไป น๊าๆๆๆแล้วพิมจะไปออนจันทร์ที่ไหนง่า . พลีสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอย่าไปแง เกาะขาไว้
31 สิงหาคม 2550 18:56 น. - comment id 747173
จะไปไหนกันนิ... ไปไมอ่า...ไม่ให้ไปครับ...
31 สิงหาคม 2550 19:01 น. - comment id 747179
เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ??
31 สิงหาคม 2550 19:10 น. - comment id 747185
.อย่าไปไหนนะเพิ่อนมิตร อย่าได้คิดจากห่างหาย อย่าได้เขียนกลอนขอลาไกล อย่าเอาใจห่างไกลกัน คุณมณีจันทร์คนสวยรวยน้ำใจ อย่าเพิ่งใจน้อยคอยหุนหัน อยู่ด้วยกันร่ายกลอนมาประชัน ทุกคืนร่ำวาจาพาเพลิดเพลิน.
1 กันยายน 2550 02:00 น. - comment id 747193
To มณีจันทร์ + ยาแก้ปวด + อาราเล่ อย่าไปใส่ใจกับความใจแคบของเขาเลย.... ปล่อยเขาอยู่กับโลกแคบๆที่เขาสร้างขึ้นเถอะครับ พวกเราชาวกวีแต่งกลอนกัน ก็เก่งบ้าง ไม่เก่งบ้าง แนวนั้นบ้าง แนวนี้บ้าง เป็นตัวของตัวเอง สู้ๆ อย่าไปแคร์ครับ เพื่อนๆยังอยู่... สังคมยังอยู่... พวกเรายังคงอยู่... อย่าไปจากที่นี่เลยครับ
31 สิงหาคม 2550 19:49 น. - comment id 747212
พี่จันทร์ค่ะ จะไปไหนค่ะ? แล้วนู๋จะอยู่กับใคร? ใจเย็นนะคะ มีไรคุยกันได้ค่ะ โฮ่ ..อย่าให้ความรู้สึกคนอื่นทำลาย ความสุขของเราเลยนะคะ ทำแบบนี้เท่ากับว่าเราแคร์เขา ซึ่งเขาไม่เคยแคร์นะคะ
31 สิงหาคม 2550 20:21 น. - comment id 747246
บ้านกลอนคงขาดสีสันต์ไปเลยค่ะ..บทกลอนไม่มีพิษ มีภัยกับใครค่ะ เราเขียนขึ้นมาจากใจของเราค่ะ..
31 สิงหาคม 2550 21:48 น. - comment id 747267
จะลากันขอร้องว่าอย่าหุนหัน ทุกคืนวันเคยสนุกคุยสุขสม หยอกล้อเล่นด้วยรักกันเกลียวกลม ด้วยคารมกลอนกานท์หวานกวี แม้จะแต่งแรงไปใช่ขัดข้อง ขอน้องน้องเห็นใจในหมู่พี่ สามสาวจากบ้านกลอนเหงาเลยซี ฟังดีดีก่อนนะอย่าวู่วาม หรือเข้าใจอะไรกันผิดผิด หรือว่าคิดมากไปวัยรุ่นห่าม อ่านกลอนบอกปัญหาในเนื้อความ ไม่ประณามใครหรอกบอกแค่เตือน เพียงแต่มีเหตุวุ่นวายอาจหลายเรื่อง การขุ่นเคืองน้อยใจในหมู่เพื่อน เป็นนักกลอนอ่อนไหวใจสะเทือน ให้ลืมเลือนเสียเถิดหนากลับมาไว วัน สองวันกลับมาใหม่นะ ลาทีอย่าลาก่อน รักน้ำใจ อาลาราเล่ พารา และแม่มณีจันทร์นะจ้ะ
31 สิงหาคม 2550 22:14 น. - comment id 747272
เด็กน้อยที่น่าตี..นี่ถ้าว๊ากออนไลน์ได้จะทำทันทีที่เห็นกลอนนี้ อยากจะตีเด็กน้อยเป็นหนักหนา ใยไม่เชื่อคำป้าที่พร่ำสอน นั่นแค่เพียงอารมณ์คมคำกลอน กล่าวเว้าวอนไปทั่วจะกลัวไย หากกับข้าวมีเพียงอย่างช่างน่าเบื่อ มีหลากเหลือหลายรสยากอดไหว ใครเขาเห็นอยากหม่ำอยู่ร่ำไป อย่าน้อยใจเลยน้องจงตรองดู แนวกลอนของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปนะ...เพราะแต่ละคนมีแนวความคิดและ"ประสบการณ์" ที่แตกต่างกัน แต่คิดบ้างมั้ยว่าบางครั้งในคำกลอนนั้นก็เสแสร้งกันได้..