เรี่ยวแรงร่วงล้าเหลือไร้แรงหา เสียงอุราผ่านแผ่วปลิวละลิ่ว ร่างปวดร้าวรานรวดคล้ายปลิดปลิว ใจหวิวหวิวระริกแผ่ววิญญาณ์ ลิ้มลองห่างพักกายให้หายเจ็บ กายเกิดเก็บนิสัยงานโหมล่า ยากแก่ใจปลดปล่อยพักกายา ใจหวลหานิทราให้ผ่อนแรง ถามดวงจิตกาลนานอีกไหมเล่า ผันพักเราใจใส่ไม่เหี่ยวแห้ง รักให้มากตัวเราเพิ่มเรี่ยวแรง ใจไม่แล้งหล่อเลี้ยงอยู่อาจินต์
14 สิงหาคม 2550 22:33 น. - comment id 738340
ที่ 1
14 สิงหาคม 2550 22:47 น. - comment id 738349
สู้ๆครับ
14 สิงหาคม 2550 22:56 น. - comment id 738360
รักตัวเรา ดีแล้ว น้องแก้วจ๋า อย่ามองหา รักจอมปลอม จากที่ไหน รักตัวเอง ให้เป็นก่อน นะจอมใจ แล้วจะได้ รักแน่แท้ นะกลับคืน ฝันดีนะคะ..พี่จันทร์มาเป็นกำลังใจให้สู้ชีวิตเน้อ
14 สิงหาคม 2550 23:07 น. - comment id 738370
ยินดีด้วยค่ะพี่ยาแก้ปวด ให้ดอกไม้เป็นรางวัลนะคะ ยินดีที่ชิงที่ 1 ได้
14 สิงหาคม 2550 23:12 น. - comment id 738375
ขอบคุณค่ะคุณปลายตะวัน
14 สิงหาคม 2550 23:16 น. - comment id 738379
ขนาดไร้เรี่ยวแรง แต่ยังกลั่นกลอนออกมาได้ก็สุดยอดแล้วค่ะคุณครู... ถ้าไร้แรงหรือง่วงหละก็..หญิงรพีทำไม่ได้แน่นอน..
14 สิงหาคม 2550 23:20 น. - comment id 738383
ขอบคุณค่ะพี่มณีฯ
14 สิงหาคม 2550 23:29 น. - comment id 738393
สู้ สู้ จ้า...อย่างนี้ต้องกินแรง ถึงจะมีแรงสู้ อิอิ
14 สิงหาคม 2550 23:35 น. - comment id 738398
สวัสดีค่ะพี่รพี จิตรำพันไม่ได้สุดยอดหรอกค่ะ พยายามสุด ๆ หลับไปสองตื่นกว่าจะได้บทนี้มา พี่หญิงเก่งกว่าเยอะค่ะ
14 สิงหาคม 2550 23:42 น. - comment id 738407
สวัสดีค่ะพี่ป. ขอบคุณค่ะ ก็คิดว่าจะกินแรงอยู่เหมือนกัน อิอิ
14 สิงหาคม 2550 23:43 น. - comment id 738409
แวะมาเสริมแรงให้จ้ะ..
15 สิงหาคม 2550 06:44 น. - comment id 738456
สวัสดีค่ะกุหลาบขาว ขอบคุณนะคะสำหรับแรงที่นำมาเสริมให้ อิอิ มีแต่กุหลาบแดงค่ะ
15 สิงหาคม 2550 07:51 น. - comment id 738465
มาเติมรักเติมแรงแต่งชีวิต มาลิขิตชีวิตเราอย่าเศร้าสร้อย ชีวิตเรามีท้อมีรอคอย อดทนหน่อยนะคนดี..มีแรงใจ สู้ๆๆค่ะ
15 สิงหาคม 2550 08:41 น. - comment id 738481
อันวันคืนที่ผันผ่าน นั้นนานนัก จะอยอมหักใจลาเพื่อฟ้าใหม่ รู้ว่าชีวิตนี้ไม่มีใคร จึงยิ้มได้ เพื่อตัวเอง หยุดร้าวราญ ดีค่ะ จิตรำพัน เีรามีอะไรที่ดีๆอีกมากมายสำหรับชีวิต ที่เรายังไม่ได้ทำ...จิตรำพันทำถูกแล้วค่ะ ที่พยายามเข้มแข็ง .....