กลอนที่สื่อออกมาหาใช่เป็นสิ่งที่ตัดสินว่าคน ๆ นั้นต้องมีอุปนิสัยไปตามแนวกลอนนั้นก็ได้นี่นา เจตนาในการสื่อความหมายในกลอนของเราเป็นเช่นไร...คงไม่มีใครมารับรู้ดีเกินไปกว่าเราแน่นอน ทำไมเราไม่แสดงให้คนอื่นเขาเห็น thought ใน theme ของเราล่ะ นี่คือสิ่งที่พี่คิดนะมันอาจจะแตกต่างไปจากความคิดของน้อง ๆ แต่ในเมื่อเราคิดที่จะฝึกทักษะในการเขียนกลอนเราก็ควรจะเปลี่ยนแนวการเขียนกลอนของเราได้ให้มีหลากหลาย และที่สำคัญเราเขียนกลอนเพื่อสนองอารมณ์คนอื่นหรือ ??? การที่เราได้สามารถมาพบและรู้จักกันได้แม้จะอยู่ในต่างถิ่นต่างที่เนี่ยะ..มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์นะ...และการที่ทั้งสามคนจะก้าวทิ้งหญิงแก่ ๆ อย่าง "ป้ารพี" ไปมันก็สะเทือนอารมณ์คนแก่อย่างป้าไม่น้อย ไม่มีใครสามารถทำร้ายจิตใจเราได้ถ้าเราไม่ยินยอม...จริงมั้ย..ถ้าใจเราไม่ยอมซักอย่างใครหน้าไหนก็ทำร้ายจิตใจเราไม่ได้เชื่อป้าแก่ ๆสักครั้ง...อย่าให้ป้าไข้กลับซิจ้ะ.. รักเสมอนะ..ป้าคงเหงาถ้าน้อง ๆ ไป..กลอนป้าก็คงจะเศร้าอยู่เหมือนเดิม...
31 สิงหาคม 2550 23:53 น. - comment id 747280
จะทิ้งน้องไปไหนคะ คนที่เขาว่าเราแสดงว่าเขาไม่ได้เข้าใจในวิญญาณของการแต่งกลอนค่ะ จิตรำพันชอบนะที่พี่แต่งกลอนสร้างสีสันให้บ้านนี้ ทำให้ทุกคนมีความสุข จากที่เครียดจากชีวิตทุกวัน หนูว่ากลอนมันคือสิ่งที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมา เหมือนการแต่งหนังสือเรื่องหนึ่งนะคะ ไม่ใช่ว่าเราแต่งเรื่องฆาตกรรม เราต้องฆ่าคนเหมือนเรื่องที่เราแต่ง ถ้าใครคิดอย่างนั้นก็คงไม่เข้าใจในวิญญาณนักแต่งหรอกค่ะ พี่น่ะช่วยให้หนูคลายเครียดได้เยอะเลยรู้ไหมคะ คนเราต้องปลดปล่อยกันบ้าง อย่าไปไหนนะ หนูเหงานะพี่
1 กันยายน 2550 00:08 น. - comment id 747285
จันทร์ จะไปใหนล่ะคะ อย่าไปเลยนะคะ กลอนของจันทร์ น่ารักดี ออกค่ะ เราแค่แต่งสนุกขบขัน เป็นอิกแนวนะคะ เม้นท์ ของจันทร์น่ารักดี รีณาชอบค่ะ
1 กันยายน 2550 02:11 น. - comment id 747325
สามสาว.. วันนี้คงเป็นวันแรกในรอบระยะเวลาเท่ากับที่ป้ามาอยู่ในบ้านกลอนแห่งนี้...ที่ป้าคงต้องทานยานอนหลับอีกสักเม็ดหนึ่ง... "เสียใจ" คำนี้มักจะเป็นมิตรกับคนอาภัพอย่างป้าเหลือเกิน...ป้ารู้สึกสนุกนะที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกับทั้งสามสาว... สดใสไร้มลพิษ ...นี่คือสิ่งที่ป้าสัมผัสได้จากสามสาว..ซึ่งเราทั้งสี่คนต่างก็ยึดมั่นในจุดยืนของพวกเราเป็นอย่างดี แต่วันนี้ป้าชักไม่แน่ใจแล้วนะว่าในจุดยืนนั้นน่ะจะมีป้ายืนอยู่คนเดียวรึเปล่า...ไม่อยากเลย..ป้าไม่อยากให้ป้าต้องยืนคนเดียวเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา "เสียใจ" คำนี้แวบมาในความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านกลอนของทั้งสามสาว...เสียใจที่ป้าเป็นคนที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มแต่ก็ไม่สามารถอธิบายแลกเปลี่ยน"ประสบการณ์" ที่มีค่าให้น้อง ๆ เข้าใจได้...ไม่สามารถโน้มน้าวจิตใจน้อง ๆ ได้คงเป็นเพราะเรานั้นด้อยด้วยประสบการณ์ด้วยมั้ง "เสียใจ" ถ้าหากว่าน้อง ๆ ต้องจากไปด้วยใจที่หม่นหมองเพราะการแปลเจตนารมณ์ของ"บางใคร" ผิดไปด้วยรึเปล่า...หลายครั้งที่คนเข้าใจผิดกันก็มักจะมาจากการสื่อสารนะ..หลายคู่ที่ต้องเลิกรากันไปเพราะว่าการสื่อสารนี่แหละ... และยิ่งเป็นการสื่อสารทางเดียวด้วยแล้วมันน่าอันตรายนะ...เพราะการที่เราจะสามารถแปลเจตนารมณ์ของผู้สื่อสารได้ตรงตามจุดมุ่งหมายที่เขาจะสื่อนั้นช่างยาก..เพราะคนอ่านต่างก็เอา "ประสบการณ์" "ทัศนคติ" หรือบางคนก็หอบเอา "อคติ" ของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ที่ป้ากล่าวเช่นนั้นมิได้มีจุดหมายจะตำหนิหรือว่ากล่าวใครให้ได้อายนะ..แต่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เคยผ่านมาแล้วของป้า ให้เด็ก ๆ ฟังเนาะ...ป้าเคยตีความในคำพูดของคนบางคนผิดไป...แล้วคนที่ทุกข์ใจก็คือป้าเอง...รู้สึกเจ็บแค้นในคำพูดนั้นมาตลอดจนกระทั่งป้ามาได้สติจากนิทานเรื่องหนึ่งที่ท่าน ว. วชิรเมธีท่านเรื่องหนึ่งนะ...ถือ (ก็) หนัก วาง (ก็) เบา..อ่านกันเล่น ๆ ก่อนนอนนะจ้ะ เคยมีคนไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าพระองค์ให้เหลือเพียงสั้นๆ ทว่า ครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนาพระองค์ตรัสว่า หากจะให้สรุปเช่นนั้นก็ขอสรุป ใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์ ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์มาก ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์ ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ความปล่อยวาง ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง มีความว่าง มาแต่เดิม คนที่หลงกอด ความว่าง โดยคิดว่าเป็น ความมี ทำไมจะไม่ทุกข์? พระบวชใหม่รูปหนึ่ง เดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนจอแจ ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณเพื่อเดินผ่านชุมชนไปอย่างช้าๆ นั้นเอง จู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งใส่สูท ผูกเนคไท สวมแว่นตาดำเดินเข้ามาหาท่าน พร้อมทั้งชี้หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสียพระรูปตกตะลึง รีบเดินหนี แต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว แต่เสียงด่าของเขายังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของท่านอย่างชัดถ้อยชัดคำเมื่อกลับถึงวัด พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกชี้หน้าด่ากลางฝูงชน พระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ ยิ่งคิดต่อไปว่าชายคนนั้นมาชี้หน้าด่าตนซึ่งเป็นพระและตนเองก็จำได้ว่า ตั้งแต่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิดคิดมาถึงขั้นว่า ตนไม่ผิด แต่ทำไมตนต้องถูกด่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแค้น วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์ แต่ตกถึงเช้าวันจันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ เช้าวันจันทร์นั้น พระบวชใหม่ประคองบาตร เดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม ท่านพยายามสอดส่ายสายตามองหาชายคนเดิม ตั้งใจว่าวันนี้จะต้องถามให้รู้เรื่อง ว่าเหตุใดจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ยิ่งพยายามค้นหา กลับยิ่งไม่พอ ท่านจึงเดินสำรวจรับอาหารบิณฑบาตต่อไปจนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัดระหว่างทางกลับวัด โดยไม่คาดฝัน พระหนุ่มทอดสายตาไปพบกับชายคนหนึ่งสวมสูท ผูกเนคไท ใส่แว่นตาดำ ท่านอุทานในใจว่า อ๋อ เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์ ภาพที่เห็นก็คือ ชายแต่งตัวดีคนนั้นนอนหลับหมดสติอยู่ข้างศาลเจ้าแห่งหนึ่งข้างๆ ตัวเขามีขวดเหล้าล้มกลิ้งอยู่ พอท่านพยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆ เขาจึงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอเห็นท่านเท่านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นกล้าฯ บัดนี้ พระองค์ทรงกลับมาครองอยุธยาอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ... ว่าแล้วก็ลุกขึ้นรำเฉิบๆ พลันที่ท่านประเมินว่าชายแต่งตัวดีคนที่ชี้หน้าด่าท่านเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เป็นคนบ้าที่มาในร่างของคนแต่งตัวดีเท่านั้นเองความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึนอยู่ในใจของท่านมานานถึงสามวันก็พลันอันตรธานไปอย่างง่ายดายชนิดไร้ร่องรอย ทำไม เราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน? แต่กับคนปกติ ทำไม เราจึงมีความรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องราวให้ถึงที่สุด? (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 ตุลาคม 2549) ก่อนหยุดคุยในเอ็มป้าบอกกับอาราเล่ว่ารู้สึก เสียใจ คิดว่าคงนอนไม่หลับก็เป็นจริง ๆ ทุกครั้งที่ป้าสวดมนต์มักจะขอให้ตัวเรามีความสุขกายสุขใจแล้วก็แผ่เมตตาให้คนอื่น..แต่วันนี้ป้าตั้งใจขอนะ..ขอจากใจจริง...ขอให้น้องทั้งสามคนมีสติ..ป้าคงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามใครหรือว่าบอกให้ใครไปหรือไม่ไปแต่อย่างใด...เพราะป้าเคารพในสิทธิและการตัดสินใจของทั้งสามสาวนะ...