15 สิงหาคม 2550 09:16 น. - comment id 738497
เอาแรงมาฝาก 2 ขวดนะคะ แรงใจ คิคิ .. พรุ่งนี้ย่อมมีวันของเรา สู้ สู้ ค่ะ
15 สิงหาคม 2550 12:53 น. - comment id 738577
เรี่ยวแรงพี่ อ่อนล้า ไม่เหลือแล้ว เสียงก็แผ่ว แหบแห้ง ดูโหยหิว ร่างปวดร้าว ทั่วกาย ท้องใส้กิ่ว ใจหวิวหวิว ตาลาย คล้ายเป็นลม
15 สิงหาคม 2550 13:38 น. - comment id 738600
มาชิงที่ 1 ไว้ตอนเมา ดีแล้วจ๊ะน้องสาวที่คิดได้ อย่ารักใครให้แรงมันอ่อนล้า สู้รักตัวเองดีกว่านะกานดา แรงจะมาล้นรับจับไม่ทัน หมดแรงล้างแก้วเมื่อคืนละสิ
15 สิงหาคม 2550 15:32 น. - comment id 738620
บทของกลอน คำกลอนวรรคหนึ่ง เรียกว่า กลอนหนึ่ง สองวรรค หรือสองกลอน เรียกว่า บาทหนึ่ง หรือคำหนึ่ง สองคำ หรือสองบาท หรือสี่วรรค หรือสี่กลอน เรียกว่า บทหนี่ง วรรคทั้งสี่ของกลอน ยังมีชื่อเรียกต่างๆ กัน และนิยมใช้เสียงต่างๆ กันอีก คือ ๑. กลอนสลับ ได้แก่ กลอนวรรคต้น คำสุดท้าย ใช้คำเต้น คือนอกจากเสียงสามัญ แต่ถ้าจะใช้ ก็ไม่ห้าม ๒. กลอนรับ ได้แก่ กลอนวรรคที่สอง คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงโท, สามัญ, ตรี, และวรรณยุกต์เอกมีรูป วรรณยุกต์เอกไม่มีรูป ไม่ห้าม แต่ต้องให้คำสุดท้าย ของกลอนรอง เป็นเสียงตรี ๓. กลอนรอง ได้แก่ กลอนวรรคที่สาม คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงจัตวา หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์ ๔. กลอนส่ง ได้แก่ กลอนวรรคที่สี่ คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตาย และคำที่มีรูปวรรณยุกต์ จะใช้คำตายเสียงตรี บ้างก็ได้ บาทของกลอน คำกลอนนั้น นับ ๒ วรรคเป็น ๑ บาท ตามธรรมดา กลอนบทหนึ่ง จะต้องมีอย่างน้อย ๒ บาท (เว้นไว้แต่กลอนเพลงยาว หรือกลอนนิราศ ซึ่งนิยมใช้บทแรก ที่ขึ้นต้นเรื่อง เพียง ๓ วรรค) บาทแรก เรียกว่า บาทเอก บาทที่ ๒ เรียกว่า บาทโท คำกลอนจะยาวเท่าไรก็ตาม คงเรียกชื่อว่า บาทเอก บาทโท สลับกันไปจนจบ และต้องจบลง ด้วยบาทโทเสมอ เช่น นิราศเรื่องหัวหินก็สิ้นสุด เพราะจากบุตรภรรยามากำสรวล (บาทเอก) เมื่ออยู่เดียวเปลี่ยวกายใจคร่ำครวญ ก็ชักชวนให้คิดประดิษฐ์กลอน (บาทโท) ใช้ชำนาญการกวีเช่นศรีปราชญ์ เขียนนิราศก็เพราะรักเชิงอักษร (บาทเอก) บันทึกเรื่องที่เห็นเป็นตอนตอน ให้สมรมิตรอ่านเป็นขวัญตา (บาทโท) มิใช่สารคดีมีประโยชน์ จึงมีโอดมีครวญรัญจวนหา (บาทเอก) ตามแบบแผนบรรพกาลโบราณมา เป็นสาราเรื่องพรากจากอนงค์ (บาทโท) -จากนิราศหัวหิน- หลักนิยมทั่วไปของกลอน ๑. คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ และวรรคที่ ๒ ก็ดี คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ และวรรคที่ ๔ ก็ดี ไม่ควรใช้คำ ที่มีเสียงเหมือนกัน หรือคำที่ใช้สระ และตัวสะกด ในมาตราเดียวกัน เช่น ก. ในไพรสณฑ์พรั่งพรึบด้วยพฤกษา แนววนาน่ารักด้วยปักษา ข. เขาเดินทุ่งมุ่งลัดตัดมรรคา มั่นหมายมาเพื่อยับยั้งเคหา ค. เห็นนกน้อยแนบคู่คิดถึงน้อง มันจับจ้องมองตรงส่งเสียงร้อง ๒. คำที่รับสัมผัส ในวรรคที่ ๒ และที่ ๔ ควรให้ตำแหน่งสัมผัส ตกอยู่ที่พยางค์สุดท้าย ของคำ ไม่ควรให้สัมผัสลงที่ต้นคำ หรือกลางคำ ยิ่งเป็นกลอนขับร้อง ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้เสียความ ในเวลาขับร้อง เช่น สดับถ้อยสุนทรนอนดำริ จนสุริยาแจ้งแจ่มเวหา ๓. คำสุดท้ายของวรรค ควรใช้คำเต็ม ไม่ควรใช้ครึ่งคำ หรือยัติภังค์ เว้นไว้แต่ แต่งเป็น กลบทยัติภังค์ หรือเป็น โคลง, ฉันท์ และกาพย์ เช่น อันถ้อยคำของท่านนั้นเป็นสา มานย์วาจาฟังไปไม่เกิดหรร ษารมณ์เลยสักนิดเพราะผิดจรร ยาทั้งนั้นไร้ศีลฉันสิ้นอา(วรณ์) การแยกคำออกใช้คนละครึ่ง ในระหว่างวรรค เช่นนี้ไม่ควรใช้ ๔. ไม่ควรใช้ภาษาอื่น ที่ยังมิได้รับรอง มาใช้เป็นส่วนหนึ่ง แห่งภาษาไทย เช่น โอไมเดียร ดาริ่งมิ่งสมร บิวตี้ฟูลสุนทรหฤหรรษ์ แม่ชื่นจิตสวิตฮารตจะคลาดกัน ใจป่วนปั่นหันเหเซกู๊ดบาย ส่วนคำบาลี และสันสกฤตใช้ได้ เพราะเรารับมาใช้ เป็นส่วนหนึ่ง แห่งภาษาไทย แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องแปลงรูปคำเสียก่อน จะนำมาใช้ทั้งดุ้นไม่ได้ ๕. ไม่ควรใช้ "ภาษาแสลงโสต" คือถ้อยคำที่พูดด้วยความตลกคะนอง หยาบโลน หรือเปรียบเทียบ กับของหยาบ ซึ่งใช้กันอยู่ ในกลุ่มคนส่วนน้อย และรู้กัน แต่เฉพาะในวงแคบๆ เช่น คำว่า ม่องเท่ง, จำหนับ, จ้ำบ๊ะ, ตั้กฉึ้ก, ถังแตก, ยกล้อ ฯลฯ ในความคิดของผมคำสุดท้ายวรรคที่สี่ นั้นไม่ควรจะซ้ำกับวรรคที่สองและสามครับ เพราะ จะขาดความไพเราะ ที่ยกมานั้นเป็นแม่บทครับ แก้วประเสริฐ.
15 สิงหาคม 2550 15:37 น. - comment id 738621
อีกประการหนึ่งเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผมบอก ไว้ว่าให้ใช้ใจและอารมณ์เป็นหลักในการเขียน กลอนก็คือ เพื่อต้องการให้กลอนเรานั้นอ่อนไหว พลิ้วไปๆมาๆครับไม่แข็งกระด้าง ห้วนๆ เป็นต้น เพราะฉะนั้นเวลาเขียนกลอนเมื่อใดก็ตามพยายาม ทำจิตใจเราให้แจ่มใสรื่นรมย์ หรรษา กลอนที่เขียน ออกมาจะไหวพลิ้วไปตามอารมณ์ของการเขียน นี่เป็นสิ่งที่ผมใช้เป็นประจำ มิปิดบังคุณหรอก หากจะคิดยกผมตามที่กล่าวไว้ก็พยายามฝึกฝน หัดแบบที่ผมบอก นี่ยกมาแจ้งหมดเปลือกนอก เปลือกในหมดใส้หมดพุงเชียวครับ ฮ่าๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
15 สิงหาคม 2550 18:11 น. - comment id 738673