โต ๆ กันแล้วมีวิจารณญาณเป็นของตนเอง เจตนาของคนที่ตักเตือนเรานั้นมีหลายอย่าง..ดีบ้างไม่ดีบ้างตำหนิบ้าง..หลากหลายไป...แต่ตัวแปรที่สำคัญมันอยู่ที่ตัวเราต่างหาก...ถ้าเรารับเจตนานั้นด้วยจิตที่ผ่องใสคิดว่าเขาได้แนะนำในสิ่งที่ดีกับเราและเราก็น้อมรับที่จะปฏิบัติเพื่อเป็นการพัฒนาตนเอง...เท่านี้เราก็สุขใจได้แม้นว่าคำพูดนั้นจะออกมาจากอหังการของผู้ที่มากไปด้วยความรู้ หรือความอดรนทนไม่ได้ก็ตาม...หากเราต้องการพัฒนาตนเองก็จงน้อมรับในคำเตือนนั้นด้วยจิตอันบริสุทธิ์...มองให้เห็นเป็นสิ่งที่ดีซะเราก็มีความสุขได้นะ...ถ้าไม่เคยทำก็ลองฝึกดูไม่เสียหายนี่นา...และการทำดีมิใช่สิ่งที่น่าอายหรอก...แม้นไม่มีมนุษย์หน้าไหนรู้แต่เทวดาย่อมสรรเสริญในทุกสารทิศ...ที่สำคัญตัวเรานั่นแหละที่รู้...จริงมั้ยคะ อาจมีบ้างที่เราไหวหวั่นไปตามน้ำคำ...แต่ก็ขอให้เรียกสติกลับคืนมาโดยเร็ว...เฮ่อ..!! ไม่เคยเขียนอะไรยาว ๆ อย่างนี้มานานแล้วนะ...ปกติป้าชอบเขียนไดอารี่...แต่จะคอยมีคนแอบอ่านของเราแล้วก็เอาเรื่องราวต่าง ๆ มาตำหนิบ่นว่า พร่ำสอนเราอยู่เรื่อย ๆ อิ..อิ..ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าใครเนาะคนที่เขารักเราเท่าชีวิต..(พระทั้งสองที่บ้านป้านี่แหละ...พระบิดากับพระมารดา)..มันจึงทำให้ป้าไม่อยากเขียนอีกเลยตั้งแต่วัยรุ่นจนแก่ป่านนี้...นี่แหละที่เคยโดนสกัดกั้นมาหละ...แต่ป้าเชื่อนะว่าอะไรก็ตามที่มันอยู่ในสายเลือดของเราซะแล้ว..ไม่ต้องต่อก็ติดนะน้อง จะบ่นอีกมั้ยว่าป้าไม่เข้าใจความรู้สึกที่โดนสกัดกั้นน่ะ..อิ..อิ ใครหนอ....จะมาเรียกหญิงรพีว่า ป้า ในกลอนอีกนะ ใครหนอ...ที่จะมาอำป้าแก่ ๆ ให้หัวเราะเล่ายาแก้ปวด ใครหนอ...จะเล่าเรื่องลามกให้ป้าฟังล่ะจันทร์ ใครหนอ...จะมาเป็นแนวร่วมก่อกวนป้าอีกเล่าอาราเล่ แล้วต่อไปนี้ป้าจะงอนใครดีล่ะ..เล่ ยา จันทร์ ถ้าเช่นนั้นคำพูดที่เคยบอกว่า... ไม่เคยอำใครได้สนุกเท่ากับอำคนแก่อย่างป้ารพีอีกแล้วหละ ก็เป็นแค่คำโกหกที่ทำให้คนแก่ ๆ ขี้เหงาอย่างป้าชื่นใจสินะว่าคอยมีน้อง ๆ คอยแกล้ง..ขอยืนยันนะว่าแกล้งอำใครก็ไม่มันส์เท่ากับป้ารพีอีกแล้วนะจะบอกให้ ห้าเสน่หาเพิ่งก่อตั้งได้เมื่อคืน กลับล้มครืนด้วยหวั่นไหวในอักษร มาหนีหายไกลห่างร้างบ้านกลอน แสนอาวรณ์เงียบเหงาเศร้าอยู่เดียว จากใจผู้หญิงคนหนึ่งที่มีแต่ความปรารถนาดีพร้อมที่จะแบ่งปันให้ทุกคน (มิได้มีเจตนาพาดพิงใคร ๆ ให้เสียหาย..หวังแต่เพียงจะแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ อันน้อยนิดของเราให้ทั้งสามสาวได้เข้าใจ...ก็คงจะทำได้เท่านี้..จริง ๆ )
1 กันยายน 2550 08:13 น. - comment id 747358
....>>> ผมขอเป็นกำลังใจให้ครับ คุณมณีจันทร์ Friends Forever - - - - Thaipoem Forever .......