เพียงมีตักให้หนุนอุ่นอ้อมแขน ในดินแดนสับสนปนอ่อนล้า แม้มากมายความเจ็บช้ำกระหน่ำมา ก็รักษากำลังใจให้กลับคืน ความรักทำให้โลกหมุน และเป็นกำลังใจให้หลายหลายคนได้เดินต่อไปข้างหน้าเนอะ สวัสดีเจ้าของบ้านและพ่อแก้วด้วยนะคะ แซงหน้าแว้ววว แซงหน้านู๋เอมแว้ววว อิ อิ พ่อแก้วคะ ผิดหวังไม๊คะ กะลูกสาวม่ายเอาถ่าน แต่งกลอนมะเห็นเก่งเหมือนพ่อเลยเนอะ แถมลูกศิษย์ก็เก่งอีกจะหากอ่ะ แวะมาเยี่ยมและแวะมาแซวค่ะ
15 สิงหาคม 2550 19:28 น. - comment id 738718
สวัสดีค่ะพี่ครูพิม ใครว่าครูเป็นงานที่ง่ายนะเนี่ย ดีนะที่ใจรัก แต่บางทีก็ล้าเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
15 สิงหาคม 2550 19:39 น. - comment id 738723
สวัสดีค่ะอารีณา จิตรำพันเลยกลายเป็นคนบ้างานไปเลยค่ะ ฝันอยากทำอะไร ก็ทำหมดเลย แต่ไม่ทันใจ ก็เลยทำให้เหนื่อยหมดเรี่ยวแรงไปเลย จิตรำพันรักอารีณา และทุกคนในห้องกลอนนะคะ
15 สิงหาคม 2550 19:59 น. - comment id 738730
สวัสดีค่ะ ผู้หญิงมือสอง จิตรำพันขอขอบคุณนะคะสำหรับแรง 2 ขวด แรงใจที่ได้รับขอบคุณมาก ๆ คะ
15 สิงหาคม 2550 21:02 น. - comment id 738745
สวัสดีค่ะพี่ก่องกิก สงสัยหิวข้าวแน่ ๆ เลยค่ะ ส่วนจิตรำพันหิวนอนค่ะ อิอิ
15 สิงหาคม 2550 21:18 น. - comment id 738749
สวัสดีค่ะพี่ยาแก้ปวด ดีค่ะที่กลับตัวกลับใจทัน อิอิ แต่ที่เหนื่อยนี่ เหนื่อยงานมากกว่าค่ะ
15 สิงหาคม 2550 21:37 น. - comment id 738763
สวัสดีค่ะครูแก้ว ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ สำหรับคำแนะนำอันมีค่า จิตรำพันขอน้อมรับค่ะ จะพยายามปรับปรุงไปเรื่อย ๆ นะคะ จะเอาให้หมดพุงเลย
15 สิงหาคม 2550 21:54 น. - comment id 738771
สวัสดีค่ะทะเลใจ ขอบคุณที่แวะมานะคะ เห็นด้วยกับกลอนค่ะ จิตรำพันไม่กล้าแซงหน้าหรอกค่ะ ยังต้องฝึกอีกเยอะ คงต้องอาศัยครูแก้วไปอีกนานค่ะ เพราะเป็นศิษย์ที่เข็นยากเอาการ อิอิ
16 สิงหาคม 2550 10:08 น. - comment id 738901
"ปลอบ" ถ้าเหนื่อยนักก็พักหน่อย พี่จะคอยปลอบใจให้คลายหนาว คืนนี้พี่จะพาน้อง ท่องลานดาว แล้วพรุ่งนี้ เราจะก้าว ไปด้วยกัน หมดแรงก็พักซะ พี่จะ พาน้องไปท่องฝัน ไปชมรุ้ง ไปชื่นริ้ว ทิวตะวัน อุ่นเถิดในความฝัน อย่าหวั่นไป วางความเจ็บ เก็บไว้ก่อน มาเถิดมะ มานอน อย่าร้อนไหว ไม่ว่าจะ เจอดีร้าย สักเพียงใด พี่อยู่ที่ตรงนี้ไง อย่าได้กลัว แทนคุณแทนไท / พระหฤหัสที่ ๑๖ สิงหาคม ๕๐
16 สิงหาคม 2550 12:01 น. - comment id 738955
สวัสดีค่ะคุณ แทนคุณแทนไท อบอุ่นดีจังค่ะ รู้สึกหายเหนื่อยเลย ขอบคุณนะคะ
17 สิงหาคม 2550 23:32 น. - comment id 739766
เห็นว่าหมดเรี่ยวแรงเลยแวะมาเยี่ยม
18 สิงหาคม 2550 01:01 น. - comment id 739839
สวัสดีค่ะพี่ฤกษ์ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ ช่วยได้เยอะเลย