1 กันยายน 2550 09:07 น. - comment id 747375
...ใจเย็นๆค่ะ...ไทยโพเอ็มที่ โคลอนรู้จักคือบ้านที่เปิดกว้างเสมอนะคะ...และนั่นเองที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกัน...และไม่ว่าจะเป็น อาราเล่...มณีจันทร์...ยาแก้ปวด...ก็ล้วนแต่คือสีสันของบ้านที่เรียกรอยยิ้มได้อย่างไม่ต้องลังเลเลย บางครั้งความแตกต่างก็สื่อได้ว่าผู้คนในสังคมมีจินตนาการและอิสระทางความคิด...ไม่ผิดไม่ใช่เหรอคะ (ขออนุญาติก๊อปความคิดเห็นที่โพสไว้ในกลอนของอาราเล่ และ ยาแก้ปวดมานะคะ...วันนี้แวะเข้ามาแป๊บเดียวเอง...เปิดหน้าแรกแล้วใจหายหมดเลย...ช่วงนี้บ้านกลอนเป็นอะไรน๊อ มีแต่คำว่า"ลาก่อน"...แทนคำว่า "ยินดีต้อนรับ" ต้องไปจริงๆแล้ว...จะมาใหม่นะคะอย่าเพิ่งหนีไปไหนซะล่ะ สามสาว
1 กันยายน 2550 09:43 น. - comment id 747387
ใจเย็นๆกันนะจ๊ะน้องสาว จะทำอะไรต้องมีสติ ก่อนจ้า พี่เตือนด้วยเอ็นดูน้องๆนะจ๊ะ
1 กันยายน 2550 11:06 น. - comment id 747408
เอาสติเป็นของขลังกำบังไว้ เอาปัญญาเป็นอาวุธชัยได้หนอ เอาธรรมะเป็นมงคลอย่ารั้งรอ เอากุศลเป็นเครื่องก่อสร้างบุญญา สายลมแห่งธรรม [124.120.78.212] [ วันอังคาร ที่ 9 มกราคม 2550 เวลา 14:25 น. ] ทีมงานธรรมะไทย [DT02373] [ 14 มี.ค. 2550 เวลา 23:43 น. ] [ 3 ]
1 กันยายน 2550 11:56 น. - comment id 747415
ครูพิมไมอยากให้ไปเลย ใจเย็นๆๆนะคะ เห็นด้วยกบทุกความคิดเห็น รักและห่วงใย
1 กันยายน 2550 12:23 น. - comment id 747417
...พึ่งมาไม่นาน แต่ก็รู้สึกดีดีกะมณีจันทร์ค่ะ ...อย่าไปเลยนะ คิดถึงแย่เลย
1 กันยายน 2550 13:40 น. - comment id 747447
จะไปไหนล่ะคะ เขียนให้อ่านก่อนค่ะ ใครใคร่อ่าน อ่าน ใครใคร่เขียน เขียน อย่าใส่ใจเลยค่ะ ขอให้มีความสุขในสิ่งที่เลือกนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
1 กันยายน 2550 13:52 น. - comment id 747460
อย่าไปไหนเลยค่ะ เดี๋ยวจะเป็น "โรคคิดถึง" คุณมณีจันทร์กันหมด.... คนทุกคนมีมุมมองเป็นของตัวเอง และเป็นบุคลิก ของแต่ละคน อย่าคิดมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ....
1 กันยายน 2550 15:43 น. - comment id 747501
บ้านนี้มีหลายแง่หลายมุมมองและยังมุขอีก ด้วยต่างคนก็ว่ากันไปตามความพึงพอใจกัน อย่าไปคิดอะไรมากนัก ความสุขของเราคือการ ระบายอารมณ์ด้วยกลอน จะหนีไปไหนล่ะผมเองแก่ แล้วยังเล่น เล่นกลอนเราไม่ยุ่งกับเขาแต่ขอเขา อย่ามายุ่งถึงยุ่งก็วางเฉยๆซะอย่าง เราเขียนเพื่อ ตัวของเรา ความสุขของเราจ้า อย่าคิดมาก เห็นชื่อ ตั้งสามคนเหมือนเปี๊ยบเลยล่ะ อยู่สนุกสนานกัน ก่อนนะ แก้วประเสริฐ.
1 กันยายน 2550 21:01 น. - comment id 747571
แวะมาเกี่ยวก้อยกลับบ้านนะครับ
2 กันยายน 2550 13:37 น. - comment id 747810
จะรีบไปไหน เรายังไม่ไถงไหนกันเลย ในนามของความรัก เราพบกันในนามความรู้สึก มีถ้อยล้ำคำลึกอันสดใส แม้มิใช่คนแรกในหัวใจ เป็นอะไรลึกลึกรู้สึกดี เราพบกันในนามเมื่อยามทุกข์ ช่วยปลอบปลุก ความฝันอันป่นปี้ เราพบกันในนามความ ปรารถนาดี ที่ต่างมี บทกวีเป็นสื่อใจ เราพบกันในนามของความดี ที่ต่างมีไมตรีอันยิ่งใหญ่ เราพบกันในนามความซึ้งใจ ทุกถ้อยความเป็นไปในบทกลอน เราพบกันในนามของความภักดิ์ ถ้อยคำที่ต่างทอถักมาพร่ำอ้อน บ้างสื่อฝากฟากฟ้า ฑิฆัมพร บ้างออดอ้อน อวยเออเสนอใจ เราพบกันในนามของความงาม พบในนามความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ เราพบกันในนามความคุ้นใจ เป็นสายใย ของคน ที่ค้นคำ เราพบกันในนามความมากค่า ของถ้อยฝากปารารถนา อารมณ์ร่ำ ที่ช่วยอบ ให้อุ่นกรุ่นประจำ ที่สุขล้ำ งามล้ำ แม้ช้ำมา เราพบกันในนามของความสุข ที่เร้ารุก หัวใจ ปรารถนา ที่เร้าเร่ง บทเพลง จินตนา แม้ไม่เคยใกล้ตา ก็ใกล้ใจ เราพบกันในนามของความฝัน ระหว่างวันของวันที่ฝันใฝ่ แม้มิใช่ เป็นทุกลมหายใจ เป็นอะไร ลึกลึก รู้สึกดี เราพบกันในนามของความรัก งดงามนักศัพท์ถ้อยทุกสร้อยศรี ทุกเรียงร้อย รินรื่นชื่นฤดี เป็นไมตรีดีงามนิยามรัก อีกสักครั้งพระพุธที่ ๑๒ ตุลาค์ ๔๘ บทส่งใจ... นับเป็นความโชคดี... ที่นึกขอบคุณวาสนาเสมอ ที่พบบทกวี กวี... แหละทุกมิตรภาพที่มีโอกาสได้พบในบ้านกลอนไทย... ด้วยใจคารวะ/ แทนคุณแทนไท
2 กันยายน 2550 23:49 น. - comment id 748113
จันทร์มาขอบคุณน้ำใจอันงดงามที่ทุกคนมีให้จันทร์นะคะ มารู้ซึ้งก็ตอนนี้แหละค่ะ....ขอบคุณทุกคนด้วยใจจริงคะ แล้วถ้าทำใจได้จะกลับมาคะ..... รักเพื่อนๆทุกคนคะ....